(0)
พระฤาษีอริยธาตุ หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระฤาษีอริยธาตุ หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม
รายละเอียดสร้างโดยมีส่วนผสมอังคารธาตุของพระป่าสายหลวงปู่มั่นที่ได้รับจากคุณอำพล เจน 6 รูป คือ
1. หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง
2. หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล
3. หลวงปู่สาม อกิญจโณ
4. หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
5. หลวงปู่บัว สิริปุณโณ
6. หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม

หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ (พระสุนทรธรรมากร) วัดธาตุมหาชัย ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม นับเป็นพระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่มีวิชาอาคมอันเข้มขลัง มีปฏิปทาอันน่าเคารพศรัทธาเลื่อมใส มีลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นพระนักพัฒนา ผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองมาสู่วัดธาตุมหาชัย รวมทั้งคณะสงฆ์ในจังหวัด และใกล้เคียงอีกจำนวนมาก นับเป็นพระเถราจารย์ที่น่ากราบไหว้อย่างที่สุด ชื่อเสียงของหลวงปู่คำพันธ์ แนวทางปฏิบัติของท่านขจรออกไปอย่างกว้างขวาง สืบเนื่องมาจากบารมีธรรมของหลวงปู่ฯ และความเมตตาของหลวงปู่ฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนได้พบหรือสัมผัสกับบารมีธรรมของท่าน ทั้งทางตรงและทางอ้อมจะบอกกล่าวกันเป็นเสียงเดียวกัน หลวงปู่ฯ มีเมตตาสูงมาก สิ่งเหล่านี้ไม่ได้สั่งสมมาแต่ข้ามคืนหรือข้ามปี แต่หลวงปู่ฯ ท่านสั่งสมมาตลอดในขาตินี้และภพชาติในอดีตอย่างมากมายมิอาจจะประมาณ ทำให้ผู้ทราบถึงกิตติคุณของหลวงปู่เดินทางไกลมาจาก เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ภาคกลาง กรุงเทพฯ ตลอดจนชาวต่างประเทศทั้ง จีน สิงค์โปร ฮ่องกง ญี่ปุ่น ใต้หวัน มาเลเซีย ลาว ฯลฯ รวมทั้งฝรั่งทั้วยุโรปและอเมริกา เดินทางมากราบขอพรบารมีและถวายตัวเป็นศิษย์ซึ่งบ่งบอกถึงความเมตตาของหลวงปู่คำพันธ์ที่ท่านได้สงเคราะห์บรรดาลูกศิษย์ทุกคน ทั้งใกล้และไกล ปฏิปทาของหลวงปู่คำพันธ์ที่ทำให้ท่านมีลูกศิษย์อยู่อย่างมากมายสามารถจำแนกได้ คือ
1. ปฏิปทาที่เกิดจากการปฏิบัติจากท่านเอง คือ การเจริญธรรม กรรมฐาน ตามแนวทางของท่านอาจารย์เสาร์ กัณตสีโร อาจารย์ผู้ให้แนวทางในการฝึกจิตใจและการตั้งกรรมฐาน หลวงปู่คำพันธ์ท่านมีความเพียร อุตสาหะอย่างสูง และสามารถบรรลุธรรมชั้นสูงมีความแตกฉาน รู้และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
2. เป็นอาจารย์สอนกรรมฐานของศิษย์ทุกหมู่เหล่า โดยเฉพาะพระสงฆ์ลูกศิษย์ของหลวงปู่ฯ มีทั้งธรรมยุติและมหานิกาย ตลอดจนผู้ที่มาฝึกอบรมกรรมฐานกับหลวงปู่ฯ มีจำนวนมากทุกๆ ปี
3. เป็นอาจารย์นักเทศนักธรรมสำหรับผู้ที่ฟังธรรมะ จะได้รับฟังธรรมะจากหลวงปู่ฯ อยู่เสมอซึ่งธรรมะที่ท่านเทศนาสั่งสอนอบรมลูกศิษย์จะเป็นภาษาธรรมที่ฟังและเข้าใจง่ายแต่ลึกซึ้ง และกินใจ เป็นสัจธรรมทุกบททุกตอนของเทศนาธรรมนั้น
4. เป็นนักพัฒนา ทั้งทางสงฆ์และทางสังคม กล่าวคือ หลวงปู่ฯ คำพันธ์มีความตั้งใจและมุ่งมั่นในกิจการงานของสงฆ์ หลวงปู่ฯ อุทิศตนสืบสานงานทางด้านพระพุทธศาสนาตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัด เป็นที่เคารพศรัทธาของพระผู้ใหญ่ทั้งใกล้และไกล ตลอดจนงานพัฒนาทางด้านสังคม เช่นการสร้างถนน โรงเรียน โรงพยาบาล งานสังคมสงเคราะห์ต่างๆ สร้างวัดวาอาราม บูรณะจัดการต่างๆ ตลอดจนพระอุโบสถ และพระธาตุเจดีย์ที่ชำรุดทรุดโทรมในจังหวัดอื่น ที่มีผู้เข้ามาขอความเมตตาจากหลวงปู่ฯ ท่านก็ได้อนุเคราะห์อย่างเต็มกำลังอย่างมิได้ย่อท้อจวบจนวาระสุดท้ายของท่าน
5. เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากที่สุดแห่งยุดรูปหนึ่งของประเทศไทย เพราะหลวงปู่ฯ ได้รับสรรพวิชาสายสำเร็จลุนแห่งนครเวียงจันทร์ ซึ่งเป็นสุดยอดของสายวิชาทางพระเวทย์มนตรา และอาคมล้วนแล้วแต่เป็นวิชาทางสายขาวทั้งสิ้น ทั้งการปฏิบัติธรรมพระกรรมฐาน ตลอดจนสรรพวิชาของชีปะขาวครุฑและสรรพวิชาของลุ่มแม่น้ำโขงทั้งจากอดีตชาติของหลวงปู่ฯ เป็นเอกในเรื่องวิชาอาคมแห่งยุคอย่างแท้จริง
จากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนแต่เป็นส่วนประกอบกันทั้งทำให้หลวงปู่ฯ ได้รับการยอมรับนับถือจากทั้งพระสงฆ์และประชาชน ทุกหมู่เหล่าซึ่งรายละเอียดต่างๆ มีมากมายเหลือคณานับ

