| ชื่อพระเครื่อง | &&&...(วัดใจ!)..."พิมพ์ใหญ่24เนื้อประสบการณ์9 บอลนำโชค"...@"เปิดบาทเดียว เล่นเสียว เคาะเดียวแดง"@..."9 บอลนำโชคเส้นเกศาบูรพาจารย์เนื้อประสบการณ์แร่ประกายเงินเม็ดใหญ่สะเก็ดฝอยทองใบกล้วยป่า"..&&& |
| รายละเอียด | &&&...(วัดใจ!)..."พิมพ์ใหญ่24เนื้อประสบการณ์9 บอลนำโชค"...@"เปิดบาทเดียว เล่นเสียว เคาะเดียวแดง"@..."9 บอลนำโชคเนื้อประสบการณ์แร่ประกายเงินเม็ดใหญ่สะเก็ดฝอยทองใบกล้วยป่าเส้นเกศาบูรพาจารย์เส้นสายคมชัด...&&&
@@@ "จุดเด่นของพระองค์นี้" @@@
1) พระองค์นี้มีลูกบอลล์ทั้งเล็กและใหญ่นับรวมได้... "9บอล"...พอดี โดยตำแหน่งของลูกบอลล์ใหญ่ๆอยูบริเวณต่างๆขององค์พระ(ตามภาพที่ชี้จุด) สิริรวม 9 บอลล์...จึงเป็นเคล็ดก่อให้เกิดความเป็น...สิริมงคล ก้าวหน้า รุ่งเรือง...ขึ้นในชีวิต...ความหมายของเลข๙ ตามหลักโหราศาสตร์ หมายถึง..."ดาวเกตุ"...เป็นเลขศุภมงคลที่คนไทยทุกคนปรารถนา...เพราะแสดงถึงการเป็นสุดยอดของการประกอบกิจที่นำมาซึ่งความสำเร็จสูงสุด การได้กำไรสูงสุดในเชิงธุรกิจ การเป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์กร การประสบความสำเร็จสูงสุดของชีวิตนั่นเอง.....เมื่อพูดถึง..."บอล"...ของพระหลวงปู่ ทวดเนื้อว่านปี 24นั้น...เกิดจากดิน(มวลสาร)ที่ปูดออกมาจากรูรั่วของแม่พิมพ์ยางที่ใช้ในการปั้มพระ ตรงไหนที่มีรอยรั่วของแม่พิมพ์ดังกล่าว เมื่อกดพิมพ์แรงกระแทกในการกดจะทำให้ดินปูดออกมาเป็นก้อนกลมๆขนาดต่างๆ...ว่ากันว่าความเชื่อเรื่องลูกบอล...เป็นความเชื่อที่เกิดจากการผสมผสานนำเอาตำนานหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดซึ่งเชื่อว่าลูกบอลมีลักษณะคล้ายๆกับ..."ลูกแก้วศักดิ์สิทธิ์"...วัตถุมงคลคู่กายของหลวงปู่ทวดซึ่งเกิดจากพญางูจงอางเทพ ได้นิรมิตกายมาปกป้องคุ้มครององค์มหาโพธิสัตว์ขณะที่ท่านเกิดในดินแดนทักษิณ...สถานที่ท่านถือกำเนิดดังกล่าวในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ..."สำนักสงฆ์บ้านนาเปล"...อำเภอสะทิ้งพระ จ. สงขลา ...และตามการบอกเล่าต่อๆกันมา ลูกแก้วศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวก็ได้รับการเก็บรักษาสืบทอดบูชาเป็นของมงคลศักดิ์สิทธิ์ ปัจจุบันประดิษฐานไว้ที่..."วัดพะโคะ" ...ในจังหวัดเดียวกันคือจังหวัดสงขลา...ดังนั้นพระเนื้อว่านปี 24องค์ใดที่มีลูกบอลดังกล่าว จึงถือได้ว่าเป็นมิ่งมหามงคลของผู้ที่ได้ครอบครองพระองค์นั้น...นอกจากนั้นยังมีส่งผลทำให้เกิดความนิยมในพระลักษณะดังกล่าวเพราะเชื่อกันว่าจะได้โชคได้ลาภ สิริมงคลนั่นเอง....โดยเฉพาะพระพิมพ์ใหญ่ปี24องค์นี้ มีบอลรวมถึง 9 บอลจึงถือว่ายิ่งเป็นมหามงคลอันยิ่งใหญ่เพราะเป็น..."มงคลซ้อนมงคล"...นะคะ ...สุดๆจริงๆค่ะองค์นี้
