ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ถึงคุณTakrit (คมกฤช)

(D)
ผมโอนเงินคาพระบูชาหลวงพ่อโอดขนาด5นิ้ว ราคา5,000บาทให้แล้วนะครับเมื่อวานนี้1/11/49 แต่ติดต่อคุณทางเบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไว้ไม่ได้ จึงต้องแจ้งทางนี้ครับ โปรดจัดส่งตามที่อยู่เดิมที่ให้ไว้ครับ /รบกวนช่วยส่งเร็วหน่อยนะครับ เพราะอยากได้พระบูชาร่นนี้มานานแล้ว ขอบคุณครับ

โดยคุณ rock10 (6.3K)  [พฤ. 02 พ.ย. 2549 - 10:40 น.]



โดยคุณ takrit (3.8K)(1)   [ศ. 03 พ.ย. 2549 - 15:12 น.] #58829 (1/6)
ใจร้อนจังเลยครับ ใจเย็นๆ เช้านี้ผม feedback รับทราบการโอนไปแล้วครับ ที่ติดต่อ ไม่ได้ tel. เสียครับตั้งแต่วันที่ 1-2 ตอนเย็นวันที่ 2 ก็ใช้ได้แล้วครับ จึงแจ้งมาให้ทราบอีกครั้งครับ

โดยคุณ nooing (28.3K)  [ส. 22 ต.ค. 2554 - 22:24 น.] #1921748 (2/6)


(N)


.

โดยคุณ nooing (28.3K)  [อ. 13 พ.ค. 2557 - 16:29 น.] #3325139 (3/6)
สวัสดีครับ ทุกท่าน ผมเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอังกฤษ เพื่อไปตามความฝัน อยากชมฟุตบอลทีมที่เราชอบ ถึงขอบสนาม เพื่อสัมผัสบรรยากาศการเชียร์บอลอย่างใกล้ชิด เห็นแต่การถ่ายทอดสดทางทีวี

ผมจึงอยากแชร์ประสบการณ์ในการเดินทางครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่การเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทางนะครับ เพราะการเดินทางเข้าประเทศอังกฤษไม่ใช่ง่าย ๆ เลย ไม่ได้มีเจตนาโอ้อวดแต่ประการใด เหตุผลที่อยากเขียนคือ

1. ในอีกแง่มุมหนึ่ง ผมเป็น Bloger หมายถึงคนเขียน Blog แนะนำการท่องเที่ยว และเริ่มเป็นนักเขียนหนังสือแล้ว (จะเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่วางแผนไว้ เมื่อจะออกจากงานประจำ)
2. อยากแชร์ประสบการณ์ เพื่อให้ทุกท่านที่ไม่ทราบ ได้ทราบ ถึงขั้นตอนต่าง ๆ เพราะผมเชื่อว่ามีหลายท่านอยากเดินทางไปชมการแข่งขันฟุตบอลทีมที่รักถึงขอบสนามแน่นอน โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

อีกเรื่องบอกก่อนว่า ผมจะมีรางวัลเป็นของที่ระลึกของแท้จากร้าน Megastoer ของสโมสรแมนยูแจกเป็นที่ระลึกให้จำนวน 2 ท่านนะครับ มีเงื่อนไขดังนี้

1. รางวัลแรก พวงกุญแจลิขสิทธิ์แท้ จำนวน 1 รางวัล สำหรับคนที่มา comment หรือ แสดงตนใน Blog ของผมทุก Blog ที่จะเขียนเรื่องนี้ (ไม่ว่าจะกี่ Blog ก็ตาม โดยคาดว่าจะเขียนวันละ Blog) หากมีมากกว่า 1 ท่าน ผมขออนุญาต จับฉลากให้นะครับ

2. รางวัลลูกบอลติดเสาอากาศรถยนต์ ลิขสิทธิ์แท้ เช่นกัน อันนี้สำหรับคนที่ตอบคำถามถูกต้อง (มี 1 คำถาม หลังจากจบ Blog ทั้งหมดแล้ว)

3. อาจจะมีการเพิ่มเติมรางวัลอื่น ๆ อีก (อันนี้แล้วแต่อารมณ์ครับ )

******************************************************************************

Lost in Manchester - England

การเดินทางไปชมฟูตบอลยังต่างประเทศ ผมเชื่อว่าเป็นความฝันของหลาย ๆ ท่าน โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ซึ่งทุกคนในเมืองไทยย่อมจะมีทีมบอลที่เป็นที่รักอยู่ทุกคน ทั้ง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ,แมนเชสเตอร์ซิตี้ ,ลีเวอร์พลู ,เชลชี ,อาร์เซนอล ฯลฯ

ซึ่งส่วนมากก็จะได้ชมการถ่ายทางทีวีกันเสมอ เห็นบรรยากาศการเชียร์ในสนาม ภาพทางทีวีที่มีคนนั่งชมจนเต็มสนาม ได้ยินเสียงประกอบการพากย์ทางทีวี เป็นเสียงโห่ร้อง เสียงร้องเพลง เสียงปรบมือ ผมเชื่อว่าทุกท่านอยากได้สัมผัสบรรยากาศเหล่านั้นเพียงซักครั้งในชีวิตแน่นอน

การเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ไม่ใช่มีเงินเพียงอย่างเดียวแล้วสามารถจะเดินทางได้เลย เหมือน เกาหลี ญี่ปุ่น หรือฮ่องกง เพราะต้องการผ่านการขอวีซ่า จากสถานทูตอังกฤษก่อน จึงจะสามารถเดินทางได้

ท่านที่มีพาสปอร์ตแล้วก็สามารถไปขอยังขั้นตอนนี้ได้ การทำวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ เพราะประเทศนี้เข้มงวดมาก ๆ ในการปล่อยคนเข้าประเทศ เพราะกลัวเรื่องการหนีเข้าไปเป็นโรบินฮูดที่ประเทศเค้ามาก จากประสบการณ์ครั้งนี้ สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำ ก็คือ เตรียมความพร้อมก่อนเดินทางครับ

- การเดินทางเพื่อไปชมฟุตบอลนั้น สิ่งที่อยากจะแนะนำก็คือ หากท่านไม่ได้มีกิจการค้าที่เป็นกิจลักษณะ จดทะเบียนการค้าชัดเจน หรือ มีงานประจำที่มั่นคงทำ สิ่งที่ควรจะต้องการอย่างมากก็คือ การเดินบัญชีธนาคารให้ดูน่าเชื่อถือ เพราะไม่มีเอกสารอะไรที่จะยืนยันได้ดีเท่า โดยเฉพาะพี่น้องวงการพระเครื่องของเรา นี่ยิ่งยากเพราะเป็นอาชีพที่จัดอยู่ใน kyc คือระดับความเสี่ยงระดับ 3 การกู้เงินธนาคาร ,การขอวีซ่า หากบอกว่าเป็นกิจการขายวัตถุมงคลก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ สิ่งที่จะช่วยได้คือ เดินบัญชีให้มากเข้าไว้ครับ สิ่งที่อาจจะใช้เป็นหลักฐานทางอาชีพอีกอย่าง เท่าที่ทราบ สถาบันการันตีพระมีการออกหนังสือรับรองรายได้ประจำปีให้ได้ ถ้าจำไม่ผิดค่าธรรมเนียมน่าจะ 500 บาทนะครับ

การเดินทางหากไม่อยากยุ่งยากต้องไปทัวร์แบบซำเหมา และไม่คล่องภาษาอังกฤษ ก็แนะนำให้ซื้อทัวร์ไปครับ มีหลายที่ให้เลือกครับ ลองหาในเนตดู น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะบริษัททัวร์เหล่านี้จะมีหนังสือรับรองการเดินทางให้เรา เพื่อประกอบการขอวีซ่า ก็จะง่ายขึ้น และการกินอยู่ หรือ การเดินทางต่าง ๆ จะสะดวกมากกว่า

การขอวีซ่า ท่านต้องเดินทางไปยื่นเอกสารกับสถานทูตโดยตรง หรือผ่านศูนย์รับยื่นวีซ่าไปอังกฤษ อันนี้ต้องหาข้อมูลเอาเอง หรือ หากไปกับทัวร์ก็ให้บริษัททัวร์ดำเนินการให้ได้เลย แต่สำหรับสถานทูตอังกฤษ หากยื่นเอกสารแล้ว หากผ่านการพิจารณาเบื้องต้น ยังต้องมีขั้นตอนการไปรายงานตัว พิมพ์ลายนิ้วมือ และอาจจะมีสัมภาษณ์เบื้องต้นได้อีกนะครับ

หากวีซ่าไม่ผ่าน ท่านก็สามารถนำเอกสารไปเพิ่ม และยื่นได้อีกนะครับ

หากผ่านแล้วก็เตรียมพร้อมในการเดินทางครับ ......

