กับอีกหนึ่งตำนานเพชรเม็ดงาม แห่งเมืองร้อยเอ็ด ปลัดขิก หลวงพ่อหนู จะสร้างโบสถ์ เจ้าตำรับตะกรุดปืนแตก กระบอกบวม เหรียญ ๕ แชะหลวงพ่อหนู มีลักษณะประจำตัวท่าน คือ ผอม ดำ และไม่ค่อยพูดกับใคร ท่านจะนั่งจารตะกรุดด้วยมือเป็นกิจวัตรประจำวัน ทุกวัน...ตะกรุดของท่านขึ้นชื่อลือกระฉ่อนไปทั่วว่ามีอานุภาพสามารถ "อุดปืน" ได้อย่างปาฏิหาริย์ ใครอยากได้ตะกรุดของท่านไม่มีการซื้อขาย หรือให้เช่าบูชาใดๆ ทั้งสิ้น
ในแต่ละวันท่านจะวาง "ตะกรุด" ที่จารแล้วไว้ที่พานหน้าโต๊ะหมู่บูชาพระของท่าน ตั้งแต่เช้าตรู่ ใครมาก่อนก็หยิบไปก่อน มาช้าก็หมดอดได้โดยปริยาย ต้องรอวันต่อไป...จึงไม่แปลกใจที่ทุกเช้าจะมีผู้คนจำนวนมากมาเฝ้าหน้ากุฏิของท่าน เพื่อรอเอาตะกรุด
ประวัติโดยสังเขป..."หลวงพ่อหนู" ท่านเป็นชายไทยเชื้อสายเขมร บวชตั้งแต่อายุ ๒๐ ปี ครูคนแรกของท่าน เป็นอาจารย์ฆราวาส นามว่า "พ่อใหญ่ศิลา" สำเร็จวิชา "ภูผาแร้ง" ใครได้วิชานี้ เมื่อฟ้าผ่ากลางแจ้ง แสดงว่าเรียนจบหลักสูตรแล้ว วิชานี้ใช้รักษาคนบ้าวิกลจริตได้ชะงัด
ต่อมาท่านไปเรียนกับหลวงพ่อทองสุข วัดบูรพา, หลวงปู่บุดดา วัดหนองเต่าใหญ่, หลวงปู่สี วัดบ้านหนองพานแยห้าว แต่ละวัดอยู่ใน จ.ร้อยเอ็ด
หลังจากนั้นได้ข้ามจังหวัดไปเรียนกับหลวงปู่อ่อน เซกา จ.หนองคาย หลวงปู่คำพันธ์ และครูท่านสำคัญสุด คือ หลวงพ่อนรสิงห์ จ.สกลนคร
ครูบาอาจารย์ทั้งหมดอาจจะไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เก่งฉกาจฉกรรจ์ในทุกด้าน ประกอบกับ "หลวงพ่อหนู" มีความสนใจในเรื่องเวทมนต์คาถา มาตั้งแต่เด็กๆ การเรียนวิชาอาคมต่างๆ จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรมากนัก
"หลวงพ่อหนู" ออกเหรียญรุ่นแรกปี ๒๕๓๕ มีผู้นำไปยิงไม่ออก ใส่คอไก่ก็ยิงไม่ออก แขวนต้นไม้ออกดังปัง แต่ปืนแตก โยนเหรียญขึ้นกลางอากาศแล้วยิง ก็ยิงไม่ออกเช่นกัน แต่เหรียญหายไป
"เครื่องราง" อีกอย่างหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้ "หลวงพ่อหนู" คือ "ตะกรุด" ใส่หลอดสายยางแบบบ้านนอก วัยรุ่นแถว จ.ร้อยเอ็ดเห็นมีประสบการณ์มากมาย
"ตะกรุด" ส่วนหนึ่งท่านได้ส่งไปมอบให้ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัครใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็มีประสบการณ์อยู่เนืองๆ |
|