ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : นำประวัติพระเกจิ ที่น่าสนใจอีกรูปหนึ่ง มาแนะนำให้รู้จักกันครับ (หลวงปู่ตี๋ จ.สุพรรณบุรี) ตอนที่ 2

(D)
ตอนที่ 1
https://www.g-pra.com/webboard/show.php?Category=general_talk&No=163982

มาต่อกันครับ

แต่สำหรับหลวงปู่ตี๋ผู้เป็นศิษย์นั้น ในวัยสามสิบต้นๆ พึ่งจะเริ่มหัดเดินตามรอยอาจารย์ได้เพียงไม่กี่ปี ยังมีเวลาฝึกฝนอีกนาน แต่ด้วยท่านป็นผู้มีนิสัยใจร้อน ไม่เกรงคน พูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมาเรียบง่ายตามสไตล์ลูกทุ่งเมืองสุพรรณ โดยเฉพาะศิษย์ใกล้ชิดนั้นเคยชินกันดี แต่ที่สำคัญจนเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งก็คือท่านมั่นใจและถือขลังเป็นอย่างยิ่งชอบลองของ

ถึงแม้ท่านมั่นใจและถือขลัง แต่ท่านก็ไม่ลืมครูบาอาจารย์ ดังนั้นในการสร้างเหรียญรุ่นแรกของท่าน เมื่อปี 2513 นั้น ท่านจึงได้นำไปถวายหลวงพ่อมุ่ย ผู้เป็นอาจารย์ปลุกเสกนานถึง 1 พรรษาเต็มๆ จากนั้นท่านก็นำกลับมาปลุกเสกของท่านเองที่วัดกระเสียว ด้วยความมั่นอกมั่นใจอยู่ทุกคืนวัน เหรียญรุ่นแรกนี่ท่านหวงพอดู จะมอบให้ใครก็ใช่ว่าจะได้กันง่าย ๆ แทบทุกรายจะต้องถูกมีดอีเหน็บฟันหลังแอ่นกันทุกราย บางรายที่หนักหน่อยก็โดนอีเหน็บขว้างตามหลังหลบทันก็รอดหลบไม่ทันก็หลังงอไปตามๆกัน อีกอย่างหนึ่งก็คือหลวงปู่เป็นพระที่ชอบเดินธุดงค์เป็นสรณะไม่ค่อยจะอยู่วัด เมื่อรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกระเสียว ต.กระเสียว อ.สามชุก จ. สุพรรณบุรี หลวงปู่ก็ยังออกธุดงค์เป็นประจำ ธุดงค์บ่อยหรือนานแค่ใหนก็ไม่อาจคำนวณได้ รู้แต่ว่าหลวงปู่ท่านเดินธุดงค์เพลินจนกระทั่งโดนยึดตำแหน่งเจ้าอาวาสนั่นเลยทีเดียว แทนที่จะทำให้หลวงปู่เรียกร้องดิ้นรนเอาตำแหน่งกลับมา ประดับความเป็นตัวกูดังที่ควรทำ แต่หลวงปู่ท่านกลับหันหลังให้กับยศตำแหน่งอย่างไม่ใยดี เรื่องยศช้างขุนนางพระ ท่านว่าเป็นสิ่งที่สั่งสมกิเลศตัณหาพุทธบุตรผู้มีปัญญาไม่ควรจมอยู่กับหล่มปลักโคลนเหล่านี้ และนั่นก็เป็นเหตุให้ท่านมุ่งมั่นใฝ่หาแสวงแต่วิชาความรู้ทางพระเวทย์วิทยาคมเพียงอย่างเดียว หลวงปู่จึงเป็นพระสงฆ์เพียงรูปเดียวในย่านนั้นที่ไม่มีอะไรกับเขาเลยทั้งยศตำแหน่งหน้าที่การงาน อะไรก็ตามที่พระสงฆ์สมัยนี้วิ่งกันให้วุ่นวายนั้น หลวงปู่ตี๋ผู้นี้ไม่เคยมีและไม่เคยเอาอะไรกับใครเขาทั้งสิ้น ถ้าจะมีก็คงจะมีแต่อย่างเดียว ซึ่งนั่นก็คือ วิชาอาคม เท่านั้นที่ทำให้ท่านเฟื่องฟูรุ่งเรืองกว่าใครผู้ใดในย่านนั้นจนปัจจุบัน

โดยคุณ kwang (2.3K)  [ส. 21 พ.ย. 2552 - 09:39 น.]



โดยคุณ kwang (2.3K)  [ส. 21 พ.ย. 2552 - 09:41 น.] #936586 (1/5)
ขณะที่หลวงปู่ยังอยู่ที่วัดกระเสียวนั้นท่านเป็นพระที่มีชื่อเสียงกันดีด้านสักยันต์อาบน้ำมนต์ปลุกเสกพระเครื่องทั้งอภินิหาร อิทธิฤทธิ์ บุญญฤทธิ์ ทุกอย่างทั้งวิชาอาคมครบเครื่องครั้งหนึ่งที่วัดกระเสียวหลวงปู่ได้สำเร็จวิชามาจากวัดดอนไร่หมาด ๆ ได้ลองวิชาให้ศิษย์ดูเป็นขวัญตา โดยท่านนั่งสมาธิบนน้ำแล้วให้ลูกศิษย์สองคนที่บวชเป็นพระอยู่ที่วัดกระเสียว ลงไปลอยคออยู่ในน้ำพยายามกดร่างหลวงปู่ให้จมน้ำ โดยช่วยกันดึง ช่วยกันกดร่างหลวงปู่ที่นั่งสมาธิอยู่เหนือน้ำนั้นให้จมลง เป็นที่น่าประหลาดและอัศจรรย์นักก็คือ ไม่ว่าจะช่วยกันดึงหรือช่วยกันกดอย่างไรก็ตาม พยายามอยู่นานจนกระทั่งหมดเรี่ยวหมดแรง ก็ไม่สามารถจะดึงร่างหลวงปู่ให้จมลงได้แม้แต่น้อย ถึงวันดีคืนดีก็มักจะมีผู้พบเห็นหลวงปู่ลงไปนั่งอยู่กลางสระน้ำโดยท่านนั่งอยู่บนกอผักตบชวา ใครๆที่ผ่านไปผ่านมาก็ว่าท่านเป็นพระบ้า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะนำเอาความอัศจรรย์ที่พบเห็นนั้นไปร่ำลือกันอยู่เสมอ แต่ที่น่าแปลกก็คือขึ้นชื่อว่าอาจารย์ตี๋แล้วแต่ไหนแต่ไรมา ผู้คนทั่วไปมักมองข้ามท่านกันหมด คงเห็นว่าหลวงปู่ท่านไม่มีอะไร แค่หลวงตาธรรมดาๆยิ่งท่านไม่ค่อยง้อใครแล้ว ก็เลยไม่มีใครค่อยเข้าหาเป็นประเภทใกล้เกลือกินด่างกันหมด นี่อาจเป็นบทสรุปในมาตรฐานสังคมสมัยนี้ที่น่าจะเด่นชัดอยู่ว่า ถ้าไม่คุยโม้ไม่โอ้อวดโฆษณายกหางตนเองแล้ว ก็ยากที่จะดัง และยิ่งไร้ซึ่งยศถาบรรดาศักดิ์ วัดไม่สวย โบสถ์ไม่ไหญ่โต นั่งรถไม่โก้ จีวรเก่าคร่ำคร่า และที่สำคัญเวลาพูดจา พูดจ๊ะ พูดจ๋า ยกยอ ญาติโยมไม่เป็นแล้วก็คงลำบากอย่างหลวงปู่ตี๋ผู้นี้เป็นตัวอย่าง และก็ย่อมเป็นธรรมดาเราทั้งหลายกว่าจะมาทราบประวัติของพระอย่างหลวงปู่นี้ก็มักจะสายอยู่เสมอๆ

แต่อย่างไรเสีย ก่อนที่จะโด่งดังนามอย่างหลวงปู่ตี๋นี้นั้น จึงต้องอาศัยร่มใบบุญแห่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อมุ่ยผู้เป็นอาจารย์มาช่วยหนุน เพราะใครหลายคนมักจะถามกันอยู่เสมอๆว่าท่านเป็นศิษย์ของใคร

โดยคุณ kwang (2.3K)  [ส. 21 พ.ย. 2552 - 09:42 น.] #936587 (2/5)
สำหรับอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่สำคัญยิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้ก็คือ ยอดพระเถระแห่งเมืองสรรค์บุรี ผู้มีฉายาว่าผู้วิเศษแห่งเมืองสรรค์ คำนวนวันเวลาประมาณราว พ.ศ.2515 หลวงปู่ได้ไปขอฝากตัวเรียนวิชากับหลวงพ่อกวย ชุตินธโร เจ้าอาวาสวัดโฆสิตาราม รู้กันภายในหมู่ศิษย์ว่าท่านตั้งใจจะตามเก็บวิชาที่แตกแขนงไปจากหลวงพ่ออิ่มกลับคืนมาให้ได้ครบ ฉะนั้นเมื่อไปถึงหลวงปู่ตี๋จึงแจ้งความประสงค์ว่าเป็นลูกบุญธรรมของหลวงพ่ออิ่มมีเจตนาอันแน่วแน่ที่ต้องการรวบรวมตำราวัดหัวเขาไว้ให้ครบถ้วนจึงมาขอฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อกวยจำได้ว่าท่านเคยรับปากกับอาจารย์ใหญ่เอาไว้เมื่อตอนที่เคยไปเรียนวิชากับหลวงพ่ออิ่ม ตั้งแต่สมัยที่หลวงปู่ยังเป็นเด็กวัดในครั้งเก่าก่อน จึงเมตตาถ่ายทอดวิชาให้โดยมิได้ปิดบัง เท่าที่ทราบมา อันวิชาต่างๆที่ได้เรียนมาจากหลวงพ่อมุ่ยนั้นก็นับว่าเพียงพออยู่ ขาดแต่เพียงเกร็ดเล็กๆน้อยบางอย่างที่ผู้ใฝ่รู้อย่างหลวงปู่นั้น ท่านพยายามใฝ่หาเพิ่มเติม ซึ่งเท่าที่เห็นนั้นล้วนแต่เป็นวิชาที่หลวงพ่อมุ่ย มิได้ถือและใช้เป็นหลักสำคัญ เช่น วิชาปลุกปลัดขิก และการสักยันต์ ประมาณว่าหลวงพ่อมุ่ยท่านไม่ค่อยชอบทางนี้ ถึงท่านจะร่ำเรียนมาแม้จะเก่งกล้าแตกฉาน แต่ในเมื่อท่านไม่ใส่ใจท่านเลยไม่ได้สอนเป็นพิเศษ เกร็ดต่างๆเหล่านี้จึงเป็นหน้าที่ของหลวงปู่ผู้ใฝ่รู้ต้องเป็นผู้เสาะหาเอาเอง จึงเป็นเหตุที่ทำให้ท่านต้องมาเรียนกับหลวงพ่อกวยโดยเฉพาะ ส่วนวิชาเสกสิงห์ราช ทางมหาอำนาจที่หลวงปู่ท่านใช้อยู่ การปลุกเสก การลงอักขระเลขยันต์และตระกรุดโทน อันโด่งดังทางแคล้วคลาดคงกระพันมหาอุดนั้น หลวงปู่ท่านได้ใช้วิชาทางหลวงพ่อมุ่ยเป็นหลักมาตั้งแต่ต้น จนไม่ต้องดิ้นรนไปเรียนที่ใดอีก โดยเฉพาะเรื่องการลงตระกรุดนั้นหลวงปู่เคยเปรยว่า หลวงพ่อมุ่ย อาจารย์ท่านนั้นนับว่าเป็นสุดยอด ทั้งยังบอกศิษย์ใกล้ชิดอยู่เสมอว่าในบรรดาวัตถุมงคลที่โด่งดังของหลวงพ่อมุ่ยนั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปหล่อ พระสมเด็จ หรือเหรียญทุกรุ่นที่โด่งดังนั้น หลวงปู่ท่านเลือกเอาตระกรุดเพียงอย่างเดียว ส่วนของหลวงพ่อกวยนั้นหลวงปู่ท่านว่าท่านเลือกเอาพญาครุฑ ซึ่งท่านก็มีพกติดตัวอยู่เสมอ หลวงปู่ท่านว่าเป็นสุดยอดของหลวงพ่อกวย ไม่มีอะไรเกิน วิชาอีกอย่างที่หลวงปู่ได้มาทั้งสองหลวงพ่อนั้นคือวิชาจินดามณี หรือมนต์พระสังข์เรียกเนื้อเรียกปลา หลวงปู่ท่านว่าของทั้งสองอาจารย์นั้นไม่แตกต่างกัน เพราะว่าเรียนมาจากหลวงพ่ออิ่มทั้งคู่ สำหรับหลวงพ่อกวยนั้นหลวงปู่ท่านใกล้ชิดเป็นอย่างยิ่ง จนเป็นที่กล่าวกันในหมู่ลูกศิษย์ของหลวงพ่อกวยว่า สาม ต. คืออาจารย์ ตั้ว อาจารย์เตี้ย และอาจารย์ตี๋ ศิษย์ทั้งสามท่านนี้ นับกันว่าเป็นที่เชื่อถือได้

โดยคุณ p_sak (653)  [ส. 21 พ.ย. 2552 - 11:02 น.] #936675 (3/5)
สุดยอดครับ จะคอยติดตามต่อครับ อ่านแล้วมันส์ดี

โดยคุณ บ้านพระระยอง (2.3K)  [ส. 21 พ.ย. 2552 - 11:05 น.] #936681 (4/5)
ประวัติความเป็นมาของหลวงปู่ตี๋ เล่าได้น่าอ่านและน่าติดตามเป็นอย่างยิ่งครับ


โดยคุณ gotton (1.1K)(1)   [ส. 21 พ.ย. 2552 - 14:35 น.] #936832 (5/5)

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM