(0)
masterpriece แห่งบรรดาวัตถุมงคลทั้งหลายของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ....เหรียญเปิดโลก 2532.....เพราะแตกต่างจากองค์แชมป์








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องmasterpriece แห่งบรรดาวัตถุมงคลทั้งหลายของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ....เหรียญเปิดโลก 2532.....เพราะแตกต่างจากองค์แชมป์
รายละเอียดเหรียญเปิดโลก หลวงปู่ดู่

องค์นี้คือ1 ใน355เหรียญ ที่ผู้สร้างเหรียญเปิดโลกได้ ถวายไว้ให้หลวงปู่ดู่ไว้จำนวนหนึ่ง หลวงปู่ได้รับเก็บไว้ในกุฏิ และทยอยจารอักขระลงเหรียญ แน่นอนครับเวลาหลวงปู่ดู่ปลุกเสกวัตถุมงคลชุดอื่นๆในกุฏิ
เหรียญชุดนี้ ก็ย่อมอยู่ในพิธีนั้นด้วยพลังพุทธคุณในเหรียญเปี่ยมล้น
หายาก...ครับ เหรียญหลักของหลวงปู่แล้วมีลายมือท่านลงบนเหรียญด้วย ...รับประกันรอยจารหลวงปู่ดู่ วัดสะแก จนน้ำท่วมโลก

เหรียญ...เปิดโลก หลวงปู่ดู่

องค์นี้คือ1 ใน355เหรียญ ที่ผู้สร้างเหรียญเปิดโลกได้ ถวายไว้ให้หลวงปู่ดู่ไว้จำนวนหนึ่ง หลวงปู่ได้รับเก็บไว้ในกุฏิ และทยอยจารอักขระลงเหรียญ แน่นอนครับเวลาหลวงปู่ดู่ปลุกเสกวัตถุมงคลชุดอื่นๆในกุฏิ เหรียญชุดนี้ ก็ย่อมอยู่ในพิธีนั้นด้วยพลังพุทธคุณในเหรียญไม่ต้องพูดถึงกันเลย
หายาก...ครับ เหรียญหลักของหลวงปู่แล้วมีลายมือท่านลงบนเหรียญด้วย ขนาดเนื้อเงินที่ว่าแพงๆยังไม่รอยจารของหลวงปู่ดู่เลย จะเป็น จารของอาจารย์ศุภลักษณ์
...รับประกันรอยจารหลวงปู่ดู่ วัดสะแก จนน้ำท่วมโลก

องค์นี้เสี่ยหนุ่มขาใหญ่แบ่งให้ครับ ต้องขอกราบขอบพระคุณเสี่ยหนุ่มขาใหญ่มา ณ ที่นี้ด้วย....

-----------------------------------------------

บทสวดมหาจักรพรรดิ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ

(กราบ 3 ครั้ง)
(สวดตามกำลังวัน อาทิตย์ 6 จันทร์ 15 อังคาร 8 พุธ 17
พฤหัส 19 ศุกร์ 21 เสาร์ 10 )

นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ
มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา
พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ
พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง
อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย
อะหังวันทามิ สัพพะโส
พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ.
พระคาถานี้ใช้สวดควบคู่กับพระหลวงปู่ดู่จะทรงอานุภาพสูงสุดอย่างหาที่เปรียบมิได้เลยครับ



ที่มาของวัตถุมงคลรุ่น “เปิดโลก“

(คัดจากบางส่วนของหนังสือ “ตามรอยธรรม ย้ำรอยครู หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ” ฉบับปรับปรุงจาก ๑๐๑ ปี หลวงพ่อดู่ฯ)

จากการที่มีผู้สนใจวัตถุมงคลรุ่น “เปิดโลก” เป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มมากขึ้นทุกที ประกอบกับพบว่าข้อมูลบางอย่างที่ปรากฏตามหนังสือ อินเทอร์เน็ต หรือสื่ออื่นๆ มีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง และบางเรื่องก็เป็นความคลาดเคลื่อนที่มีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการโน้มน้าวผู้อ่านให้เกิดความรู้สึกไปในทางอภินิหาร จนมองข้ามเจตนารมณ์ที่แท้จริงในการสร้างพระ อธิษฐานพระของหลวงปู่ดู่

ด้วยเหตุนี้ ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นผู้ประสานงานดำเนินการจัดสร้างพระรุ่นนี้ จึงขออนุญาตให้ข้อมูล เพื่อให้ท่านผู้สนใจได้ทราบที่มาและวัตถุประสงค์ รวมทั้งรายละเอียดของการจัดสร้างพระรุ่นนี้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน

๑. ที่มาและวัตถุประสงค์ของการสร้าง

จุดเริ่มของการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นนี้ เริ่มเมื่อประมาณกลางปี พ.ศ. ๒๕๓๒ โดยข้าพเจ้าได้รับการติดต่อจาก คุณวรวิทย์ ด่านชัยวิจิตร ให้เป็นธุระในการประสานงานการจัดสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่ดู่เพื่อเอาไว้แจกให้กับผู้ศรัทธา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สนใจปฏิบัติกรรมฐาน เพราะพิจารณาเห็นว่าพระเครื่องพระบูชาชองหลวงปู่ดู่ มีแนวโน้มจะเป็นที่ต้องการและหายากมากขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับหลวงปู่ท่านก็มีอายุมากแล้ว กล่าวคือ อายุท่านนั้นย่างเข้าปีที่ ๘๗ แล้ว ทั้งนี้ คุณวรวิทย์และคณะได้นำเรื่องนี้ไปกราบเรียนขออนุญาตจากหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ท่านก็เมตตาอนุญาตทั้งที่ท่านได้งดอธิษฐานจิตวัตถุมงคลมาเป็นระยะเวลากว่า ๑ ปีแล้ว ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางประการ อย่างไรก็ดี สำหรับวัตถุมงคลรุ่นนี้ หลวงปู่ท่านกำหนดวันประกอบพิธีอธิษฐานจิตในวันที่ท่านเรียกว่า “วันธงชัย” ซึ่งตรงกับวันอังคารที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ เวลา ๒ ทุ่ม ส่วนกำหนดเวลา ๒ ทุ่ม นั้น สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพราะท่านไม่ต้องการให้ไปรบกวนเวลาที่ญาติโยมมาทำบุญหรือสนทนาธรรมกับท่านในช่วงระหว่างวัน รวมทั้งอาจไม่ต้อการให้ดูเอิกเกริก