เตรียมตัวก่อนการเดินทาง
การเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ สิ่งที่ต้องศึกษาคือ สภาพอากาศ การแต่งตัว เพราะอากาศที่ประเทศอังกฤษ เป็นอะไรที่พิศดารมานะครับ อุณหภูมิจะค่อนข้างหนาวเย็น และขึ้น ๆ ลงได้ตลอดเวลา และตลอดวัน บางครั้งอุณหภูมิสบาย ๆ อยู่ที่ 15 – 16 องศา มีแดดเล็กน้อย แต่อยู่ดี ๆ ก็มีฝนตกลงมาได้เลย ฝนที่นี่จะตกไม่นานครับ แค่ 5 – 10 นาที ก็จะหยุดครับ แต่สิ่งที่จะตามมากับฝนคือ ลมจะแรง และอุณหภูมิ จะลดต่ำลงไปอย่างมาก บางครั้งจนไปเหลือที่ 8-9 องศา เรียกว่าหนาวจับจิตเลยครับ เพราะมีลมประกอบด้วย (ช่วงที่ไปนี่เป็นต้นฤดุใบไม้ผลินะครับ ขอเล่าตรงนี้ เพราะฤดูอื่นยังไม่เคยไป) เครื่องแต่งตัวจากเมืองไทย ที่ผมอยากแนะนำ คือ หาซื้อจากเมืองไทยไปเลยครับ เพราะเราเดินทางระยะสั้น และจากการอ่านคำแนะนำจากเนต บอกว่าให้ไปซื้อที่โน้น อย่านะครับ เพราะ
1. ภาษาเราไม่ได้
2. เราไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน ยิ่งไปกับทัวร์ยิ่งไม่มีเวลา
แหล่งซื้อเสื้อผ้าฤดูหนาวที่สำคัญบ้านเราก็ที่ประตูน้ำครับ ยิ่งในแพลตินั่มแฟชั่นมอลล์นี่ครบวงจรเลยครับ ไปเดินหาซื้อกันได้มีครบทุกอย่าง ทั้งเสื้อโค้ด ผ้าพันคอ ถุงมือ ถุงเท้า หมวกไหมพรม ที่ปิดหู ผมว่าข้อดีของการเตรียมไปจากเมืองไทยคือ อุปกรณ์เหล่านี้จะทำมาแบบหลากหลายรูปแบบ และเป็นออปชั่นรวมหมด เช่น ผมซื้อเสื้อโค้ท จากเมืองไทยไป แต่เป็นโค้ดไม่เต็เต็มตัวนะครับ แบบเสื้อหนาว อุปกรณ์มีครบถ้วนเลย เป็นผ้าร่มกันฝน ภายในบุด้วยขนเป็ด อุปกรณ์ถอดแยกได้ เช่น ฮู้ดกันฝัน ,ผ้าปิดคอเป็นขนนุ่ม ๆ ถอดได้ หากลมแรงมาก ก็สามารถนำมาติดได้เช่นกัน อุปกรณ์ต่าง ๆ หากใครขี้หนาว ก็ควรเตรียมไปให้ครบนะครับ แต่หากเป็นคำแนะนำส่วนตัวของผมควรเตรียมไปให้พร้อมที่สุดครับ เช่นถุงมือ ถุงเท้ากันลม หมวกไหมพรม ที่ครอบหูก็อาจจะไม่จำเป็น เพราะหมวกไหมพรมสามารถดึงมาปิดหูได้ครับ

กางเกงก็สามารถใช้กางเกงยีนส์ขายาวที่เราใส่ประจำได้ครับ เพราะหนาพอ ถุงเท้าก็ใช้ถุงเท้าที่มาตรฐานเป็นผ้าวู กันลมครับ และถ้าหากใครขี้หนาวสุด ๆ (เหมือนผม) ก็สามารถซื้อชุดลองจอนไปใส่ข้างในเพิ่มได้อีก จะช่วยได้ดีทีเดียว ชุดลองจอนก็คือชุดผ้ากันหนาว เป็นผ้าบาง ๆ แต่กันหนาวเพราะเก็บความร้อนได้ดี สามารถใส่เป็นเสื้อชั้นในได้ เป็นเสื้อแขนยาว และกางเกงขายาวแบบกางเกงวอร์ม สามารถใส่นอนได้สบายดีครับ ไม่หนาว
เครื่องแต่งกายครบแล้วก็จัดลงกระเป๋าให้เพียงพอต่อวันนะครับ ข้อคิดนิดนึงสำหรับการแพคของลงกระเป๋า คืออย่าใส่กระเป๋าให้พอดีกับเสื้อผ้า ควรใช้กระเป๋าใบใหญ่ ใส่ให้แค่ครึ่งกระเป๋าพอครับ เพราะตอนขากลับ เราจะมีของซื้อของฝากมาเราจะได้มีเนื้อที่ในการใส่กระเป๋า เพื่อหลบ ตม.ได้ครับ ข้อสำคัญสนามบิน บางแห่ง ไม่ให้คนที่หิ้วของพะรุงพะรัง เดินเข้านะครับ ต้องแพคให้เรียบร้อย และอีกอย่างแต่ละคนก็มีน้ำหนักกระเป๋า และจำนวนใบจำกัดในการนำขึ้นเครื่องบิน หรือหิ้วขึ้นไปบนเครื่องบิน (อันนี้ต้องศึกษาเอาเองครับ หากไปกับทัวร์ก็ให้ทัวร์แนะนำครับ)

พร้อมเดินทาง ****

หากของทุกอย่างพร้อมแล้วก็เตรียมตัวเดินทางครับ หากไปหลายคน ควรจะมีกระเป๋าคนละซัก 2 ใบนะครับ ใบเล็กกับใบใหญ่ ใบเล็กสามารถนำขึ้นเครื่องได้ อันนี้ใส่ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นต่อการนั่งเครื่อง เช่น ยารักษาโรคที่ต้องกินระหว่างวัน หรือไว้ใส่เสื้อโค้ท เพราะเดินทางจากเมืองไทยยังไม่นาวครับ และไว้ใส่ของที่ซื้อกลับมาเมืองไทยครับ

การเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ ใช้เวลาเดินทางค่อนข้างมากนะครับ หากเราบินตรงไปยังอังกฤษเลย ก็ใช้เวลาบนเครื่องบินประมาณ 12 ชั่วโมง แต่ราคาแพงมากครับ เช่นการบินไทยค่าเครื่องประมาณ 3-5 หมื่นบาท ,หากชั้นธุรกิจก็ประมาณแสนว่า ,ชั้นเฟิร์สคลาสก็ประมาณเกือบ 2 แสน แต่ส่วนมาก็จะเดินทางโดยสายการบินอื่น ๆ แทนที่ต้องไปต่อเครื่องอีกครั้ง ส่วนมากฐานการต่อเครื่องก็จะอยู่ที่ประเทศการ์ตา อันนี้ต้องใช้เวลาเดินทางเพิ่มอีกประมาณ 2-3 ชัวโมง ในการต่อเครื่อง

การเดินทางขึ้นเครื่องจากเมืองไทย มีขั้นตอนไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไหร่ครับ มาตรฐานเหมือนบินในประเทศไทย มีข้อจำกัดเหมือน ๆ กัน เช่น ห้ามนำของเหลวขึ้นเครื่องเกิน 100 มิลลิลิตร ,ของมีคม โลหะต่าง ๆ ก็ห้าม
การเดินทางบนเครื่องบินที่บินไกล ๆ ไปยังต่างประเทศ มีข้อจำกัดเรื่องภาษาพอสมควรนะครับ เพราะแอร์บนเครื่องไม่พูดภาษาไทยนะครับ อังกฤษล้วน ๆ ยิ่งเป็นสายการบินจากแถบอาหรับ เช่น การ์ตาแอร์เวย์ แอร์จะเป็นพวกอารหรับส่วนใหญ่ ภาษาอังกฤษพูดแล้วฟังยากมาก เพราะจะพูดเร็ว ,ภาษาแบบอังกฤษแท้ หรือแบบอเมริกัน จะฟังง่ายกว่า กลับมาเรื่องภาษาบนเครื่องต่อ บนเครื่องบินไกลจะมีการเสริฟอาหาร และเครื่องดื่ม ประมาณ 2 ครั้งต่อเที่ยวบิน ถึงเวลาแอร์จะเดินมาถาม ว่าจะเอาอะไร จะกินอะไร ดื่มอะไร แอร์จะพูดเบามาก และภาษาอังกฤษจะเร็วมาก พูดกับเราเหมือนเราเป็นฝรั่งครับ เวลานี้ ก็ต้องช่วยเหลือตัวเองนะครับ ไกด์ไม่สามารถช่วยเราได้ อย่างน้อยต้องฟังพอรู้เรื่อง ในการสั่งอาหาร เช่น อยากเอาน้ำเปล่า ก็ต้องบอกว่า วอร์เตอร์ (water) , จะเอาน้ำส้ม ก็ ออร์เรนท์จุ้ยท์ (orange juice) ,อาหารส่วนมาก็เป็นพวกออมเลต และ ข้าวฝัดประมาณนี้ แต่ก็น่าทานดี มีหลาย ๆ อย่างในถาด อีกเรื่องที่จะสื่อคือ ภาษาในการสั่งอาหารจะใช้สำเนียงไทย ๆ ไม่ได้นะครับ เพราะแอร์จะฟังไม่รู้เรื่องเลย เช่น วอเต้อ แบบนี้ไม่รู้ครับ ต้อง หว่อเท้อออออ , ลากเสียงและมี spelling นิดนึง ถึงจะเข้าใจนะครับ อันนี้รวมไปถึงผู้คนในประเทศอังกฤษด้วยครับ เวลาสั่งอาหาร หรือซื้อของก็ต้องพูดประมาณนี้ถึงจะเข้าใจนะครับ ภาษาแบบเสียงราบเรียบ ฝรั่งจะไม่รู้เรื่องครับ

โดยคุณ nooing (28.3K)  [อ. 13 พ.ค. 2557 - 16:52 น.] #3325153 (4/6)
สวัสดีครับ ทุกท่าน ผมเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอังกฤษ เพื่อไปตามความฝัน อยากชมฟุตบอลทีมที่เราชอบ ถึงขอบสนาม เพื่อสัมผัสบรรยากาศการเชียร์บอลอย่างใกล้ชิด เห็นแต่การถ่ายทอดสดทางทีวี

ผมจึงอยากแชร์ประสบการณ์ในการเดินทางครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่การเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทางนะครับ เพราะการเดินทางเข้าประเทศอังกฤษไม่ใช่ง่าย ๆ เลย ไม่ได้มีเจตนาโอ้อวดแต่ประการใด เหตุผลที่อยากเขียนคือ

1. ในอีกแง่มุมหนึ่ง ผมเป็น Bloger หมายถึงคนเขียน Blog แนะนำการท่องเที่ยว และเริ่มเป็นนักเขียนหนังสือแล้ว (จะเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่วางแผนไว้ เมื่อจะออกจากงานประจำ)
2. อยากแชร์ประสบการณ์ เพื่อให้ทุกท่านที่ไม่ทราบ ได้ทราบ ถึงขั้นตอนต่าง ๆ เพราะผมเชื่อว่ามีหลายท่านอยากเดินทางไปชมการแข่งขันฟุตบอลทีมที่รักถึงขอบสนามแน่นอน โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

อีกเรื่องบอกก่อนว่า ผมจะมีรางวัลเป็นของที่ระลึกของแท้จากร้าน Megastoer ของสโมสรแมนยูแจกเป็นที่ระลึกให้จำนวน 2 ท่านนะครับ มีเงื่อนไขดังนี้

1. รางวัลแรก พวงกุญแจลิขสิทธิ์แท้ จำนวน 1 รางวัล สำหรับคนที่มา comment หรือ แสดงตนใน Blog ของผมทุก Blog ที่จะเขียนเรื่องนี้ (ไม่ว่าจะกี่ Blog ก็ตาม โดยคาดว่าจะเขียนวันละ Blog) หากมีมากกว่า 1 ท่าน ผมขออนุญาต จับฉลากให้นะครับ

2. รางวัลลูกบอลติดเสาอากาศรถยนต์ ลิขสิทธิ์แท้ เช่นกัน อันนี้สำหรับคนที่ตอบคำถามถูกต้อง (มี 1 คำถาม หลังจากจบ Blog ทั้งหมดแล้ว)

3. อาจจะมีการเพิ่มเติมรางวัลอื่น ๆ อีก (อันนี้แล้วแต่อารมณ์ครับ )

******************************************************************************

Lost in Manchester - England

การเดินทางไปชมฟูตบอลยังต่างประเทศ ผมเชื่อว่าเป็นความฝันของหลาย ๆ ท่าน โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ซึ่งทุกคนในเมืองไทยย่อมจะมีทีมบอลที่เป็นที่รักอยู่ทุกคน ทั้ง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ,แมนเชสเตอร์ซิตี้ ,ลีเวอร์พลู ,เชลชี ,อาร์เซนอล ฯลฯ

ซึ่งส่วนมากก็จะได้ชมการถ่ายทางทีวีกันเสมอ เห็นบรรยากาศการเชียร์ในสนาม ภาพทางทีวีที่มีคนนั่งชมจนเต็มสนาม ได้ยินเสียงประกอบการพากย์ทางทีวี เป็นเสียงโห่ร้อง เสียงร้องเพลง เสียงปรบมือ ผมเชื่อว่าทุกท่านอยากได้สัมผัสบรรยากาศเหล่านั้นเพียงซักครั้งในชีวิตแน่นอน

การเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ไม่ใช่มีเงินเพียงอย่างเดียวแล้วสามารถจะเดินทางได้เลย เหมือน เกาหลี ญี่ปุ่น หรือฮ่องกง เพราะต้องการผ่านการขอวีซ่า จากสถานทูตอังกฤษก่อน จึงจะสามารถเดินทางได้

ท่านที่มีพาสปอร์ตแล้วก็สามารถไปขอยังขั้นตอนนี้ได้ การทำวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ เพราะประเทศนี้เข้มงวดมาก ๆ ในการปล่อยคนเข้าประเทศ เพราะกลัวเรื่องการหนีเข้าไปเป็นโรบินฮูดที่ประเทศเค้ามาก จากประสบการณ์ครั้งนี้ สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำ ก็คือ เตรียมความพร้อมก่อนเดินทางครับ

- การเดินทางเพื่อไปชมฟุตบอลนั้น สิ่งที่อยากจะแนะนำก็คือ หากท่านไม่ได้มีกิจการค้าที่เป็นกิจลักษณะ จดทะเบียนการค้าชัดเจน หรือ มีงานประจำที่มั่นคงทำ สิ่งที่ควรจะต้องการอย่างมากก็คือ การเดินบัญชีธนาคารให้ดูน่าเชื่อถือ เพราะไม่มีเอกสารอะไรที่จะยืนยันได้ดีเท่า โดยเฉพาะพี่น้องวงการพระเครื่องของเรา นี่ยิ่งยากเพราะเป็นอาชีพที่จัดอยู่ใน kyc คือระดับความเสี่ยงระดับ 3 การกู้เงินธนาคาร ,การขอวีซ่า หากบอกว่าเป็นกิจการขายวัตถุมงคลก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ สิ่งที่จะช่วยได้คือ เดินบัญชีให้มากเข้าไว้ครับ สิ่งที่อาจจะใช้เป็นหลักฐานทางอาชีพอีกอย่าง เท่าที่ทราบ สถาบันการันตีพระมีการออกหนังสือรับรองรายได้ประจำปีให้ได้ ถ้าจำไม่ผิดค่าธรรมเนียมน่าจะ 500 บาทนะครับ

การเดินทางหากไม่อยากยุ่งยากต้องไปทัวร์แบบซำเหมา และไม่คล่องภาษาอังกฤษ ก็แนะนำให้ซื้อทัวร์ไปครับ มีหลายที่ให้เลือกครับ ลองหาในเนตดู น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะบริษัททัวร์เหล่านี้จะมีหนังสือรับรองการเดินทางให้เรา เพื่อประกอบการขอวีซ่า ก็จะง่ายขึ้น และการกินอยู่ หรือ การเดินทางต่าง ๆ จะสะดวกมากกว่า

การขอวีซ่า ท่านต้องเดินทางไปยื่นเอกสารกับสถานทูตโดยตรง หรือผ่านศูนย์รับยื่นวีซ่าไปอังกฤษ อันนี้ต้องหาข้อมูลเอาเอง หรือ หากไปกับทัวร์ก็ให้บริษัททัวร์ดำเนินการให้ได้เลย แต่สำหรับสถานทูตอังกฤษ หากยื่นเอกสารแล้ว หากผ่านการพิจารณาเบื้องต้น ยังต้องมีขั้นตอนการไปรายงานตัว พิมพ์ลายนิ้วมือ และอาจจะมีสัมภาษณ์เบื้องต้นได้อีกนะครับ

หากวีซ่าไม่ผ่าน ท่านก็สามารถนำเอกสารไปเพิ่ม และยื่นได้อีกนะครับ

หากผ่านแล้วก็เตรียมพร้อมในการเดินทางครับ ......

