(0)
เหรียญมหาอำนาจ...หลวงพ่อบุญรักษ์(พ่อท่านบุญรักษ์) วัดคงคาวดี สิชล นครศรีธรรมราช..หลังเสือ..สวยแชมป์ๆ






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องเหรียญมหาอำนาจ...หลวงพ่อบุญรักษ์(พ่อท่านบุญรักษ์) วัดคงคาวดี สิชล นครศรีธรรมราช..หลังเสือ..สวยแชมป์ๆ
รายละเอียดเหรียญมหาอำนาจหลังเสือ..ที่ท่านเห็นนี้ ถือเป็นเหรียญรุ่นที่สามของท่าน พุทธคุณเด่นทางมหาอำนาจ และคงกระพันชาตรี...สภาพเหรียญสวยมากครับ ผิวออกม่วงเลยทีเดียว

ชาติภูมิ-- หลวงปู่บุญรักษ์อดีตเจ้าอาวาสวัดคงคาวดี ต.เสาเภา อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เดิมชื่อ บุญรักษ์ ศิริสุข เป็นบุตรของนายช่วย-นางถั่วขาว ศิริสุข เกิดเมื่อวันที่ 25 กพ.2445 ตรงกับแรม 14 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล ม.2 ณ.บ้านบางจีนเลี่ยน อ.สิชล เวลา 19.30 น. มีพี่น้องรวมกัน 7 คน
ปฐมวัย-- เมื่อเยาว์วัยสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงมักป่วยอยู่เสมอ พ่อแม่ท่านกลัวว่าท่านไม่รอดจึงยกให้เป็นบุตรบุญธรรมนายทองขาวเพื่อเป็นการแก้เคล็ด วันหนึ่งที่บ้านนายช่วย โยมบิดาท่านทำบุญมงคลเรือนจึงได้นิมนต์พระ 5 รูปมาเจริญพุทธมนต์ โดยมีพระอุปัชฌาย์สุข อินทรสุวัณโณ เจ้าอาวาสวัดเสาเภาเป็นประธานสงฆ์ ขณะนั้นเด็กชายบุญรักษ์อายุ 1 ขวบ ครั้งพอเสร็จพิธีดช.บุญรักษ์ก็เข้าไปนั่งตักพระอุปัชฌาย์สุข โดยไม่มีทีท่าว่าจะกลัว พระอุปัชฌาย์สุข จึงปรารภว่า เราไม่มีลูก ถ้าใครให้สักคนก็จะดี โดยบิดามารดาจึงถวายแก่พระอุปัชฌาย์สุข เป็นบุตรบุญธรรม
ครั้นอายุประมาณ 13-14 ท่านก็บรรพชาเป็นสามเณรโดยหลวงปู่สุขเป็ฯอุปัชฌาย์ ท่านครองเพศอยู่ 3 พรรษาจึงลาสิกขา
อุปสมบท-- เมื่ออายุ 22 ปีหลังจากการเป็นทหารแล้ว ท่านก็อุปสมบทที่วัดเสาเภา เมื่อวันที่ 25 มิ.ย 2466 มี หลวงปู่สุขเป็นอุปัชฌาชย์ มีพ่อท่านจีน วัดนาแล(สโมสรสันนิบาต) เป็น พระกรรมวาจาจารย์ พ่อท่านยัง วัดเขาน้อยเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ถาวรสุโข สังกัดมหานิกาย หลังจากบวชเสร็จท่านก็เป็นครูสอนนักธรรม โดยท่านมีพระเกลื่อม ปภัสสโร เป็นครูสอน
ในปี 2468 หลังจากออกพรรษาท่านก็ย้ายไปอยู่วัดท่าโพธิ์ ซึ่งมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระรัตนธัชมุนี(ม่วง) เป็นเจ้าอาวาส แต่เนื่องด้วยท่านอยู่คนละสังกัดกัน ท่านจึงต้องทำทัฬหีกรรม(เปลี่ยนสังกัดเป็นธรรมยุต) ที่อุโบสทวัดท่าโพธิ์ วันที่ 24 สค.2469 มีเจ้าคุณม่วงเป็ฯอุปัชฌาชย์ มีพ่อท่านแบน วัดพระมหาธาตุเป็นพระกรรมวาจาจารย์ได้รับฉายาใหม่ว่า ฐานวิริโย ได้อยู่ที่วัดท่าโพธิ์ได้ 3 พรรษา ง่วงละครับไว้ต่อละกัน ยังมีเรื่องราวอีกเยอะ ท่านมีเรื่องอภินิหารมากมาย
ในปี 2472 ท่านขออนุญาติเจ้าคุณม่วงและพ่อท่านสุขไปศึกษาต่อที่กรุงเทพและพักอยู่ที่วัดบุปผาราม เขตธนบุรี โดยพักอยู่กับท่านพระครูธีรานันทมุนี และได้ไปเรียนธรรมที่วัดพิชัยญาติ
ปี 2475 หลวงปู่สุขอาพาธด้วยโรคชราท่านจึงกราบลาเจ้าคุณม่วงไปดูแลหลวงปู่สุข แต่ได้รับการคัดค้านจากเจ้าคุณม่วงว่า "คุณจะไปอยู่อย่างไร วัดเสาเภาเป็นวัดมหานิกาย "ท่านกราบเรียนตอบว่า "เกล้าไปอุปัฏฐากหลวงพ่อ พระอุปัชฌาย์สุขไม่ได้ไปเอาวัดเสาเภา" เจ้าคุณม่วงจึงกล่าวว่า "ไปอยู่ที่นั้นจะมีผู้คอยเบียดเบียนขัดขวาง แต่ว่าเขาทำอะไรคุณไม่ได้หรอกเพราะคุณไปทำความดีไปอยู่เถิด ท่านเมื่อได้รับอนุญาติจากเจ้าคุณม่วงแล้ว ก็ได้เฝ้าพยาบาลหลวงปู่สุขอยู่ 3 พรรษา หลวงปู่ก็มรณภาพในเดือน 8 2480 รวมอายุได 80 ปี
โดยหลังจากนั้นแล้วพ่อท่านจีน(พระครูจินตามัยคุณ) ได้มารักาการเป็นเจ้าอาวาสวัดเสาเภาท่านก็ได้จำพรรษาร่วมกับพาอท่านจีน

ชาวบ้านแตกแยก-- หลังจากออกพรรษาแล้วชาวบ้านแตกแยกออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งถือมหานิกาย ฝ่ายหนึ่งถือคณะธรรมยุติคอยเอารัดเอาเปรียบกัน ท่านห้ามปรามก็ไม่ฟัง จนเกิดเรื่องแย่งกันทอดกฐินเป็นเฉพาะกันขึ้น นำกฐินมาทอดโดยมิได้บอกให้ทราบล่วงหน้า เรียกว่า โจรกฐิน ครั้งมาถึงแล้วใช้ให้คน 2 คนมานิมนต์พ่อท่านจีน ถึง 3 ครั้งก็ไม่มา แต่ทราบภายหลังว่าไม่มีใครไปนิมนต์เลยกลับบ้านกันหมด พวกคณะกฐินก็เร่งว่ารีบ ๆ ทอดให้เสร็จ จะได้เย็บผ้า เพราะยังไม่ได้เย็บผ้า จึงรับกฐินแล้วให้พระไปนิมนต์พ่อท่านจีนมาอีก พอเย็บสบงเกือบจะเสร็จท่านก็มา ครั้งเราเย็บสบงเกือบ ๆ เสร็จอยู่แล้วท่านก็รีบกลับเสียและพูดว่า เมื่อรับกันไว้แล้วก็ทำพิธีกราลและครองกันต่อไปเถิดเราจะไปแล้ว แล้วท่านก็กลับไปวัดนาแลตามเดิม เรื่องนี้เป็นเหตุให้กระทบกระเทือนทั้งชาววัดและชาวบ้าน เหตุเพราะถือมานะและทิฏฐิที่แตกต่างกัน ถ้าถือเอาพระรัตนตรัย พระธรรมวินัยเพียงอย่างเดียว ก็คงหาเป็นเช่นนั้นไม่แต่จะทำอย่างไรเพราะนามรูปต่าง ๆ กัน ถ้านามรูปนั้นๆ มีพระรัตนตรัย มีพระธรรมวินัยแล้ว ไม่หนักในลาภ..ยศ..สรรเสริญ...สุข ก็คงจะสงบกาย วาจา ใจ เข้ากันด้โดยสันติวิธีแน่แท้ แต่ต่องช่วยกันประพฤติยึดหลักธรรมให้เป็นใหญ่ มีธรรมประจำใจก็จะสงบพบสันติสุขได้ แต่เรื่องโลกเรื่องการเมืองเป็นเรื่องที่หาความสงบที่แท้จริงไม่ได้คนเรามักติดโลกและการเมืองมากกว่าธรรม จึงมีเรื่องชักนำมิให้สงบอยู่เรื่อยๆ ไป วัดเสาเภาจึงต้องมีเรื่องฟ้องร้องกันเป็นเรื่องแทรกแซงกันแก่งแย่งกันขึ้น แต่ในที่สุดก็สงบกันลงได้ เพราะต่างมีธรรมประจำจิตใฝ่หาความสงบดีกว่าความวุ่นวาย
หลังจากหลวงปู่สุขมรณภาพแล้วเมื่อจัดการเก็บร่างหลวงปู่สุขเรียบร้อยแล้ว ท่านปลัดเชยอยู่รักษาการณ์วัดเสาเภา หลวงปู่บุญรักษ์ก็กลับไปจำพรรษาที่วัดท่าโพธิ์ในปี 2478
--ในปี 2479 ไปจำพรรษาที่วัดเขาน้อย อ.ร่องพิบูลย์ ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของพระธรรมวโรดม(เซ่ง) เจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส ท่านได้เรียนกัมมัฏฐานกับท่านเซ่งเพิ่มเติมหลังจากเรียนมาจากพ่อท่านสุข
--หลวงปู่บุญรักษ์มีลักษณะนิสัยส่วนตัวที่เด็ดเดี่ยวมาก ทำอะไรทำจริง โดยเอาชิวิตเป็นเดิมพัน ท่านถือธุดงค์อย่างเครงครัดมาก เช่น ฉันในบาตร...ฉันหนเดียว...บิณฑบาตรเป็นวัตร...นุ่งห่มผ้าบังสกุล...ถือไตรจีวล..อยู่ตามป่า พักก่อนครับขอตัวไปหายืมกล้องมาถ่ายดีกว่ามันเยอะ
ราคาเปิดประมูล300 บาท
ราคาปัจจุบัน350 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 19 มี.ค. 2554 - 03:08:42 น.
วันปิดประมูล - 24 มี.ค. 2554 - 16:38:12 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลchaiwat99 (4.4K)(2)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     350 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    userchai (685)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1