2) พระพิมพ์ใหญ่องค์นี้เนื้อหาเข้าตำรา..."เนื้อประสบการณ์"...เพราะมี "ยางว่าน" ผุดมาให้เห็นดำ-ฉ่ำ-แฉะให้เห็นเกือบทั่วทั่วทั้งองค์...ครบเครื่องเรื่องเข้มขลังขมังเวทย์ พูดก็พูดเถิดนะคะ...แค่จักษุประสาทสัมผัสก็เข้าถึงซึ่งความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วค่ะ... พระเนื้อว่านปี24เขาจะใช้ว่านสด(หรือว่านเป็น)บดผสมในมวลสารผสมกับน้ำที่เกิดจากความชื้นของดินกากยายักษ์ที่มีสีดำ ดังนั้นเมื่อยางว่านแห้งและแข็งตัวก็จะเหมือน...ยางมะตอย แต่ดูใสและแข็งตัวเหมือนยางไม้เวลาแห้งสนิท แหละนี่แหละค่ะเป็นต้นตำรับของพระเนื้อประสบการณ์ที่กล่าวขานกันมาปากต่อปาก...เล่ากันมาต่อๆว่าเมื่อหลายปีก่อนมีระเบิดในเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดนราธิวาส....ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปหลายคน หน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาลำเลียงผู้บาดเจ็บล้มตายส่งโรงพยาบาลอย่างโกลาหล....ขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว หน่วยกู้ภัยก็นำศพขึ้นรถตามกระบวนการนิติเวชวิทยา....เสียงรถหวอ กลิ่นไฟไหม้ ฝุ่นควัน ที่เกิดจากโศกนาฏกรรม ยังอบอวลไม่สร่างซา กลิ่นคาวเลือด เศษสะเก็ดระเบิด ทิ่มแทงหัวใจผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง...ยิ่งดึกการเคลียร์พื้นที่เพื่อกันไม่ให้ผู้คนเข้ามาและค้นหาหลักฐานก็เริ่มมีความเงียบเข้ามาปกคลุมแทนที่....ทันทีทันใดนั้นเอง..."มีร่างเปื้อนเลือดหน้าตาน่ากลัวเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งลุกขึ้นพรวดจากซากปรักหักพัง"...เดินถลามายังเจ้าหน้าทีจนทุกคนต่างใจหายวับเตรียมตัวเผ่นหนีกันวุ่นวาย เพราะบริเวณนั้นขึ้นชื่อเรื่องผีดุ...แต่ในขณะที่ชุลมุนอยู่นั้นเอง...มีเสียงร้องจากร่างอันน่าสพรึงกลัวนั้นร้องขอความช่วยเหลืออย่างโอดครวญว่า..."ช่วยผมด้วย ๆ...ผมยังไม่ตาย...ผมยังไม่ตาย"..."โอย...โอย"...สิ้นเสียงครวญครางอันสั่นเครือร่างดังกล่าวก็ทรุดลงกับพื้น...เจ้าหน้าที่ส่องไฟฉายเข้าไปดูปรากฏว่าเป็นร่างของชายคนหนึ่งที่ถูกสะเก็ดระเบิดนอนจมกองเลือดในซากปรักหักพัง....เขาค่อยๆถูกประคองขึ้นมาพร้อมๆกับกล่าวด้วยนำเสียงสั่นเครือว่า..."ช่วยผมด้วย...ช่วยผมด้วย....ผมยังไม่ตาย"...เขาเอามือปาดรอยเลือดที่หน้าออกเมื่อมองเห็นเจ้าหน้าที่ เสียงร้องขอความช่วยเหลือของเขาก็ยิ่งดังถี่ขึ้น...