(0)
ขอเปิดประมูล มีดหมอ หลวงพ่อรุ่งวัดหนองสีนวล อ.ตาคลี นครสวรรค์ ใบมีดทรงมีดเหน็บเก่ามาก มีขุมสนิมตอกลาย 7 นิ้ว








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องขอเปิดประมูล มีดหมอ หลวงพ่อรุ่งวัดหนองสีนวล อ.ตาคลี นครสวรรค์ ใบมีดทรงมีดเหน็บเก่ามาก มีขุมสนิมตอกลาย 7 นิ้ว
รายละเอียดขอเปิดประมูล มีดหมอ หลวงพ่อรุ่งวัดหนองสีนวล อ.ตาคลี นครสวรรค์ ใบมีดทรงมีดเหน็บเก่ามาก มีขุมสนิมตอกลาย 7 นิ้ว ด้ามไม้ปลอกสเตนเลส ยาว 5 นิ้ว ยาวรวม 13 นิ้ว ด้ามไม้น่าจะทำใหม่ ฝักไม้สักทำใหม่ ขอให้ท่านผู้รู้และศึกษามาพิจารณาดูให้ชอบก่อนเคาะ เหมือนในรูปทุกประการ ไม่เอา อย่าเคาะเล่นนะครับ จะได้ไม่เสียเวลานะ ครับ มีดยุดเก่านั้นเป็นงานทำด้วยมือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ แต่ละเล่มงานจะออกมาไม่เหมือนกันนะครับ โปรดพิจารณาดู ครับ


มีดหมอหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล" เป็นเครื่องรางของขลังที่หลวงพ่อรุ่งท่านได้บรรจงจัดสร้างเอาไว้ให้เป็นมรดกของแผ่นดินให้ลูกหลานได้เก็บรักษาไว้ป้องกันภัยอันตรายที่จะเข้ามาถึง หลวงพ่อรุ่งท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลวงพ่อเดิม และท่านก็เป็นผู้ริเริ่มสร้างมีดหมอขึ้นมาก่อนเป็นลำดับแรก หลวงพ่อเดิมท่านรู้เข้าก็มาเที่ยวที่วัดหนองสีนวล และมาศึกษาวิชาการทำมีดหมอจากหลวงพ่อรุ่ง และนำกลับไปทำของท่านบ้างที่วัดและเริ่มโด่งดังกันมาเป็นลำดับ แต่มีดหมอของหลวงพ่อรุ่งท่านทำไว้น้อยและหายากกว่าของหลวงพ่อเดิม แต่ราคาไม่สูงนัก แต่พุทธคุณเหมือนกันทุกประการ สำหรับวิธีการใช้คือ
๑. ป้องกันคุณไสยเวลาติดตัวอยู่ไม่ต้องกลัวใครกระทำย่ำยีแต่อย่างใด
๒. ป้องกันตัวเองจากศัตรูหมู่ร้าย เป็นมหาอำนาจ เป็นเมตตา เป็นแคล้วคลาด เป็นมหาอุตม์
๓. ขับภูตผีปีศาจที่เข้าคนธรรมดา หรือมีผู้ปล่อยมาให้เข้าสิง
๔. อาราธนาทำน้ำมนต์แก้คุณไสย หรือแก้เสนียดจังไรต่างๆ ตลอดจนฝันร้าย
๕. แก้อาถรรพณ์ความคงกระพันต่างๆ แม้จะสักยันต์ใดหรือกินว่าน หรือมีของดีตามธรรมชาติ เมื่อโดนมีดหมอของหลวงพ่อจะคลายเหนียวทุกทีไป นักเลงสมัยก่อนกลัวมีดหมอของหลวงพ่อกันนัก เพราะถูกทีไรเป็นเปื่อยยุ่ยไม่คงทน
๖. ด้ามงานั้นอาราธนาฝนกับฝาละมีหม้อดิน ด้วยน้ำล้างใบมีดจะแก้พิษสัตว์กัดต่อยได้ ทาบริเวณที่ถูกสัตว์กัดต่อย
๗. ป้องกันอสรพิษ สัตว์มีพิษ ทั้งหลาย เมื่อมีมีดหมอของหลวงพ่อติดตัว ตลอดจนเขี้ยวงาต่างๆ
๘. มีดหมอหลวงพ่อไม่ทำอันตรายกับผู้ที่มีมีดหมอเหมือนกัน เป็นการป้องกันการที่ลูกศิษย์อาจารย์เดียวกันทำร้ายกัน
๙. บูชาไว้กับบ้านป้องกันอัคคีภัย และโจรภัย อาราธนาแล้วมีอันตรายจะรู้ตัวก่อนทุกทีไป
๑๐. เมื่อไปต่างถิ่นหรือต่างบ้าน หรือนอนกลางดินกลางทรายในป่า ให้เอาปลายมีดของหลวงพ่อกล่าวขอขมาแม่พระธรณี แล้วขีดวางลงไปเป็นรูปเหลี่ยมหรือรูปวงกลมรอบๆตัวของผู้ที่พักนอน มดและสัตว์จะไม่มาใกล้ รวมทั้งกันภูตผีปีศาจด้วย
๑๑. เมื่อจะไปทางน้ำกลัวอันตรายจากสัตว์เช่น จระเข้ หรือสัตว์ร้ายอื่นๆ เช่นผีพราย ปลาไหลไฟฟ้า ให้ชักมีดออกจากฝักคาบไว้ในปากเวลาข้ามน้ำ หรือคาบทั้งฝักก็ได้ หรือเอามีดโบกน้ำนำหน้าไปจะปลอดภัย
๑๒. เมื่อฝีร้ายอาการกลัดหนอง ปวดร้าว ทรมาน หรือเพิ่งเริ่มเป็นให้ใช้มีดหมอของหลวงพ่อ เอาทางปลายแหลมวนเบาๆ เป็นวงกลมรอบๆหัวฝีระลึกถึงหลวงพ่อแล้วเป่าลมกำกับด้วย ถ้าเพิ่งเริ่มเป็นจะยุบหาย ถ้าเป็นมากกลัดหนอง ให้วนด้วยปลายมีดแล้วยกมีดหมอเหนือหัวฝีกลั้นใจทำการผ่าหัวฝีบนอากาศเหนือผิวหนัง กรีดอากาศไปมาสลับกันแล้วเป่าลมระลึกถึงหลวงพ่อ ฝีจะแตกภายใน ๓ วันและไม่เป็นพิษแต่อย่างไร
๑๓. เมื่อไปต่างถิ่นจะไปกินอาหารแต่ไม่แน่ใจว่าจะมีพิษหรือไม่ ให้เอาด้ามมีดหมอของหลวงพ่อจุ่มลงไปในอาหารเสียก่อน เป็นการป้องก้น ถ้างามีสีดำอย่ากิน ในกรณีที่กินเข้าไปแล้วมีอาการแสลง ให้นำมีดหมอของหลวงพ่อออกจาฝัก อาราธนาถึงหลวงพ่อแกว่งลงไปในขันน้ำ แก้วน้ำ หรือภาชนะอื่นใด ใส่น้ำดื่มกินเข้าไปจะแก้ยาเบื่อ ยาสั่งได้ ถ้าเป็นยาพิษจะลดกำลังลงพอหาหมอแก้ไขได้ทันที
๑๔. เมื่อถูกคุณ(ลมเพลมพัด) เรียกว่าปล่อยมาตามอากาศ ทำให้มีอาการบวมตามตัว เป็นลูกๆ เดี๋ยวบวมที่โน่น เดี๋ยวบวมที่นี่ ให้เอามีดหมอหลวงพ่ออาราธนาทำน้ำมนต์ระลึกถึงบารมีของหลวงพ่อกินเข้าไป แล้วจึงเอามีดหมอออกจากฝัก ไล่ก้อนที่บวมนั้นตั้งแต่บริเวณต้นที่บวมถ้าเป็นคุณที่ถูกปล่อยมาก้อนบวมมันจะเคลื่อนหนีปลายมีดหลวงพ่อ ให้ไล่ปลายมีดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปสุดที่ปลายมือ หรือปลายเท้า จะออกไป แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสดงว่าไม่ใช่คุณที่เขาปล่อยมาแน่ แต่เป็นบวมธรรมดา ไม่ช้าก็หาย
ก่อนใช้มีดหมอของหลวงพ่อควรใช้คาถาอาวุธ ๕ ประการ ทุกครั้งกำกับด้วย
"สักกัสสะวชิราวุทธัง เวสสุวันนะสะคะธาวุทธัง อาฬาวะกะสะธุสาวุทธัง ยะมะสะนัยนาวุทธัง ณารายยะสะจักกะราวุทธัง ปัญจอาวุทธานัง เอเตสังอานุภาเวนะ ปัญจะอาวุธธานังภัคคะภัคขา วิจุณนัง วิจุณาโลมังมาเมนะ พุทธะสันติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฐาหิ ซึ่งพระคาถานี้รวมอาวุธห้าประการที่ถือว่ามีอิทธิฤทธิ์ คือ