ตามประวัติ หลวงปู่คำพันธ์ ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๔๕๘ ณ บ้านหนองหอยใหญ่ ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนม ในตระกูล "ศรีสุวงศ์" เมื่ออายุ ๑๗ ปีได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดศรีบุญเรือง อ.นาแก ต่อมาได้พบกับ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายกรรมฐานผู้มีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น จึงฝากตัวเป็นศิษย์ รับแนวทางการสอนของพระอาจารย์เสาร์มาปฏิบัติตาม โดยเฉพาะการกำหนดรู้ของลมหายใจเข้าออก ทำให้มีความรู้ในด้านนี้เพิ่มขึ้น หลัง จากนั้น ท่านได้เดินธุดงค์ไปทาง อ.ภูเรือ จ.เลย จนพบกับ ปะขาวครุฑ ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติผู้ใหญ่ และเป็นผู้มีวิชาอาคม ไสยเวท และวิชาแพทย์แผนโบราณอย่างแตกฉาน จึงได้ขอเรียนวิชาทั้งหมดนี้จากปะขาวครุฑ จนมีความรู้ความเข้าใจเป็นอันดีอีกทางหนึ่ง สำหรับปะขาวครุฑท่านนี้ เป็นผู้ถือศีลปฏิบัติธรรมแบบพระ แต่ไม่ได้บวชเป็นพระ ครองผ้าขาวห่มกายเป็นประจำ ท่านเป็นศิษย์ของ สำเร็จลุน ผู้สืบสานวิชาอาคมสายลุ่มน้ำโขงสมัยโบราณ จาก ท่านญาครูขี้หอม แห่งล้านช้าง ต้นตำรับวิชาอาคมสายนี้ ซึ่งโด่งดังในสมัยก่อนมาก

สรุปว่า หลวงปู่คำพันธ์ได้เรียนรู้วิชาอาคมสายนี้มาอย่างครบถ้วน และเมื่ออายุครบบวช ท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดโพธิ์ชัย อ.นาแก จ.นครพนม ต่อมาโยมมารดาถึงแก่กรรม ท่านจึงลาสิกขา ออกมาช่วยเลี้ยงดูน้องๆ ที่ยังเล็กอยู่