เตรียมตัวก่อนการเดินทาง
การเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ สิ่งที่ต้องศึกษาคือ สภาพอากาศ การแต่งตัว เพราะอากาศที่ประเทศอังกฤษ เป็นอะไรที่พิศดารมานะครับ อุณหภูมิจะค่อนข้างหนาวเย็น และขึ้น ๆ ลงได้ตลอดเวลา และตลอดวัน บางครั้งอุณหภูมิสบาย ๆ อยู่ที่ 15 – 16 องศา มีแดดเล็กน้อย แต่อยู่ดี ๆ ก็มีฝนตกลงมาได้เลย ฝนที่นี่จะตกไม่นานครับ แค่ 5 – 10 นาที ก็จะหยุดครับ แต่สิ่งที่จะตามมากับฝนคือ ลมจะแรง และอุณหภูมิ จะลดต่ำลงไปอย่างมาก บางครั้งจนไปเหลือที่ 8-9 องศา เรียกว่าหนาวจับจิตเลยครับ เพราะมีลมประกอบด้วย (ช่วงที่ไปนี่เป็นต้นฤดุใบไม้ผลินะครับ ขอเล่าตรงนี้ เพราะฤดูอื่นยังไม่เคยไป) เครื่องแต่งตัวจากเมืองไทย ที่ผมอยากแนะนำ คือ หาซื้อจากเมืองไทยไปเลยครับ เพราะเราเดินทางระยะสั้น และจากการอ่านคำแนะนำจากเนต บอกว่าให้ไปซื้อที่โน้น อย่านะครับ เพราะ
1. ภาษาเราไม่ได้
2. เราไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน ยิ่งไปกับทัวร์ยิ่งไม่มีเวลา
แหล่งซื้อเสื้อผ้าฤดูหนาวที่สำคัญบ้านเราก็ที่ประตูน้ำครับ ยิ่งในแพลตินั่มแฟชั่นมอลล์นี่ครบวงจรเลยครับ ไปเดินหาซื้อกันได้มีครบทุกอย่าง ทั้งเสื้อโค้ด ผ้าพันคอ ถุงมือ ถุงเท้า หมวกไหมพรม ที่ปิดหู ผมว่าข้อดีของการเตรียมไปจากเมืองไทยคือ อุปกรณ์เหล่านี้จะทำมาแบบหลากหลายรูปแบบ และเป็นออปชั่นรวมหมด เช่น ผมซื้อเสื้อโค้ท จากเมืองไทยไป แต่เป็นโค้ดไม่เต็เต็มตัวนะครับ แบบเสื้อหนาว อุปกรณ์มีครบถ้วนเลย เป็นผ้าร่มกันฝน ภายในบุด้วยขนเป็ด อุปกรณ์ถอดแยกได้ เช่น ฮู้ดกันฝัน ,ผ้าปิดคอเป็นขนนุ่ม ๆ ถอดได้ หากลมแรงมาก ก็สามารถนำมาติดได้เช่นกัน อุปกรณ์ต่าง ๆ หากใครขี้หนาว ก็ควรเตรียมไปให้ครบนะครับ แต่หากเป็นคำแนะนำส่วนตัวของผมควรเตรียมไปให้พร้อมที่สุดครับ เช่นถุงมือ ถุงเท้ากันลม หมวกไหมพรม ที่ครอบหูก็อาจจะไม่จำเป็น เพราะหมวกไหมพรมสามารถดึงมาปิดหูได้ครับ

กางเกงก็สามารถใช้กางเกงยีนส์ขายาวที่เราใส่ประจำได้ครับ เพราะหนาพอ ถุงเท้าก็ใช้ถุงเท้าที่มาตรฐานเป็นผ้าวู กันลมครับ และถ้าหากใครขี้หนาวสุด ๆ (เหมือนผม) ก็สามารถซื้อชุดลองจอนไปใส่ข้างในเพิ่มได้อีก จะช่วยได้ดีทีเดียว ชุดลองจอนก็คือชุดผ้ากันหนาว เป็นผ้าบาง ๆ แต่กันหนาวเพราะเก็บความร้อนได้ดี สามารถใส่เป็นเสื้อชั้นในได้ เป็นเสื้อแขนยาว และกางเกงขายาวแบบกางเกงวอร์ม สามารถใส่นอนได้สบายดีครับ ไม่หนาว
เครื่องแต่งกายครบแล้วก็จัดลงกระเป๋าให้เพียงพอต่อวันนะครับ ข้อคิดนิดนึงสำหรับการแพคของลงกระเป๋า คืออย่าใส่กระเป๋าให้พอดีกับเสื้อผ้า ควรใช้กระเป๋าใบใหญ่ ใส่ให้แค่ครึ่งกระเป๋าพอครับ เพราะตอนขากลับ เราจะมีของซื้อของฝากมาเราจะได้มีเนื้อที่ในการใส่กระเป๋า เพื่อหลบ ตม.ได้ครับ ข้อสำคัญสนามบิน บางแห่ง ไม่ให้คนที่หิ้วของพะรุงพะรัง เดินเข้านะครับ ต้องแพคให้เรียบร้อย และอีกอย่างแต่ละคนก็มีน้ำหนักกระเป๋า และจำนวนใบจำกัดในการนำขึ้นเครื่องบิน หรือหิ้วขึ้นไปบนเครื่องบิน (อันนี้ต้องศึกษาเอาเองครับ หากไปกับทัวร์ก็ให้ทัวร์แนะนำครับ)

พร้อมเดินทาง ****

หากของทุกอย่างพร้อมแล้วก็เตรียมตัวเดินทางครับ หากไปหลายคน ควรจะมีกระเป๋าคนละซัก 2 ใบนะครับ ใบเล็กกับใบใหญ่ ใบเล็กสามารถนำขึ้นเครื่องได้ อันนี้ใส่ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นต่อการนั่งเครื่อง เช่น ยารักษาโรคที่ต้องกินระหว่างวัน หรือไว้ใส่เสื้อโค้ท เพราะเดินทางจากเมืองไทยยังไม่นาวครับ และไว้ใส่ของที่ซื้อกลับมาเมืองไทยครับ

การเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ ใช้เวลาเดินทางค่อนข้างมากนะครับ หากเราบินตรงไปยังอังกฤษเลย ก็ใช้เวลาบนเครื่องบินประมาณ 12 ชั่วโมง แต่ราคาแพงมากครับ เช่นการบินไทยค่าเครื่องประมาณ 3-5 หมื่นบาท ,หากชั้นธุรกิจก็ประมาณแสนว่า ,ชั้นเฟิร์สคลาสก็ประมาณเกือบ 2 แสน แต่ส่วนมาก็จะเดินทางโดยสายการบินอื่น ๆ แทนที่ต้องไปต่อเครื่องอีกครั้ง ส่วนมากฐานการต่อเครื่องก็จะอยู่ที่ประเทศการ์ตา อันนี้ต้องใช้เวลาเดินทางเพิ่มอีกประมาณ 2-3 ชัวโมง ในการต่อเครื่อง หากมีการต่อเครื่องและรวมเวลาเช็คอินแล้ว ใช้เวลาในการเดินทางกว่า 20 ชั่วโมงขึ้นไปนะครับ (โปรดเตรียมร่างกายให้พร้อมครับ)

การเดินทางขึ้นเครื่องจากเมืองไทย มีขั้นตอนไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไหร่ครับ มาตรฐานเหมือนบินในประเทศไทย มีข้อจำกัดเหมือน ๆ กัน เช่น ห้ามนำของเหลวขึ้นเครื่องเกิน 100 มิลลิลิตร ,ของมีคม โลหะต่าง ๆ ก็ห้าม แต่การตรวจก่อนขึ้นเครื่องจะละเอียดมากกว่า ครับ แทบจะถอดกางเกงกันเลยทีเดียว
การเดินทางบนเครื่องบินที่บินไกล ๆ ไปยังต่างประเทศ มีข้อจำกัดเรื่องภาษาพอสมควรนะครับ เพราะแอร์บนเครื่องไม่พูดภาษาไทยนะครับ อังกฤษล้วน ๆ ยิ่งเป็นสายการบินจากแถบอาหรับ เช่น การ์ตาแอร์เวย์ แอร์จะเป็นพวกอารหรับส่วนใหญ่ ภาษาอังกฤษพูดแล้วฟังยากมาก เพราะจะพูดเร็ว ,ภาษาแบบอังกฤษแท้ หรือแบบอเมริกัน จะฟังง่ายกว่า

กลับมาเรื่องภาษาบนเครื่องต่อ บนเครื่องบินไกลจะมีการเสริฟอาหาร และเครื่องดื่ม ประมาณ 2 ครั้งต่อเที่ยวบิน ถึงเวลาแอร์จะเดินมาถาม ว่าจะเอาอะไร จะกินอะไร ดื่มอะไร แอร์จะพูดเบามาก และภาษาอังกฤษจะเร็วมาก พูดกับเราเหมือนเราเป็นฝรั่งครับ เวลานี้ ก็ต้องช่วยเหลือตัวเองนะครับ ไกด์ไม่สามารถช่วยเราได้ เพราะนั่งคนละที่ หรือหากเราไปกับคนที่พอรู้ภาษาอังกฤษก็พอได้ อย่างน้อยต้องฟังพอรู้เรื่อง ในการสั่งอาหาร เช่น อยากเอาน้ำเปล่า ก็ต้องบอกว่า วอร์เตอร์ (water) , จะเอาน้ำส้ม ก็ ออร์เรนท์จุ้ยท์ (orange juice) ,อาหารส่วนมาก็เป็นพวกออมเลต และ ข้าวฝัดประมาณนี้ แต่ก็น่าทานดี มีหลาย ๆ อย่างในถาด อีกเรื่องที่จะสื่อคือ ภาษาในการสั่งอาหารจะใช้สำเนียงไทย ๆ ไม่ได้นะครับ เพราะแอร์จะฟังไม่รู้เรื่องเลย เช่น วอเต้อ แบบนี้ไม่รู้ครับ ต้อง หว่อเท้อออออ , ลากเสียงและมี spelling นิดนึง ถึงจะเข้าใจนะครับ อันนี้รวมไปถึงผู้คนในประเทศอังกฤษด้วยครับ เวลาสั่งอาหาร หรือซื้อของก็ต้องพูดประมาณนี้ถึงจะเข้าใจนะครับ ภาษาแบบเสียงราบเรียบ ฝรั่งจะไม่รู้เรื่องครับ

