รายละเอียด | สมเด็จพระอุณาโลม ทรงจิตรลดา พระนางพญา สก.พ.ศ. 2519 สุดยอดแห่งมวลสารและพิธีกรรม
หากยกไว้เสียแต่ "พระสมเด็จจิตรลดา" ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างด้วยฝีพระหัตถ์และทรงอธิษฐานด้วยพระองค์เองเมื่อราวปี 2508-2512 แต่เพียงรุ่นเดียวแล้ว
พระเครื่องแห่งกษัตริย์ ที่ในหลวงทรงมีพระราชดำริ, มีพระบรมราชานุญาต, พระราชทานมวลสาร, ทรงพระสุหร่ายด้วยพระองค์เองในยุคนี้สมัยนี้ ก็ยากอย่างที่สุดที่จะมี พระเครื่องแห่งกษัตริย์ แบบใดรุ่นใด ที่จะถึงพร้อมด้วยองค์คุณแห่ง พระวิสัยทัศน์, พระราชปัญญา, พระราชบารมี และ พระบรมเดชานุภาพ แห่งองค์พระนวบรมมหากษัตริยาธิราชเจ้า พระองค์ปัจจุบันเป็นการ โดยตรง เสมอเหมือนด้วย พระอุณาโลมทรงจิตรลดา และ พระนางพญา สก ที่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในจัดสร้างได้เมื่อปี พ.ศ. 2519 และเป็นพระที่มีเนื้อหามวลสารดีเยี่ยมที่สุดเท่าที่คณะบุคคลจะพึงทำได้พระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เมื่อ พ.ศ. 2518 วัดบวรนิเวศวิหารได้ทำการรื้อกระเบื้องหลังคาพระอุโบสถทั้งของวัดบวรฯ เอง และของคณะรังษี (ซึ่งเดิมก็คือวัดบวรรังษี หากภายหลังได้ยุบรวมมาเป็นส่วนหนึ่งของวัดบวรนิเวศวิหาร) แล้วนำกระเบื้องลงมากองไว้
วันหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินประกอบพระราชพิธีที่วัดบวร ฯ ทรงทอดพระเนตรเห็นกระเบื้องเก่าอายุนับร้อยปี ผ่านพิธีกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทยมาเนิ่นนาน อบด้วยกระแสพุทธมนต์ที่พระภิกษุทำวัตรเช้า-เย็น ซึมซับพิธีพุทธาภิเษกมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันพิธี ที่สำคัญ คือพระองค์ก็ทรงผนวชภายใต้ร่มเงาของกระเบื้องชุดนี้ก่อนที่จะถูกรื้อลงมา จึงมีพระราชดำรัสว่า กระเบื้องมุงหลังคาพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหารนั้นน่าจะทำประโยชน์ได้บ้าง เนื่องจากเป็นของเก่า และสมเด็จพระสังฆราชเคยประทับอยู่วัดนี้ถึง 3 พระองค์ หากนำไปทำพระผงคงจะดีไม่น้อย
ด้วยพระราชดำรัสนี้เอง ทำให้คณะพระภิกษุและกรรมการวัดบวรฯ และสภาการศึกษามหามงกุฎราชวิทยาลัย จึงได้คิดสร้างพระผงสมเด็จนางพญาขึ้นรับสนองเสมือนหนึ่งเป็นพระบรมราชโองการ แล้วดำเนินการจัดสร้างทันที โดยกำหนดแบบพิมพ์และขนาด พระจิตรลดา ทุกประการ ด้วยการนำผงพระราชทานและผงศักดิ์สิทธิ์ 199 ชนิด มาผสมกับกระเบื้องหลังคาพระอุโบสถดังกล่าว และยังได้ขอพระบรมราชานุญาตอัญเชิญพระนามาภิไธยย่อ ส.ก มาประดิษฐานไว้ด้านหลังของพระสมเด็จนางพญา ส.ก.
