(0)
ตะกรุดโทนโสฬส ขนาดประมาณ 4.5 นิ้ว หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย จ.นนทบุรี สุดยอดประสบการณ์(ห่อเดิมๆจากวัด)......เคาะแรกแดง




รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องตะกรุดโทนโสฬส ขนาดประมาณ 4.5 นิ้ว หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย จ.นนทบุรี สุดยอดประสบการณ์(ห่อเดิมๆจากวัด)......เคาะแรกแดง
รายละเอียดตะกรุดโทนโสฬส ขนาดประมาณ 4.5 นิ้ว หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย จ.นนทบุรี สุดยอดประสบการณ์(ห่อเดิมๆจากวัด)......เคาะแรกแดง


ตะกรุดดอกนี้ผมได้บูชาจากวัดไทรน้อยเมื่อปี 2540 กว่า

หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย จ.นนทบุรี
พระครูนนทสิทธิการ (ประสิทธิ์) เจ้าอาวาสวัดไทรน้อย ม.๑ ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เป็นพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังทาง "ตะกรุด" มาตั้งแต่บวชเรียนใหม่ๆ ที่ใช้ได้ผลทางแคล้วคลาดปลอดภัย
เผย...การปลุกเสกของให้ "ขลัง" ได้ผู้ปลุกเสกต้องมีบุญบารมีด้วย อย่างไรก็ตามควรเลือก "ธรรมะ" จะดีกว่า เพราะช่วยบ่มเพาะจิตใจได้..ต่อไปนี้เป็นคำให้สัมภาษณ์ที่ หลวงพ่อประสิทธิ์ ให้ทีมข่าวพระเครื่อง "คม ชัด ลึก" ได้บันทึกไว้
หลวงพ่อคิดอย่างไรถึงได้บวชเป็นพระครับ?
-สมัยนั้นโยมพ่อให้บวชก็ต้องบวช ครั้งแรกที่อาตมาบวชตั้งใจจะบวชเพียงพรรษาเดียวเพื่อทดแทนคุณบิดามารดา พอเวลาผ่านไปก็มีความรู้สึกว่า จิตใจสบาย ไม่ร้อนรุ่มอะไร เลยจำพรรษามาเรื่อยๆ แต่ที่อาตมาเกิดติดใจในการบวชครั้งนี้ก็พราะอาตมาได้ฝึกนั่งกรรมฐาน แต่ถ้าหากใครไม่ได้นั่งกรรมฐาน จะบวชอยู่ได้ไม่นาน
การนั่งกรรมฐานเป็นอย่างไรครับ?
-ก็เป็นการนั่งภาวนาไปเรื่อยๆ หายใจเข้าออกภาวนา "พุทโธ" ในใจ หายใจออกก็ "พุทโธ" ในใจ ปล่อยให้ทุกอย่างเงียบสงัดที่สุด ก็จะทำให้จิตใจสงบดี ไม่ทำให้คิดอะไรฟุ้งซ่าน เมื่อนั่งเรื่อยๆ ไปมีความรู้สึกว่า จิตใจมันชอบเลยเป็นสาเหตุที่อาตมาไม่สึก

