(0)
พระพุทธไตรรัตนนายก หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง หน้าตัก ๕ นิ้ว ฐาน ๗.๕ นิ้ว สูง ๑๑ นิ้ว สวยยมากกกกครับ








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระพุทธไตรรัตนนายก หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง หน้าตัก ๕ นิ้ว ฐาน ๗.๕ นิ้ว สูง ๑๑ นิ้ว สวยยมากกกกครับ
รายละเอียดประวัติแต่แรกเริ่มของการสร้างหลวงพ่อโตปรากฏในพงศาวดารว่าสร้างขึ้นในปีชวด พ.ศ. 1867 ก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยาถึง 26 ปี เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่มีพุทธลักษณะงดงาม แสดงฝีมือบั้นที่ล้ำเลิศเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 7 วา 10 นิ้ว สูง 9 วา 2 ศอก ประดิษฐานในพระวิหารใหญ่

ในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าคำว่า “หลวงพ่อโต” เป็นนามพระพุทธรูปที่เห็นมีอยู่หลายที่ ที่ตั้งชื่อเดียวกันนี้ เพื่อป้องกันการสับสนพระองค์จึงทรงถวายพระนามให้ใหม่ว่า “พระพุทธไตรรัตนนายก”

“หลวงพ่อโต” วัดพนัญเชิงถูกสร้างขึ้นในคราวที่พระยาเลอไทย กษัตริย์รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงสุโขทัยราชวงศ์พระร่วงครองราชย์เป็นที่ 7 สำหรับผู้สร้างนั้นสันนิษฐานกันว่าคือ “พระเจ้าสายน้ำผึ้ง” กษัตริย์ผู้ครองกรุงอโยธยาก่อนกรุงศรีอยุธยาจะเกิด สาเหตุแห่งการสร้างวัดและสร้างหลวงพ่อโตก็เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก ความอาลัยและเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระมเหสีราชธิดากษัตริย์กรุงจีนที่ทรงพระนามว่า “พระนางสร้อยดอกหมาก” นั่นเอง

“พระเจ้าสายน้ำผึ้ง” เป็นพระนามของกษัตริย์ไทยก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยาที่ปรากฏอยู่ในพงศาวดารเหนือ เล่ากันว่าแต่เดิมพระองค์เป็นสามัญชน แต่ต่อมาเมื่อกษัตริย์ที่ครองกรุงอโยธยาว่างลง ไม่มีผู้ใดจะสืบสันตติวงศ์ต่อไป เสนาอำมาตย์จึงเลี่ยงเรือพระที่นั่งสุพรรณหงศ์หาผู้มีบุญมาครองเมือง ในวันที่มีการเสี่ยงเรือนั้นได้มีเด็กเลี้ยงควายกลุ่มหนึ่งจำนวน 47 คนเลี้ยงควายอยู่ที่บ้านหัวปลวก ในจำนวนนี้มีเด็กอยู่คนหนึ่งตั้งตัวเป็นหัวโจกสมมติตัวเองเป็นพระเจ้าแผ่นดินนั่งว่าราชการอยู่บนจอมปลวกและสั่งให้ตัดหัวเพื่อนคนหนึ่ง เมื่อเด็กที่เล่นเป็นเพชรฆาตนำเด็กคนนั้นไปตัดหัวด้วยไม้ขี้ตอก ปรากฏว่าเด็กคนนั้นหัวขาดตายไปจริงๆ และขณะนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่เรือสุพรรณหงส์อันเป็นเรือเสี่ยงทายอัญเชิญเครื่องกุธภัณฑ์เล่นมาถึงที่นั่นพอดี ซึ่งไม่ว่าผีพายจะออกแรงพายยังไงเรือก็ไม่เคลื่อน เหล่าเสนาอำมาตย์จึงได้ขึ้นฝั่งและพบกับเหตุการณ์นี้จึงได้อัญเชิญเด็กเลี้ยงควายหัวโจกผู้นั้นมาเป็นกษัตริย์ครองเมือง...

ชาวกรุงเก่าให้ความนับถือ “หลวงพ่อโต” กันมานานนับร้อยๆ ปี มีเรื่องเล่าปากต่อปากเกี่ยวกับอภินิหารศักดิ์สิทธิ์มากมาย แม้กระทั่งในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาก็ได้มีบันทึกไว้ว่า “เมื่อก่อนกรุงจะแตกในปี พ.ศ.2310 นั้น พระเจ้าพแนงเชิงน้ำพระเนตรไหลจดพระนาภี” เป็นลางร้ายบอกเหตุว่าชะตากรุงศรีอยุธยาถึงคราววิบัติ ทำให้ชาวกรุงเก่าขณะนั้นเมื่อเห็นเหตุการณ์ประหลาดไม่เคยพบมาก่อน จึงพากันขนย้ายสมบัติ ทิ้งบ้านทิ้งเรือนไปอยู่ที่อื่น ซึ่งไม่นานพม่าก็ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาแตกอย่างย่อยยับจริงๆ

ต่อมาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตรพยายามบินไปทิ้งระเบิดสะพานปรีดีธำรงหรือสะพานใหม่อันเป็นเส้นทางสายเดียวที่จะเชื่อมเกาะเมืองกับถนนสายนอก ทั้งนี้เพื่อตัดเส้นทางลำเลียงของญี่ปุ่น แต่แล้วก็ทำไม่สำเร็จเพราะลูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรทุกลูกเมื่อทิ้งลงมาถูกกลางสะพานแล้วกลับไม่ระเบิด แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่ชวนขนลุก โดยผู้เฒ่าผู้แก่ชาวกรุงเก่าที่มีบ้านอยู่บริเวณใกล้สะพานปรีดีธำรงเล่าว่าในคืนที่เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรมาทิ้งระเบิดนั้นเป็นคืนข้างขึ้น พระจันทร์สว่าง ทันทีที่เครื่องบินทิ้งระเบิดลงมาพวกเขาเห็นชายชราคนหนึ่งขี้ม้าสีขาว โยนขึ้นไปในอากาศเพื่อปัดระเบิดลูกนั้นไม่ให้ถูกสะพาน เมื่อชายชราผู้นั้นปัดระเบิดทิ้งไปหมดแล้วก็วูบหายลงที่โบสถ์หลวงพ่อโตวันพนัญเชิง รุ่งเช้าใครต่อใครจึงพากันไปดูหลวงพ่อโต ปรากฏว่าพบรอยแตกที่พระกรขวาร้าวตลอดลงมา จึงร่ำลือกันว่าหลวงพ่อโตท่านมาช่วยปัดลูกระเบิดเพื่อช่วยชาวกรุงเก่า

ในสมัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ.2363 ช่วงรัชกาลที่ 2 ได้เกิดโรคระบาดหิวาตกโรคขึ้นจนผู้คนล้มตายคราวละมากๆ ไม่เว้นแต่ละวัน จนวัดไม่มีที่จะเผาและไว้ศพ จึงต้องโยนทิ้งน้ำไปบ้าง ศพจึงลอยอืดตลอดแม่น้ำลำคลอง ครั้งนั้นว่ากันว่าคนตายเหมือนใบไม้ร่วง ในอยุธยาก็เช่นกัน ดังนั้นผู้คนใน ต.สำเภาล่ม จึงได้ไปตั้งสัตยาอธิษฐานต่อหลวงพ่อโต วันพนัญเชิง ขอให้ช่วยเมตตารักษาโรคภัยให้หายและก็เอาน้ำมนต์กับขี้ธูปบนพื้นวิหารนั้นไปอาบกินและทาตัวป้องกันโรค ปรากฏว่าหายได้เป็นที่น่าอัศจรรย์ จึง
ทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อโตเลื่องระบือไปไกล หลายคนเชื่อว่าองค์พระพุทธรูปในอยุธยาที่มีอยู่มากมายหลายองค์นั้น แต่ละองค์ล้วนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนี้เพราะทุกองค์จะมีเทพ เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ สำหรับองค์หลวงงพ่อโตวัดพนัญเชิงนั้นหลายคนเชื่อว่าเทพที่สถิตปกป้องรักษาองค์พระก็คือทิพย์วิญญาณของเจ้าชายสายน้ำผึ้งนั่นเอง

ชาวบ้านที่ทำมาค้าขายทางเรือในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในอดีตเมื่อหลายปีก่อนเวลาออกเดินทางไปค้าขายทางเรือ เมื่อต้องผ่านหน้าวัดพนัญเชิงมักจะกระทำตามความเชื่อที่มีมาแต่เดิมคือนั่งอธิษฐานจิตแล้ววักน้ำตรงบริเวณหน้าพระวิหารของหลวงพ่อโตใส่หัวเรือและหัวตัวเองเพื่อความเป็นสิริมงคลซื้อง่ายขายคล่อง แล้วก็แปลกที่เป็นไปตามคำอธิษฐานทุกประการ

