(0)
เบี้ยแก้หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม องค์นี้สวยโค๊ตชัดครับ








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องเบี้ยแก้หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม องค์นี้สวยโค๊ตชัดครับ
รายละเอียดเบี้ยแก้หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม องค์นี้สวยโค๊ตชัดครับ
ราคาเปิดประมูล1,000 บาท
ราคาปัจจุบัน9,000 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ500 บาท
วันเปิดประมูล - 04 มี.ค. 2551 - 16:34:51 น.
วันปิดประมูล - 07 มี.ค. 2551 - 18:39:20 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลFOX09ROME07 (733)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 04 มี.ค. 2551 - 16:35:29 น.
.


เพิ่มรูป


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 04 มี.ค. 2551 - 16:36:02 น.
.


เพิ่มรูป


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 04 มี.ค. 2551 - 16:36:38 น.
.


เพิ่มรูป


ข้อมูลเพิ่มเติม 4 - 04 มี.ค. 2551 - 22:28:44 น.

มวลสารและขั้นตอนการสร้างเบี้ยแก้
1. ตัวเบี้ย เบี้ยตามความหมายของพจนานุกรม คือ ชื่อหอยน้ำเค็มกาบเดียว มีอยู่หลายชนิดผิวแข็ง ผิวเป็นมัน หลังนูนท้องแบนเรียกรวมๆว่าหอยเบี้ย แต่หอยชนิดที่นำมาทำเบี้ยแก้นี้ ท่านให้เอาเบี้ยจั่น เพราะคนโบราณท่านถือว่าเป็นวัตถุกลางที่ใช้สำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งของ ก่อนการใช้เหรียญกษาปณ์หรือธนบัตรในปัจจุบัน แต่คำว่าเบี้ยก็ยังเป็นคำที่ใช้แทนสื่อความหมายของเรื่องเงินๆทองๆมาจนถึงปัจจุบันนี้ เช่นเบี้ยเลี้ยง เบี้ยบำนาญ เบี้ยหวัด เบี้ยประกัน เป็นต้น เมื่อได้เบี้ยตามต้องการแล้วก็นำมาปลุกธาตุหรือปลุกเสกเพื่อเรียกวิญญาณคืนเบี้ย
2. ปรอท เป็นธาตุโลหะลักษณะเป็นของเหลวสีเงิน สารประกอบปรอทเป็นพิษ แต่บางเบาเป็นยาโดยปริยาย หมายถึงอาการที่เป็นไปอย่างรวดเร็วว่องไว ปรอทที่นำมาบรรจุในเบี้ยแก้ครั้งนี้ เป็นปรอทที่ไปดักตามธรรมชาติ ผู้ที่เดินทางไปดักปรอทธรรมชาตินี้ ท่านเป็นอาจารย์ฆารวาสที่มีอำนาจจิตสูงท่านหนึ่ง ซึ่งได้มีโอกาสเดินป่าอยู่เป็นประจำ อีกทั้งท่านยังได้เล่าเรียนและสืบทอดวิชา การสร้างเบี้ยแก้นี้จากครูบาอาจารย์สายอีสานแถบลุ่มแม่น้ำโขงอีก ด้วย ท่านต้องใช้ความพยายาม และวิริยะอุตสาหะ อย่างยิ่งที่จะนำปรอทมาถวายหลวงปู่ญาท่านสวน ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปดักปรอทในป่านั้น จะต้องบวงสรวงเจ้าป่าเจ้าเขา เทพยาดา เทวดาผู้พิทักษ์รักษาป่าแห่งนั้นเสียก่อน จึงจะเข้าไปดักปรอทได้ จากนั้นจึงนำไข่มาเสกด้วยคาถาไชดักปรอท แล้วใช้เข็มเจาะรูเล็กๆ คราวนี้จะต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวสังเกตว่าที่แห่งใดจะมีปรอทอาศัยอยู่ ซึ่งส่วนมากจะเป็นบริเวณที่มีซากพืชเน่าเปื่อย บริเวณที่มีปรอทจะสังเกตุเห็นเป็นพรายน้ำเรืองแสง เมื่อมั่นใจแล้วจึงนำใข่ที่เจาะรูแล้วไปฝังในดินบริเวณนั้นสัก 2-3 วัน จึงกลับมากู้ไข่ดักปรอท เมื่อมีปรอทอยู่ในบริเวณนั้นก็จะลงไปกินใข่เน่าแล้วจะออกไม่ได้เพราะได้ลงคาถาปิดปากไชเอาไว้ ในการดักแต่ละครั้งในไข่แต่ละฟองจะได้ปรอทเท่ากับหัวไม้ขีดสถานที่ที่ได้มาของปรอทคือ ภูหางสง ภูงอย อยู่ในประเทศลาว และ ภูผักแพรว อ.ช่องแม็ก อุบลราชธานี เมื่อได้ปรอทจำนวนมากแล้วนำมาเทรวมกัน และบรรจุใส่ในกระเพาะวัวรัดปากใว้แล้วนำไปต้ม ผูกเชือกแขวนที่ปากปี๊ปสุมไฟตลอด พร้อมกันนั้นจะต้องสวดด้วยคาถาคุมปรอท ซัดว่านด้วยว่านคางคก ว่านทรหด และว่านอื่นๆ ที่ไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้ ทำจนปรอทแข็งตัวเป็นก้อน เป็นการกันไม่ให้ปรอทหนี ก่อนที่จะนำปรอทไปบรรจุในตัวเบี้ย ก็จะต้องนำปรอทที่แข็งตัวก้อนนั้นมาขยำด้วยน้ำมะนาวสด เพื่อล้างเอาขี้ปรอทออกอีกครั้ง จากนั้นปรอทที่แข็งตัวก็จะกลับเป็นของเหลวกลายเป็นปรอทบริสุทธิ์
3. ขั้นตอนการบรรจุปรอทเข้าไปในตัวเบี้ย ในขณะบรรจุปรอทต้องภาวนาคาถากำกับ เช่น
พุทธังบรรจุ อธิษฐานมิ ธัมมังบรรจุ อธิษฐานมิ สังฆังบรรจุ อธิษฐานมิ จากนั้นจึงปิดทับด้วยชันโรง
4. ชันโรง คือชื่อผึ้งขนาดเล็ก ซึ่งมีลำตัวยาวไม่เกิน 10 มิลลิเมตร ชอบกินน้ำหวานจากเกสร
ดอกไม้มักอยู่รวมกันเป็นฝูง โดยปกติแล้วตัวชันโรงจะชอบอยู่ตามที่ที่มีความเงียบสงบไม่ชอบให้ใครรบกวน เมื่อถ่ายออกมาจะเป็นสีดำ มีความเหนียว และมีกลิ่นหอมน้ำหวาน ด้วยเหตุนี้เอง โบราณจารย์ท่านจึงนำมาปิดปากเบี้ยเพื่อกันปรอทไหลออกมา สำหรับชันโรงที่นำมาประกอบพิธีกรรมในครั้งนี้เป็น ชันโรงเพียงดิน ซึ่งเป็นชันโรงที่อยู่กลางแจ้ง ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ เชื่อกันว่าชันโรงชนิดนี้มีคุณในตัวเองและหายากมาก ก่อนนำไปปิดปากเบี้ยให้นำชันโรงมาเสกด้วยเสกด้วยคาถาเดียวกันกับคาถาบรรจุปรอท
5. นำแผ่นตะกั่วบางๆมาลงอักขระ ด้วยยันต์นะซ่อนหัว หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่านะใต้น้ำ ล้อมรอบด้วยธาตุสี่คือ นะมะพะทะ เสร็จแล้วจึงนำไปปิดทับปากเบี้ยอีกชั้นหนึ่ง
6. เมื่อเสร็จตามขั้นตอนดังกล่าวแล้วให้นำมาปลุกเสกด้วยธาตุ จนปรอทแข็งตัวเป็นเม็ดจะสังเกตุได้ว่าก่อนนำมาปลุกเสกเมื่อเขย่าจะมีเสียงดังขลุกๆเป็นเสียงน้ำกลิ้งไปกลิ้งมา แต่เมื่อปลุกเสกสำเร็จแล้วจะมีเสียงแซ็กๆคล้ายดั่งเสียงเม็ดทราย หรือบางตัวเสียงค่อนข้างทึบเพราะอาจมีปรอทมากไป
7. จากนั้นจึงนำมวลสารมาบรรจุเพิ่มเติม คือผ้าอาบน้ำของหลวงปู่ ผงปถมังที่หลวงปู่ท่านเขียนและลบเอง ชานหมาก ผงพุทธคุณต่างๆ ผงแร่ใต้น้ำ แร่บนเขา เส้นเกศา ตะกรุด 1 ดอก เข็มโลกธาตุ 1 เล่ม ยังได้อัญเชิญ พระอุปคุตเถระ (เหรียญกลีบบัว ปี2540 เป็นเหรียญสุดยอดประสบการณ์) มาประดิษฐานอยู่บนตัวเบี้ย จากนั้นจึงทำการถักเชือกหุ้มตัวเบี้ย
8. นำชันโรงแข็ง ซึ่งได้มาจากปล่องทางเดินของตัวชันโรง จากใต้น้ำและที่ขึ้นสู่อากาศ และ ชันโรงเพียงดินซึ่งอยู่กลางแจ้ง จะมีลักษณะแข็งคล้ายครั่ง แต่มีสีน้ำตาล นำมาตำให้ละเอียดกับตัวทำละลายให้เหลวเป็นน้ำ แล้วนำไปชุบตัวเบี้ย ผึ่งลมให้แห้ง
9. นำเบี้ยทั้งหมดไปถวายให้หลวงปู่ญาท่านสวน อธิฐานจิต ปลุกเสกเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2547 เป็นอันเสร็จพิธี

การสร้างเบี้ยแก้นั้นมีมาตั้งแต่โบราณกาล แต่จะมีเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ ใดไม่มีหลักฐานระบุอย่างแน่ชัด จุดมุ่งหมายในการสร้างเบี้ยแก้ของบูรพคณาจารย์ แต่ละสำนักนั้นมีจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน นั่นก็คือ เครื่องรางที่ใช้สำหรับป้องกันการทำคุณไสยยาสั่ง แก้เหตุร้ายให้กลับกลายเป็นดี อีกทั้งยังมีพุทธคุณทางด้านเมตตามหานิยมอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาดและป้องกันอันตรายทั้งปวง
แต่สำหรับการสร้างเบี้ยแก้ของวัดนาอุดมในครั้งนี้ นอกจากจะมีจุดมุ่งหมายอันเดียวกันกับสำนักต่างๆแล้ว เบี้ยแก้ยังเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง ทำให้บังเกิดโชคลาภสักการะ เรียกทรัพย์ เรียกเงิน เรียกทอง สื่อถึงความร่มเย็นเป็นสุข อีกทั้งยังเป็น ตัวแก้และกัน สิ่งชั่วร้ายต่างๆ ป้องกันภูตผีปีศาจ ผีพราย ป้องกันไข้ป่า ป้องกันสัตว์มีพิษต่างๆ ป้องกันตัวทากมิให้เกาะในขณะเดินป่า โดยเฉพาะผู้เดินป่าสมัยก่อนอันตรายมาก ในขณะนั่งทำภารกิจส่วนตัว พวกตัวทากจะกระโดดเกาะและดูดเลือด การสร้างเบี้ยแก้ในครั้งนี้นอกจากจะสร้างตามตำราที่กำหนดโดยเคร่งครัดแล้ว ยังได้เพิ่มมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆบรรจุในเบี้ยแก้เช่น ผ้าอาบน้ำหลวงปู่ญาท่านสวน ผงปถมังที่หลวงปู่ท่านลบเอง ผงชานหมาก ผงพุทธคุณต่างๆเส้นเกศา ผงแร่ใต้น้ำ ผงแร่บนเขาต่างๆ ตะกรุด1ดอก เข็มโลกธาตุ 1 เล่ม และที่สำคัญได้อัญเชิญ พระอุปคุตเถระ ผู้ปราบพญามารซึ่งเชื่อกันว่าท่านยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ และสถิตอยู่ ณ.วิมานแก้วเจ็ดชั้น ใต้สะดือทะเล ซึ่งมีกุ้งหอยปูปลาเป็นบริวาร มาประดิษฐานที่ปากเบี้ยแก้ด้วยความมั่นใจ และปรารถนาที่อยากให้เบี้ยแก้นี้ทรงอนุภาพศักดิ์สิทธิ์ ปกป้องคุ้มครองและใว้เป็นสมบัติอันหวงแหนแก่ผู้ที่นำไปสักการะบูชา และจะเป็นที่สืบเสาะแสวงหาภายในอนาคตข้างหน้า เบี้ยแก้องค์ครู ด้านหลังปิดด้วยพระอุปคุต ตอกโค๊ตกันปลอม ถักเชือกหุ้มลงรักยางไม้ แบบนี้สร้างไว้น้อยมาก(แจกกรรมการ) มีทั้งถักแบบมีหูและไม่ไมีหู มักมีใช้กันเฉพาะหมู่ศิษย์ ส่วนเบี้ยแก้แบบธรรมดานั้นด้านหลังไม่มีพระอุปคุตครับถักเชือหุ้มหลังปิดหมด ฉนั้นเบี้ยแก้องค์ครูนี้ต้องห้อยคอนะครับ ห้ามแขวนเอว พุทธานุภาพของเบี้ยแก้ใช้ได้สารพัดยิ่งกว่าฝอยท่วมหลังช้าง เป็นโชคลาภ ดูดเงินดูดทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ป้องกันอาถรรพ์ร้ายและภูตผีปีศาจ ขึ้นชื่อว่าเบี้ยแก้ แก้ได้ทุกชนิด เช่นแก้พิษ แก้ดวงตก แก้คุณไสย์ดำ ฯลฯ ยิ่งได้บารมีพระอุปคุตมาด้วยแล้วยิ่งแรงไปใหญ่ หาไว้ใช้ติดตัวเถิดดีแน่นอนครับ ไม่ต้องไปตามหาเบี้ยแก้พระเกจิดังในอดีตให้เหนื่อย ได้มาก็ดูไม่เป็นไม่มั่นใจ ใช้เบี้ยแก้รุ่นใหม่ของญาท่านสวนนี่แหละครับ รับรองไม่เป็นรองใคร
***ข้อมูลนี้ได้มาจากในเวป***


ข้อมูลเพิ่มเติม 5 - 04 มี.ค. 2551 - 22:30:23 น.

ปิดไม่แพงครับ สนใจสอบถามข้อมูลได้ที่ 0856781999


ข้อมูลเพิ่มเติม 6 - 04 มี.ค. 2551 - 23:03:01 น.

ใครประมูลได้แถม สมเด็จแก้วมณีโชติเนื้อผง 1 องค์ และพระปิดตาหลังยันต์สายรก อีก 1 องค์ครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม 7 - 04 มี.ค. 2551 - 23:03:01 น.

ใครประมูลได้แถม สมเด็จแก้วมณีโชติเนื้อผง 1 องค์ และพระปิดตาหลังยันต์สายรก อีก 1 องค์ครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม 8 - 05 มี.ค. 2551 - 11:54:01 น.
.


สมเด็จแก้วมณีโชติ เนื้อผง


ข้อมูลเพิ่มเติม 9 - 05 มี.ค. 2551 - 11:54:15 น.
.


สมเด็จแก้วมณีโชติ เนื้อผง


ข้อมูลเพิ่มเติม 10 - 05 มี.ค. 2551 - 11:54:36 น.
.


ปิดตาหลังยันต์สายรก


ข้อมูลเพิ่มเติม 11 - 05 มี.ค. 2551 - 11:54:50 น.
.


ปิดตาหลังยันต์สายรก


 
ราคาปัจจุบัน :     9,000 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     500 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    บางนกแขวก (58)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1