ต่อมาก็ถึงเวลาบินครับ นั่งกันจนก้นด้านเลยครับ แต่สายการบินระดับนี้ก็จะมีอุปกรณ์ให้เราเล่นตลอดการเดินทางครับ มีภาพยนตร์ให้ดู มีเกมส์ให้เล่น มีเพลงให้ฟัง เพราะมีจอมอนิเตอร์ส่วนตัวให้คนละเครื่อง แต่อันนี้ก็ต้องชำนาญในระบบอิเลกทรอนิคส์นิดนึง เพราะปุ่มจะเยอะมาก เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยตรงนี้ จะกดอะไรก็ต้องระวังนะครับ เพราะในปุ่มนั้น มีทั้งปุ่มเปิดไฟส่วนตัว ,ปุ่มกดเรียกแอร์ หรือ สจ๊วต พอไฟสว่างขึ้น ก็จะมีคนเดินมาถามทันทีครับ ว่าต้องการอะไร ด้วยภาษาอังกฤษที่เร็วมาก จนฟังไม่รู้เรื่อง อันนี้จะหนาวครับ หากเจอแบบนี้ ก็ให้โบกมือครับ ว่าไม่มีอะไร แอร์เค้าก็จะปิดไฟไปเอง และแอบทำหน้าหงุดหงิดนิดนึง

การเข้าห้องน้ำบนเครื่องบินอันนี้ก็จำเป็นมากครับ เพราะเดินทางไกล อันนี้ต้องระวังนะครับ เพราะหัองน้ำจะมี 2 ด้าน ด้านหน้าและด้านหลัง เวลาจะเข้าก็ให้สังเกตที่ไฟด้านบนครับ ว่าด้านไหนว่า จะมีลูกศรขึ้นลง ถ้าขึ้นเป็นสีเขียวก็ด้านหน้าว่าง ถ้าลูกศรล่างเป็นสีเขียวก็ห้องน้ำด้านหลังว่า แต่ถ้าเป็นสีแดงก็ไม่ว่างนะครับ อย่าลุกไปเข้าโดยไม่ดูไฟนะครับ เพราะจะต้องไปยืนรอเก้ ๆ กัง ๆ ดีไม่ดี แอร์จะมาถามครับ ข้อแนะนำสำหรับเรื่องนี้ หากคนไม่เคยขึ้นเลยก็ควรใช้ความรอบคอบนะครับ ใช้วิธีดูคนอื่น ๆ ก่อนว่า เค้าไปเข้ากันยังไง เพราะประตูห้องน้ำ เครื่องบินแต่ละลำไม่เหมือนกัน บางทีเปิดตรง ๆ บางทีเปิดแบบบานพับ 3 บาน ปุ่มเปิดก็ไม่เหมือนกัน ต้องแบบมองคนอื่นให้ชัดเจนก่อนจะลุกขึ้นไปนะครับ หากลุกครั้งแรกล่ะก็ตื่นเต้นแน่ ๆ ครับ จะชวนคนไปด้วยไปด้วยกัน จะลำบากนะครับ เพราะทางจะแคบ อันนี้ต้องไปคนเดียวครับ ที่สำคัญก็อย่าลุกบ่อยครับ เพราะที่นั่งระดับที่ไปก็ชั้น Economic จะนั่งแถวละประมาณ 3-4 คน เวลาลุกขึ้นก็จะทำให้คนอื่นลำบากไปด้วย เพราะบางคนขึ้นเครื่องก็ใช้วิธีนอนครับ จะเป็นการรบกวนคนอื่นอย่างมากครับ

วันนี้พอแค่นี้ก่อนครับ ไว้ต่อพรุ่งนี้ครับ สำหรับการเดินทางทริปนี้ อาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ เพราะตอนนี้ตั้งใจเขียนออกมาแบบนี้ครับ .....

โดยคุณ nooing (28.3K)  [พ. 14 พ.ค. 2557 - 14:54 น.] #3326036 (5/6)
สวัสดีครับ ทุกท่าน ผมเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอังกฤษ เพื่อไปตามความฝัน อยากชมฟุตบอลทีมที่เราชอบ ถึงขอบสนาม เพื่อสัมผัสบรรยากาศการเชียร์บอลอย่างใกล้ชิด เห็นแต่การถ่ายทอดสดทางทีวี

ผมจึงอยากแชร์ประสบการณ์ในการเดินทางครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่การเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทางนะครับ เพราะการเดินทางเข้าประเทศอังกฤษไม่ใช่ง่าย ๆ เลย ไม่ได้มีเจตนาโอ้อวดแต่ประการใด เหตุผลที่อยากเขียนคือ

1. ในอีกแง่มุมหนึ่ง ผมเป็น Bloger หมายถึงคนเขียน Blog แนะนำการท่องเที่ยว และเริ่มเป็นนักเขียนหนังสือแล้ว (จะเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่วางแผนไว้ เมื่อจะออกจากงานประจำ)
2. อยากแชร์ประสบการณ์ เพื่อให้ทุกท่านที่ไม่ทราบ ได้ทราบ ถึงขั้นตอนต่าง ๆ เพราะผมเชื่อว่ามีหลายท่านอยากเดินทางไปชมการแข่งขันฟุตบอลทีมที่รักถึงขอบสนามแน่นอน โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

อีกเรื่องบอกก่อนว่า ผมจะมีรางวัลเป็นของที่ระลึกของแท้จากร้าน Megastore ของสโมสรแมนยูแจกเป็นที่ระลึกให้จำนวน 2 ท่านนะครับ มีเงื่อนไขดังนี้

1. รางวัลแรก พวงกุญแจลิขสิทธิ์แท้ จำนวน 1 รางวัล สำหรับคนที่มา comment หรือ แสดงตนใน Blog ของผมทุก Blog ที่จะเขียนเรื่องนี้ (ไม่ว่าจะกี่ Blog ก็ตาม โดยคาดว่าจะเขียนวันละ Blog) หากมีมากกว่า 1 ท่าน ผมขออนุญาต จับฉลากให้นะครับ

2. รางวัลลูกบอลติดเสาอากาศรถยนต์ ลิขสิทธิ์แท้ เช่นกัน อันนี้สำหรับคนที่ตอบคำถามถูกต้อง (มี 1 คำถาม หลังจากจบ Blog ทั้งหมดแล้ว)

3. อาจจะมีการเพิ่มเติมรางวัลอื่น ๆ อีก (อันนี้แล้วแต่อารมณ์ครับ )

******************************************************************************

Dream To Manchester United - England Bolg 2

หลังจากเดินทางมาประมาณ 7 ชั่วโมง เครื่องบินก็เดินทางมาถึงยังกรุงโดฮา ประเทศการ์ตา เพื่อทำการต่อเครื่องบิน อันนี้ก็เป็นเกร็ดนะครับเวลาต่อเครื่องบิน เพราะที่กรุงโดฮา ไม่เหมือนที่สนามบินอื่น ๆ เลย เพราะการต่อเครื่อง เครื่องบินจะจอดไกลจากสนามบินมาก เรียกว่าในทะเลทรายเลยทีเดียว และก็จะมีรถบัสมารับไปตามจุดต่าง ๆ อย่างเที่ยวนี้เป็นการต่อเครื่องก็ให้สังเกตุที่ซองบัตรโดยสารจะเป็นสีเหลือง ต้องลงให้ถูกสีนะครับ ไม่งั้นจะยุ่งครับ เพราะแต่ละเกต จะห่างกันมาก เข้ามาในเกต Transfer ก็ไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ ไม่ได้มีการตรวจอะไรมาก เพราะเค้าจะไม่ปล่อยให้เราออกนอกเส้นทางครับ ไปถึงก็ไปรอในเทอร์มินัล เพื่อรอขึ้นเครื่องต่อไปทันที แต่จุดนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครับ

ที่สนามบินกรุงโดฮา ไม่เวิร์คครับ เพราะห้องน้ำมีจำกัดมาก และที่สำคัญเล็กและสกปรกมาก เพราะเป็นจุดการต่อเครื่องก็ไม่เข้าใจว่าประเทศออกจะรวยทำไมไม่ทำให้ดีกว่านี้ ห้องน้ำเข้าคิวรอนานมาก มีคนหลายเชื้อชาติเลยที่มาต่อเครื่อง มีทั้งพวกแขกตัวดำ ๆ ฝรั่ง และคนเอเชีย กลิ่นนี่เหม็นตลบอบอวลไปหมด ไม่น่าประทับใจเลยครับ

