(0)
เหรียญหมูขวางรมดำ หลวงพ่อสุรินทร์ สันตจิตโต วัดลาดบัวขาว จ.ราชบุรี







ชื่อพระเครื่องเหรียญหมูขวางรมดำ หลวงพ่อสุรินทร์ สันตจิตโต วัดลาดบัวขาว จ.ราชบุรี
รายละเอียดเหรียญหมูขวางเนื้อทองแดงรมดำ สวยแชมป์ๆ ระดับส่งประกวด สภาพรมดำเกือบ​ 100% หลวงพ่อสุรินทร์ สันตจิตโต วัดลาดบัวขาว จ.ราชบุรี
พร้อมบัตรรับประกันจีพระ เหรียญจริงรมดำสวยกว่าในรูปมาก หายากแล้วครับ เหรียญ อายุการสร้าง 50 ปี ที่สภาพสวยคมกริ๊บๆ ผิวรมดำแบบนี้ เหรียญจริงสวยกว่าในรูปมาก ที่ถ่ายมาไม่สวย เนื่องจากแสง ไม่พอ เหรียญยอดนิยม มีประสบการณ์มากที่สุด ท้องที่ ต่างทราบกันดี ใครมีต่างหวงแหน ไม่ออกกันได้ง่ายๆ นานๆ จะมีลง ประมูลกัน ครับ
ประวัติ หลวงพ่อสุรินทร์ สันตจิตโต วัดลาดบัวขาว จ.ราชบุรี

"พระอาจารย์สุรินทร์ สันตจิตโต" หรือที่ชาวบ้านเรียกขานว่า "หลวงพ่อสุรินทร์" ในแถบจังหวัดภาคกลางย่านจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม ต่างเลื่อมใสศรัทธา และเชื่อในความเข้มขลังแห่งพระเครื่อง วัตถุมงคลของท่าน

อัตโนประวัติ ท่านเกิดในสกุล นาคฤทธิ์ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2457 ที่บ้านตำบลท่าเสา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี มีชื่อเล่นว่า "จุก" แต่ญาติผู้ใหญ่ชอบเรียกว่า "อ้ายจุก" สาเหตุที่เรียกจุกนั้น เพราะสมัยเด็กไว้จุก

เมื่อเจริญวัยพอสมควร มารดาของท่านได้ส่งไปเรียนอยู่ที่สำนักวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ โดยอาศัยกับพระภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลวงลุง ในปลายสมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ด้วยความฉลาดปราดเปรื่องของท่านในวัยเยาว์ ทำให้ต้องพระทัยของสมเด็จฯ ต่อมาไม่นานมีรับสั่งให้เป็นมหาดเล็ก (ลูกศิษย์สมเด็จฯ) โดยมีเบี้ยรางวัลเดือนละ 3 บาท ในสมัยนั้น

สมัยเป็นมหาดเล็ก ท่านเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า "เวลานอนกลางคืน สมเด็จฯ ท่านรับสั่งให้นอนใต้แท่นบรรทมของสมเด็จฯ แต่นอนได้ไม่ตลอดคืน คือนอนได้ตั้งแต่หัวค่ำถึง 05.00 น. ของวันใหม่ก็ต้องออกไปนอนข้างนอกวิสูตร(มุ้ง) ของสมเด็จฯ ด้วยพอถึง 05.00 น. เป็นเวลาบรรทมของสมเด็จฯ ถึงเวลานี้ก็ต้องถูกปลุกให้ไปนอนข้างนอก ทุกๆ วัน"

อายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดรางวาลย์ อ.บ้าน โป่ง จ.ราชบุรี มี เจ้าอธิการชื่น เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการสิน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระหนุน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "สันตจิตโต"

เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้ศึกษาพระธรรมวินัยจนสอบได้นักธรรมชั้นโท

นอกจากนี้ ยังศึกษาทางด้านวิทยาคม โหราศาสตร์ แพทย์แผนปัจจุบันและแผนโบราณ จนมีความเชี่ยวชาญนำความรู้มาช่วยสงเคราะห์ชาวบ้านจนเป็นที่เคารพศรัทธา อย่างมาก

เมื่ออุปสมบทพอมีพรรษาและความรู้พอสมควร ได้รับอาราธนามาเป็นพระครูปริยัติที่วัดโกสินารายณ์ และจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ระยะหนึ่ง ต่อมาได้รับอาราธนามาเป็นเจ้าอาวาสวัดลาดบัวขาว ซึ่งสมัยนั้นเรียกว่า "วัดท่าวัว" ซึ่งเป็นวัดที่ยังไม่เจริญ ตั้งแต่สร้างมาก็ยังไม่มีเจ้าอาวาสเลย มีแต่ผู้รักษาการเจ้าอาวาสสมัยหนึ่งๆ เท่านั้น

เมื่อดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสพอสมควร ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลลาดบัวขาว และได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาอีกจนได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นตรีในราชทินนาม "พระครูวิจิตร สารคุณ"

เมื่อท่านได้รับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดลาดบัวขาว ได้เปิดสอนปริยัติธรรม แผนกธรรม และได้ให้การร่วมมือกับทางราชการ โดยการให้ใช้ศาลาการเปรียญและที่ดินของวัดให้ที่เรียนของเด็กๆ และเป็นที่ตั้งโรงเรียนประชาบาลจนทุกวันนี้

หลังจากนั้นได้เริ่ม สร้างอุโบสถ สร้างกุฏิ ซึ่งเป็นอาคารตึกชั้นเดียว 4หลัง (ปัจจุบันเหลือ 3 หลัง) สร้างบ้านพักเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สร้างศาลาการเปรียญ แต่ยังไม่เสร็จท่านก็มรณภาพ คณะศิษย์และคณะกรรมการวัดได้ช่วยกันสร้างต่อจนสำเร็จ

ท่านได้เทศน์ สั่งสอนชาวบ้านและชาววัดใกล้เคียงจนเป็นที่เลื่องลือ เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนใกล้เคียงทั่วไป แม้ขณะที่ท่านกำลังป่วยอยู่ยังไปเทศน์อบรมสั่งสอนจนใกล้มรณภาพ คือก่อนหน้าที่ท่านจะมรณะสองสามวันยังไปเทศน์อบรมประชา ชน โดยที่อาการเจ็บป่วยไม่ได้ทำให้ท่านท้อถอยแม้แต่น้อย

พระครูวิจิตรสารคุณ ได้มาพัฒนาให้วัดนี้เจริญเป็นวัดที่สมบูรณ์แบบ มีอุโบสถ กุฏิ ศาลา ซึ่งใช้ในการบำเพ็ญศาสนกิจ ในพุทธศาสนาในถิ่นนี้ครบแทบทุกอย่าง จนกระทั่งตัวท่านเองป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ขากรรไกร ขณะที่ท่านป่วยอยู่นั้น ท่านที่เคารพและศิษย์ยานุศิษย์จะพาท่านไปให้แพทย์รักษา ท่านก็บอกว่า "จะขอสร้างศาลาให้เสร็จเสียก่อน แล้วจึงจะไป" คำพูดของท่านประโยคนี้ เป็นที่ซาบซึ้งแก่บรรดาผู้ที่เคารพและบรรดาศิษย์ยานุศิษย์เป็นอันมาก

วัตถุมงคลที่ หลวงพ่อสุรินทร์ สร้างไว้ อาทิ พระสมเด็จรุ่นแรก สร้างประมาณปี 2492, รูปหล่อขนาดบูชา แต่ที่ได้รับความนิยมจนถึงทุกวันนี้ คือ "เหรียญหมูตาม-หมูขวาง" สร้างปี 2512 ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นแรกรุ่นเดียวของท่าน และมีประสบการณ์มากมาย

"หมูไฟ"
ยังมิทันนี่เสียงหวีดร้องของแม่ค้าในตลาดบริเวรท่ารถ สองแถวบ้านโป่ง-รางวาลจะสิ้นลง ชายหนุ่มที่ลงนอนฟุบกับพื้นบริเวณก็ลุกขึ้นมา หลังจากที่ล้มลงไปที่พิ้นจากการตีด้วยไม้ ของนักเลงเจ้าถิ่น7คน ก่อนหน้านั้น ชายหนุ่มต่างพื้นที่ โดนมีดปลายแหลมจ้วงแทงไม่นับครั้ง จากกลุ่มชายทั้ง5 แต่หาได้ระคายผิวไม่ พอชายหนุ่มลุกขึ้นมาได้ ก็พอดีเจ้าหน้าที่ สภอ.บ้านโป่งก็มาระงับเหตุ เจ้าหน้าที่จับกุมตัวทั้งสองฝ่ายไปที่ดรงพัก ส่วนนึงก็หนีไป ชาวบ้านร้านตลาดที่มุงดูเหตุการณ์ ต่างก็เดินตามไปที่สภอ.บ้านโป่งกันมากมาย ไม่มีใครอยากรู้ว่า ใครผิดหรือถูกหรือใครคือใคร แต่อบากรู้เพียงว่า ชายที่โดนมีดจ้วงแทงและโดนตีด้วยไม้นั้น เขามีอะไรดี
หลังการสอบสวนผ่านไปโดยพยานในเหตุการร์ได้ให้การร์ว่ า ชายหนุ่มารอรถสองแถว แล้วจู่ๆก็มีชายฉกรรน์ทั้ง5คน ขี่รถเครื่องพ่วงสาลี่เข้ามาจอด แล้วก็ลงมาทำร้ายชายดังกล่าว สืบเนื่องจากเรื่องเหตุแย่งกันจียสาวคนเดียว ถึงกับเอาชีวิตกัน หลังจากกฏหมายได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาที่สุดในช่ วงพศ.2514 ฝ่ายชายทั้ง5คนก็กลายเป็ยผู้บริสุทธิ์ เพราะทันทีที่หนึ่งในบิดาของฝ่ายชายทั้ง5มาที่สภอ.บ้ านโป่ง เจ้าหน้าที่ก็ได้ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกเป็น อย่างดี และพาชายทั้ง5กลับไป ทิ้งความมึนงงสงสัยให้กับชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ ในครั้งกระนู้ เป็นอย่างมาก แต่ทุกคนก็ทำได้แค่สงสัย เพราะทราบดีว่าชายที่มาพาคนทั้ง5ไปนั้น มีบารมีมากเพียงใด จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ชายที่ถูกรุมทำร้าย เป็นที่สนใจของชาวบ้าน และรุมขอดูของดีที่ชายคนนั้นมี ถึงแม้จะพยายามปกปิด แต่ก็เหลือกำลังที่จะทานทนต่อความอยากรู้ของ ชาวบ้าน ในที่สุด ชาวบ้านก็ร้องอ๋อ ชายหนุ่มคนดังกล่าว เปิดชายเสื้อด้านข้างให้คนที่มุงดูและเจ้าหน้าที่ตำร วจผู้รักความยุติธรรม ดู ภาพที่ปรากกฏคือ รอยสักยันต์รูปหมูที่สีข้าง และเหรียญทองแดงที่คอเพียงเหรียญเดียว ชาวบ้านเลิกความสงสัยและแยกย้ายกลับไปทำมาหากินของตน เอง พร้อมกับเสียงบ่นพึมพัม
"กูว่าแล้วทำไมมันถึงโดนแทงไม่เข้า ไอ้นั่นก็ตีอีกตั้งหลายที........"
"มันสักกับอาจารย์ สุรินทร์ วัดลาดบัวนี่เอง........"
"เขาว่ามันกลับจากทหาร.....ไอ้นั่นมันรู้เลยมาดักรอ. ."
"เรื่องผู้หญิงนะแหละ...จะมีเริ่องอะไร......... .."
แต่หลังจากวันนั้น คนที่ลาดบัวก็เห็นคนเข้าออกวัดมากขึ้น เพราะมีคนพยายามเดินทางไปสักยันต์กับหลวงพ่อ สุรินทร์ แห่งวัดลาดบัวขาว แต่ทุกคนก็ต้องผิดหวัง เพราะหลวงพ่อท่าน ไม่ยอมสักให้กับใครยกเว้นคนที่จะไปเป็นทหารเท่านั้น
เรื่องนี้ได้รับการถ่ายทอดจากนาย ติ่ง บ้านอยู่ต.ลาดบัวขาว อ.บ้านโป่ง .ราชบุรี
ในรูปเป็นเหรียญที่เรียกันว่า "เหรียญหมูขวาง" หรืออีกชื่อนึงคือ "หมูไฟ"

เรื่องที่สอง
นางยม กี่เงิน บ้านอยู่ที่แถววัดลาดบัว เล่าให้ฟังว่า แม่ของเขานั่งรถไฟจากการไปทำธุระ พอใกล้ถึงบ้านโป่ง รถไฟเกิดตกราง มีคนตาย28คน หลังจากที่รถไฟตกรางและผู้คนเข้าไปช่วย และมุงดู มีคนเห็นว่า นางแกละ หญิงชราวัย60กว่าปี ลุกเดินออกมาจากที่เกิดเหตุ และเดินมาบอกให้ไปช่วยคนอื่นๆ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็อยากรู้ตามประสาว่ายายแกละคนนี้มีอะไรดี ยายก็ทนการรบเร้าไม่ไหว ก็เอาสร้อยนาคในคอให้คนดู ปรากฏว่า เป็นเหรียญหลวงพ่อสุรินทร์ แจกกรรมการ กะไหล่เงินเหรียญเดียว ด้านหลังเป็นยันต์รูปหมู แต่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า "หมูตาม"
ที่มาของเหรียญหมูตาม เกิดจากที่หลวงพ่อสุรินท์ได้รับการขอร้องให้สร้างเหรียญเพื่อแจกญาติโยม เพราะว่ามีคนที่อยากได้วัตถุมงคลมากมาย แต่ทางวัดไม่มีให้บูชา หลวงพ่อจึงอณุญาติให้ทำ มัคนายกจึงเดินเรื่องและไปจัดสร้างเหรียญ จึงเป็นเหรียญ "หมูตาม" ออกมา ที่เรียก"หมูตาม"เพราะตอนหลังมีการเสร้างเหรียญ"หมูข วาง" ออกมา พอสร้างเหรียญออกมา เอามาถวายหลวงพ่อ ท่านดูแล้วก็กล่าวกับ มัคนายกว่า
"เหรียญด้านหลังยันต์แบบนี้ แล้วคนใส่จะไปรบกับใครได้ล่ะ ไปทำมาใหม่ เอายันต์นี้ไป หมูมันต้องมีเขี้ยว มันต้องเป็นหมูไฟ......ที่ทำมาเดี๋ยวจะเสกให้เป็นเมต ตาแล้วก็แคล้วคลาดไปก็แล้วกัน"
จากนั้นทางมัคนายก ก็ไปสร้างเหรียญอีกครั้ง แต่ด้านหลังเป็นยันต์แบบที่หลวงพ่อกำหนด คือหมูตั้งขึ้น แบบที่หลวงพ่อสักยันต์ ต้งแต่นั้นมาจึงเรียกกันว่า "หมูตาม" "หมูขวาง" เหรียญหมูตามจะเล็กกว่า ผิวรมดำ ที่ตัดหูและกะไหล่ ทอง, เงิน,นาค สำหรับแจกแม่ครัวและผู้หญิงที่มาช่วยงาน(ปัจจุบันนี้หายาก และมีคนที่ไม่หวังดี เอาเหรียญเนื้อทองแดงไปตัดหูและกะไหล่ออกมาขายให้กับ ชาวบ้าน แต่ยังไงก็ไม่เหมือน และชาวบ้านที่มีใจรักความเป็นธรรมชอบความสงบ ก็ได้ช่วยกันประเคนทั้งหมัดเท้าเข้าศอก กับคนที่ทำออกมาจนเลิกไป)
เรืองที่สาม
นายเทิด คุณเทิด หรือไอ้เทิด บ้านอยู่ลาดบัวเหมือนกัน ขี่จักรยานกลับบ้านพร้อมกับน้ำยอดข้าว ที่เพิ่งไปซื้อมา พอถึงโค้ง อารามที่อยากจะกลับไปดวดให้สมอยาก ก็ขี่รถเลยลงไปข้างทาง ข้างทางที่ว่าไม่ใช่ข้างทางที่เราเห็นๆกันทั่วไป หากข้างทางที่ว่า เมื่อลงไปก็เป็นแม่น้ำ ระยะทางหลายเมตรและอันตราย ขนาดเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักโตขึ้นมาหล่อหยั่งกะ เคน ธีรเดช วิ่งลงไปธรรมดา ยังกลิ้งเป็นลูกขนุนพันธ์ดีเลย และบาดเจ็บตามอัตภาพ นี่นายเทิดหรือไอ้เทิด ลงไปพร้อมกับมอเตอร์ไซ คนที่เห็นเหตุการณ์คิดว่า ไอ้เทิด คงกลายเป็นผีเทิด กันก็คราวนี้ ปรากกฏว่า รถไปทาง คนไปทาง รถนั้นลงไปถึงริมตลิ่ง ส่วนไอ้เทิด กระเด็นไปติดต้นไม้ แล้วก็ค่อยๆคลานสี่ขาขึ้นมา แม่ไอ้เทิดรู้ข่าวก็รีบขับรถเครื่องมาดูลูกชายในที่เ กิดเหตุ ซึ่งไม่ห่างไปสักมากน้อย
"ไอ้ฉิบหายเทิด มึง น่าจะตายโหงตายห่าไปซะก็ดี ไอ้ฉิบหาย...."
"แม่........."
"หลวงพ่อบอกมึงแล้วใช่ไม๊ว่าอย่ากินเหล้า.....มึงจะเจ็บตัวเพราะเหล้า.....ไอ้ฉิบหาย แกพึ่งบอกมึงหยกๆนี่เอง....."
"แม่....."
"ไปเลยไอ้ฉิบหายเทิด รถเริ๊ดกูพังหมด...."
ไม่มีใครแปลกใจเท่าไหร่ เมื่อเห็นในคอคุณเทิด แขวนเหรียญอาจารย์สุรินทร์ และหลังจากวันนั้น ไอ้เทิดก็กลายเป็นคุณเทิด เพราะเลิกเหล้าได้ และหันมาประกอบอาชีพ สุจริตต่อไป ตอนนี้เป็นช่างเชื่อมท่อในอัตราชั่วโมงละ6,000บาทอยู่ที่ตะวันออกลาง ในวัย45ปีของแก (เรื่องนี้นานแล้ว)
ยันต์หมูของหลวงพ่อสุรินทร์มีสามแบบครับ แต่ละตัวแสบๆทั้งนั้น
ราคาเปิดประมูล300 บาท
ราคาปัจจุบัน4,500 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 17 ก.ย. 2562 - 07:15:34 น.
วันปิดประมูล - 18 ก.ย. 2562 - 07:54:54 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลRambo_Thai (714)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     4,500 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    banmakham (781)

 

Copyright ©G-PRA.COM