วชิราวุธ..อาวุธประจำกายพระอินทร์ที่ปราบมารร้ายและอสูร
ไม้เท้า...(กระบอง)ที่ยันกายขององค์ท้าวเวสสุวรรณ อันเป็นเจ้าแห่งภูตผีทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นผีอะไรต้องเกรงกลัวท่านท้าวเวสสุวรรณทั้งนั้น
ผ้าแดง...ของอาฬาวะกะยักษ์ ที่พ่ายแพ้แก่บารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ้าแดงนี้เป็นอาวุธที่ร้ายแรงตามที่โบราณกล่าวว่าถ้าผ้าผืนนี้ตกลงบนพื้นพิภพแห่งใดจะไหม้เป็นจุณและปลูกอะไรไม่ขึ้นจนตลอดกาล
นัยเนตร...ของท่านพญายมราช ที่เพ่งแล้วภูตผีทั้งหลายจะมอดไหม้ไปเป็นจุลมหาจุล
กงจักร...ของพระนารายณ์ ตามลัทธิพราหมณ์ถือว่ากงจักรของพระนารายณ์นี้ปราบได้ทั้งสวรรค์ อสูร และใต้บาดาล มีอิทธิฤทธิ์มากมายเหลือคณานับ…เมื่อหลวงพ่อได้อัญเชิญความศักดิ์สิทธิ์ของอาวุธทั้ง ๕ประการ ด้วยอำนาจอาคม และไสยวิธีมาสถิตในมีดหมอของหลวงพ่อก็ย่อมวางใจได้ว่า ต้องทรงอำนาจในทางปราบมารร้าย ภูตผีปีศาจอำนาจฝ่ายต่ำ การกระทำย่ำยี และป้องกันอันตรายจากมนุษย์และสัตว์โลกได้อีกด้วย
หลวงพ่อรุ่ง ฆํคสุวณฺโณ วัดหนองสีนวล อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เป็นวัดดั้งเดิมที่เกี่ยวข้อง กับกองบิน ๔ มากที่สุด อยู่ห่างจากพื้นที่กองบิน ๔ ไม่ถึง๑ ก.ม. โดยอยู่ทิศเหนือของ กองบิน ๔ ( หลังกองบิน ๔ ) ซึ่งวัดนี้หลวงพ่อรุ่งเป็นผู้นำสร้าง และเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก
หลวงพ่อรุ่ง ฆํคสุวณฺโณ เกิดเมื่อวันพุธที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ.๒๔๑๒ ที่บ้านหัวหวาย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ โดยบิดาชื่อ แป้น แป้นโต โยมมารดาชื่อ พุ่ม แป้นโต อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดมะปราง
เหลือง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ โดยมีหลวงพ่อปั้น วัดหัวถนน เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเงิน วัดมะปรางเมือง เป็นกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล เป็นอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำ
พรรษา ณ วัดมะปรางเหลือง
ศึกษา – พัฒนา ได้ศึกษาธรรมวินัยที่วัดมะปรางเหลืองกับพระกรรมวาจาจารย์ ทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระปรากฏว่าท่านสามารถหยั่งรู้ความเป็นไปของสัตว์ในคติภพต่างๆ เมื่อศึกษาจนเป็นที่พอใจในระดับหนึ่งแล้ว ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านเกิดคือวัดหัวหวาย และเมื่อวัดว่างเจ้าอาวาส ท่านก็ได้รับเป็นเจ้าอาวาสวัดหัวหวาย ในขณะที่พรรษาได้ประมาณ ๕ พรรษาต่อมาที่บ้านหัวหวายมีความเดือดร้อนลำเค็ญเกี่ยวกับเรื่องน้ำและสภาวะบีบคั้นด้านอื่นๆ ท่านสงสารญาติโยมจึงได้จาริก แสวงหาทำเลที่ตั้งหมู่บ้านใหม่โดยท่านได้ใช้วิชาที่ศึกษาเล่าเรียนมาเสี่ยงทายหาทำเลที่เหมาะสมประมาณ ๔-๕ ที่ จึงได้มาพบหนองน้ำที่มีนกเขาชุกชุมมากและมีนกเขาตัวหนึ่งสีนวลสวยงามเป็นจุดเด่นอยู่ด้วย ท่านจึงตกลงใจยึดทำที่เหมาะสมกลับไปนำญาติโยมจากบ้านหัวหวายอพยพมาอยู่ครั้งแรก ๓๐ ครอบครัว ต่อมาได้อพยพตามมาเป็นจำนวนมาก ท่านได้รื้อกุฏิและศาลาวัดหัวหวายมาสร้างที่ วัดหนองสีนวลด้วยโดยได้สร้าง วัดหนองสีนวล เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๔๔ ตรงกับรัชสมัยของพระปิยมหาราช ร.๕
ครั้งถึง พ.ศ.๒๔๕๓ ท่านได้พบ แสงศร และได้นำทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๖ ด้วยตนเอง ซึ่งพระแสงศรดังกล่าว จัดเป็นของสำคัญอีกอย่างหนึ่งในรัชสมัยของพระองค์ด้วย
การพบพระแสงศร ของหลวงพ่อรุ่ง
หลวงพ่อรุ่งเจ้าอาวาสวัดหนองสีนวล อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ พบศรนี้บนไหล่เขาชอนเดื่อ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ และได้นำถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงประกอบพิธีอัญเชิญเป็นพระแสงอัษฎาวุธประจำองค์ และทรงพระราชทานนามศรนี้ว่า “พระแสงศรกำลังราม” พระแสงศรกำลังรามมีลักษณะ เป็นศรโบราณเครื่องสัมฤทธิ์ฝีมือประณีต หัวคันศรเป็นรูปนาคราช ๓ เศียร และหางคันศรเป็นหางนาคราช ทำด้วยสัมฤทธิ์ คันศรทำด้วยเหล็กหุ้มด้วยสัมฤทธิ์ สายคันศรทำด้วยเหล็ก คันศรยาว ๘๑ เซนติเมตร หัวลูกศรเป็นรูปวชิระ ลูกศร ยาว ๑๑.๔ เซนติเมตร
จากหนังสือ ของม.จ.หญิงพูลพิศสมัยดิศกุล
" เมื่อวันที่ 13 เดือน มกราคม ร.ศ.129(พ.ศ.2456) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) เสด็จไปสมโภชน์พระราชมนเฑียรที่พระที่นั่งสนามจันทร์ ราษฎรขุดได้แผ่นสัมฤทธิ์รูปกระบี่ 1 รูป ครุฑ 1 รูป เป็นคู่กัน เป็นของใช้เป็นเครื่องประดับในงานพิธีต่างๆ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จำเดิมแต่ได้พระบรมราชาภิเษก แล้วมีพระภิกษุน้อมนำโบราณ ทำด้วยฝีมืออันวิจิตรยิ่งนักมาถวาย เพิ่มพูลพระบารมีในปีต้นแห่งรัชสมัยคือแผ่นสัมฤทธิ์ รูปพระกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์ เป็นของโบราณครั้งพระปฐมเจดีย์เป็นพระนครราชธานี ซึ่งพระ กลั่น เจ้าอธิการวัดพระประโทน พระสุนทรบุรีศรีพิไชยสงคราม (ชม) ข้าหลวงเทศาภิบาลสำเร็จราชการ มณฑลนครไชยศรี เป็นผู้นำทูลเกล้าถวายเวลาเสด็จพระราชดำเนินพระปฐมเจดีย์ ในงานเฉลิมพระราช มณเฑียรที่พระราชวังสนามจันทร์ และสมโภชน์พระปฐมเจดีย์ ณ วันที่ 13 มกราคม รัตนโกสินทร์ศก 129 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมหลวงนริศรานุวัติวงศ์ ทรงคิดเครื่องประกอบเป็นธงพระกระบี่พระครุฑพ่าห์น้อยขึ้น พระอนุรักษ์ราชมณเฑียร (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม) เป็นผู้จัดทำ แล้วทันงานราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ ในวันที่ 25 มีนาคม รัตนโกสินทร์ศก 129 ซึ่งเป็นวันตั้งน้ำวงด้ายเริ่ม การพระราชพิธีโปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งราวไว้ข้างพระแท่นมณฑลสำหรับจะได้เชิญขึ้นผูกเสาพระแท่นมณฑล เข้าราชพิธีต่อไป พร้อมกับพระฤกษ์จุดเทียนชัยครั้นรุ่งขึ้น วันที่ 26 มีนาคม เวลาเช้าพระฤกษ์จุดเทียนไชยประจำธงกษัตริย์แต่โบราณ พระยาสุนทรบุรีข้าหลวงเทศาภิบาลนำขึ้นทูลเกล้าถวายและมีประกาศอยู่ในราชกิจนุเบกษาเล่ม 28 หน้า 37 วันที่ 9 เมษายน ร.ศ.130 ดังนี้ "การพิธีและเครื่องหมายในพิธีที่สวัสดีมงคลย่อมเป็นที่นิยมอยู่ด้วยกันทั่วโลก ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ ตลอดมาจนกาลปัจจุบันนี้ อันในทวีปตะวันออก เช่น ประเทศสยาม ซึ่งเคยนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อน เดิมย่อมนิยมว่า พระเจ้า แผ่นดินเป็นพระนารายณ์อวตารมาโปรดสัตว์ในโลก มีเรื่องรามาวตาร เป็นต้น พระเจ้าแผ่นดินจึงทรงพระนามว่าพระรามาธิบดี ตั้งแต่โบราณกษัตริย์เนื่องมาถึงกรุงรัตน-โกสินทร์นี้ คงมีพระนามาภิไธยเป็นพระรามาธิบดีสืบมา การถวายพระนามเป็นพิเศษย่อมเกิดจากพระคุณสมบัติส่วนพระองค์พระเจ้าแผ่นดิน หรือเนื่องมาทางพระพุทธศาสนาไม่ได้ห้ามการนับถือพระมหากษัตริย์เป็นพระนารายณ์อวตาร จึงดำรงอยู่ในความนิยมแห่งประชาชน ส่วนพระนารายณ์นั้น พราหมณ์นิยมว่ามีพระยาครุฑเป็นพาหนะ กระบี่เป็นบริวาร จึงเป็นราชประเพณีนิยม มาแต่โบราณกษัตริย์ใช้ธงกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์ เป็นเครื่องประดับพระเกียรติยศเชิญ นำเสด็จพระราชดำเนินในงานพระราชสงครามฤาในขบวนพยุหยาตรา

และในเวลานั้นพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ทรงนำศรเครื่องสัมฤทธิ์ศีรษะเป็นนาคราช 3 เศียร มีสายและลูกพร้อมขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเป็นของพระรุ่งเจ้าอธิการวัดหนวงตานวล ท้องที่กิ่งตาคลี(แต่ก่อน) อำเภอพยุหะคีรี ได้จากเขาชอนเดื่อ พรมแดนเมืองลพบุรี พระนครละโว้ เป็นฝีมือโบราณอันประณีตและไม่มีรอยมือจับหรือสิ่งใดที่ส่อให้เห็นว่า จะได้นำขึ้นสำหรับเทวรูปถือ