หลวงพ่อไปเรียนวิชาคาถาอาคมจากที่ไหนครับ?
-ระหว่างที่อาตมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสุทธาโภชน์ได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาคาถาอาคาจากสมุดข่อยต่างๆ และเมื่อมีปัญหาบางอย่างที่แก้ด้วยตัวเองไม่ได้ จึงได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทุกปัญหาจาก พระอาจารย์อ่อน และ พระอาจารย์เทียม ซึ่งพระอาจารย์อ่อนได้แนะนำเกี่ยวกับการสร้างวัตถุมงคลว่า ทุกคนย่อมทำได้ แต่ทำแล้วไม่เป็นอย่างที่เราคิด เพราะเป็นคนไม่มีตัวตน ถือเป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง อาตมามีความตั้งใจจริงที่จะเรียนวิชาดังกล่าว
เมื่อหลวงพ่อตัดสินใจที่จะเรียนพระอาจารย์อ่อนว่าอย่างไรบ้างครับ?
-พระอาจารย์อ่อนไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่อาตมาได้บอกกับท่านว่า ถ้าทำแล้วใช้ไม่ได้จะเลิก จากนั้นจะเรียนวิชาต่างๆ โดยได้จุดธูปเทียนอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูปว่า "ข้าพเจ้าจะเรียนวิชาต่างๆ เหล่านี้ จะเรียนได้หรือไม่ ขอให้เกิดนิมิตกับตัวข้าพเจ้าด้วย" จะด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบ คืนนั้นอาตมาได้มีนิมิตเห็นว่า เรียนได้ของดีอยู่ในตัวแล้ว พอตื่นขึ้นมาจึงได้คิดว่าตนเองเรียนได้
แล้วหลวงพ่อเริ่มสร้างวัตถุมงคลเมื่อไรครับ?
-พอดีพรรษาในปีนั้น พระจะต้องไปทิ้งบาตรตามบ้านญาติโยม เรียกว่า ธุดงค์ หรือเรียกได้อีกแบบหนึ่งว่า ฉันเอกามื้อเดียวในบาตร ซึ่งวัดสุทธาโภชน์ได้จัดขึ้นมาเป็นประเพณีทุกปี อาตมาจึงได้เริ่มฉันข้าวบูดกับถั่วงา เป็นเวลาประมาณ ๗ วัน ระหว่างนั้นทำให้ร่างกายเดินไม่ค่อยจะไหว แต่ด้วยแรงศรัทธาอย่างแรงกล้าที่จะเรียนวิชานี้ให้ได้ อาตมาจึงมุ่งมั่นเรียน วิชาการทำตะกรุดดอกใหญ่