ปัญหาที่ลงมาอีกเรื่องก็คือ ไม่มีตู้บริการน้ำดื่ม หรือแม้กระทั่งตู้ขายน้ำขวดก็ไม่มี เวลาหิวน้ำก็ต้องทนครับ ที่สำคัญมีร้าน แต่ก็ไม่กล้าไปซื้อ เพราะไม่รู้ว่าเค้าใช้เงินอะไรในการซื้อ เท่าที่ทราบก็เป็นเงินดอลล่าร์ อันนี้แย่เลย เพราะผมจะเดินทางไปประเทศอังกฤษ ก็แลกเงินปอนด์มาทั้งหมด ไม่มีเงินดอลล่าร์ไปซื้อน้ำแค่ขวดเดียวหรอก อันนี้ก็ต้องรอความหวังเวลาขึ้นเครื่องเท่านั้น ถึงจะมีน้ำกินครับ
พอได้เวลาขึ้นเครื่องก็เหมือนเดิมครับ ต้องนั่งรถบัสไปยังเครื่องบิน ระยะทางน่าจะประมาณ 3-4 กิโล เห็นจะได้ เรียกว่าไกลมากครับ พอได้ขึ้นเครื่องก็เหมือนเดิมครับ ทุกอย่างเหมือน Blog แรก ต้องนั่งไปอีกประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที ฟังแล้วน่าเหนื่อยใจนะครับ ยาวนานมาก
. . .
. . .
. . .
และแล้ว ก็เครื่องบินก็มาถึงเมืองแมนเซนเตอร์ แล้วครับ ที่เลือกเดินทางแบบนี้ เพราะสะดวกในการเดินทางมาที่เมืองนี้ครับ เพราะเที่ยวบินที่บินตรงไปยังสนามบินฮีสโทร์ว กรุงลอนดอน ก็มีหลายสายการบิน แต่การเดินทางขึ้นมายังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มาที่แมนเชสเตอร์จะลำบากกว่าครับ จึงเลือกที่บินมายังเมืองนี้โดยตรงครับ

ขั้นตอนหลังจากลงจากเครื่อง ก็เดินเข้าเกต มายังด่านตรวจ ตม.ของอังกฤษ อันนี้เรียกว่าสยองในใจครับ เพราะ ตม.ที่อังกฤษขึ้นชื่อลือชาว่าโหด และเข้มงวดมากครับ พอลากกระเป๋ามา ตอนนี่แนะนำให้เดินเร็ว เป็นกลุ่มหน้า ๆ นะครับ เพราะคนจะเยอะมาก และขั้นตอนการตรวจเข้มมากจริง ๆ
หน้าด่านตรวจ มี ตม.นั่งอยู่ประมาณ 8 ช่อง แต่มีคนไม่เต็มนะครับ เข้าคิวรอนานมาก และสังเกตพฤติกรรม ตม.แต่ละคน เรียกว่า แต่ละคนหน้าตาขึงขังสุด ๆ เลย มีการสอบถามเบื้องต้นทุกราย ลืมแจ้งขั้นตอนอีกนิดนึง ก่อนลงจากเครื่องแอร์ฯ จะนำเอกสารใบสีขาว ๆ มาแจกนะครับ ให้รับไว้ เพราะนั่น เป็นเอกสารใบ Arrival เพื่อเข้าประเทศครับ กรณีนี้ถ้าไปกับทัวร์ ทัวร์ก็จะกรอกและเตรียมไว้ให้เสร็จสรรพแล้ว รอไปเรื่อย ๆ ครับ เห็นภาพ ตม.ที่อังกฤษ ตวาดพวกชาวอินเดียว และแสดงอาการไม่พอใจ เวลาที่คนเหล่านั้นกรอกเอกสารไม่ถูกต้อง ก็หนาว ๆ ร้อน ๆ ครับ มีบางคนเดินเงอะ ๆ งะ จะผ่านช่องตรวจเข้าไป เห็น ตม.บางคนลุกขึ้นมาตวาด ชี้นิ้วไล่ให้ไปเข้าแถว เรียกว่าบรรยากาศกดดันมากจริง ๆ ครับ พอถึงคิวตัวเอง โชคดี ได้เจอ ตม.หนุ่มที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง และที่สำคัญอัธยาศัยค่อนข้างดี ยื่นพาสปอร์ตกับใบผ่านด่านไป ก็ถามนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ประมาณว่ามาทำอะไร ก็ตอบไปว่า “foobal match United today” เค้าก็ยิ้ม ๆ และก็ประทับตราให้ครับ ถึงจุดนี้ ที่จะแนะนำคือ หากใครเดินทางไปกับครอบครับ ก็สามารถเข้าด่านตรวจพร้อมกันได้ทั้งหมดนะครับ เช่น พ่อแม่ลูก ตอนนี้ก็สามารถช่วยกันฟังภาษาอังกฤษได้ครับ

ผ่านด่านตรวจมาก ก็มารับกระเป๋าครับ และก็เดินทางต่อไปยังโรงแรมที่พัก และรับประทานอาหารมือแรกที่อังกฤษครับ มือแรกที่ผมทาน ก็เป็นร้าน ROSSO ซึ่งเป็นร้านของ RIO FERDINAND กองหลังแมนยู นั่นเอง แต่วันที่ไปไม่ได้เจอตัวนะครับ เพราะเป็นวันแข่งขัน นักฟุตบอลทั้งหมดก็ไปรวมตัวกันที่โรงแรม (ซึ่งก็เป็นโรงแรมที่ผมพักคืนแรกนั่นเอง) ร้านอาหารที่อังกฤษจะคล้าย ๆ กันหมด คือ จะเป็นอาหารชุด ๆ มีขอรองท้อง เมนูหลัก และของหวาน การจัดวางภาชนะ ก็จะวางไว้ที่โต๊ะมากมายเลยนะครับ จาน มีด ส้อม แก้วไวน์ และช้อน ก็จะวางเรียงกันไว้ เป็นตับเลยที่โต๊ะ ข้อแนะนำตอนนี้ก็คือ ให้หยิบอุปกรณ์เหล่านี้จากนอกเข้าในนะครับ จานแรก ก็หยิบคู่แรกจากริมนอกสุดมาใช้ก่อน พอทานเสร็จก็รวบอุปกรณ์เหล่านั้นไว้ในจาน แล้วบริกรจะทราบและมาหยิบจานนั้นไปทันทีครับ ที่สำคัญหากทานไม่หมดและอยากทานต่อ อย่ารวบช้อนไว้นะครับ เพราะจะโดนยกไปโดยไม่รู้ตัว ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ทานอาหารเสร็จก็เดินทางกลับไปยังโรงแรมที่พัก เพื่อเตรียมชุดและอุปกรณ์กันหนาวในการเดินทางไปยังสนาม ตอนนี้ ผมเสียดายที่สุดในทริปนี้เลย เพราะพอไปถึงกะว่าจะไปดักรอบรรดานักบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เดินลงมาขึ้น พอไปถึงนักบอลขึ้นรถไปหมดแล้ว รถจอดอยู่ ติดฟิล์มดำมาก แฟนบอลก็มารอกันพอสมควร เห็นแต่บางคนในรถ โดยเฉพาะ เจ้าหัวฟู เฟอร์ไลนี่ ชัดเจนมาก แต่ไม่สามารถถ่ายภาพได้ เพราะฟิล์มรถมืดมาก เสียดายจริง มาช้าเพียงเสี้ยวนาที เท่านั้น
ข้อแนะนำในการเดินทางไปสนามบอลคือ หากเราไม่เคยไปสัมผัสบรรยากาศเลย ควรจะเดินทางไปแต่เนิ่น ๆ เพื่อสัมผัสบรรยากาศรอบสนาม เพราะบรรยากาศสุดยอดไม่แพ้กัน แฟนบอลส่วนมากก็จะเดินกันเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ร้องเพลงกันตลอดทาง มีของมาขายเต็มไปหมด มีบาร์เบียร์ให้คนเข้าไปดื่มก่อน บรรยากาศสนุกสนานมาก คนจะยืนกันเต็มร้าน และชูแก้วเบียร์ ร้องเพลงเชียร์กันดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด ได้อารมณ์สุด ๆ คนไม่เคยมาอย่างผมก็เดินไปถ่ายภาพตรงนั้นตรงนี้ อย่างสนุกสนามเลยครับ มุมถ่ายภาพมีมากมายจริง ๆ เรียกว่าถ่ายกันไม่หวาดไม่ไหว ของจุก ๆ จิก ๆ มีให้เลือกซื้อเพียบ ของพวกนี้ราคาถูกว่าในร้านครับ สินค้าบางอย่าง เป็นของที่ระลึกเฉพาะแมตช์นี้ที่ทำออกมาครับ น่าซื้อไปหมดครับ เพราะแบบนี้ในร้าน megastore จะไม่มีขาย

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่สนามบอลแปลกดีครับ ของบางอย่างทำมาเหมือนกับในร้านของสโมสรที่มีขายเลย ยืนขายกันเต็มหน้าร้าน แต่ก็ไม่มีใครมาว่าอะไรครับ อยากขายเค้าก็ให้ขายกันตามสบาย ของก็ถูกกว่าบางอย่างครึ่ง ๆ เลย เท่าที่ถามคนที่รู้ก็ได้คำตอบว่า แฟนบอลที่อังกฤษตัวจริง ๆ จะทราบเองครับ ว่าถ้าอยากจะซื้อของที่เป็นของสโมสรจริง ๆ ก็จะไปซื้อในร้าน เพราะเค้ารักสโมสรจริง ๆ ของที่ขายได้นอกร้านก็จะมีพวกของที่ระลึกเฉพาะแมตช์ และก็จะเป็นนักท่องเที่ยวที่ซื้อกันครับ เรียกว่า เป็นชาติที่มีวินัย และเข้าใจในเรื่องลิขสิทธิ์จริง ๆ ครับ เพราะฉะนั้น เค้าจริงปล่อยให้ขายตามสบาย เพราะคนของเขามีวินัยครับ ไม่เหมือนบ้านเรา หากมีคนนำสินค้าอย่างเดียวกันมาขายหน้าร้าน ต้องมีเรื่องกันแน่ ๆ