จึงเป็นว่าแสงศรนี้ น่าจะได้สร้างขึ้นไว้สำหรับการพิธีตามลัทธิพราหมณ์ เช่น ใช้ชุบน้ำมนต์ ฤาแช่งน้ำสาบาน อย่างทำน้ำพิพัฒน์สัตยา เป็นต้น ทั้งปลายลูกศรมีรูปวชิระ ประหนึ่งว่าราวกับจะทำขึ้นไว้สำหรับพระมหากษัตริย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ เป็นสิ่งที่สูงสมควรที่เข้าพิธีได้ต่อไป ประจวบกับเวลาที่ได้โปรดเกล้าฯ ให้เชิญธงพระกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์น้อยขึ้นผูกเสาพระแท่นมณฑล จึงทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ และทรงเจิมธงแลศรโบราณแล้ว เจ้าพนักงานเชิญธงพระกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์ ขึ้นผูกเสาพระแท่นมณฑลด้านหน้า ทรงพระครุฑพ่าห์ใหญ่ ของเดิมผูกเสาพระแท่นมณฑลด้านหลัง เชิญแสงศรขึ้นวางในแท่นมณฑลพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ ตั้งแต่เช้าวันนั้น และใช้ในพระราชพิธีอื่นต่อไป พระราชทานนามศรโบราณว่า "พระแสงศรกำลังราม" ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพัดครุฑงานรัชมงคลแก่พระรุ่งเจ้าอธิการ และพระราชทานเงินตราแก่ศิษย์เป็นบำเหน็จตามสมควร
การที่พระรุ่งได้ค้นพบพระแสงศรโบราณนี้ สอบสวนได้ความว่าเดิมเจ้าอธิการรุ่ง วัดหนองสีนวล (แต่ก่อน) ท้องที่กิ่งตาคลี อำเภอพยุหะคีรี คุมคนกับช้างไปตัดไม้อยู่ในดงหนองคันไถ ครั้นเมื่อวันอังคาร เดือนยี่ แรม 3 ค่ำ ตรงกับวันที่ 17 มกราคม ร.ศ.129 อธิการรุ่งให้เด็กชายตี๋กับเด็กชายแบน ซึ่งเป็นศิษย์ไปเที่ยวหาใบตองบนเขาชอนเดื่อ ถึงไหล่เขามีศิลาอยู่สองก้อนอยู่เคียงกัน เด็กชายตี๋แลเห็นศีรษะนาคโผ่จากใบไม้ที่ร่วงสะสมอยู่ในซอกศิลา สำคัญว่าเป็นพระพุทธรูปจึงหยิบยกขึ้นมาเห็นเป็นศรทั้งคัน เด็นชายแบนค้นที่ซอกศิลาต่อไปได้ลูกศรอีกลูกหนึ่ง จึงนำมาถวายอธิการรุ่ง อาจารย์ ในเวลานั้น ขุนวิจารณ์พยุหพล ปลัดว่าการกิ่งอำเภอตีคลี กำลังเดินทางมาตรวจราชการได้ทราบข่าว เรื่องพบแสงศรนี้ จึงไปขอดูแล้วรายงานขึ้นไปยังมณฑลนครสวรรค์ จึงได้พาอธิการรุ่งกับเด็กชายตี๋ เด็กชายแบน พร้อมด้วยแสงศร เข้ามายังกรุงเทพฯ เพื่อทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย พระบามสมดเจพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
ในสมัยต้นรัชกาล (ร.6) ซึ่งงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีการเลียบพระนคร พระแสงศรกำลังรามอยู่ในแถวที่ 4 มีนายสุดจินดาเป็นผู้ถืออัญเชิญเสด็จ ปัจจุบันจะนำมาใช้ในงานพระราชพิธีใหญ่ เช่น งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและงานพิพัฒน์สัตยา หรือชุบน้ำทำน้ำมนต์ ฤาแช่งน้ำสาบาน เป็นต้น
ปล.ต่อมาหลวงพ่อรุ่งได้เขียนจาร วัน เดือน ปี ที่พบแสงศรไว้ ณ. สถานที่พบแสงศรบริเวณเชิงเขาชอนเดื่อ โดยเขียนจารไว้กับก้อนศิลาหินอ่อน ที่วนอุทยานถ้ำเพชรถ้ำทอง
คัดลอกจากหนังสือประวัติหลวงพ่อรุ่งฆํคสุววณโณ
ความเกี่ยวพันกับหลวงพ่อเดิมฯ หลวงพ่อรุ่งมีความเกี่ยวข้องเป็นญาติกับหลวงพ่อเดิม (เป็นพี่หลวงพ่อเดิม ๑๑ ปี) โดยโยมมารดาของท่านทั้งสองเป็นพี่น้องกันและท่านทั้งสองได้ช่วยกันปฏิบัติศาสนกิจมาโดยลำดับเช่น การก่อสร้างอุโบสถ วัดหนองสีนวล ก็ปรากฏว่าหลวงพ่อเดิมได้มีส่วนช่วยในการก่อสร้างจนสำเร็จลุล่วงอย่างรวดเร็ว
หลวงพ่อรุ่งได้พัฒนาวัดหนองสีนวลมาโดยลำดับจนถึง วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๙ ท่านได้มรณภาพละสังขาร สิริรวมอายุได้ ๗๗ปี พรรษา ๕๔ เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองสีนวล ๔๔ ปี
รูปเหมือนหลวงพ่อรุ่ง กองบิน ๔ ได้ระลึกถึงพระคุณของท่านจึงได้หล่อรูปเหมือนหลวงพ่อรุ่ง เมื่อพ.ศ. ๒๕๓๐ จากโรงหล่อใกล้วัดประดิษฐารามกรุงเทพมหานคร ฐานกว้าง ๓๒ นิ้ว หน้าตักกว้าง ๓๒ นิ้ว ส่วนสูง ๓๙ นิ้ว ค่าหล่อ ๓๖,๐๐๐ บาท (สามหมื่นหกพันบาทถ้วน) ได้ทำพิธีพร้อมพิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคล หลวงพ่อเพชรเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ ณ วิหารหลวงพ่อเพชร ด้วย

ความเกี่ยวพันกับหลวงพ่อเดิมฯ หลวงพ่อรุ่งมีความเกี่ยวข้องเป็นญาติกับหลวงพ่อเดิม โดยโยมมารดาของท่านทั้งสองเป็นพี่น้องกันและท่านทั้งสองได้ช่วยกันปฏิบัติศาสนกิจมาโดยลำดับเช่น การก่อสร้างอุโบสถ วัดหนองสีนวล ก็ปรากฏว่าหลวงพ่อเดิมได้มีส่วนช่วยในการก่อสร้างจนสำเร็จ ลุล่วงอย่างรวดเร็ว หลวงพ่อรุ่งได้พัฒนาวัดหนองสีนวลมาโดยลำดับจนถึง วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๙ ท่านได้มรณภาพละสังขาร สิริรวมอายุได้ ๗๗ปี พรรษา ๕๔ เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองสีนวล ๔๔ ปี ครับ
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน1,900 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 20 ม.ค. 2562 - 11:11:38 น.
วันปิดประมูล - 21 ม.ค. 2562 - 21:26:44 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลRambo_Thai (714)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     1,900 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    muser31 (177)

 

Copyright ©G-PRA.COM