(0)
!!! สมเด็จปรกไผ่ เนื้อว่านทาทอง ล.ป.หนู วัดไผ่สามเกาะ ราชบุรี !!!








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง!!! สมเด็จปรกไผ่ เนื้อว่านทาทอง ล.ป.หนู วัดไผ่สามเกาะ ราชบุรี !!!
รายละเอียด!!! สมเด็จปรกไผ่ เนื้อว่านทาทอง ล.ป.หนู วัดไผ่สามเกาะ ราชบุรี !!!

**องค์จริงตามรูป**

**รับประกันตามกฏเว็ป**

ประวัติพระครูปัญฺญาวิภูษิต (หลวงปู่หนู ปญฺญาโสโต) อายุ 89 ปี พรรษาที่68 เป็นเจ้าอาวาสวัดไผ่สามเกาะ ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เป็นพระเกจิอาจารย์มีเวทย์มนต์เข้มขลัง สมาธิจิตแก่กล้า ถือมักน้อยสันโดษ มีปฏิปทาน่าเสื่อมใส บริสุทธิ์ผ่องแผ้วทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นศิษย์ผู้สืบทอดไสยเวทย์พุทธาคมจากหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม และหลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม สืบสายวิชาหลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จ.กาญจนบุรี จากพระอาจารย์อู๋ วัดใหม่สำรอง สืบสายวิชาหลวงพ่อแทน ธรรมโชติ วัดธรรมเสน จากหลวงพ่อกล่อม วัดขนอม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี หลวงปู่หนู ปัญฺญาโสโต มีเมตตาบารมี เอื้อเฟื้อต่อผู้มากราบนมั้สการท่านอย่างเสมอเหมือนไม่เลือกที่รักมักที่ชั่ง เป็นพระสุปฏิปันโณอีกรูปหนึ่งที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ

ชาติภูมิ หลวงปู่หนู ปัญฺญาโสโต มีนามเดิมว่า "หนู กันขำ" ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ.2462 เป็นบุตรคนที่2 ในจำนวนพี่น้อง 8 คนด้วยกัน คือ 1.นางยุ้ย 2.หลวงปู่หนู 3.นายพัด 4.นางหมุ่ย 5.นายคุย 6.นางบาง 7.นายสเงี่ยม 8.นายวาล เป็นบุตรของโยมพ่อนวน โยมแม่ตุ่น กันขำ ณ บ้านไผ่สามเกาะ ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี จบการศึกษาชั้นป.4 ที่โรงเรียนเขาขลุง อาชีพทำนา

อุปสมบท เมื่ออายุ 22 ปี ณ พัทธสีมา วัดสระตะโก ต.หนองปลาหมอ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2484 โดยมีพระครูเม เมธาธิการ (หลวงพ่อหวาน) เจ้าคณะตำบลหนองปลาหมอ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูบุญนาค สักการโว วัดลำพยอม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ม่วง วัดไผ่สามเกาะ เป็นพระอนุสาวณาจารย์ หลวงปู่หนู ได้รับฉายาว่า ปญฺญาโสโต อุปสมบทแล้วได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดไผ่สามเกาะ ได้ศึกษาเรียนนักธรรม สอบได้นักธรรมเอก ได้รับพัดยศสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นเอก ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดไผ่สามเกาะในปีพ.ศ.2490 สืบต่อจากพระอาจารย์ม่วง จักหมื่นภูผา อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่สามเกาะ ตลอดมาจนจวบถึงปัจจุบันนี้และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ในปีพ.ศ.2512

ศึกษาไสยเวทย์พุทธาคม หลวงปู่หนู ปัญฺญาโสโต เป็นศิษย์ผู้สืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม และหลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ.นครปฐม ในปีพ.ศ.2486 หลวงปู่หนูได้เดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ขอศึกษาพุทธาคมจากหลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อแช่มได้เมตตาสอนสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานให้เป็นอันดับแรก และได้สอนพระคาถากำบัง วิชามหาอุด และคงกระพันชาตรีให้อยู่เป็นเวลา 1 ปีและในพรรษาที่7 ตรงกับปีพ.ศ.2492 ได้เดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม ได้เข้าฝากตัวเป็นลูกศิษย์ขอศึกษาเรียนไสเวทย์พุทธาคม หลวงพ่อเงิน ได้รับเป็นศิษย์ได้ให้หลวงปู่หนู มาขึ้นครูที่วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเงิน ได้สอนวิชาสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานให้เช่นกัน และได้สอนคาถาอาคมต่าง ๆ ให้เช่น คาถาเสกหุ่น หนุนธาตุ คาถามหาอุดและการทำกสิณต่าง ๆ เช่นกสิณน้ำ กสิณลม กสิณไฟ และปัฐวีธาตุ จนสามารถบรรลุกสิณ10 และหลวงปู่หนู ได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อเต๋ คงทอง ที่วัดสามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ซึ่งหลวงพ่อเต๋ คงทอง ท่านก็ได้เป็นศิษย์หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้องเช่นกัน ได้เข้าขอศึกษาและปรึกษารับการแนะนำในการใช้วิชาต่าง ๆ จากหลวงพ่อเต๋ คงทอง ซึ่งเป็นศิษย์ผู้พี่และเป็นทั้งอาจารย์ หลวงปู่หนู ปัญฺญาโสโต ได้เดินทางไปมาหาสู่ทั้ง 3 พระอาจารย์อยู่อย่างต่อเนื่องตลอดมาจนมาในปีพ.ศ.2490 หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ได้ละสังขารลง สำหรับหลวงพ่อเงินและหลวงพ่อเต๋ หลวงปู่หนู ได้เดินทางไปหาอย่างต่อเนื่องตลอดมาและได้เรียนวิชาไสยเวทย์ต่าง ๆ จากหมอไสยศาสตร์ ชื่อโยมเปลื่อง จักหมื่นภูผา เรียนวิชาทำตะกรุด วิชาขับคูณไสย เมตตามหานิยม ได้เรียนวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อกล่อม วัดขนอม ต.สร้อยฟ้า อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งหลวงพ่อกล่อม ท่านเป็นศิษย์สืบสายวิชามาจากหลวงพ่อแทน ธรรมโชติ วัดธรรมเสน ต่อจากนั้นได้เรียนวิชาคาถาอาคม อักขระเลขยันต์จากพระอาจารย์อู๋ วัดใหม่สำรอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี อาจารย์อู๋ องค์นี้ท่านเป็นศิษย์ผู้สืบสายวิชาสายหลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เหรียญติดอันดับ 1 ใน 5 ในทำเนียบเบญจภาคีเหรียญยอดนิยมของเมืองไทย หลวงปู่หนู ได้รับการประสิทธิ์ประสาทวิชาไสยเวทย์พุทธาคม จากท่านพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาไสยเวทย์พุทธาคมเข้มขลังและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและยอมรับทั้งสิ้น ฉะนั้น หลวงปู่หนู จึงเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญและแตกฉานในไสยเวทย์มนต์คาถา จึงทำให้วัตถุมงคลของท่านมีพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์และน่าเชื่อถือ

ธุดงค์วัตร ในปีพ.ศ.2491 พรรษาที่8 หลวงปู่หนู ได้บอกกล่าวกราบลา พระอุปัชฌาย์หลวงพ่อหวาน ออกธุดงค์วัตรสู่ความวิเวก ได้เดินธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพร่เสียส่วนใหญ่ เริ่มต้นเดินสู่ อ.จอมบึง น้ำพุ ยางหัก หินสี โป่งกระทิง สวนผึ้งแล้วลัดเลาะมายังด่านทัพตะโก ด่านมะขามเตี้ย ผ่าน จ.กาญจนบุรี อ.ศรีสวัสดิ์ อ.ทองผาภูมิ ขากลับสู่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ผ่านเข้า อ.เลาขวัญ อ.พนมทวน อ.ท่าม่วงและมุ่งกลับสู่วัดไผ่สามเกาะ ใช้เวลาออกธุดงค์เป็นเวลา 5 เดือน ตลอดระยะเวลาเดินทางด้วยเท้ายามค่ำคืนส่วนใหญ่จะอยู่ปักกลดจำวัดอยู่ชายเขา และตามถ้ำข้างลำธารน้ำไหลต่าง ๆ หลวงปู่เล่าว่าได้ประสบการณ์ถึงสิ่งลี้ลับมหัศจรรย์ในยามค่ำคืนในถ้ำต่าง ๆ หลายแห่ง เช่น ถ้ำเขาคันหอก ถ้ำเขาองค์จุ ถ้ำมังคลา ส่วนใหญ่จะได้ยินเสียงหวีดร้องจากวิญญาณต่าง ๆ เสียงม้าร้อง เสียงเสือคำราม เสียงนกที่ร้องดังมาก ดังสะท้านป่าเขาเสียงดังจง..จง..จง..มีแสงประกายแลบ ๆ เหมือนฟ้าแลบในป่าเขาเป็นพระกายปฏิกิริยาของแร่ต่าง ๆ ในยามค่ำคืน ในหุบเขาเขต อ.ศรีสวัสดิ์ หลวงปู่จะทำสมาธินั่งอยู่ในกลดที่ปักอยู่ในถ้ำและตามชายเขาเสียส่วนใหญ่ ที่ถ้ำเขาองค์จุในยามค่ำคืน ๆ หนึ่งได้เห็นวิญญาณหัวขาด วิญญาณวัวหัวขาดและวิญญาณม้าหัวขาด มีงูใหญ่เลื่อยมาคดตัวอยู่ข้างกลมหลวงปู่และมีบรรดาสัมภเวสีมาขอส่วนบุญ หลวงปู่ได้อธิษฐานจิตแผ่เมตตาไปให้แล้วสิ่งที่เห็นก็ได้หายไป ตามป่าเขามีบ้านผู้คนอยู่น้อยมากมีหลายครั้งที่หลวงปู่ออกบิณบาตรแต่ไม่ได้อาหารเลย พอกลับมายังที่พักสักครู่ก็จะมีคนนำอาหารมาถวายบางครั้งมา 2 คน 3 คนบ้าง บางวันก็มาเป็น 10 ก็เป็นที่ประหลาดใจตอนทีหลวงปู่ออกบิณบาตรไปไกลมาก ก็ไม่เห็นมีชาวบ้านและบ้านผู้คนอาศัยอยู่แม้สักหลัง โดยทั้งหลายนี้ที่มาทำบุญกันมาจากที่ไหนกันแน่หนอ หลวงปู่จึงได้ถามกลับไปว่า "โยมที่มานี้บ้านอยู่ที่สด อยู่ไกลหรือไม่" ก็ได้รับคำตอบว่า "ก็อยู่ระแวงนี้แหละหลวงปู่" หลังจากหลวงปู่ได้ฉันท์อาหารเช้าและได้สวดเมตตาให้พรแล้ว ผู้คนเหล่านั้นก็ได้กราบลาหลวงปู่เดินทางจากถ้ำไป หลวงปู่ได้ลุกจากที่ทันทีและเดินตามหลังไปดูที่ปากถ้ำ ปรากฎว่าผู้คนเล่านั้นได้หายไปหมดแล้ว จากเรื่องราวหลวงปู่ได้ประสบมานั้น เราชาวพุทธน่าจะสันนิฐานได้ว่า เรื่องเล่านี้ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่ยุคโบราณกาล เพราะบรรดาทวยเทพยดาเทพารักษ์หรือนางไม้ทั้งหลาย ได้เห็นพระผู้ทรงศีลหรือพระอริยสงฆ์ออกบิณบาตรโปรดสัตว์ ต่างก็มาร่วมทำบุญถวายอาหารแก่หลวงปู่เพื่อเสริมสร้างกุศลผลบุญ

ด้านพัฒนา วัดไผ่สามเกาะในสมัยเริ่มแรกพระอาจารย์ม่วง จักหมื่นภูผา และอาจารย์ค้ำ ได้เป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดไผ่สามเกาะ โดยได้สร้างกุฎิไม้ขึ้นหลังหนึ่งเมื่อประมาณปีพ.ศ.2476 เป็นเวลาผ่านมาถึงปีพ.ศ.2523 ได้ 47 ปี ได้ชำรุดทรุดโทรมจนใช้การไม่ได้ทางวัดจึงได้ทำการรื้อถอนเอาสถานที่นั้นเพื่อสร้างกุฎิสงฆ์ขึ้นใหม่ตั้งแต่ปีพ.ศ.2490 เป็นต้นมา หลวงปู่หนูได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส วัดไผ่สามเกาะ ได้ทำการก่อสร้างและพัฒนาวัดไผ่สามเกาะต่อเนื่องมาไม่หยุด โดยได้มองเนื้อที่วัด ซึ่งมีอยู่ประมาณ 60 ไร่ ได้มอบให้ทางการจำนวน 20 ไร่ เพื่อสร้างสถานศึกษาโรงเรียนไผ่สามเกาะปัญญาสามัคคี หลวงปู่ได้เป็นองค์อุปถัมภ์การศึกษาโรงเรียนไผ่สามเกาะปัญญาสามัคคีตลอดมา ส่วนเนื้อที่ดินของวัดที่เหลือประมาณ 40 ไร่หลวงปู่ได้ทำการปลุกต้นไม้สร้างกุฏิสงฆ์ สร้างหอฉันท์ สร้างซุ้มประตูและรั้ววัด ได้สร้างอุโบสถขึ้นในปีพ.ศ.2509 และทำการฝังลูกนิมิตในปีพ.ศ.2515 ได้สร้างศาลาอเนกประสงค์ 2 ชั้นหลังใหญ่ขึ้น สำหรับชั้นล่างได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันหลวงปู่หนู ปัญฺญาโสโต ได้จำวัดและอาศัยอยู่ที่ชั้นล่างนี้ ส่วนชั้นบนยังสร้างไม่เรียบร้อยซึ่งจะต้องใช้จตุปัจจัยอีกจำนวนหนึ่ง บริเวณวัดไผ่สามเกาะ นั้นมีแมกไม้นานาพันธุ์เขียวชอุ่มร่มรื่น บรรยากาศสงบ อากาศบริสุทธิ์สดชื่นที่สุด บริเวณวัดนั้นมีความสะอาดเรียบร้อย กุฏิที่อยู่ของหลวงปู่ก็สะอาดและมีระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งหลวงปู่ก็ใจดี มีเมตตาที่สุดผู้ใดได้เข้าพบและกราบนมัสการแล้วจะรู้สึกอิ่มเอิบใจและมีความสุขสบายใจอย่างที่สุด โดยที่มากราบหลวงปู่แล้วอยากกลับมากราบไหว้ท่านอีก

วัตถุมงคล หลวงปู่หนู ปัญฺญาโสโต ได้สร้างวัตถุมงคลรุ่นแรกในปีพ.ศ.2515 เป็นเหรียญูรูปไข่ เนื้อทองแดงรมดำ จำนวน 10,000 เหรียญ และเนื้อทองแดงกะไหล่ไฟ จำนวน 5,000 เหรียญสร้างออกให้บูชาในงานปิดทองผูกภัทธศรีมา (ฝั่งลูกนิมิต)ในปีพ.ศ.2515 โดยเหรียญรูปไข่ เนื้อทองแดงรมดำ ได้รับความนิยมมากกว่าเนื้อทองแดงกะไหล่ไฟ ทางวัดจึงได้เก็บเหรียญรูปไข่เนื้อทองแดงรมดำจำนวน 3,000 เหรียญ โดยได้บรรจุไว้ได้อุโบสถและสำหรับเนื้อทองแดงกะไหล่ไฟต่อมาได้หมดไปแล้วเช่นกัน ปัจจุบันเหรียญทองแดงรมดำได้รับค่านิยมเล่นหาในตลาดพระอำเภอบ้านโป่ง สภาพสวย ๆ เล่นหากันราคา 2,500 บาทสำหรับเหรียญรูปไข่ เนื้อทองแดงกะไหล่ไฟเล่นหากันราคาประมาณ 1,200-1,500 บาท เหรียญรุ่นแรกปีพ.ศ.2515 นี้ทั้ง 2 เนื้อเป็นเหรียญรุ่นเดียวกันออกพร้อมกัน หลวงปู่อธิษฐานจิตปลุกเสกเดียวครั้งเดียวกันเป็นเหรียญรูปไข่ขนาดความกว้าง 2.1 ซม. ส่วนสูง 3 ซม.ซึ่งเหรียญรุ่นแรกนี้มีประสบการณ์คุ้มครองผู้บูชามาแล้วมากมาย

!!! แค่ก่อนมีลงประมูลเยอะเลยครับ แต่ตอนนี้โดนเก็บเรียบไม่ค่อยมีของแล้วครับ !!!
ราคาเปิดประมูล180 บาท
ราคาปัจจุบัน200 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 31 พ.ค. 2555 - 15:28:56 น.
วันปิดประมูล - 06 มิ.ย. 2555 - 22:35:24 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลก้นกุฏิ (4.9K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     200 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    opipat (953)

 

Copyright ©G-PRA.COM