ท่าน ได้อุปสมบทอีกครั้งเมื่ออายุ ๓๐ ปี ณ วัดโพธิ์ชัย อ.นาแก กาลเวลาได้ผ่านไปพร้อมกับบารมีอันแก่กล้าของท่านก็มีมากเพิ่มขึ้นด้วย จึงได้นำญาติโยมสร้าง วัดธาตุมหาชัย ขึ้นมาจากวัดเล็กๆ จนเติบโตในเวลาต่อมา ขณะเดียวกัน ก็มีศรัทธาญาติโยมต่างพากันมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์อย่างกว้างขวาง ทำให้ชื่อเสียงของท่านโด่งดังขึ้นมาทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัตถุมงคลรุ่นแรกๆ ของท่าน ที่นำ หิน จากแม่น้ำโขงขึ้นมาแผ่เมตตาอธิษฐานจิตเป็นองค์พระ ด้วยการเจริญธาตุ ๔ ตั้งธาตุ หนุนธาตุ ให้มีพลังด้วยอภิญญาธรรม มีค่าเหนือกว่าหินธรรมดาทั่วไป ซึ่งท่านเรียกว่า ปฐวีธาตุ หรือ พระเพชร หมายถึง หินที่มีคุณค่าทางธรรมะเท่าเทียมเพชร หลวงปู่บอกว่า พระเพชรนี้จะคุ้มครองคุ้มกันภัย กันสายฟ้าฟาด กันไฟ กันรังสีของความร้อนที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และฉับพลันได้ ซึ่งนับเป็นสุดยอดวัตถุมงคลของหลวงปู่คำพันธ์ ที่ลูกศิษย์ผู้ได้รับต่างหวงแหนกันมาก

นอกจากนี้ ท่านยังอธิษฐานจิต ตะกรุด และพระเครื่องรุ่นต่างๆ ที่มีหลากหลายรูปแบบ ล้วนมีประสบการณ์ในการใช้ติดตัวตลอดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมัย ผกค.มีอิทธิพลในภาคอีสาน ทหารตำรวจ อาสาสมัครทหารพราน ที่ออกสู้รบ และรอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ต่างก็มีวัตถุมงคลของหลวงปู่คำพันธ์ทั้งสิ้น จนเป็นที่แสวงหาของศรัทธาญาติโยมอย่างกว้างขวาง

หลวงปู่คำพันธ์ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระสุนทรธรรมากร เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๕ และมรณภาพเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ สิริรวมอายุ ๘๘ ปี ขณะนี้สรีระของท่านยังอยู่ที่วัดธาตุมหาชัยในสภาพที่สมบูรณ์ มิได้เน่าเปื่อยแต่ประการใด