สำหรับวัตถุประสงค์ในการสร้างนั้นเพื่อนำรายได้จากการบูชาพระสมเด็จและนางพญา ส.ก.ไปก่อตั้งเป็นมูลนิธิเพื่อนำดอกผลมาใช้ในการศึกษาของพระและเณรที่วิทยาลัยสงฆ์ ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีความอัตคัต สืบเนื่องจากเมื่อปี 2516 ได้มีการก่อตั้งวิทยาลัยสงฆ์ ณ จังหวัดอยุธยามีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นทุ่งนา ปราศจากต้นไม้ น้ำท่วมทุกปี ทั้งยังมีปัญหาน้ำดื่มที่ขาดแคลน ปัญหาการบิณฑบาต เนื่องจากวิทยาลัยอยู่ห่างจากหมู่บ้าน ในการนี้ทางมูลนิธิจึงได้คิดสร้างพระสมเด็จนางพญาขึ้นจำนวนหนึ่ง เพื่อหารายได้มาช่วยในวัตถุประสงค์ดังกล่าว รายได้จากศรัทธาของพุทธศาสนิกชนครั้งนี้ จะนำไปจัดตั้งเป็นทุนมูลนิธิเพื่อหาดอกผลมาบำรุงการศึกษาของคณะสงฆ์ตามโครงการดังนี้
1. สร้างอาคารเรียนสำหรับพระภิกษุและสามเณร
2. ส่งเสริมการศึกษาของพระภิกษุและสามเณร
3. ขยายโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ให้แพร่หลายทุกจังหวัด
4. เผยแผ่พระพุทธศาสนาด้านพระธรรมฑูตและหนังสือต่าง ๆ
5. เป็นค่าภัตตาหาร
เมื่อสร้างเสร็จเป็นองค์พระแล้ว ได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกขึ้นอีก 7 วัน ณ พระอุโบสถคณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหารฯ เมื่อวันที่ 5 11 ก.ค. 2519
ในวันที่ 12 กค. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเจิมสมเด็จนางพญา ส.ก.และพระสมเด็จอุณาโลม ในเวลา 16.00 น. ณ พระอุโบสถ คณะรังษี วัดบวรฯ
พุทธลักษณะ
พระสมเด็จอุณาโลม ได้ถอดแบบมาจาก พระสมเด็จจิตรลดา ด้านหน้าเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งสมาธิอยู่บนอาสนะบัวสองชั้นในทรงกรอบสามเหลี่ยมหน้าจั่วคล้ายพระสมเด็จจิตรลดาแต่เพิ่มรายละเอียดในองค์พระปฏิมากรให้ชัดเจนขึ้นและเพิ่มยันต์อุณาโลมที่ด้านหลังองค์พระ พร้อมกับมีอักขระจารึกว่า เอตังสะติง พะมะนะอะกะสะนะทะอะ สะ อะ เป็น 3 บรรทัด อักษรจมลงไปในเนื้อพระ ด้านหลัง
ขนาดพระมีสองพิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ สูง 3 ซม. กว้าง 2 ซม. หนา 0.5 ซม. ส่วนพิมพ์เล็กสูง 2.5 ซม. กว้าง 1.7 ซม. หนา 0.4 ซม. พระเครื่องพิมพ์นี้เป็นพระเครื่องเนื้อผงพุทธคุณ สีแบบอิฐเผา จำนวนสร้าง 100,000 องค์
พูดถึงพิธีการสร้างวัตถุมงคล หรือการประกอบพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่ปัจจุบันดูจะหายากสักหน่อยที่จัดพิธีอย่างใหญ่โต เต็มไปด้วยความเข้มขลังของพระเกจิอาจารย์ที่ปลุกเสก อย่างเช่นในพิธีพุทธาภิเษกพระสมเด็จอุณาโลมทรงจิตรลดา พระเครื่องที่จัดสร้างขึ้นพร้อมกับพระสมเด็จนางพญา สก อันโด่งดังเมื่อปี พ.ศ.2519
ที่ว่าพิธีดีนั้นดีอย่างไร ครั้งนั้นได้จัดให้มีการประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถคณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร ถึง 7 วัน 7 คืน ระหว่างวันที่ 5-12 กรกฎาคม พ.ศ.2519 มีพระเกจิอาจารย์ดังปลุกเสกหลายรูป โดยเฉพาะ "หลวงปู่โต๊ะ" ได้มาร่วมปลุกเสกถึง 5 วันด้วยกัน ประกอบด้วย
1. พระครูสันติวรญาณ (สิม) วัดถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่ 2. พระเทพวราลังการ วัดป่าสุทธาวาส จ.เลย 3. พระญาณสิทธาจารย์ วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม จ.นครราชสีมา 4. พระอาจารย์อ่อน วัดโพธาราม จ.อุดรธานี 5. พระสุทธสารโสภณ วัดศรีโพนแท่น จ.เลย 6. พระอาจารย์เปลื่อง วัดบางแก้วผดุงธรรม จ.พัทลุง 7. พระสังวรวิมลเถร (โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ 8. พระโพธิสังวรคุณ (ไพฑูรย์) วัดโพธินิมิต กรุงเทพฯ 9. พระครูสารธรรมนิเทศ (มา) วัดวิเวกอาศรม จ.ร้อยเอ็ด 10. พระอาจารย์สี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม
11. พระราชธรรมานุวัตร (อ่อน) วัดประชานิคม จ.กาฬสินธุ์ 12. พระครูศีลขันธสังวร (อ่อนสี) วัดพระงาม จ.หนองคาย 13. พระครูทัศนปรีชา (ขม) วัดป่าบ้านบัวค่อม 14. พระอาจารย์สาม อกิญจโน วัดไตรวิเวการาม จ.สุรินทร์ 15. พระครูญาณปรีชา (เหรียญ) วัดป่าอรัญญบรรพต จ.หนองคาย 16. หลวงพ่อจ้อย วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี 17. พระอาจารย์หัวพา วัดป่าพระพนิต จ.หนองคาย 18. พระชินวงศาจารย์ (พุธ) วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา 19. พระครูวิบูลย์ธรรมภาณ (โชติ) วัดภูเขาแก้ว จ.อุบลราชธานี 20. พระครูวินิตวัฒนคุณ วัดบ้านนาเจริญ จ.อุบลราชธานี
21. พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม จ.สกลนคร 22. พระอาจารย์สมชาย วัดราษฎร์บุรณคุณาคาม (เขาสุกิม) จ.จันทบุรี 23. พระรักขิตวันมุนี (ถิร) วัดป่าเลไลยก์ฯ จ.สุพรรณบุรี 24. พระศีลขันธโสภณ (สนิท) วัดศีลขันธาราม 25. พระครูโกวิทสมุทรคุณ (เนื่อง) วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม 26. พระญาณจักษุ (ผ่อง) วัดจักรวรรดิราชาวาส กรุงเทพฯ 27. พระครูโสภณกัลยาณวัตร (เส่ง) วัดกัลยาณมิตร กรุงเทพฯ 28. พระราชธรรมวิจารณ์ (ธูป) วัดสุนทรธรรมทาน (วัดแคนางเลิ้ง) กรุงเทพฯ 29. พระครูพิทักษ์วิหารกิจ (สา) วัดราชนัดดาราม กรุงเทพฯ 30. หลวงพ่อซ่วน วัดพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
31. หลวงพ่อบุญมา วัดอุดมมงคลคีรีเขต จ.ขอนแก่น 32. พระอาจารย์ไสว สุวโร วัดป่าสิริสาลวัน จ.อุดรธานี 33. หลวงปู่จันทร์ วัดป่ามะขาม
พระสมเด็จอุณาโลมทรงจิตลดา เป็นพระเครื่องเนื้อผงทรงสามเหลี่ยม ด้านหน้าเป็นพระพุทธปฏิมากรปางสมาธิ มีพุทธลักษณะที่คล้ายกับพระสมเด็จจิตรลดาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสร้าง ส่วนด้านหลังมียันต์อักขระตัวอุณาโลม จึงเป็นที่มาของการเรียกขานชื่อพิมพ์สมเด็จอุณาโลมทรงจิตรลดา เป็นพระเครื่องกลางเก่ากลางใหม่ที่น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่ง ที่มีพิธีดี มวลสารดี น่าสนใจทีเดียว อีกทั้งนับอายุกาลก็ได้กว่า 30 ปีแล้ว ยังคงหาบูชากันได้ที่พระครูพิมลสรภาณ วัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งหลวงพ่อได้นำออกมาให้บูชากันเพื่อนำรายได้สมทบทุนในการสาธารณประโยชน์ทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะในการบูรณะศาลาการเปรียญ สำหรับผู้บริจาค 599 บาท ที่ศาลาครูแก้ว ข้างศาลาการเปรียญวัดสุทัศนเทพวราราม
ที่ว่ามวลสารดีนั้น พระสมเด็จอุณาโลมทรงจิตรลดามีมวลสารมากมายกว่า 200 ชนิด ซึ่งคงยากที่จะเรียงร่ายให้ครบ เอาแต่เพียงที่สำคัญยิ่งคือ ผงดอกไม้พระราชทานเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2517 ผงธูปพระราชทาน ผงดอกไม้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงบูชาพระพุทธชินสีห์ในเทศกาลเข้าพรรษา พ.ศ.2517 แล้วยังมีผงธูป ผงมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากพระเกจิอาจารย์ เช่น ผงพระสมเด็จโตวัดระฆังฯ ผงพระสมเด็จบางขุนพรหม ผงพระสมเด็จวัดสามปลื้ม ผงพระหลวงพ่อวัดปากน้ำ ผงพระสมเด็จ ธัมมวิตักโก ผงอิทธิเจ หลวงปู่โต๊ะและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศไทย
พระสมเด็จอุณาโลมทรงจิตรลดา มีอานุภาพทางด้านเมตตามหานิยม และลาภผลพูนทวี นอกเหนือจากมวลสารสุดยอดเยี่ยม ยังมีกระเบื้องหลังคาพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นต้น
โดยพระสมเด็จอุณาโลม ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สร้างตามแบบพระผง "จิตรลดา" และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเจิมพระสมเด็จอุณาโลมทรงจิตรลดา ณ พระอุโบสถคณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ.2519 เวลา 16.00 น.
( พระเครื่องพิมพ์นี้เป็นพระเครื่องเนื้อผงพุทธคุณ สีแบบอิฐเผา จำนวนสร้าง 100,000 องค์ ) สร้างหน่อยมากๆครับตอนนี้หายากแล้วครับ...รีบๆเก็บนะครับราคาจะแพงกว่านี้ครับ... |