ในความศักดิ์สิทธิ์อีกเรื่องของหลวงพ่อโตซึ่งเป็นเรื่องจริงโดยเกิดขึ้นกับกลุ่มนักดำน้ำหาสมบัติเก่าเมื่อหลายสิบปีก่อนที่มีอดีตเป็นทหารเรือ เล่ากันว่ากลุ่มนักดำน้ำกลุ่มนี้เคยไปดำน้ำหาสมบัติที่หน้าวัดพนัญเชิงและทราบว่าที่ใต้ฐานหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิงมีของมีค่ามากมายซ่อยอยู่ วันที่เขาและพรรคพวกลงไปดำนั้นก่อนลงไปเขาได้อธิษฐานขอดำน้ำเพื่อลงไปดูว่ามีสิ่งใดบ้างที่อยู่ใต้น้ำนั้นและเมื่อเห็นแล้วก็จะไม่ขอแตะต้องโดยเด็ดขาด ขอให้หลวงพ่อโตจงรับรู้เจตนา เมื่อดำลงไปเขาก็ได้มุดเข้าไปในโพรงที่กระแสน้ำเซาะเข้าไปใต้วิหารหลวงพ่อโต เห็นดินร่วงลงจนเป็นอุโมงค์ เมื่อเอาไฟฉายส่องดูก็พบกับภาพที่อัศจรรย์มาก เขาเห็นพระพุทธรูปทองคำที่ถูกฝังไว้กับดินพร้อมด้วยเงินทองมากมาย อยู่ในลังไม้ก็มี อยู่ในอ่างเคลือบขนาดใหญ่ก็มีแต่ขณะที่มองดูอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงคนพูดก้องมาว่า “เจ้าอย่านำขึ้นมา ดูอยู่แค่นั้น หมดเวลาแล้วจงกลับไปเสียเถิด” เมื่อได้ยินอย่างนั้นเขาขนลุกซู่ทันทีและคิดในใจว่า “หลวงพ่อโต” ท่านเป็นพระพุทธรูปที่องค์ใหญ่มาก ภายใต้พื้นดินก็ถูกน้ำเซาะจนเป็นโพรง น่าอัศจรรย์ทั้งๆ ที่ท่านมีน้ำหนักมาก ทำไมองค์ท่านไม่ถลมทลายลงมา นี่ถ้าไม่ใช่พระพุทธบารมีก็คงพังลงสู่แม่น้ำไปนานแล้ว

ปัจจุบันหลวงพ่อโต “พระพุทธไตรรัตนนายก” แห่งวัดพนัญเชิง ก็ยังคงเป็นที่เคารพสักการะของคนไทยทั้งประเทศและชาวต่างชาติที่เดิมทางเข้ามาท่องเที่ยวภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทุกคนล้วนมากราบไหว้บูชาเพื่อขอพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์และบุญบารมีของท่านให้ช่วยคุ้มครองเพราะเชื่อว่า “หลวงพ่อโต” สามารถคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายได้นานาประการ


เมื่อเล่าถึงอภินิหารอันศักดิ์สิทธิ์และประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อโตแล้วในฉบับหน้าก็จะเป็นเรื่องราวของ “ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก” ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่กันมานานภายในวัดพนัญเชิงแห่งนี้รวมทั้งประวัติของ “เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก” ธิดากรุงจีนผู้สร้างตำนานความรักกับ “เจ้าชายสายน้ำผึ้ง” จนเกิดเป็นอนุสรณ์แห่งความรักขึ้น ณ บริเวณวัดพนัญเชิงนี้เมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมา.
ราคาเปิดประมูล3,450 บาท
ราคาปัจจุบัน3,500 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 22 ส.ค. 2551 - 23:38:27 น.
วันปิดประมูล - 24 ส.ค. 2551 - 15:47:21 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลtrustnow (3K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 22 ส.ค. 2551 - 23:39:15 น.
.


เพิ่ม


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 22 ส.ค. 2551 - 23:40:07 น.
.


ก้นปั้มตราภาษจีน


 
ราคาปัจจุบัน :     3,500 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    beerbus (290)

 

Copyright ©G-PRA.COM