ทำไมถึงคิดทำ "ตะกรุด" ขึ้นมาครับ?
-ที่อาตมาคิดทำตะกรุด เนื่องจากสมัยนั้นต้องเดินทางไปอยู่ปริวาสกรรมกับพระอาจารย์ที่เขาช่องพราน จังหวัดราชบุรี สถานที่แห่งนี้สมัยนั้นเป็นถิ่นที่ทุรกันดาร และมีโจรผู้ร้ายเป็นจำนวนมาก ตรงนี้เองที่อาตมาคิดทำตะกรุดขึ้นมา เพื่อเอาไว้ใช้ป้องกันตัว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำตะกรุดตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
หลวงพ่อทำตะกรุดต้องจารอักขระเองด้วยหรือเปล่าครับ?
-อาตมาทำตะกรุดครั้งแรกได้ไปทำที่อุโบสถ แต่ด้วยเป็นคนกลัวผีจึงได้ชวนพระอีกรูปหนึ่งไปเป็นเพื่อนกันด้วย ขณะที่พระเพื่อนบอกว่า หากทำเสร็จแล้วต้องให้ตะกรุด ๑ ดอกเป็นของตอบแทน จำได้ว่ากว่าจะทำตะกรุดเสร็จต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง จนกระทั่งเวลาประมาณตี ๓ อาตมาก็ทำตะกรุดเสร็จ จึงแบ่งให้เพื่อนไป ๑ ดอกตามสัญญา ต่อมาพระเพื่อนรูปนี้ได้ลาสิกขาออกไป และได้กลายเป็นนักเลง เที่ยวขโมยของสารพัด ถูกชาวบ้านยิงบ้างถูกฟันบ้าง ก็ไม่เป็นอะไร เพื่อนจึงมั่นใจว่าที่แคล้วคลาดปลอดภัยมาได้นี้ต้องมาจาก
ตะกรุดดอกนี้ ประสบการณ์นี้จึงเป็นที่กล่าวขวัญว่า ตะกรุดของอาตมาสามารถป้องกันภัยอันตรายได้ ทำให้ญาติโยมที่รู้ข่าวต่างเดินทางมาขอตะกรุดกันไม่ขาดสาย
หลังจากหลวงพ่อทำตะกรุดในครั้งแรกได้ผลจึงได้ทำของออกมาอีกใช่ไหมครับ?
-เพราะอาตมาทำตะกรุดออกมาครั้งแรกแล้วใช้ได้ผล จึงได้ทำตะกรุดต่อมาตามคำอธิษฐานก่อนหน้าที่จะเรียนรู้วิชาคาถาอาคมนั่นแหละ ปัจจุบันอาตมาจึงได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง เพื่อเอาไว้ให้ลูกศิษย์ได้นำไปบูชา ภายในงานประจำปีของวัดไทรน้อย ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในเดือนอ้าย ข้างขึ้นของทุกปี
ตะกรุดที่หลวงพ่อทำเรียกว่าอะไรครับ?
-มีตะกรุดหลายอย่างหลายแบบ อาทิ ตะกรุดโทนเดี่ยว ตะกรุดโทนคู่ ตะกรุดโทน ๒ ชั้นดอกเล็กและดอกใหญ่ ตะกรุดหนังเสือดอกเล็กและดอกใหญ่ ตะกรุดทองแดง ตะกรุดไม้ไผ่ตัน ตะกรุดทองแดง ลงรักปิดทองดอกยาวและดอกสั้น ทั้งหมดนี้ตะกรุดดอกเล็กหรือดอกใหญ่จะมีความแตกต่างกันที่ยันต์ และตะกรุดเหล่านี้หากเขียนอักขระเรียบร้อยแล้วม้วนได้เลยโดยไม่ต้องปลุกเสก
ตะกรุดโทนใช้ให้ได้ดีนั้น มีพุทธคุณทางไหนครับ?
-ตะกรุดทุกแบบเหมือนกันในการทำ แต่จะมีความแตกต่างกันในการนำไปใช้ เพราะตะกรุดโทนมีไว้แล้วสามารถป้องกันในเรื่องของปืนผาหน้าไม้ได้ รวมทั้งใช้ดีไปในทางคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดก็ได้เช่นกัน ส่วนถ้าเป็นตะกรุดเมตตาจะเน้นไปทางเมตตาค้าขาย แต่ทุกวันนี้อาตมามีอายุมากขึ้นแล้ว สามารถทำได้เท่าที่มีกำลัง ตอนนี้จึงทำตะกรุดได้เพียงวันละ ๒-๓ ดอกเท่านั้น
ปัจจุบันหลวงพ่อยังจารอักขระยันต์ตะกรุดด้วยตัวเองหรือเปล่าครับ?
-ทุกวันนี้อาตมาอายุมากขึ้นแล้ว จะมีลูกศิษย์มาช่วยในการทำตะกรุดให้บ้าง แต่ส่วนใหญ่การจารอักขระอาตมาจะทำเองทุกครั้ง และปลุกเสกคนเดียว เพราะการทำวัตถุมงคลในครั้งแรกได้ผล ครั้งต่อไปก็จะได้ผลเหมือนกัน แต่ถ้าครั้งแรกทำวัตถุมงคลออกมาไม่ดี ต่อให้เสก ๓ คืน ๓ วัน หรือให้ปลุกเสกเป็นไตรมาสก็ไม่ได้ผล จะได้ผลหรือไม่ได้ผลอยู่ที่ตัวบุคคล ไม่อย่างนั้นใครนึกอยากจะทำวัตถุมงคลออกมาก็ทำกันได้ พระอาจารย์ เกจิอาจารย์คงเต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว

วัตถุมงคลที่เป็นเหรียญหลวงพ่อสร้างครั้งแรกเมื่อไรครับ?
-อาตมาสร้างเหรียญรุ่นแรก ผูกพัทธสีมา ปี ๒๕๐๐ เป็น เหรียญพระอธิการเผื่อน อดีตเจ้าอาวาสวัดไทรน้อยรูปแรก แต่ถ้าเป็นตัวอาตมาเอง เป็นปี ๒๕๐๘ รุ่นฉลองตราตั้งพระอุปัชฌาย์ เจ้าอาวาสวัดไทรน้อย

