(0)
เหรียญทองหนึ่ง หลวงพ่อ วัดเขาสาริกา จ.ลพบุรี เหรียญตัวจริงที่หายากมากๆ








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องเหรียญทองหนึ่ง หลวงพ่อ วัดเขาสาริกา จ.ลพบุรี เหรียญตัวจริงที่หายากมากๆ
รายละเอียดชั่วชีวิตของ หลวงพ่อกบ ท่านไม่เคยบอกว่าชื่ออะไร ? มาจากไหน ? เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ? เกิดเมื่อไหร่ ? บวชเมื่อไหร่ ? ใครเป็นพระอุปัชฌาย์ ? ลูกศิษย์ลูกหาจึงต้องหาชื่อมาเรียกกันไปต่าง ๆ นานา เช่น หลวงพ่อใหญ่บ้าง หลวงพ่อ เฉย ๆ บ้าง

แต่ในบรรดาลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ได้รับการสอนธรรมะมักจะ เรียกท่านว่า “สมเด็จพระบรมครู" หมายถึง ครูคนแรกในการสอนวิปัสสนากัมมัฏฐาน แต่ภายหลังกลายมาเป็น สมเด็จพระบรมครู หลวงพ่อเขาสาริกา หรือ หลวงพ่อเขาสาริกา แต่คนทั่วไปมักเรียกท่านว่า หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา จนทุกวันนี้

หลวง พ่อกบมาถึงวัดเขาสาริกาไม่พูดจากับใคร นั่งบำเพ็ญเพียรภาวนา เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานอย่างเดียว ไม่ทำความรู้จักกับใครทั้งนั้น แม้พระภิกษุด้วยกันในวัดก็ไม่เคยพูดด้วย ท่านฉันภัตตาหารแต่น้อยไม่กี่คำก็เลิก ข้าวปลาอาหารที่ญาติโยมนำมาถวายก็โกยมากองรวมกันโยนให้สุนัขและแมวกินเป็น ประจำ ใครนำเงินทองมาถวายก็โยนเข้ากองไฟหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว
แรก ๆ หลวงพ่อกบนั่งบำเพ็ญเพียรอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในวัดเขาสาริกา ตากแดดตากฝนอยู่เพียงลำพัง ชาวบ้านสงสารปลูกเพิงพักหลังคามุงแฝกหลังเล็ก ๆ ให้พอหลบแดดฝน ท่านก็ไม่ว่าหรือทักท้วงอะไร ยอมขึ้นไปพำนักในเพิงพักโดยดี

นานหลายปีที่หลวงพ่อกบนั่งบำเพ็ญเพียรเพียงรูปเดียว อยู่เช่นนั้น ก็เริ่มมีคนต่างถิ่นและคนแปลกหน้าเดินทางมากราบไหว้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์เล่า เรียนวิปัสสนากัมมัฏฐานที่วัดเขาสาริกามากขึ้นทุกที สร้างความแปลกใจให้ชาวบ้านและพระในวัด เพราะท่านไม่เคยออกจากวัดไปไหน สอบถามทุกคนจะตอบว่า “เคยใส่บาตรกับท่าน รู้สึกศรัทธาก็เลยมาหา" บางคนมาจากเชียงใหม่บ้าง กรุงเทพฯบ้าง สุราษฎร์ธานีหรือภูเก็ตก็มี ไม่เว้นแม้สงขลา ยะลา ปัตตานี ยิ่งทำให้ชาวบ้านกังขามากขึ้น ซึ่งนับวันผู้คนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ท่านก็ไม่ค่อยพูดกับใครเหมือนเดิม ยกเว้นลูกศิษย์ใกล้ชิดไม่กี่คน

ต่อมา เพิงหลังคามุงแฝกของหลวงพ่อผุพังลง ลูกศิษย์และชาวบ้านที่ศรัทธารวบรวมเงินบริจาคสร้างกุฎิไม้ถวาย 1 หลัง มีขนาดกว้างขวางกว่าเดิม ใช้เป็นที่พำนักของหลวงพ่อและลูกศิษย์ที่บ้านอยู่ไกล เผื่อเดินทางมาหาหลวงพ่อจะได้ไม่ลำบากเรื่องที่นอน

นับวันวัดเขาสาริกาจะกลายเป็นศูนย์รวมผู้ศรัทธาในตัวหลวงพ่อ ทำให้ถูกทางการสมัยนั้นจับตามองกล่าวหาว่าเป็นแหล่งมั่วสุมผู้คน พ.ศ. 2450 ทางการส่งเจ้าหน้าที่มาสอบถามและตรวจสอบ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย พบเพียงผู้คนมาปฏิบัติธรรมและไม่ได้เป็นที่ซ่องสุมผู้คนจึงกลับไป

ต่อมามีคณะพระผู้ใหญ่เดินทางมาหา หลวงพ่อกบ อีกครั้ง เพื่อสอบสวนประวัติความเป็นมา เนื่องจากกลัวเป็นพวกลัทธิใหม่หรือพวกนอกรีต เนื่องจากพฤติกรรมของท่านค่อนข้างประหลาดไม่เหมือนพระทั่วไป แต่ท่านไม่ยอมบอกว่าเป็นใครและใครเป็นพระอุปัชฌาย์ จึงมีการทดสอบความรู้เรื่องธรรมะกันขึ้น ไม่ว่าจะถามเรื่องอะไร ในพระไตรปิฎกเล่มไหน หน้าอะไร หัวข้อเท่าไหร่ หลวงพ่อกบตอบถูกทั้งหมดและท่านถามกลับไปว่า “หัวใจของพระพุทธศาสนาคืออะไร”ปรากฎว่าไม่มีใครหรือพระเถรผู้ใหญ่ตอบได้แม้ แต่รูปเดียว เงียบกันหมด ท่านจึงเฉลยให้ฟังว่าหัวใจพุทธศาสนาก็คือ “ศีล สมาธิ ปัญญา”เพราะเป็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์

เท่านั้นเองกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่พระผู้ใหญ่ไม่พอใจ สั่งให้ หลวงพ่อกบ ลาสิกขาบท กล่าวหาว่าเป็นพระเถื่อนไม่มีใบสุทธิบัตร พูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระ ไม่น่าเชื่อถือ ท่านก็ไม่สนใจหรือเถียงอะไรยอมถอดจีวรออกลาสิกขาบทโดยดี หันมานุ่งขาวห่มขาวแทน ตอนนั้นลูกศิษย์ร้องไห้ระงมทั่ววัดเขาสาริกา เพราะสงสารท่าน จนหลวงพ่อบอกว่า “พวกมึงจะร้องทำไมกันวะ พระก็คือพระวันยังค่ำ จะใส่อะไรก็เป็นพระ เหมือนทองจมขี้โคลน ยังไงก็เป็นทองนั่นแหละ”ทำให้ลูกศิษย์คิดได้ว่า พระไม่ได้หมายถึงการนุ่งห่มผ้าเหลือง แต่หากสามารถลดละกิเลสได้ ไม่ว่าแต่งกายชุดอะไรก็ถือว่าเป็นพระอยู่วันยังค่ำ พระแท้พระดีจึงมิไช่อยู่ที่ผ้าเหลืองด้วยประการฉะนี้

หลวงพ่อกบมรณภาพและสังขารในวันที่ 17 ธ.ค. 2497 ท่ามกลางความเศร้าโศกของศิษยานุศิษย์ทั่วหน้า และน่าแปลกใจที่ว่าเช้าวัดถัดไปคือวันที่ 18 ธ.ค. หลวงพ่อโอภาสีเดินทางมาถึงวัดเขาสาริกาเพื่อมาเป็นธุระในการทำพิธีฌาปนกิจศพ ของหลวงพ่อกบ ผู้เป็นอาจารย์ เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความงุนงงให้ผู้คนและลูกศิษย์ เนื่องจากสมัยก่อนการสื่อสารไม่รวดเร็วเหมือนปัจจุบัน การส่งข่าวไปหากันแต่ละครั้งใช้เวลาหลายวัน บ่งบอกได้ว่า หลวงพ่อโอภาสี ก็เป็นพระอภิญญาเหมือนอาจารย์ทุกประการ เพราะสามารถหยั่งรู้ความเป็นไปในโลกและรับรู้ว่าอาจารย์ละสังขารแล้วอย่าง น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
ปริศนาธรรม “ทองหนึ่ง"

บนกุฎิหลังใหม่ลูกศิษย์นำระฆังทองเหลือง มาถวายหลวงพ่อกบหลายใบ วันดีคืนดีท่านก็จะลุกขึ้นมาตีระฆังเสียงดังกังวาน “หง่าง หง่าง" และตะโกนว่า “ทองหนึ่ง ทองหนึ่ง ทองหนึ่ง ทองหนึ่ง" และท่านชอบเขียนเลข ๑ หรือเครื่องหมาย + ตามข้าวของเครื่องใช้จนเปื้อนไปหมด

เคยมีลูกศิษย์ถามว่า “หลวงพ่อเจ้าค่ะ ทองหนึ่ง คืออะไรเจ้าค่ะ" ท่านหันมาตอบว่า “หนึ่งคือหนึ่งไม่มีสอง เปรียบเสมือนทองยังไงก็เป็นทองวันยังค่ำ" หมายถึง “ธรรมะ" หรือคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่หนึ่งในโลก ไม่ว่ากาลเวลาผ่านพ้นไปเท่าใดก็ยังคงเป็นที่หนึ่งเสมอนั่นเอง
(คำว่า “ทองหนึ่ง" มีหลายคนแปลความหมายผิดเพี้ยนคิดว่าเป็นคาถาประจำตัวของท่าน จริง ๆ แล้วเป็นปริศนาธรรมของหลวงพ่อกบ ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันจาก หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม วัดปฐมเทศนาอรัญวาสี (เขาพลอง) จ.ชัยนาท ศิษย์สายตรงของหลวงพ่อกบและศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับหลวงพ่อโอภาสี ผู้บูชาไฟเผากิเลสอาศรมบางมด ฝั่งธนบุรี ซึ่งมีการเล่าขานสืบต่อกันมาในหมู่ลูกศิษย์สายเดียวกัน)

วัตถุมงคลของหลวงพ่อกบ

หลวงพ่อกบเป็นพระที่แปลก ชั่วชีวิตของท่านไม่เคยสร้างวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังให้เช่าบูชาเหมือนเกจิอาจารย์รูปอื่น ๆ ยกเว้นท่านจะทำแจกลูกศิษย์ใกล้ชิดและผู้ศรัทธาไม่กี่คน ซึ่งมีจำนวนน้อยและเป็นวัสดุที่หายากในท้องถิ่น หลายคนอาจไม่เคยมีโอกาสได้เห็นและนึกไม่ถึงตามคำกล่าวที่ว่า "มีเงินมีทองไช่ว่าจะครอบครองของดีกันได้ง่าย ๆ"
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน500 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 29 มิ.ย. 2558 - 19:58:39 น.
วันปิดประมูล - 30 มิ.ย. 2558 - 23:58:08 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลพระลพ (5.8K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 29 มิ.ย. 2558 - 19:59:02 น.



.


 
ราคาปัจจุบัน :     500 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    pugeot406 (83)

 

Copyright ©G-PRA.COM