๒. การออกแบบเหรียญ

เดิมทีพวกเราเจตนาจะจัดสร้างเหรียญรูปเหมือนของหลวงปู่ดู่ แต่ท่านกลับแนะนำว่าควรสร้างรูปเคารพครูบาอาจารย์คือหลวงปู่ทวดดีกว่า นอกจากนี้ ท่านยังเน้นด้วยว่า ต้องมีข้อความ “หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด” อยู่บนเหรียญด้วย นี้คือกรอบรูปแบบในเบื้องต้นที่ข้าพเจ้าได้รับ

ข้าพเจ้าเองแม้จะเคยมีประสบการณ์ในการจัดทำหนังสือธรรมะของหลวงปู่ แต่ก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในการสร้างพระใด ๆ มาก่อนเลย แต่ด้วยเกรงใจในคุณวรวิทย์ จึงตกปากรับคำในการติดต่อหาช่างแกะพระ รวมทั้งการประสานงานดำเนินการจัดสร้างเหรียญให้แล้วเสร็จ เพราะข้าพเจ้าอยู่ทางกรุงเทพฯ จึงน่าจะคล่องตัวกว่าคุณวรวิทย์ซึ่งอยู่ทางอยุธยาฯ

ในเรื่องช่างแกะพระนั้น มีผู้แนะนำข้าพเจ้าให้รู้จักกับช่างอ๊อด (คุณประหยัด ลออพันธ์สกุล) ซึ่งเมื่อข้าพเจ้าเห็นผลงานในอดีตของช่างผู้นี้แล้วก็รู้สึกพึงพอใจ จึงตกลงให้ดำเนินการแม้ว่าจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับช่างรายอื่น ๆ ด้วยคิดว่าโอกาสในการสร้างพระถวายหลวงปู่นั้นไม่ได้มีง่าย ๆ จึงอยากให้เหรียญออกมาสวยงามและแลดูเหมือนมีชีวิต

สำหรับรูปที่ใช้เป็นต้นแบบหลวงปู่ทวดนั้น ข้าพเจ้าได้อาศัยเค้าโครงจากรูปหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่ทวดที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย เพราะให้รายละเอียดที่ชัดเจน สะดวกสำหรับช่างแกะพระ และจากรูปแบบหน้าตาหลวงปู่ทวดที่ลงตัวแล้ว ข้าพเจ้าและคณะจึงได้ค่อย ๆ เริ่มออกแบบเพิ่มเติมรายละเอียดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ดังนี้

· ฐานบัว บ่งบอกเอกลักษณ์ขององค์หลวงปู่ทวด ในความเป็นพระโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มแล้ว

· ลูกแก้วบนฝ่ามือหลวงปู่ทวด สร้างตามอย่างความนิยมของวัดพะโคะ จังหวัดสงขลาและสื่อถึงลูกแก้วสารพัดนึก

· อักขระ “พุท ธะ สัง มิ” ที่ด้านหน้า หมายถึงหัวใจพระไตรสรณคมณ์ คือ “พุทธัง สรณัง คัจฉามิ, ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ, และสังฆัง สรณัง คัจฉามิ” ซึ่งเป็นคำที่หลวงปู่ดู่ให้ใช้เป็นคำบริกรรมภาวนา อีกทั้งยังเป็นคำที่ใช้อธิษฐานบวชจิตอีกด้วย

· อักขระ “นะ โม พุท ธา ยะ” ที่ด้านหลัง หมายถึง พระนามย่อของพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ในภัทรกัปนี้

· เส้นรัศมีโดยรอบอักขระ “นะ โม พุท ธา ยะ” หมายถึงอานุภาพแห่งคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่มีมากอย่างจะนับจะประมาณมิได้ ซึ่งแผ่ออกไปได้ทุกทิศทุกทาง

· สัญลักษณ์ “นะปิดล้อม” ที่อยู่กึ่งกลางอักขระ “นะ โม พุท ธา ยะ” เป็นสัญลักษณ์ที่หลวงปู่ดู่ใช้จารในวัตถุมงคลของท่านเสมอ ๆ อีกประการหนึ่ง ข้าพเจ้าเคยได้ยินท่านผู้รู้กล่าวว่า “นะ” มีความหมายตั้งแต่หยาบไปหาละเอียด โดยนะเบื้องต่ำหมายถึงธาตุดิน ส่วนสะเบื้องสูงหมายถึงพระธาตุ กล่าวคือ หากเราพัฒนาจิตของเราให้บริสุทธิ์ถึงที่สุดแล้ว ความบริสุทธิ์ของจิตนั้นก็สามารถที่จะกลั่นกระดูกซึ่งเป็นธาตุดินให้กลายเป็นพระธาตุได้ นะเบื้องสูงก็คือพระนิพพานนั่นเอง

· ด้านซ้ายของชื่อพระพรหมปัญโญ จะพบพยัญชนะที่ดูคล้ายทั้ง “๑” และ “ด” ซึ่งเจตนาจะสื่อถึงหลวงปู่ดู่ ในขณะที่สัญลักษณ์คล้ายกากบาท (เลข ๕ โบราณ) ทางด้านขวาจะสื่อถึงหลวงปู่ทวด.
หมายเหตุ

เนื้อผง (รูปทรง ๔ เหลี่ยมขอบมนเล็กน้อย) ๕,๐๐๐ องค์ ใช้ผงมวลสารทำจากว่าน ๑๐๘ ซึ่งหลวงปู่ดู่อธิษฐานให้ ในจำนวนนี้ มี ๓๖๐ องค์ ที่บรรจุพระธาตุ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่พระผงจำนวนกว่า ๑,๐๐๐ องค์ ชำรุดระหว่างการขนส่ง เนื่องจากความรีบเร่งส่งของในขณะที่เนื้อผงยังไม่แห้งสนิทดี
เนื้อผง สร้างจากผงว่าน 108 (อาจารย์ศุภรัตน์มอบให้) ซึ่งหลวงปู่เสกให้แล้ว ผสมกับข้าวสก กล้วย โดยใช้น้ำมันตั้งอิ๊วเป็นตัวประสาน ดังนั้น สีที่ออกมาจึงเป็นสีอมเหลืองของกล้วย และจุดสีขาวของข้าวสุก ส่วนจุดดำที่กระจายอยู่ทั่วไปนั้นเป็นดินกากยายัก (ช่างอ๊อดแบ่งให้)….