เจ้าหน้าที่สงสัยว่าทำไมมือของชายผู้นั้นเหมือนกำอะไรไว้แน่น...เขาร้องอีกด้วยเสียงหลงว่า..."ลูกรอดแล้ว...ลูกรอดแล้ว....หลวงพ่อช่วยลูกแล้ว"...เจ้าหน้าที่คลายมือทั้งสองของเขาออก...ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าของทุกคนคือ..."ภาพหลวงปู่ทวดเนื้อว่านพิมพ์ใหญ่ปี24 ในกรอบพลาสติคกันน้ำสัใส...เป็นพระเนื้อว่าน...สีดำ - ฉ่ำ - แฉะ...เปียกยางว่านกระจายไปทั่วทั้งองค์...ทุกคนตลึงงัน...แล้วเปล่งเสียงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายว่า..."สาธุ...สาธุ...สาธุ"...ชายคนนั้นน้ำตาไหลพรากยกพร้อมครางเบาๆว่า..."ลูกรอดเแล้ว...ลูกรอดแล้ว...หลวงปู่ทวดช่วยลูกแล้ว...หลวงปู่ทวดช่วยลูกแล้ว"...หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล พร้อมๆกับเสียงลือเล่าอ้างเรื่อง..."หลวงปู่ทวดพิมพ์ใหญ่ปี24 เนื้อประสบการณ์ เปียกยางว่าน ดำ- ฉ่ำ - แฉะ"...(ลักษณะเหมือนพิมพ์ใหญ่องค์ที่ลงในกระทู้นี่แหละค่ะ...คำบอกเล่าข้างต้นเป็นเรื่องจริงที่ได้รับการบอกเล่าจากผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ท่านหนึ่งที่อยู๋ในเหตุการณ์ที่นราธิวาส ทุกวันนี้ท่านเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่...แต่มีการนำเสนอแบบนวนิยายเพื่อเพิ่มอรรถรสยิ่งขึ้นค่ะ)...คำเล่าลือเรื่องลปท.พิมพ์ใหญ่ปี24 เนื้อประสบการณ์จึงทั่วบ้านทั่วเมืองจนถึงวันนี้ค่ะ...นอกจากนั้นพระพิมพ์ใหญ่ที่ลงในกระทู้นี้ ไม่เพียงมียางว่านดำฉ่ำแฉะที่เข้าตำราเนื้อประสบการณ์แล้ว พระองค์พระยังมีไขว่าน ดอกว่าน กระจายตามซอกมุม ดูแล้วยิ่งเข้มขลังขมังเวทย์อีกหลายเท่าตัว แถมยังมีความสมบูรณ์คมชัดเป็นที่น่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง เพราะส่วนใหญ่พระที่มียางว่าน และไขว่านมากๆความคมชัดจะลดลงค่ะ
3) เมื่อส่องกล้องพิจารณาอย่างละเอียดจะพบมวลสารสำคัญที่ถือว่าเป็นมิ่งมงคล และขวัญกำลังใจแก่ลูกชนรุ่นหลังนั่นคือ.."เส้นเกศาบูรพาจารย์"...ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่มีคุณูปการในวงการวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดรุ่นแรกๆ สำหรับองค์นี้เส้นเกศาปรากฏให้เห็นตรงใกล้ข้อศอกซ้ายตามภาพชี้จุดนะคะ หลายท่านที่เก็บสะสมวัตถุมงคลสายหลวงปู่ทวดถือว่าเป็นสิ่งสูงค่าที่ควรค่าแก่การ กราบไหว้บูชา ดังนั้นถ้าพระองค์ใด มีเส้นเกศาจึงได้รับความนิยม และเป็นสิ่งหวงแหนที่ส่งมอบจากชนรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นหนึ่งด้วยความภาคภูมิใจ ในฐานะที่เป็น..."มรดกทางวัฒนธรรม"...ที่ทรงคุณค่าทางจิตใจของสังคมไทยนะคะ...