วัตถุมงคลที่เป็นเหรียญ กับตะกรุด มีพุทธคุณเหมือนกันไหมครับ?
-ไม่เหมือนกัน ทั้งสองอย่างมีความแตกต่างกันไป แต่ตะกรุดจะดีกว่า เนื่องจากตะกรุดจะลงอักขระมากกว่าเหรียญ เพราะเหรียญมีเนื้อที่จำกัดในการลงอักขระ ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่าการลงอักขระมีความสำคัญมากที่สุดในการทำเครื่องรางฯ หรือวัตถุมงคล ถือเป็นตัวกำกับคาถาว่าจะขลังหรือไม่ขลัง

การทำวัตถุมงคลออกมาให้ได้ผลนั้น ขึ้นอยู่กับอะไรครับ?
-การทำวัตถุมงคลนอกจากขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลแล้ว บุญบารมีของแต่คนที่สร้างวัตถุมงคลก็สำคัญ มิใช่สักแต่ว่ามีคาถาก็ว่ากันไปนั้นไม่ได้ ของที่ทำออกมาเมื่อนำเอาไปใช้ก็จะไม่ได้ผล เหมือนเมื่อครั้งที่ ท่านเจ้าคุณฯ วัดโมลี จังหวัดนนทบุรี ได้ให้ กำนันภพ ที่มีชื่อเสียงด้านการปลุกเสกย่านวัดหน้าไม้ จังหวัดปทุมธานี สมัยเป็นหนุ่มเคยมาบวชที่วัดโมลี จึงได้บอกกับท่านเจ้าคุณฯ วัดโมลีว่า จะปลุกเสกเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ทราบว่าท่านเจ้าคุณอยากจะให้ทำอะไร ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นผ้ายันต์สัก ๕,๐๐๐ ผืนก็พอ จากนั้นกำนันภพก็ได้ปลุกเสกผ้ายันต์และวัตถุมงคลของวัดหน้าไม้ด้วยการเสก ๓ วัน ๓ คืนไม่ออกจากโบสถ์

หลังจากปลุกเสกวัตถุมงคลเรียบร้อยแล้วเป็นอย่างไรครับ?
-กำนันภพได้มีหนังสือไปถึงท่านเจ้าคุณฯ วัดโมลี ให้มารับผ้ายันต์ที่ปลุกเสกเสร็จแล้ว ท่านเจ้าคุณฯ จึงได้ให้เด็กหนุ่ม ๒ คน มารับผ้ายันต์ชุดนี้ไป ระหว่างเดินทางกลับนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองจึงคิดที่อยากจะลองของ ได้ดึงผ้ายันต์ออกมาประมาณ ๕ ผืน แล้วทดลองยิงกับต้นไม้ ผลปรากฏว่าต้นไม้ทะลุเลยแสดงว่าไม่เหนียว เด็กหนุ่มทั้งสองก็ไม่ยอมบอกใครว่า ผ้ายันต์ที่ปลุกเสกมานี้ใช้ไม่ได้ผล

ทำไมผ้ายันต์ถึงไม่เหนียวครับ?
-ก็อาตมาบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า การจะปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังนั้นไม่ใช่จะทำกันง่ายๆ แต่ผู้ปลุกเสกจะต้องมีบุญวาสนา เป็นคนที่มีบุญบารมีพอสมควร จึงจะทำให้การปลุกเสกวัตถุมงคลเหล่านี้ได้ผล ในอดีตเราสามารถเห็นได้จาก หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า ถึงแม้จะมีลูกศิษย์สืบทอดวิชาคาถาอาคมจากพระอาจารย์เกจิต่างๆ ก็ไม่ได้ผล หากตัวบุคคลนั้นไม่มีบุญบารมีมากพอ
มีอีกเรื่องหนึ่งที่อาตมาอยากจะเล่าให้ฟัง มีนายทหารผู้หนึ่งกินเหล้าแล้วไปเกะกะพ่อค้าแม่ค้าในตลาด พวกพ่อค้าแม่ค้าใช้มีดฟันไปที่นายทหารคนนี้ไม่เข้า อีกคนแทงด้วยฉมวกก็ไม่เข้า เขาไม่ได้แขวนพระ ไม่มีตะกรุดไม่มีเครื่องรางใดๆ เลยอยู่ในตัว มีเพื่อนของนายทหารผู้นี้ถามว่า มีอะไรดีถึงฟันแทงไม่เข้า นายทหารผู้นี้ก็ไม่ยอมบอก