ออกจะเป็นเรื่องตื่นเต้นฮือฮาในวงในของกลุ่มผู้เลื่อมใสหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญฺโญ วัดธาตุมหาชัย นครพนม เมื่อทราบว่าท่านปลุกเสกของพิสดารอยู่รุ่นหนึ่ง ซึ่งประกอบไปด้วยพระพิฆเนศ, พระฤาษีและหนุมาน ปกติแล้วหลวงปู่ไม่ได้ปลุกเสกอะไรที่เกินไปกว่ารูปพระพุทธหรือรูปภิกษุ จึงเป็นเหตุให้ผู้รู้เรื่องนี้ออกอาการ “ผึ่ง” ทั้งหู ทั้งตาและทั้งใจ
1. มูลเหตุที่เกิดพระพิฆเนศ ได้หินสบู่จากเมืองจีนมาก้อนหนึ่งคิดจะเอามาแกะเป็นรูปพระพิฆเนศ พอมีเวลาก็ลงมือทำ แต่ไม่อยากให้พระพิฆเนศมีลักษณะซ้ำกับที่เคยผ่านตาในบ้านเรา จึงมองไปที่อินเดียซึ่งมีพระพิฆเนศปรากฎอยู่หลายรูปแบบ พอดีเพื่อนของผมมีพิฆเนศจากวิหารทองคำอินเดีย เห็นว่ามีท่าทางพอดีกับลักษณะหินที่ได้มาก็เอาแบบอันนั้นมาดัดแปลงจนสำเร็จ ระหว่างที่ลงมือแกะหุ่นได้มีผู้คนที่ไปมาหาสู่เห็นความเคลื่อนไหวตลอด ครั้นสำเร็จเป็นองค์พระพิฆเนศก็ยุยงส่งเสริมให้เทเป็นโลหะเสียเถิด แต่เงินจำกัดและไม่มีเป้าหมายว่าจะเทออกมาเพื่ออะไร จึงทำขึ้นแต่จำนวนน้อยๆ คือ 199 องค์ โดยคุณพิชย จารุทัศนางกูรกับคุณอภิรักษ์ จุฬาสินนท์เป็นธุระดำเนินการเรื่องเทโลหะให้ พระพิฆเนศกลายเป็นของส่วนตัวในเบื้องแรก พระพิฆเนศไปถึงมือหลวงปู่คำพันธ์โดยราบรื่นทุกประการ ซึ่งท่านก็แสดงออกว่าท่านเมตตาต่อพระพิฆเนศอยู่เป็นอันมาก ท่านได้ถามว่าพระพิฆเนศนี้จะเอาไปทำอะไร คำตอบคือไม่ทราบ รู้ว่าอยากทำก็เลยทำขึ้นมา แต่บางทีพระพิฆเนศจะไปเป็นกรวดหินทรายของอุโบสถวัดแก่งตอย เพราะทราบว่าวัดแก่งตอยกำลังสร้างอุโบสถ
พระพิฆเนศกลายเป็นกิจกรรมการกุศลในเบื้องท้าย จากเริ่มต้นโดยไม่มีจุดหมายไปลงท้ายที่อุโบสถ
2. มูลเหตุที่เกิดพระฤาษี คุณเง็ก บางลำภู แวะไปเยี่ยมเยียนผมที่อุบลฯ ได้เห็นพระฤาษีพิมพ์เล็กของหลวงปู่เปลี้ย วัดชอนสารเดช ที่ผมสร้างถวายเกิดติดใจอยากให้ผมทำให้บ้าง จึงดัดแปลงให้แตกต่างจากหลวงปู่เปลี้ยคือให้องค์ฤาษีถือประคำเส้นหนึ่ง เป็นลักษณะของฤาษีอริยธาตุที่เคยทำถวายหลวงปู่คำพันธ์ปี ๓๙ ภายหลังมีคนเห็นลักษณะคล้ายคลึงนี้จึงสมัครใจเรียกกันว่าฤาษีอริยธาตุพิมพ์ เล็ก นับว่าเป็นมงคลนามที่เหมาะสมยิ่ง อยากบอกว่าฤาษีอริยธาตุเล็กนี้สวยงามน่ารักมาก เป็นฤาษีองค์เล็กๆที่จะเหมาะใจแก่ผู้ที่เห็นฤาษีรุ่นก่อนๆว่าใหญ่เกินไป ขณะนี้ฤาษีรุ่นนี้เดินทางไปแผ่บารมีที่สิงคโปร์หลายร้อยองค์แล้ว
3. มูลเหตุที่เกิดหนุมาน นี่ก็เป็นคุณเง็ก บางลำภู เช่นเดียวกับฤาษี คือคุณเง็กเป็นผู้ดูแลโรงเจที่ปากเกร็ด นนทบุรีอยู่หลายปี คิดจะทำหนุมานเพื่อสนับสนุนโรงเจเท่านั้น เพราะเห็นว่าหนุมานกับเห้งเจียก็เป็นพวกเดียวกัน ไม่น่าจะเป็นปัญหาเรื่องเชื้อชาติพญาลิงจึงทำขึ้น 2 พิมพ์คือพิมพ์เล็กกับพิมพ์ใหญ่ และกราบเรียนหลวงปู่ว่าเฉพาะส่วนที่หลวงปู่ปลุกเสกจะนำเข้าสนับสนุนการก่อ สร้างอุโบสถวัดแก่งตอยเช่นเดียวกันกับพระพิฆเนศและฤาษี หนุมานก็ไปอาละวาดที่สิงคโปร์พร้อมๆกับฤาษีเช่นเดียวกัน
ทั้งสามสิ่งนี้ปลุกเสกสำเร็จพร้อมกันในวันที่ 2 ตุลาคม 2542 ตอนบ่าย 2โมงโดยประมาณ พระพิฆเนศเขาถือท่านเป็นบรมครูของช่างศิลป์ทุกแขนง คนทำงานศิลปะนับถือที่สุด นอกจากนั้นยังเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ เชื่อว่าบูชาท่านแล้วทำอะไรสำเร็จหมด และถือท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความตายอีกด้วย ซึ่งบรรดาภูตผีปีศาจจะกลัว ในเมืองลาวเรียกพระพิฆเนศว่าพระสีโห ถ้าครูบาอาจารย์ใดทำขึ้นแล้วมักออกไปทางเฮี้ยนแบบ หลวงปู่คำพันธ์สมัยรุ่นหนุ่มท่านเดินทะลุปรุโปร่งตลอดเมืองลาวเช่นกัน จึงหวังเอาไว้ในใจเงียบๆว่าพิฆเนศที่ถือว่าท่านได้ปลุกเสกอย่างจริงจังใน ครั้งแรกนี้จะเฮี้ยนสุดๆแบบเดียวกัน
...ฤาษีกับหนุมาน นั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะว่าคนทั่วไปรู้จักมักจี่กันดีอยู่แล้วว่าเรื่องเฮี้ยน
ราคาเปิดประมูล980 บาท
ราคาปัจจุบัน1,920 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 15 มี.ค. 2559 - 14:08:42 น.
วันปิดประมูล - 16 มี.ค. 2559 - 17:35:46 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลkaset (2.3K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 15 มี.ค. 2559 - 14:09:19 น.



เพิ่ม


 
ราคาปัจจุบัน :     1,920 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    uncleboy (2.4K)

 

Copyright ©G-PRA.COM