4) พระองค์นี้มีสะเก็ดว่านฝอยทองทั้งด้านหน้า และด้านหลัง โดยด้านหน้าอยู่ใต้ลูกตาขวา ส่วนด้านหลังกระจายอยู่ทั่ว ดุจดั่งหว่านเมล็ดพืชพันธุ์สรรพมงคลทั่วพื้นพระด้านหลัง...อีกทั้งด้านหลังของพระองค์นี้ยังมีคราบกระดาษสา ซึ่งทราบกันดีว่าในยุคแรกของการปั้มพระรุ่นนี้ที่วัดช้างให้ได้มีการนำเอากระดาษสามารอง เมื่อพระแห้งก็มักจะมีใยกระดาษสาติดมาเสมอๆค่ะ ยิ่งพิศยิ่งงงในความวิจิตรบรรจงที่ธรรมชาติมอบมาให้ในวัตถุมงคลชิ้นงามล้ำค่าองค์นี้...ว่านฝอยทองคืออะไร?...ไปเปิดกูเกิ้ล และวิกิพีเดีย...หาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ...หนูก็เลยค้นหาและค้นพบจากการเก็บข้อมูล สังเกตจึงพบว่า ในมวลสารพระเนื้อว่านปี24นั้น เขาใช้ว่านสด(ว่านเป็น) ดินกากยายักษ์ ผง97 กาบและใบกล้วยป่า เกสรดอกไม่แห้งจากวิหารหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ และอื่นๆ...และเมื่อพิจารณาถึงว่านฝอยทองส่องดูด้วยกล้องแล้วมีลักษณะคล้ายผลึก เป็นเกล็ดสีเหลืองทอง มีความมันและแวววาว เข้าใจว่าน่าจะเป็นน้ำจากดินกากายายักษ์ รวมตัวกับยางว่าน และผง97...รวมตัวกันกลายเป็นสารละลายอิ่มตัว(เอาวิทยาศาสตร์เข้าจับเลย...)...เวลาผ่านไปน้ำดังกล่าวจะระเหย ยางว่านและผง97 ตลอดจนมวลสารมงคลอื่นๆก็จะแห้งและกลายเป็นผลึกเป็นเกล็ดแวววาวสีทอง มีลักษณะเป็นฝอยๆเส้นๆสีเหลืองเราจึงเรียกว่า..."ฝอยทอง"...นั่นเอง....สำหรับพระองค์นี้ว่านฝอยทองมีเยอะมาก....ดังนั้นคำว่า..."เงินทองไหลมาเทมา"....จึง น่าจะเป็นนิยามที่อรรถาธิบายการกระจุก และกระจายตัวของฝอยทองดังกล่าวได้เป็นอย่างดี...อีกทั้งคำว่า..."ฝอยทอง"...ใน ความหมายแบบตรงไปตรงมาแปลว่า..."พูดจาเป็นเงินเป็นทอง"...จึงเหมาะสำหรับท่านที่ต้องทำงานด้านการใช้วาจาเจรจาต่อรองผลประโยชน์ การจูงใจเพื่อให้เกิดการคล้อยตาม หลงไหล มอบเมตตาและความจงรักภักดีให้ชนิดที่...มีเท่าไหร่ทุ่มให้ได้ไม่อั้น...โดยเฉพาะเมื่อฝอยทองมากระจุกตัวอยู่ที่จมูก จึงยิ่งเป็นโฉลกให้เข้าใจได้ว่า..."ได้กลิ่นเงินกลิ่นทอง" อยู่เสมอ...ความหมายจึงยิ่งดีเข้าไปใหญ่ จริงมั๊ยคะ...
5) พระองค์นี้มีแร่ประกายเงินเม็ดใหญ่ ตรงบริเวณริมฝีปากบน (ตามภาพชี้จุด) แร่ประกายเงินดังกล่าวถือเป็นมวลสารมงคล และเป็นเคล็ดมงคลที่เปล่งประกายทำให้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ หรือการดำเนินการกิจการการใดๆที่นำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาล มีทรัพย์สินเงินทองมั่งคั่ง ประเภทเงินไหลนอง ทองไหลมา นั่นไงละคะ...ยิ่งองค์นี้มีแร่ประกายเงินอยู่ที่ริมฝีปากบนซะด้วยก็ยิ่งเป็นมงคลอย่างมหาศาล เพราะเขาบอกว่าเป็นเคล็ดมงคลทำให้พูดจาเป็นเงินเป็นทองนั่นเองค่ะ...แร่ประกายเงินเป็นเอกลักษณ์สำคัญของพระเนื้อว่านปี 24 เพราะถือเป็นพระหลวงปู่ทวดเนื้อว่านรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่นำเอาแร่ดังกล่าวมาผสม บางคนเรียกขานว่าแร่กากยายักษ์(น่าจะหมายถึงแร่ที่ผสมอยู่ในดินกากยายักษ์ หรือ คต(ดินที่แข็งตัวจนกลายเป็นหิน)ดินกากยายักษ์...แต่ถ้าเป็นแร่กากยายักษ์(แร่ที่ผสมในดินกากยายักษ์)เหมือนข้อสันนิษฐานข้างต้นจริง แร่ประกายเงินดังกล่าวที่มีลักษณะเป็นเกล็ดเล็กๆสีเงินวาวๆ ก็น่าจะปรากฏให้เห็นในพระหลวงปู่ทวดรุ่นอื่นๆที่มีดินกากยายักษ์ผสมอยู่ด้วยเช่นกัน แต่เท่าที่สังเกตยังไม่เคยมีพระหลวงปู่ทวดวัดช้างให้รุ่นอื่นใดที่มีแร่ดังกล่าวนี้อยู่เลย...เม็ดแร่ที่ปรากฏในพระหลวงปู่ทวดรุ่นแรกปี พ.ศ.2497 ก็ผสมแร่กิมเซียว(กากจากการแยกแร่ดีบุก มีลักษณะสีทองผสมสีดำ(บางตนเรียกแร่ทองน้อย - แปลมาจากคำว่ากิมเซียว) ซึ่งเม็ดแร่ของพระหลวงปู่ทวดปี97ดังกล่าวในขณะนั้นนำมาจากเหมืองแร่ดีบุกของคุณอนันต์ คณานุรักษ์ คหบดีอดีตนายกเทศมนตรีเมืองปัตตานีผู้เป็นโยมอุปัฏฐากสำคัญของอาจารย์ ทิม ธัมมธโร เจ้าอาวาสวัดช้างให้ และเป็นฆราวาสที่มีส่วนสำคัญในการสร้างหลวงปู่ทวดรุ่นปี97และปี05 ซึ่งในคราวนั้นท่านได้จัดหานำแร่ดังกล่าวมาจากเหมืองของตนเอง)...แร่กิมเซียวของพระหลวงปู่ทวดปี97มีลักษณะแตกต่างจากแร่ประกายเงินโดยสิ้นเชิง... และยังไม่เคยเห็นในหลวงปู่ทวดรุ่นอื่นยุคหลังๆที่มีแร่ประกายเงินดังกล่าวผสมอยู่เลย...แต่พระหลวงปู่ทวดเนื้อว่านรุ่นหลังๆของวัดช้างให้หรือวัดอื่นๆเกือบทุกรุ่นมักถูกอ้างถึงว่ามีส่วนผสมของดินกากยายักษ์แทบทุกรุ่นดินกากยายักษ์ผสมอยู่เสมอ ดังนั้นถ้าแร่ที่ผสมอยู่ในพระหลวงปู่ทวดปี24เป็นแร่กากยายักษ์ตามที่มีผู้กล่าวอ้างจริง พระหลวงปู่ทวดรุ่นอื่นๆที่มีดินกากยายักษ์ผสมอยู่ก็น่าจะมีแร่นี้ผสมอยู่ด้วย...(นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ)...แต่เราก็ไม่เคยเห็นแร่ประกายเงินดังกล่าวอยู่ในพระหลวงปู่ทวดเนื้อว่านอยู่ในพระรุ่นอื่นในยุคหลัง...