แล้วเพราะเหตุใดที่นายทหารผู้นี้ถึงถูกฟันไม่เข้าครับ?
-ในตอนหลังนายทหารผู้นี้บอกว่า ที่เขาถูกยิงไม่เข้า ก็เพราะว่าเขามี "คด" ซึ่งเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่ง เป็นหินเหมือนทองคำ มีความยาวประมาณ ๒ นิ้ว คนที่จะอานุภาพปลุกเสกวัตถุมงคลให้ได้ผลจะต้องมี "คด" ที่อยู่ในตัวคนตั้งแต่เกิด ถือเป็นเรื่องธรรมชาติให้มา คนที่มี "คด" อยู่ในตัวจะรู้ได้ด้วยตัวเอง เพราะจะมีนิมิตมาบอก แต่เจ้าตัวจะบอกหรือไม่บอกคนอื่นหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คนใดที่ไม่มี "คด" ในตัวจะไปปลุกเสกวัตถุมงคลให้มีความเข้มขลังก็ไม่ได้

"คด" ที่ว่านี้จะอยู่ในส่วนไหนของมนุษย์ครับ?
-อาตมาก็บอกไม่ได้ว่า "คด" ที่อยู่ในตัวคนจะอยู่ในตำแหน่งใดของร่างกาย สมัยก่อนเมื่อคนที่มี "คด" อยู่ในตัวตายไป จะมีผู้คนคอยเก็บ "คด" ที่อยู่ในตัว เมื่อตอนเก็บเชิงตะกอน เพราะเมื่อมีการเผาศพ "คด" ไฟจะไม่สามารถเผา "คด" ได้เลย คนที่ไปเก็บ "คด" มาจะพบว่า "คด" ที่ว่านี้เป็นก้อนหิน เขาจะเอาไปเลี่ยมทองแขวนคอ ถ้าถามคนสมัยใหม่เขาก็จะไม่เชื่อกับเรื่องแบบนี้ เขาจะหาว่าโกหกถือเป็นเรื่องเหลวไหล หากอาตมาไม่เคยเห็นมากับตาก็คงไม่เชื่อเหมือนกัน



หลวงพ่อจริงๆ แล้ววัตถุมงคลสามารถลองได้ไหมครับ?
-ก็ลองกันได้เหมือนกัน แต่บางคนไปลองแล้วปากเบี้ยวก็มี สาเหตุเป็นเพราะอะไรอาตมาก็ไม่ทราบได้ ทั้งนี้และทั้งนั้นอาตมาว่า คนเราจะลองอะไรก็ต้องให้รู้จักเวล่ำเวลา ลองด้วยความศรัทธาไม่ได้ลองด้วยความดูหมิ่น หากจะลองแบบขอไปทีความขลังก็จะไม่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องแปลกที่เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่หาคำตอบไม่ได้

วัตถุมงคล หรือเครื่องรางของขลังใช้ไปนานๆ เสื่อมได้ไหมครับ?
-หัวหน้าการไฟฟ้าอำเภอไทรน้อยคนหนึ่ง ได้มาขอตะกรุดของอาตมาไปเมื่อประมาณ ๒๐ ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นเขายังเป็นนักเรียนช่างกล กระทั่งปัจจุบันเขาก็ยังใช้อยู่ มีลูกศิษย์บางคนใช้มานานกว่า
๓๐ ปีแล้วเขาก็ยังใช้แขวนติดตัว ดังนั้น เครื่องรางฯ หรือวัตถุมงคลไม่ว่าจะเป็นของเก่าของใหม่มีความขลังเหมือนกันไม่มีอะไรแตกต่าง และไม่เสื่อมแต่ประการใด

ญาติโยมนำวัตถุมงคลไปใช้แล้ว มีข้อห้ามอะไรไหมครับ?
-หลักการนำเครื่องรางฯ หรือวัตถุมงคลไปใช้ มีอยู่เพียงหลักการเดียวต้องเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่ไปต้มตุ๋นหลอกลวงใคร เป็นคนมีศีลมีธรรมก็ใช้ได้แล้ว
และที่สำคัญอย่าไปด่าพ่อล่อแม่เขา หรือกินเหล้าเมาทำตัวเกเรอันธพาล หากทำตัวไม่ดี ความขลังก็จะกลายเป็นความเสื่อมได้ทันที


