| ชื่อพระเครื่อง | ปลัดขิก หลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ ไม้กัลปังหา หายาก ขนาด ยาว 5.5 ซม. สวยมากๆครับ สวยแท้สภาพแชมป์ครับ |
| รายละเอียด | เรื่อง ปลัดขิก หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จังหวัดชลบุรี แผลงฤทธิ์
โดยที่ปรากฎเป็นเรื่องราวเล่าขานสืบต่อกันมาว่า มีหญิงชาวทะเลคนหนึ่ง มากราบหลวงพ่ออี๋ที่วัดพร้อมถวายข้าวของจำเป็นท่านจึงมีเมตตาหยิบปลัดมอบให้แก่หญิงสาวผู้นั้น ก่อนจะมอบท่านก็ประสิทธิ์ประศาสน์ ตามแบบฉบับของท่านทุกครั้งไป
เมื่อลากลับ นางก็ลงเรือพายกลับบ้านระหว่างทางหยิบปลัดที่ได้รับมอบออกมาพิจารณาแล้วคิดว่า แลดูน่าเกลียด เพราะด้วยเหตุที่นางนั้นยังเป็นสาวเป็นแส้ไม่เหมาะสม จึงตัดใจโยนปลัดทิ้งน้ำ
ระหว่างพายเรือกลับบ้าน นางก็สังเกตเห็นว่ามีอะไรบางอย่างว่ายตามเรือมาคล้ายท่อนไม้เล็กๆ หรือจะเป็นปลาอะไรสักอย่าง นางจึงต้องช้อนขึ้นมาดูแล้วก็ต้องตกใจ
เพราะแท้ที่จริงแล้วที่สิ่งนั้นก็คือ "ปลัดขิก" ที่นางโยนทิ้งน้ำไปนั่นเอง แต่เหตุไฉนจึงว่ายน้ำติดตามเรือมาได้
นางรำลึกนึกถึงหลวงพ่ออี๋ ตามที่มีคนเล่ากันว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก "ปลัดขิก"ของท่านเป็นของวิเศษ คุ้มครองผองภัยได้ นางจึงเก็บเอาไว้ติดตัวซ่อนเร้นไม่กล้าให้ใครพบเห็นเกิดความเลื่อมใสที่เห็นอำนาจ ของปลัดว่ายทวนน้ำมาได้ นับแต่นั้น นางก็พกพาติดตัวตลอดไม่ยอมให้ห่างกาย
ประวัติตอนหนึ่งกล่าวถึงที่มาของ "ปลัดขิก" ว่าหลวงพ่ออี๋ได้ธุดงค์เข้ากรุงเทพฯ เพื่อนมัสการพระแก้วมรกตแล้วก็เลยไปกราบพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี เสร็จสิ้นภารกิจก็ย้อนกลับก็ย้อนกลับเส้นทาง สายเก่า ผ่านคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ
ที่คลองด่านนี่เองและครับ ที่หลวงพ่ออี๋ได้แวะเข้ากราบหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย (พระครูพิพัฒนิโรธกิจ) พระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในการทำ "เสือ"ยอดเครื่องรางของขลังที่ทำจากเขี้ยวเสือ และเกิดสนใจใคร่จะศึกษา ภายหลังจากได้รับการถ่ายทอดวิชาการลงอักขระเสือหลวงพ่ออี๋ ก็จาริกเข้าป่าผ่านทางเขาเขียว (สวนป่าเปิดในปัจจุบัน) ระหว่างทางพบบ่อน้ำและมองเห็นสิ่งประหลาดแหวกว่ายผุดโผล่จากน้ำท่านจึงก้มตัวลงช้อนแต่ก็รอดมือไปได้ทุกครั้ง
ซึ่งขณะนั้นเองก็มีชายชรามายืนใกล้ๆ ชะโงกมองตามท่านแล้วส่งเสียงหัวเราะ