ดังนั้นแร่ดังกล่าวจึงถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพระเนื้อว่านปี24ซึ่งเป็นพระเนื้อว่านรุ่น3 ของวัดช้างให้นั่นเอง...ความหมายก็ดีเหมือนเงินทองมากมาย ทรัพย์สมบัติเปล่งประกายวาววับเต็มบ้านเต็มเมือง...อีกทั้งขณะนี้ยังไม่ได้มีใครนำไปให้กรมทรัพยากรธรณีแยกแยะวิเคราะห์ว่าชื่อจริงๆใน ทางวิทยาศาสตร์มีชื่อว่าแร่อะไร รูปลักษณ์ของแร่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นผลึกสีเงิน ส่องบางมุมเป็นประกายเงินวาวๆ บางมุมเป็นสีทอง บางมุมเป็นสีดำไม่เปล่งประกาย...บางคนเรียกแร่นี้ว่า "แร่เงิน"(แต่ถ้าเป็นแร่เงินจริงๆก็น่าจะส่องแล้วน่าจะมีประกายสีเงินๆทุกๆมุม ไม่ใช่มีประกายเงินบางมุมเท่านั้น) ...และเนื่องจากแร่นี้มีประกายสีเงินดังกล่าวในที่นี้จึงขอเรียกว่า "แร่ประกายเงิน" ก่อนจนกว่าจะมีผู้รู้มีหลักฐานมายืนยันว่าชื่อที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ของแร่ดังกล่าวคือแร่อะไร ดีมั๊ยคะ
6) มีเส้นใยและใบกล้วยป่า อยู่ตรงหางคิ้วขวา(ตามภาพชี้จุด) "ใบกล้วยป่า" ปักษ์ใต้เรียก "กล้วยเถื่อน" เป็นของหายาก ถือเป็นเคล็ดมงคล ที่บูรพาจารย์ท่านนำมาผสมเป็นมวลสาร คำว่า กล้วย ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ตามสำนวนไทย ดังนั้นการนำเอากล้วยป่าซึ่งหายากมาเป็นมวลสาร จึงเท่ากับเป็นเคล็ด ทำให้ปัญหาและอุปสรรค์ทุกอย่างสามารถแก้ได้โดยง่ายเหมือน ปอกกล้วยเข้าปาก นั่นเอง อุปสรรค์ทุกอย่างจึงเป็นถือเป็นเรื่องๆกล้วยๆไปหมด การทำธุรกิจหรือทำหน้าที่การงานต่างๆเมื่อไม่อุปสรรค์ การดำเนินการก็ลื่นไหลพิชิตชัยสู่เป้าหมายที่วางไว้ทุกประการ ความสำเร็จจึงย่อมรออยู่ข้างหน้าแน่นอนค่ะ
@@@ "จุดอ่อนของพระองค์นี้" @@@
- พระองค์นี้มียางว่ารัดตัวหนามาก ตามซอกมุมต่างๆจึงอาจมีร่องรอยของยางว่านเปียกแฉะอยู่เป็นเหลี่ยมมุมอยู่บ้าง และอีกอย่างหนึ่งเนื่องจากมีการรัดตัวของยางว่านองค์พระจึงมีขนาดเล็กว่าปกตินิดนึงค่ะ แต่โดยภาพรวมแล้วเป็นพระระดับแถวหน้าที่เก็บน่าใช้น่าบูชาอยู่ค่ะ
@@@ "รับประกันตามกฎทุกประการ" @@@
- ออกบัตรเองลดพิเศษ 600 บาท
- ออกบัตรให้เพิ่ม 100 บาทตามกฏ
@@@ "มงคลวัตถุ์" @@@
"ชัดเจน จริงใจ ไร้กังวล" |
| ราคาเปิดประมูล | 1 บาท |
| ราคาปัจจุบัน | 20,401 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
| เพิ่มขึ้นครั้งละ | 400 บาท |
| วันเปิดประมูล | - 26 เม.ย. 2557 - 13:06:30 น. |
| วันปิดประมูล | - 27 เม.ย. 2557 - 13:13:00 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
| ผู้ตั้งประมูล | มงคลวัตถุ์ (514)   
|