ถ้าหากวัตถุมงคลเหล่านี้ไปอยู่กับโจรก็ไม่ดีซิครับ?
-เรื่องแบบนี้บอกไม่ได้ หากพวกโจรบางคนมันมีบุญบารมีที่ดีในอดีตชาติ เมื่อมาอยู่ชาตินี้แล้วทำชั่ว แต่มีเครื่องรางฯ คุ้มครองความปลอดให้ก็มีโอกาสรอดได้เช่นกัน อย่าลืมว่าโจรทุกยุคทุกสมัยก็จะต้องหาของดีติดตัวเสมอ แต่อาตมาจะให้ข้อเตือนใจว่า แม้วันนี้คนทำความชั่วแล้วได้ดี แต่เมื่อวันใดหมดบุญบารมีที่สะสมเอาไว้ในชาติที่แล้ว เราจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่า กลุ่มโจรเหล่านี้ไม่เคยมีใครตายดีสักคนเดียว ไม่ตายด้วยระเบิดก็ตายด้วยเอ็ม ๑๖

ระหว่างของขลังกับธรรมะมีความเหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไรครับ?
-เป็นคนละเรื่องกัน และมีความแตกต่างกัน เพราะของขลังเป็นเรื่องของไสยศาสตร์ เป็นเรื่องลี้ลับที่พิสูจน์ให้เห็นด้วยการปฏิบัติป้องกันภัย และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ส่วนธรรมะเป็นการศึกษาจากตำรา นั่งสมาธิ หรือพระสงฆ์เทศนาสั่งสอนญาติโยมด้วยหลักธรรมะ และผู้ที่จะเข้าถึงธรรมะได้ก็สามารถเข้าถึงได้ทั้งสองทาง ไม่ว่าจะเป็นไสยศาสตร์ หรือธรรมะ

ญาติโยมควรเลือกไสยศาสตร์หรือธรรมะดีล่ะครับ?
-อาตมาว่าเลือกธรรมะจะดีกว่า เพราะจะได้ช่วยบ่มเพาะจิตใจ เพราะไสยศาสตร์บ่มเพาะจิตใจไม่ได้ ไสยศาสตร์มีไว้ติดตัว ที่ญาติโยมส่วนใหญ่หันมาพึ่งไสยศาสตร์กันมาก ก็เพราะว่าโลกเราถึงคราววิบัติ ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ถูกปล้น หรือถูกลอบวางระเบิด ยิ่งสงครามด้วยแล้ว ทุกคนจะต้องหาเครื่องรางฯ ไว้ติดตัวป้องกันอันตรายต่างๆ นั่นเอง


เรื่องไสยศาสตร์สอนให้คนงมงายได้ไหมครับ
-จะเป็นเรื่องงมงายหรือไม่นั้น อาตมาว่าอยู่ที่ตัวคนมากกว่า ถ้าคนเราเชื่ออย่างมีปัญญาว่าสิ่งเหล่านี้ใช้คุ้มครอง มีแล้วก็จะเป็นสิริมงคลกับตัวเองจึงไม่งมงาย กลุ่มคนเหล่านี้ก็เหมือนเดินอยู่บนสายกลาง แต่หากบางคนเชื่อจนไม่ลืมหูลืมตา เชื่อแบบไม่มีเหตุไม่มีผล คนพวกนี้ก็ถือว่าเป็นคนงมงาย
เรื่อง-กวี สกาวไพร, สุทธิคุณ กองทอง

>>>>> สภาพไม่เคยใช้เช่นนี้หาไม่ง่ายแน่ <<<<<
ราคาเปิดประมูล990 บาท
ราคาปัจจุบัน1,000 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูล - 29 ส.ค. 2562 - 13:10:01 น.
วันปิดประมูล - 30 ส.ค. 2562 - 18:48:10 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลksanti (3.8K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     1,000 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     10 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    NEUNG59 (413)(4)

 

Copyright ©G-PRA.COM