"ช้อนไม่ได้หรอกหลวงพ่อ ต้องเอาสาวพรหมจรรย์มาช้อนจึงจะได้"
หลวงพ่ออี๋นั่งนิ่งคิดมาคิดไปก็เห็นด้วยเพราะว่าน่าจะเป็นของอาถรรพ์ ชายชราจึงอาสาไปหาหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานมาช่วยช้อน
เพียงแบมือและหย่อนลงในน้ำตามคำแนะนำของชายชรา สิ่งประหลาดก็ว่ายเข้ามาอยู่ในมือของหญิงสาว ไม่ต้องไล่ช้อนเหมือนหลวงพ่อ
เมื่อนำขึ้นมาพิจารณาพบว่าเป็นท่อนไม้เล็กๆลักษณะคล้ายดอกจำปี หรืออวัยวะเพศชายต่อมาเรียกว่า "ปลัดขิก" นี่เอง ท่านเกิดความสนใจและตั้งใจว่าเมื่อกลับมาที่วัดแล้วจะจำลองแบบของปลัดตัวนี้ขึ้นโดยจะใช้วิชาอาคม ที่เรียนมาจากหลวงพ่อปาน มาลงอักขระคงจะเป็นของอาถรรพ์อย่างแน่นอน
จากไม้ปลัดที่ได้จากเขาเขียว ทำให้ท่านนึกถึงประเพณีไทยแต่โบราณ ที่เด็กผู้ชายมักจะมีปลัดแขวนเอวแต่เป็นเพียงไม้ธรรมดาส่วนเด็กผู้หญิงใช้ "จับปิ้ง"
ภายหลังจากที่นำไม้กัลปังหา จากทะเลมาทำปลัดในยุคแรกแล้วกัลปังหาก็หายากขึ้นทุกทีไม่ติดแหอวนเหมือนแต่ก่อน หลวงพ่ออี๋จึงคิดหาไม้ชนิดอื่นมาทำเป็นปลัด ตามตำรามี แก่นมะขาม แก่นคูณนิพพาน ไม้เหลาชะโอน เสือครัวและหิน
นอกจากนี้อาจจะมีไม้ชนิดอื่นบ้าง แต่ตำราเดิมของหลวงพ่ออี๋ที่กำหนดไว้มีเพียง 5 อย่าง
ฝีมือการแกะปลัดมีหลายคน ทั้งพระเณะและฆราวาส บางทำเฉพาะตัวมาให้ปลุกเสกก็มาก ดังนั้นข้อยุติของรูปร่างจึงไม่แน่นอนแต่ที่ยึดถือเป็นต้นแบบคือ
1. ลำตัวเหยียดตรง
2. อักขระที่ลงคือ "กันหะ เนหะ" หรือยันต์หัวใจโจรและมีลักษณะคล้ายกับพระจันทร์หรือนิยมเรียกกว่า "ตราพระจันทร์"
"ปลัดขิก" เครื่องรางของขลังยอดนิยมในวงการฯ แล้วนั้นมี 2 เกจิอาจารย์ที่โดดเด่นคือ
หลวงพ่ออี๋ ตัวเหยียดตรง
หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก นั้นตัวงอโค้ง แบบตาแป๊ะหลังโกง นั้งเอง
โดยปลัดขิกของทั้ง 2 เกจิอาจารย์ จัดเป็น "นพเก้า" ของเครื่องรางของขลังยอดนิยมของวงการฯ จากอดีตถึงปัจจุบัน ล้วนแต่หายาก และ ค่านิยมสูงทั้งสิ้นครับทุกๆท่าน ^ ^ |
| ราคาเปิดประมูล | 100 บาท |
| ราคาปัจจุบัน | 5,050 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
| เพิ่มขึ้นครั้งละ | 50 บาท |
| วันเปิดประมูล | - 19 พ.ย. 2558 - 16:40:51 น. |
| วันปิดประมูล | - 20 พ.ย. 2558 - 22:18:28 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
| ผู้ตั้งประมูล | wootiporn (925) (2)   
|