จริงๆแล้วไม่มีชนวนในเหรียญหลวงปู่ทวดรุ่นเปิดโลก
มีข้อเขียนในเวปนวรัตน์ของผู้ที่ใช้ชื่อว่า”ลูกศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงปู่ดู่” แม้จะรู้ว่าไม่มีชนวนใดๆในเหรียญ แต่ความศรัทธาในหลวงปู่ดู่ว่าหลวงปู่เป็นพระที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง พุทธคุณในเหรียญจึงเกิดจากหลวงปู่ดู่ ไม่จำเป็นต้องอาศัยความศักดิ์สิทธิ์ของชนวนเลย และยังคาดเดาต่อไปอีกได้ว่า วัตถุมงคลในพิธีเปิดโลกนั้น รวมทั้งพระที่ฝากเข้าพิธีจึงมีพุทธคุณไม่แตกต่างกับเหรียญเปิดโลก

มีหลายคนทีเดียวที่กล่าวอ้างถึงชนวนวัตถุมงคลรุ่นเปิดโลก วันนี้ก็เลยถือโอกาสเปิดเผยข้อมูลที่ยังไม่เคยเปิดเผย แม้กับคนใกล้ตัว เพราะเหตุว่าไม่เห็นความจำเป็น แต่มาตอนนี้ สังเกตว่ามีหลายท่านสนใจเชิงลึกกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องวัตถุมงคล จึงนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

ในตอน สร้างวัตถุมงคลรุ่นเปิดโลกนั้น (ซึ่งตอนนั้นกิมิได้ตั้งชื่อรุ่นแต่อย่างใด เป็นแต่เรียกกันเองว่าเหรียญหลวงปู่ทวด ขอบลายกนก) คณะผู้จัดทำ ตระเวนขอเนื้อชนวนโลหะที่หลวงปู่เคยอธิษฐานไว้ให้กับลูกศิษย์อาวุโสหลายท่าน สุดท้ายก็รวบรวมได้ประมาณ 1 กล่อง (กล่องเบียร์สิงห์) ซึ่งก็ถือว่ามากพอควร จากนั้น ก็นำมาไปให้กับช่างแกะพระ (ช่างอ๊อด)

ความ จริงได้ถูกเปิดเผยภายหลังเหรียญจัดทำเสร็จ โดยช่างอ๊อดสารภาพว่าลืมนำเนื้อชนวนไปผสมทำเหรียญ พอนานวันไป ช่างก็ยังหาไม่พบเนื้อชนวนดังกล่าว สุดท้ายก็ไม่ได้เนื้อชนวนคืนจนบัดนี้ นี่คือเนื้อชนวนชั้นที่หนึ่งที่ไม่ได้นำมาผสม

ส่วนเนื้อชนวนชั้นที่ สอง คือเนื้อโลหะที่เหลือจากการปั๊มเหรียญเปิดโลกนั้น ก็ไม่มี เพราะไม่ได้ขอ (คณะผู้จัดทำมิได้มีเจตนาจะสร้างพระรุ่นใดต่ออีก) แต่อย่างไรก็ดี ทางช่างก็มอบเศษขอบเหรียญที่เหลือจากการปั๊มมานิดหน่อย ซึ่งภายหลังก็ได้นำไปผสมสร้างเหรียญรุ่นรวมใจไปจนหมด

สรุปก็คือ ก่อนสร้างเหรียญเปิดโลก ก็ไม่ได้ใช้เนื้อชนวน ภายหลังสร้างก็ไม่ได้เก็บเนื้อชนวน เรื่องก็เป็นอย่างนี้ แต่ถามว่าทางคณะผู้จัดทำรู้สึกไม่มั่นใจในพุทธคุณของเหรียญนี้หรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่มีนัยสำคัญแต่อย่างใดเลย เพราะคณะศิษย์ผู้สร้างมั่นใจในคุณธรรมของหลวงปู่ และมั่นใจในเจตนาการอธิษฐานพระของหลวงปู่ เนื่องจากครั้งนั้น หลวงปู่เป็นผู้กำหนดฤกษ์เอง ทั้งที่หลวงปู่ประกาศงดการอธิษฐานพระให้กับวัด หรือคณะใด ๆ ก่อนหน้านี้

ประกอบกับหลวงปู่เคยยืนยันว่าหลวงปู่ทวด ท่านบารมีเต็มแล้ว วัดไหนสร้างก็ศักดิ์สิทธิ์หมด เพราะบารมีหลวงปู่ทวดท่านเต็มท้องฟ้า แล้วนี่ เป็นเหรียญหลวงปู่ทวดที่หลวงปู่ดู่เสก ทำไมจะต้องคำนึงถึงเนื้อชนวนให้มากด้วยเล่า เข้าทำนองว่ามีก็ดี ไม่มีก็ได้

หาก ข้อมูลนี้จะกระทบกระเทือนผู้ใดไปบ้างก็ต้องขออภัยครับ แต่ก็คิดว่าอาจตอบข้อสงสัยของหลาย ๆ คนได้ และโปรดเชื่อเถอะครับว่า สาระสำคัญมิได้อยู่ที่เนื้อชนวนหรอก หากแต่อยู่ที่จิตของผู้เสก และจิตของผู้บูชาเป็นสำคัญ

ย้อนระลึกได้เพิ่มเติมว่าในช่วงที่กำลัง ติดตามดูความคืบหน้าของการสร้างเหรียญหลวงพ่อทวด (เปิดโลก) อยู่นั้น ทางช่างอ๊อดก็จะปั๊มเหรียญออกมาให้ดูเป็นระยะ ๆ เพื่อดูความคมชัดของการแกะ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ลูกศิษย์ของหลวงปู่ผู้ที่มีสัมผัสในทางนี้เดินทางไปด้วย พอเอาเหรียญลองปั๊มมากำดูก็แปลกใจว่าทำไมจึงมีพลังแรง ประกอบกับเห็นมีเทวดารักษาองค์พระ ทั้ง ๆ ที่เหรียญนี้ยังไม่ได้เข้าพิธี ซึ่งแต่ก่อนหลวงปู่เคยบอกว่าเฉพาะรูปถ่ายพระอริยเจ้าเท่านั้นที่ไม่จำเป็น ต้องเสก ส่วนเหรียญต่าง ๆ นั้นจำเป็นต้องเสก (ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต่างจากตุ๊กตุ่นตุ๊กตา)

พอนำเรื่องนี้ไปกราบ เรียนหลวงปู่ จึงได้ทราบว่าหลวงปู่อธิษฐานให้ตลอดกระบวนการผลิต นั่นหมายความว่าฤกษ์ที่หลวงปู่กำหนดนั้น เป็นเพียงนำวัตถุมงคลทั้งหมด (ที่หลวงปู่แอบเสกให้ก่อนแล้ว) มาเสกต่อยอดอีกที ทำให้ศิษย์หายสงสัยว่า ทำไมท่านจึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเสกนาน ๆ กับพระเครื่องบางรุ่น

จากลูกศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงปู่ดู่






พิธีปลุกเสกวัตถุมงคล หลวงปู่ทวด รุ่นเปิดโลก [No. 0]
คณะของคุณวรวิทย์ ด่านชัยวิจิตร มีศรัทธาสร้างรูปของหลวงปู่ แต่ท่านให้สร้างเป็นรูปของหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืดแทน โดยให้ออกแบบตามรูปถ่ายที่หลวงปู่ลอยในอากาศ ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมาก ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ผู้เขียนได้สรุปมาจากคุณชนะ ศรีชฎา ขณะท่านทำงานเป็นผู้จัดการเขต ธนาคารกรุงไทย จังหวัดภูเก็ต โดยท่านได้เล่าประวัติความเป็นมาของรูปนี้ว่า ได้มาจากพระอาจารย์ชัย ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งอาจารย์ได้มีโอกาสไปร่วมในพิธีที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในการบวงสรวงและอธิษฐานจิตของคณาจารย์หลายองค์ โดยมีเจ้าคณะจังหวัดเป็นประธานที่วัดพระบรมธาตุ เมืองนครฯ เพื่อต้องการรูปของหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ไว้เคารพสักการะ และนำไปเป็นแบบในการสร้างหุ่นขี้ผึ้ง เมื่อทำพิธีบวงสรวงเรียบร้อยแล้ว จึงใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายขึ้นไปบนท้องฟ้า และได้เกิดปรากฎการณ์พิเศษเหนือธรรมชาติ เพราะมีรูปพระองค์แก่ๆ เกิดขึ้น หลังจากได้นำฟิล์มมาล้าง พระอาจารย์จำเนียร แห่งวัดถ้ำเสือ จังหวัดกระบี่ ได้เข้าสมาธิถาม ได้รับคำตอบว่า ท่านคือ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด นั่นเอง

จึงได้มีการสร้างและออกแบบโดยให้เพิ่มเติมลูกแก้วไว้บนมือ และให้หลวงปู่นั่งบนดอกบัว เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ทั้งของวัดช้างไห้และวัดพะโคะ เนื่องจากลูกแก้วคู่บารมีหลวงปู่ยังคงต้องเก็บรักษาไว้ที่วัดพะโคะ จังหวัดสงขลา ส่วนการนั่งบนดอกบัวนั้น มีแรงบันดาลใจจากคุณอนันต์ คหบดี จังหวัดปัตตานี ที่เห็นหลวงปู่นั่งบนดอกบัว ในคราวที่ท่านจัดสร้างเพื่อถวายอาจารย์ทิม แห่งวัดช้างไห้ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๗ ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่าหลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ และวัดพะโคะ คือองค์เดียวกัน สำหรับการนั่งบนดอกบัวนั้น เป็นนิมิตที่ท่านแสดงถึงความปรารถนาพุทธภูมิ และบารมีเต็มเรียบร้อย มิใช่การบังอาจที่แสดงถึงการไม่เคารพพระพุทธเจ้า เพราะมีการวิจารณ์ว่า พระสงฆ์ไม่ควรนั่งบนดอกบัว แต่ในเรื่องนามธรรม ความลึกลับแล้ว เป็นการแสดงถึงบารมีของการปรารถนา ที่ท่านเมตตาแสดงไว้ให้แก่ผู้ที่เคารพศรัทธา สำหรับจำนวนของวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นในครั้งนี้ประกอบด้วย

๑.เหรียญทองคำ ๒๔๐ เหรียญ
๒.เหรียญเงิน ๑,๐๓๖ เหรียญ
๓.เหรียญทองแดง ๑๐,๕๐๐ เหรียญ
๔.พระผง ๕,๐๐๐ องค์
(ในจำนวนนี้มีพระผงที่ฝังพระธาตุเอาไว้ด้วย จำนวน ๓๖๐ องค์)
๕.ตะกั่วผสมพลวง ๑,๐๐๐ เหรียญ
๖.โปสเตอร์รูปหลวงปู่ดู่ ๑๐,๐๐๐ แผ่น
๗.ลูกแก้วสารพัดนึก ๕,๐๐๐ ลูก


สำหรับเหรียญทองคำ เงิน และทองแดง ได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกพร้อมกับเหรียญหลวงพ่อหวล ภูริทัตโต วัดพุทไธศวรรย์ ในวาระอายุครบ ๕ รอบ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๓๒....


ในพิธีพุทธาภิเษกนี้ นอกจากหลวงพ่อหวล เจ้าอาวาส ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราชแล้ว ยังได้กราบอาราธนาพระผู้ทรงวิทยาคุณองค์อื่นๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ หลวงพ่อทิม วัดพระขาว หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา และอาจารย์แม้น วัดหน้าต่างนอก นอกจากนี้ก็ยังมีศิษย์ของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ พระอาจารย์สุทิน วัดสะแก ศิษย์ของหลวงปู่ดู่ และหลวงพ่อมหาวีระ วัดท่าซุง ฯลฯ

หลวงพ่อหวล ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของผู้เขียน ได้ให้ผู้เขียนกราบนิมนต์หลวงปู่ดู่ ซึ่งท่านรับจะร่วมอธิษฐานจิตตั้งแต่ ๑๘.๐๐ นาฬิกาของวันพิธี หลวงพ่อหวลได้เล่าให้ฟังว่า ขณะที่กำลังจุดเทียนที่ขันน้ำสาครและราวเทียนอยู่นั้น ท่านเห็นพระองค์หนึ่งมายืนข้างๆ ซึ่งท่านไม่รู้จัก ในแวบหนึ่งท่านฉุกคิดถึงหลวงปู่ดู่ เมื่อผู้เขียนนำภาพหลวงปู่ดู่ไปถวาย ท่านจึงบอกว่า "ฉันไม่ได้เพี้ยนแน่ เพราะคือองค์นี้เองที่เห็น" เมื่อผู้เขียนนำเรื่องราวไปเล่าให้หลวงปู่ดู่ฟัง ท่านตอบว่า "เดี๋ยวจะหาว่าฉันโกหก ใครตาดีก็ดูกันเอาเอง"
ในวันพิธีเสกวัตถุมงคล หลวงปู่ทวด ผนตกลงมาอย่างหนัก ผู้เขียนรู้สึกประหลาดใจ เพราะเมื่อไปถึงวัด ผู้คนวันนั้นมีมากเกินกว่าที่คิดไว้ ของที่นำมาปลุกเสก ทั้งจากผู้สร้างและผู้นำมาเข้าร่วมพิธี สูงจนท่วมตัวหลวงปู่ ทุกคนที่มาในพิธีอาจจะคิดไม่ถึงก็ได้ว่า นี่เป็นวาระสุดท้ายที่หลวงปู่จะโปรดพวกลูกศิษย์ของท่าน ซึ่งหลวงปู่ได้เป็นผู้กำหนดวันพิธีไว้ล่วงหน้าคือ วันอังคารที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๓๒


ก่อนจะเริ่มพิธีเมื่อกล่าวนำบูชาพระรัตนตรัย และขอขมาโทษต่อพระรัตนตรัยแล้ว ผู้เขียนได้กล่าวอาราธนาหลวงปู่ว่า "ขออาราธนาพระเดชพระคุณหลวงปู่ได้โปรดเมตตาอธิษฐานจิต ปลุกเสกรูปเหมือนหลวงปู่ทวด และวัตถุมงคลในพิธีที่คณะลูกศิษย์ได้ร่วมใจกันสร้างขึ้น เพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นเครื่องระลึกถึงพระไตรสรณคมน์และการนำไปปฏิบัติธรรมของเหล่าคณะศิษย์ของวัดสะแก ซึ่งมีหลวงปู่ทวดเป็นประธาน สืบต่อไป"

หลังจากนั้น หลวงปู่ก็ได้ให้ผู้เขียนกล่าว ชุมนุมเทวดา เพื่อให้มาโมทนาและร่วมในพิธี ต่อไปนี้เป็นคำพูดของหลวงปู่ ที่กล่าวไว้เสมือนกับเป็นอมตะวาจา ที่ทิ้งไว้ให้ระลึกถึง เพื่อให้ลุกศิษย์เกิดศรัทธาปสาทะ มีกำลังใจที่จะสร้างคุณงามความดี จนในที่สุดกลายเป็น อจลศรัทธา สามารถพึ่งตนเองได้ วาจาของหลวงปู่มีดังนี้ "ตั้งใจกันทุกคน ภาวนาไตรสรณคมน์ นิมนต์ท่านด้วยทั้ง ๔ องค์" (ในวันนั้นมีพระสงฆ์อยู่ด้วย ๔ รูป)

หลวงปู่ "เชิญพระมาทั้งหมดแสนโกฏจักรวาฬ เทวดาด้วย ขอให้ท่านมาช่วยกัน หลวงพ่อทวดมาหรือยัง"

ผู้เขียน "มาแล้วครับ"

หลวงปู่ "หลวงพ่อเกษม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ที่แปลพระไตรปิฎกฉบับลังกา หลวงพ่อบุดดามาแล้วใช่ไหม"

ผู้เขียน "ครับ"

หลวงปู่ "ตั้งจิตยกของทั้งหมดตามหลวงพ่อทวด ไปพุทธาภิเษกที่วิมานแก้วพระพุทธเจ้า ขอให้พระพุทธเจ้ารับ ท่านรับแล้วหรือยัง"

ผู้เขียน "ครับ รับแล้ว" หลวงปู่ยกมือขวา ลูบพระทั้งหมดที่อยู่เบื้องหน้าท่าน ๒-๓ ครั้งอย่างช้าๆ

หลวงปู่ "ตั้งจิตไว้ไปวิมานพระธรรม วิมานพระสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ขอให้ท่านช่วยเสร็จแล้วใช่ไหม ตอนนี้สว่างไปหมด พรหมโลก เทวโลก มนุษโลก ดูพุทธนิมิตของหลวงพ่อทวดเต็มท้องฟ้าไปหมด ตั้งจิตนำของทั้งหมดไปนมัสการพระพุทธเจ้าที่ดอยสุเทพ ที่ดอยสุเทพมีพระธาตุพระพุทธเจ้าอยู่ ขอพระพุทธเจ้าให้ท่านประสิทธิ ดูซิของทั้งหมดสว่างหมดหรือยัง"

ผู้เขียน "สว่างหมดแล้ว"

หลวงปู่ "ยกของทั้งหมดมาที่วัดสะแก อย่าเพิ่งลง ทำทักษิณาวัตรรอบภูเขาบุญกว้าง ๑ เส้น สูง ๑ เส้นก่อน ๓ รอบ ตอนนี้หลวงพ่อทวดอยู่ที่ไหน ลอยอยู่ในอากาศเห็นหรือยัง อัญเชิญพุทธนิมิตหลวงพ่อทวดมาปฏิสนธิสถิตในของทั้งหมด ดูซิของทั้งหมดสว่างไสวไปหมด แสงแตกกระจายออกไปเหมือนไฟพะเนียงแตก ขอหลวงพ่อทวดคุ้มครองรักษา ฝากเทวดาช่วยปกป้องรักษาของทั้งหมดนี้ตลอดไป ปิดอันตรายทุกอย่าง ของสว่างใช้ได้แล้วหรือยัง ตั้งใจให้ดี อุทิศกุศลไปให้โดยรอบสุดขอบจักรวาฬ อนันตจักรวาฬ ฉันจะให้พรแทน"

หลวงปู่ให้พรและกรวดน้ำแทนคณะศิษย์ทั้งหลาย เนื่องจากในวันนั้นเสียงหลวงปู่เบามาก จึงได้ยินกันไม่ค่อยทั่วถึง หลังจาดพิธีเสร็จแล้วในวันต่อมา ได้กราบเรียถามหลวงปู่ ท่านบอกว่า "เกือบจะปลุกเสกไม่ได้ เนื่องจากมีคนจัดยาให้ท่านฉันผิด จึงทำให้ท้องเสีย ถ่ายท้องหลายครั้ง แต่เมื่อถึงพิธีกลับทำได้" นับว่าหลวงปู่มีขันติธรรมอย่างยิ่ง และเป็นความเมตตาอนุเคราะห์แก่คณะศิษย์อย่างมาก


วัตถุมงคลต่างๆ ที่สร้างขึ้นในครั้งนี้ คณะของคุณวรวิทย์ได้แจกจ่ายให้กับศิษย์ที่ปฏิบัติธรรมโดยไม่ต้องเสียเงินใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นเหรียญชนิดเงินและทอง ซึ่งคิดเท่ากับต้นทุนตามที่มีผู้สั่งจอง เนื่องจากมีผู้ได้รับแจกมาก จึงทำให้บางคนที่ไม่รู้จักคุณค่านำไปแลกเปลี่ยนจำหน่ายในสนามพระ

ปัจจุบันวัตถุมงคลดังกล่าว ยังมีเหลืออยู่บ้างในจำนวนไม่มากนัก ซึ่งต้องแล้วแต่กาลเวลา เพราะต้องดูโอกาสที่ควรจะเปิด ท่านที่อยากได้ก็จงอธิษฐาน ปฏิบัติธรรมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา นึกถึงหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ ถ้าวาสนาของท่านดี คงมีโอกาสได้รับวัตถุมงคลรุ่นนี้ ที่เรียกกันว่า "รุ่นเปิดสามโลก" หรือที่เซียนพระเรียกว่า "รุ่นดัง" นั่นเอง

มีเพื่อนของลูกศิษย์ผู้เขียนเคยนำหนังสือ พระผู้จุดประทีปในดวงใจ ซึ่งพิมพ์ครั้งพระราชทานเพลิงศพของพ่อผู้เขียน ไปถวายเพื่อนของเขาซึ่งบวชเป็นพระภิกษุ เมื่อเขาเห็นหนังสือ เขาได้บอกว่า "เพิ่งจะรู้ว่าหลวงพ่อดู่ที่หลวงพ่อเกษมกล่าวถึงคือองค์นี้เอง" จึงได้เกิดการซักถามกันขึ้น พระจึงเล่าให้ฟังว่า เคยไปนมัสการหลวงพ่อเกษม กับโยมมารดาของท่าน ตั้งแต่ยังไม่ได้บวช มารดาได้พาไปนมัสการหลวงพ่อเกษม เพื่อจะขอบารมีให้ลูกชายบวช หลวงพ่อเกษมท่านนั่งหลับตานิ่งอยู่ ได้เอ่ยถามมารดาของท่านว่า "รู้จักหลวงพ่อดู่ วัดสะแกไหม" ซึ่งมารดาเรียนตอบท่านว่า ไม่เคยรู้จัก หลวงพ่อเกษมท่านจึงพูดต่ออีกว่า "เคยได้ยิน เหรียญเปิดโลกไหม" เธอก็ตอบอีกว่า "ไม่เคยได้ยิน" หลวงพ่อเกษมจึงพูดขึ้นอีกครั้งหนึ่งว่า "ให้ไปหามาบูชา เหรียญนี้ดี กันนิวเคลียร์ได้" พระองค์นี้ก็ได้แต่สงสัยว่า หลวงพ่อดู่อยู่ที่ไหน และจะหาเหรียญได้ที่ใด เป็นเวลาเกือบปี จึงเกิดความกระจ่างจากหนังสือที่ได้รับ แสดงว่าหลวงพ่อเกษมท่านใช้ อนาคตังสญาณ คือ ความรู้เกี่ยวกับเรื่องอนาคต ที่ท่านและมารดาของท่าน จะต้องมาเกี่ยวข้องกับหลวงปู่อย่างแน่นอน


คัดลอกจาก : หนังสือกายสิทธิ์

“ข้าอธิษฐานแบบเปิดสามโลกให้ จงเก็บ (พระ) ไว้ให้ดี ข้าตั้งใจทำมาก ถ้าข้าตายไปคงไม่มีใครตั้งใจทำพระให้แกเหมือนอย่างข้าอีก”
วาทะนี้เป็นของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ซึ่งมีขึ้นภายหลังพิธีปลุกเสกพระเครื่องรุ่นนี้เสร็จสิ้นลง

“นี่เป็นความจริงที่ศิษย์ทุกคนไม่เคยลืม ท่านตั้งใจอธิษฐานพระทุกรุ่นทุกแบบ บางรุ่นบางครั้งท่านถึงกับหยิบมาเสกทีละองค์ จารทีจะละองค์ (ถ้าเป็นเหรียญ) และเอาดินสอขีดลากเพื่อตั้งองค์พระทีละองค์ (ถ้าเป็นพระผง) ท่านว่าอัญเชิญพระพุทธเจ้าลงปฏิสนธิ”
คุณสุรรัตน์อธิบายจนมองเห็นภาพ ๆ เดียวกันกับที่คุณสุรรัตน์ได้เห็น

เรื่องของหลวงปู่ดู่เห็นทีจะกล่าวถึงไม่ไหว เนื่องจากว่าได้มีผู้กล่าวถึงท่านมาก่อนแล้ว มากมายในที่หลายแห่ง ล้วนแต่แสดงคุณธรรมอันไม่ต้องสงสัย แต่มรดกขลังของท่านยังดูคับแคบไปหน่อย เมื่อเปรียบกับอุโฆษแห่งของขลังในครูบาอาจารย์องค์อื่น ๆ บางองค์,
ดูเหมือนจะจำกัดอยู่แต่หมู่ศิษย์ที่รู้จักเลื่อมใสในปฏิปทาของท่านเท่านั้น
คนอื่นๆที่อยู่ไกลตัวท่านยังคอยเวลาซึมซับบรรดามีแห่งศรัทธา เพื่อเริ่มต้นขวนขวายเอาใจใส่ในมรดกขลังที่เปี่ยมล้นคุณค่า อันท่านได้ฝากไว้

พระเครื่องรุ่นเปิดโลกคือมรดกเอกที่ใครคว้าไว้ได้ก็น่าจะถือเป็นทายาทคนที่ 1 แห่งพินัยกรรม เพราะนั่นคือพระดีที่มีคำยืนยันอย่างเด่นชัดจากองค์หลวงปู่เกษม เขมโก ปรากฏอยู่ดังคำบอกเล่าของคุณสุรรัตน์ ต่อไปนี้
“มีเรื่องที่น่ายินดีเป็นที่สุด เกี่ยวกับวัตถุมงคลที่หลวงปู่ดู่ได้อธิษฐานไว้ครั้งนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของผมเอง กล่าวคือ เมื่อครั้งที่ผมบวชอยู่วัดป่าสาละวันนั้นมีเพื่อนพระด้วยกันรูปหนึ่ง ท่านเป็นคนจังหวัดแพร่ เมื่อได้สนทนากันและได้มอบหนังสือพระผู้จุดประทีปในดวงใจ (ของปู่ดู่) ให้ท่านก็ทำท่าแปลกใจและครุ่นคิดมากหลังจากเห็นชื่อหลวงปู่ดู่ ผมถึงถามว่าท่านเป็นอะไรไป ท่านก็บอกว่ารู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้มาจากไหน และแล้วท่านก็ร้องอ๋อ..ยาวเหยียดพร้อมกับเล่าความหลังให้ฟังว่า ครอบครัวของท่านถึงแม้จะอยู่ไกลถึงจังหวัดแพร่ แต่ทั้งคุณพ่อคุณแม่ก็มีความศรัทธาในหลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ เป็นยิ่งนัก ในระยะ 1-2 เดือนท่านและครอบครัวจะเดินทางไปนมัสการหลวงพ่อเกษมครั้งหนึ่งเป็นประจำเสมอ คราวหนึ่งหลวงพ่อเกษมได้ถามคุณแม่ของท่านว่า รู้จักหลวงพ่อดู่วัดสะแกไหม คุณแม่ตอบว่าไม่รู้จัก ท่านก็ถามอีกว่าเคยได้ยินชื่อไหม คุณแม่ก็ส่ายหน้าว่าไม่เคยได้ยิน ท่านพูดต่อด้วยเมตตาว่า ให้ไปหาไว้เสีย เหรียญนี้กันนิวเคลียร์ได้ ผมถึงกับร้อง ฮ้า...ออกมาดัง ๆ ด้วยความไม่เชื่อหู รีบถามปากคอสั่นว่าท่านแน่ใจหรือท่านจำผิดหรือเปล่า ท่านก็ยืนยันว่าใช่แน่นอน โยมแม่ท่านยังกลับมาถามใครต่อใครถึงเรื่องเหรียญนี้อีกหลายครั้งว่าใครรู้จักบ้าง ผมนิ่งเงียบไปด้วยความอัศจรรย์ใจ ด้วยไม่เคยได้ยินผู้ใดพูดมาก่อน นอกจากท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทราวาส แต่นั่นก็เป็นปฐวีธาตุที่ท่านอธิษฐานจิตเป็นพิเศษ”

เกี่ยวกับเหรียญเปิดโลกของหลวงปู่ดู่ วัดสะแกนี้ได้มีบันทึกพิธีปลุกเสกซึ่งเขียนโดยอาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์ แสดงรายละเอียดในการสร้างว่ามีอะไรบ้าง
1. เหรียญทองคำ รูปหลวงปู่ทวด 250 เหรียญ
2. เหรียญเงิน รูปหลวงปู่ทวด 1,036 เหรียญ
3. เหรียญทองแดง รูปหลวงปู่ทวด 10,500 เหรียญ
4. พระผงรูปหลวงปู่ทวดฝังพระธาตุ 360 องค์
5. พระผงรูปหลวงปู่ทวดธรรมดา 4,640 องค์
6. โปสเตอร์ รูปหลวงปู่ดู่ (มีใบโพธิเป็นฉากหลัง) 10,000 แผ่น
7. ลูกแก้วสารพัดนึก 5,000 ลูก

วัตถุมงคลทุกรายการสร้างขึ้นเพื่อแจกฟรี ยกเว้นแต่เหรียญทองคำและเหรียญเงิน โดยคิดแค่ต้นทุน และสร้างตามจำนวนผู้สนใจจองไป
สำหรับเหรียญทองคำ, เงิน และทองแดง ได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกพร้อมกับเหรียญหลวงพ่อหวล ภูริทัตโต วัดพุทไธสวรรย์ ในงานพิธีนี้ได้นิมนต์ครูบาอาจารย์มาร่วมพิธีหลายรูป เช่น หลวงพ่อทิม วัดพระขาว หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิกบเจา และในฐานที่หลวงพ่อหวลเป็นพระอุปัชฌาย์ท่านอาจารย์ศุภรัตน์ จึงให้ท่านอาจารย์ศุภรัตน์นิมนต์หลวงปู่ดู่ด้วย

หลวงพ่อหวลไม่เคยรู้จักเห็นหน้าหลวงปู่ดู่มาก่อน และหลวงปู่ดู่ก็ไม่เคยรับนิมนต์ออกนอกวัด ซึ่งเป็นอธิษฐานวัตรเช่นเดียวกับที่ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ ได้อธิษฐานจนตลอดชีวิต

หลวงพ่อหวลได้เล่าว่า ขณะที่ท่านกำลังจุดเทียนชัย ท่านเห็นพระรูปหนึ่งมายืนอยู่ข้าง ๆ ซึ่งเป็นพระที่ไม่เคยรู้จัก แต่ในขณะจิตนั้นเกิดนึกถึงหลวงปู่ดู่โดยไม่ตั้งใจ และหลังจากนั้นจึงได้เห็นภาพของหลวงปู่ดู่ ที่อาจารย์ศุภรัตน์นำมาถวาย ท่านจึงเอะอะนี่เป็นพระองค์เดียวกันกับที่ท่านเห็นในวันพิธีพุทธาภิเษก ตอนที่กำลังจุดเทียนชัย

นับว่าแปลกดี

หลวงปู่ดู่ก็ได้กล่าวไว้ด้วย
“เดี๋ยวจะว่าข้าโกหก ของงี้ใครตาดีก็ดูกันเอาเอง”

วันอังคาร ที่ 29 สิงหาคม 2532 เป็นวันพิธีปลุกเสกพระรุ่นเปิดโลกที่แท้จริง ผู้คนมาร่วมพิธีมากมายเกินคาดหมายและของที่นำเข้าพิธีทั้งของหลักและของฝากพิธี มีจนสูงล้นท่วมองค์หลวงปู่ดู่

ในการนี้ท่านอาจารย์ศุภรัตน์ได้รำพึงว่า
“ทุกคนที่มาในพิธีนี้อาจคิดไม่ถึง นี่จะเป็นวาระสุดท้ายที่หลวงปู่จะโปรดบรรดาศิษย์ของท่าน” เพราะว่าหลังจากพิธีนี้ไม่นานเดือนท่านก็มรณภาพ

ภายหลังพิธีเสร็จสิ้นลง หลวงปู่ดู่ได้บอกว่าเกือบจะปลุกเสกไม่ได้ เนื่องจากมีคนจัดยาถวายท่านผิด ทำให้ท้องเสียจนถ่ายท้องหลายครั้ง ครั้นเมื่อถึงพิธีกลับทำได้

“เวลาที่เริ่มต้นอธิษฐานจิตปลุกเสกประมาณ 2 ทุ่มเศษ ใช้เวลาปลุกเสกนาน 20 กว่านาทีเท่านั้น ได้เรียนถามท่านว่าทำไมใช้เวลาน้อยนัก ท่านว่าเพียงมาต่อยอด เพราะได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้วระหว่างพิธี ศิษย์ที่มีสัมผัสดี ๆ บอกว่า เกิดรู้สึกแปลก ๆ ในสถานที่ปลุกเสก (วัดสะแก) ผู้มีสมาธิพบว่า มีพุทธนิมิตเป็นรูปหลวงปู่ทวดองค์เล็กองค์ใหญ่เต็มเกลื่อนท้องฟ้าเหนือวัดสะแก” อาจารย์ศุภรัตน์กล่าว

ที่ต้องบันทึกไว้เป็นสำคัญอีกประการหนึ่งคือคำพูดของหลวงปู่ดู่ ที่มีขึ้นในระหว่างพิธีดังนี้

“ยกของ (วัตถุมงคล) ทั้งหมดมาที่วัดสะแก อย่าเพิ่งวางลง ทำทักษิณาวัตรรอบภูเขาบุญเสียก่อน 3 รอบ ตอนนี้หลวงพ่อทวดอยู่ที่ไหน ลอยอยู่ในอากาศเห็นหรือยัง อัญเชิญพุทธนิมิตหลวงพ่อทวดมาปฏิสนธิสถิตในของทั้งหมด ดูซิ ของทั้งหมดสว่างไสวไปหมด แสงแตกกระจายออกไปเหมือนไฟพะเนียงแตก ขอหลวงพ่อทวดคุ้มครองรักษาฝากเทวดาช่วยปกป้องรักษาของทั้งหมดนี้ตลอดไป ปิดอันตรายทุกอย่าง ตั้งใจให้ดี อุทิศส่วนกุศลไปให้โดยรอบสุดจักรวาล อนันตจักรวาล ฉันจะให้พรแทน”

หลวงปู่ดู่ได้กล่าวว่า ของทั้งหมดนี้ท่านอธิษฐานแบบเปิดสามโลกให้
ศิษย์ทั้งหลายจึงพร้อมใจกันเรียกชื่อเหรียญหลวงปู่ทวดรุ่นนี้ว่า “รุ่นเปิดโลก”

อาจารย์ศุภรัตน์ได้อธิบายถึงภูเขาบุญที่ท่านกล่าวถึงว่าเป็นภูเขากว้าง 1 เส้น ยาว 1 เส้น สูง 1 เส้น มีรัศมีสว่างไสว ภูเขานี้ท่านเป็นผู้อธิษฐานให้มีขึ้น ในสมัยท่านพากเพียรประพฤติปฏิบัติ มีอยู่ 4 ลูก สถิตอยู่ทิศทั้ง 4, 1 ใน 4 ลูกนั้นอยู่ที่วัดสะแก เพื่อให้วิญญาณทั้งหลายทั้งสูงทั้งต่ำเมื่อได้เห็นภูเขาบุญของท่าน ก็จะเกิดบุญกุศลแก่สรรพวิญญาณเหล่านั้น ท่านยังกล่าวฝากฝังให้เทวดาช่วยปกปักรักษาโดยอธิษฐานให้ของทั้งหมดนี้ คงความศักดิ์สิทธิ์อยู่ได้ 1 กัป เพื่อให้ถึงยุคพระศรีอริยเมตไตรย์ นั่นเอง

เห็นจะเพลา ๆ เรื่อง “เปิดโลก” ไว้เท่านี้ก่อน เพราะคงต้องความลี้ลับ มหัศจรรย์อยู่มากมายเกินไป จนต้องให้ถึงกับยั้งๆปาก ยั้งๆมือเขียนไว้บ้าง



พิณเปี๊ยะ 0804 9955 15
ราคาเปิดประมูล10 บาท
ราคาปัจจุบัน45,000 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูล - 14 พ.ย. 2554 - 15:10:01 น.
วันปิดประมูล - 24 พ.ย. 2554 - 15:10:01 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลพิณเปี๊ยะ (1.5K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     45,000 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     10 บาท

!!! ท่านต้อง login เข้าสู่ระบบก่อน จึงจะสามารถร่วมประมูลได้ !!!


 

Copyright ©G-PRA.COM