เดินถ่ายภาพจนเมื่อย แต่ก็ไม่มีเบื่อนะครับ ได้เวลาเข้าสนามแล้ว ก็ผ่านด่านตรวจครับ ก็มีค้นกันนิดหน่อย มีกระเป๋าก็เปิดให้ดูครับ เดินขึ้นอัฒจันทร์ ก็สูงพอควรครับ แต่ระหว่างชั้น ก็มีร้านขายน้ำดื่ม เบียร์ และของขบเคี้ยว เต็มไปหมด ราคาก็พอสมควรครับ อย่างเบียร์ที่สโมสรนี ก็เป็นเบียร์บ้านเราเอง เบียร์สิงห์ แต่ไม่สามารถนำเข้าสนามได้นะครับ มีเส้นสีเหลืองบอกไว้ ว่าไม่ให้เข้าเกินจากเส้นนี้ ใกล้ถึงเวลาแล้วครับ สิ่งที่รอคอยและฝันมานาน จะเป็นจริงในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ บรรยากาศในสนามจะเป็นอย่างไร ไว้ต่อตอนหน้าครับ

โดยคุณ nooing (28.3K)  [พฤ. 15 พ.ค. 2557 - 11:28 น.] #3327007 (6/6)
Dream To Manchester United - England Bolg 3

และแล้ว.....
ก็ถึงเวลาที่รอคอยแล้วครับ ได้เดินเข้าสนามอย่างเต็มตัวแล้ว แวบแรกที่ก้าวขาขึ้นไปเห็นพื้นสนาม และอัฒจันทร์ ยอมรับเลยว่า สุดยอดจริง ๆ ยังไม่เริ่มการแข่งขัน แต่เสียงเชียร์เสียงร้องเพลง ดังสนั่นหวั่นไหว ใครมีกล้องก็ยกมาถ่าย กันเต็มไปหมด ไฟในสนามสว่างมาก เห็นชัดเจน หญ้าเขียวใสมากเลย
ก่อนเข้าสนาม ผมเจอคนดังจากเมืองไทยด้วยครับ “บิ๊กจ๊ะ” สาธิต กรีกุล ผู้ประกาศข่าวกีฬาช่อง 3 ก็มาชมด้วย คนไทยที่ไปด้วยเข้าไปขอถ่ายรูปกันเต็มไปหมด ชุลมุนวุ่นวาย จนฝรั่ง งง ว่าใคร บางคนก็ขอเข้ามาถ่ายภาพด้วย โดยไม่รู้ว่าเป็นใคร มีฝรั่งบางคนเข้ามาถาม
Who is it ??? ผมก็ปุ้ยใบตอบไปว่า
He’s most famous Sports commentator in Thailand.
ทีมงานบิ๊กจ๊ะที่ไปด้วยก็สนุกสนานดี ตะโกนลั่นเลยครับ “ถ่ายรูป สิบบาท สิบบาท สิบบาท” เรียกเสียงเฮฮาได้เป็นอย่างดีเลย

กว่าจะเดินขึ้นอัฒจันทร์ได้ ก็เมื่อยเลย เพราะผมอยู่ประมาณชั้นที่ 3 โน้นครับ ได้บัตรแบบบนี้มา ก็ถือว่าบุญแล้ว เพราะใสชั้น 1 ชั้น 2 ของสนาม เป็นตั๋วปี ที่มีเจ้าของอยู่แล้วทั้งสิ้น ส่วนชั้น 3 ก็จะให้กับแฟนบอลขาจร ได้มีสิทธิ์จับจองกัน แต่ก็อย่างฝันว่าจะได้มาง่าย ๆ นะครับ ส่วนมากก็จะโดนเก็บกวาดไปหมด ราคาก็แพงกว่าหน้าตั๋วปกติแน่นอนครับ อย่างตั๋ว 40 ปอนด์ ราคาที่ได้มาจริง ๆ ก็อาจจะ 70-80 ปอนด์ แต่ถ้าเป็นแมตช์ที่เตะกับทีมดัง ๆ หรือเป็นแมตช์ชี้ชะตา ราคาก็อาจพุ่งไป 3-4 เท่าตัวเลยครับ ผมถึงอยากแนะนำให้ไปกับทัวร์เพราะทัวร์ที่เป็น สายตรงเรื่องนี้เค้าจะมีช่องทางหาตั๋วให้เราได้แน่ ๆ ครับ สำหรับผมขนาดแน่ ๆ ยังต้องเลื่อนการเดินทางมาถึง 3 รอบ เพราะไม่มีตั๋วนั่นเอง

สนามหญ้าเขียวขจีของ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ล้อมรอบด้วยสแตนด์ที่นั่งล้วนมีหลังคามคุม 4 ด้าน ชื่อเรียกทางการคือ สแตนด์ทิศเหนือ, ทิศใต้, ทิศตะวันออก, ทิศตะวันตก สแตนด์แต่ละทิศมีอย่างน้อย 2 ชั้นยกเว้นทิศใต้ที่มีเพียงชั้นเดียว เนื่องมาจากข้อจำกัดในการก่อสร้าง
สแตนด์ทิศเหนือสมัยก่อนเรียกกันว่า "ยูไนเต็ด โร้ด สแตนด์" มีทั้งสิ้น 3 ชั้นรองรับแฟนบอลได้ทั้งสิ้นราว 26,000 ที่นั่ง มากที่สุดในบรรดาสแตนด์ทั้ง 4 ทิศและสแตนด์ทางทิศเหนือยังรองรับแฟนบอลได้มากกว่านั้นอีกนิดหน่อยเพราะมี
บ็อกซ์พิเศษตั้งอยู่ สแตนด์ทิศเหนือเปิดใช้งานในรูปลักษณ์ที่เห็นในปัจจุบัน เมื่อปี 1996 โดยก่อนหน้านั้นมีเพียงชั้นเดียวเท่านั้น และด้วยการเป็นสแตนด์หลักของสนาม สแตนด์ทิศเหนือจึงเป็นที่ตั้งหลักของหลายต่อหลายจุดอันเป็นที่นิยม รวมไปถึงเร้ด ค่าเฟ่ (ร้านอาหาร/บาร์ ในธีมสีแดงของสโมสร) และพิพิธภัณฑ์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับห้องเก็บถ้วยรางวัลซึ่งเปิดในปี 1986 นับว่าเป็นที่แรกในโลกสำหรับการเปิดพิพิธภัณฑ์ลักษณะนี้ของสโมสรฟุตบอล คนที่เป็นประธานเปิดพิพิธภัณฑ์คือ เปเล่ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 1998

โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในปัจจุบัน เป็นสนามฟุตบอลซึ่งติดตั้งเก้าอี้หมดทุกพื้นที่ของสแตนด์ เป็นสนามที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอังกฤษ ในแง่ของจำนวนแฟนบอลที่รองรับได้ ซึ่งมากถึง 76,212 คนเป็นรองแค่สนามกีฬาเวมบลีย์เพียงแห่งเดียว และใหญ่อันดับ 3 ของสหราชอาณาจักร ใหญ่เป็นอันดับ 11 ของทวีปยุโรป นอกจากนั้นยังเป็น 1 ใน 2 สนามในอังกฤษที่ยูฟ่ารับรองเป็นสนาม 5 ดาว
ชื่อเรียกที่แฟนบอลคุ้นหูและเร้าอารมณ์ว่า "โรงละครแห่งความฝัน" นั้น คนแรกที่แรกที่เรียกชื่อนี้คือ เซอร์ บ็อบบี ชาร์ลตัน บุคคลระดับตำนานของสโมสรนั่นเอง

พอได้ที่นั่งของตัวเองเรียบร้อย ทีนี้ก็ถึงเวลาชักภาพครับ เก็บทุกอย่างที่จะถ่ายได้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสมาอีกหรือเปล่า สนามนี้เป็นสนามที่ใหญ่มากครับ ในสายตา ความจุสนาม 76,000 กว่าที่นั่งใหญ่มาก แต่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นที่ว่างเลยครับ แน่นไปหมดทุกที่นั่ง เรียกว่าบรรยากาศสุดยอดจริง ๆ
เก็บภาพไปเรื่อย ๆ ครับ ไม่เหนื่อยไม่เพลียเลย มีความสุขมาก ในสนามจะไม่ค่อยหนาวมากนะครับ เพราะมีหลังคาคลุมหมด สามารถถอดเสื้อโค้ดออกได้ กำลังเย็นสบาย แต่ถ้าหน้าหนาวคิดว่าคงทำไม่ได้ เพราะจะเย็นกว่านี้ จากการสังเกตมองไปทางไหน ก็เห็นแต่คนนำกล้องถ่ายภาพมาถ่ายเต็มไปหมด แม้แต่ฝรั่งเองก็ยังถ่ายกันไม่หยุดหย่อน

ผ่านเวลามาถึงเวลาการแข่งขึ้น โฆษกสนามก็ประกาศเตรียมการแข่งขัน เปิดเพลงประจำสโมสร นักเตะก็วิ่งลงสนามมาเข้าแถว ตอนนี้ไม่ต้องห่วงครับ แม้แต่พูดกันข้างหูยังแทบไม่ได้ยิน เสียงอื้ออึงไปหมดเลย ทุกคนลุกขึ้นยืนกันตลอด ตามสไตล์การเชียร์บอลอังกฤษ คือ จะไม่นั่งครับ ยืนกันตลอด

นักเตะทยอยลงสนาม โฆษกสนามก็ประกาศชื่อที่ละคน พอพูดชื่อหน้า กองเชียร์ก็จะช่วยกันตะโกนชื่อหลังตามทันที สนุกสนามมาก
Number 44 Adnan……………..Januzaj (อะไรประมาณนี้)
ปี๊ดดดดดดดดด เริ่มการแข่งขัน

ที่นั่งผมอยู่ค่อนข้างสูงนะครับ แต่การมองเห็นชัดเจนดีมาก เห็นทั่วไปหมดทั้งสนาม ดูชัดเจนดี ไม่มีปัญหาครับ บรรยากาศสุดยอดที่ต้องการก็มาถึง ไม่อยากจะเชื่อเลย พวกกองเชียร์ยืนกันตลอด ร้องเพลงกันไม่หยุด หยุดพักเดียว ก็มีคนเริ่มร้อง ก็ร้องต่อ ๆ กันไป เพลงเชียร์ของแมนยูมีเยอะมากครับ ทั้งเพลงประจำตัวนักเตะ ,เพลงประจำสโมสรที่ได้ยินกันประจำ และที่ฮิตมากตอนไปสนาม เห็นร้องกันตลอด ก็เพลงแซวสตีเว่น เจอร์ราด นั่นเอง
เพลงที่ฮิตสุดในแมตช์นี้ก็ต้อง เพลงของนักเตะคนนี้เลย ยานาไซ นั่นเอง คนนี้จี๊ดมากจริง ๆ พอจับบอลเมื่อไหร่ เสียง ฮู้....... ดังกันทุกครั้งที่จับบอล เรียกว่าเป็นขวัญใจคนใหม่ของที่นี้ครับ
เพลงประจำตัวของ ยานาไซ
There’s a starman, on the left hand side. He plays for Man United and his name is Januzaj.
แปลเป็นไทย นั่นไงซุปเปอร์สตาร์อยู่ตรงฝั่งซ้าย! เขาเล่นให้ แมนฯยูไนเต็ด มีนามว่า ยานาไซ

ยานาไซ ยานาไซ ยานาใส่ ยานาไซ ......... ร้องต่อ ๆ กันไปเป็นทอด ๆ ครับ

และก็ยังมีเพลงของ เนมานย่า วีดิช และ ไรอัน กิกส์ ที่ร้องเรียกกันตลอดเวลา

เพราะแมตช์นี้เป็นแมตช์สุดท้ายที่ วีดิช จะเล่นให้แมนยู และ คงเป็นแมตช์สุดท้ายของ ไรอัน กิกส์ เช่นกัน

เวลาในสนามผ่านไปเร็วมากครับ ตอนยิงประตูกัน ก็กระโดดเฮกันทั้งสนาม อื้ออึงไปหมด ผมก็พลอยเป็นไปกับเค้าด้วย ข้อจำกัดของสนามนี้คือ ไม่มีสกอร์บอร์ดใหญ่ให้ชมภาพช้านะครับ พลาดแล้วพลาดเลย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะยังไงก็มาหาดูจาก youtube ได้อยู่แล้ว พลาดก็ช่างมัน แค่เอาบรรยากาศในสนาม ก็เรียกว่าที่สุดแล้วครับ เกมส์นี้ กองเชียร์ตะโกนเรียกชื่อ กิ๊กซี่ กิ๊กซี่ กิ๊กซี่ กันตลอดเวลา ในที่สุด กิกส์ ก็ลงมาในสนามได้สมใจทุกคนครับ ผมว่านักเตะคนนี้สุดยอดจริง ๆ นะครับ เพราะเมื่อลงมา การจับบอลแต่ละครั้ง ดูแล้วนิ่ง เนียนตามากเลย การจ่ายบอลก็สุดยอด มีอยู่ลูกหนึ่งได้ลูกโทษนอกเขต ยิงไปติดเซฟ เสียดายมาก ไม่งั้นจะเป็นการจบแมตช์ที่ยอดเยี่ยมของเจ้าตัวเป็นแน่ กองเชียร์ก็เสียวแทน

ช่วงพักครึ่งในสนามก็เปิดเพลงให้ฟังครับ เป็นเพลงมันส์ ๆ ฟังแล้งฮึกเฮิมดี พวกฝรั่งส่วนมาก็ลุกออกไป เพื่อไปซื้อน้ำ ซื้อเบียร์ และ ฟิช แอนด์ ชิฟ กินกัน ราคาก็ถือว่าพอดูทีเดียวครับ อย่างเบียร์สิงห์ขวดเล็ก ราคาก็ 6 ปอนด์ ,ฟิช แอนด์ ชิฟ ก็คือ ปลาทอดกับมันฝรั่ง ก็ราคา 13 ปอนด์ , น้ำเปล่าขวดละ 2 ปอนด์ ในสนามก็ค่อนข้างแพงทีเดียว แต่ฝรั่งเค้าก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อยครับ
ส่วนผมก็อยู่ในสนามนี่แหละ ก็เริ่มเก็บภาพต่อไป ต้องเอาให้คุ้ม อยากถ่ายตรงไหนก็ไป เพราะจะมีที่ว่างเหลือเยอะ เพราะคนออกไปพอสมควร กลายเป็นคนบ้าการถ่ายภาพอย่างไม่น่าเชื่อครับ
.
.
.

จบการแข่งขัน ทีมแมนยู ที่มาเชียร์ เอาชนะไปด้วยสกอร์ 3 – 1 สมใจครับ ไม่เสียแรงที่มาเชียร์ จบเกมส์ ก็มีการมอบของที่ระลึก อำลาอาลัย แต่ วีดิช และ ไรอัน กิกส์ หรือ กิ๊กซี่ ที่กองเชียร์ ตะโกนเชียร์กัน ตลอดเวลาจนไม่ยอมออกสนามครับ ส่วนผม เมื่อถึงเวลาอันสมควร ก็ต้องรีบออกครับ เพราะคิดว่าคนระดับ 6-7 หมื่นคน เดินออกมาพร้อมกัน คงวุ่นวายดีพิลึก แต่ก็ผิดคาดเล็กน้อย เพราะสนามแห่งนี้ ระบบการจัดการดีมาก และเนื้อที่รอบสนามก็ใหญ่มาก อีกทั้งการจัดการจราจรก็ให้รถจอดไกลพอควร จึงไม่มีปัญหาในการเดินกลับรถเลย

บรรยากาศหลังจบการแข่งขัน ก็สนุกไปอีกแบบ คนเดินมพร้อมกันเยอะ ๆ ก็ถ่ายภาพ เดินเป็นกลุ่ม ๆ ร้องเพลงเชียร์กันต่อ พวกของที่ระลึก ก็มายืนร้องขายกันตลอดเช่นเดิม ไปรอบสนามก็เปิดเต็มหมด ถ่ายภาพมาก็ได้อีกบรรยากาศหนึ่ง พอได้เวลาสมควรก็ขึ้นรถเพื่อไปทานอาหารต่อตามโปรแกรม เพราะตอนนี้ก็เป็นเวลา 4 ทุ่มกว่าที่อังกฤษ แล้วครับ แต่ยอมรับว่าไม่มีความง่วงและความหิวเลย พอขึ้นรถการจราจรนอกสนามก็ติดพอควร แต่ไม่ติดหนึบนะครับ เลื่อนได้เลื่อย ๆ คนขับรถที่นี่ค่อนข้างมีวินัยมาก ไม่มีแทรก แซง ขับตามกันไปเรื่อย ๆ อีกทั้งถนนที่อังกฤษ จะแคบมากครับ อย่างในเมืองนี่แค่ 2 เลนส์สวนกันทาง ไฮเวย์ ก็ฝั่งละแค่ 2 เลนส์ แต่รถก็ไม่ค่อยติด แปลกดีครับ

ใช้เวลาเดินทางพอควร ก็เดินทางเพื่อรับประทานอาหารเย็น ตอน 5 ทุ่มกว่าครับ หลังจากนั้นก็กลับที่พัก จบวันแรก อย่างมีความสุข และสมหวังที่สุดครับ ตอนหน้ามาต่อครับ จะพาทัวร์สนามโอล์ดแทรฟฟอร์ด อย่างใกล้ชิดครับ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM