(0)
พระกรุเพดานโบสถ์ พิมพ์ซุ้มหยัก หลวงพ่อพ่วง ธมฺโชติก วัดกก บางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ปี 2473 เนื้อดินเผา ((พระอาจารย์ของ หลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง)) สภาพเดิมเดิม






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระกรุเพดานโบสถ์ พิมพ์ซุ้มหยัก หลวงพ่อพ่วง ธมฺโชติก วัดกก บางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ปี 2473 เนื้อดินเผา ((พระอาจารย์ของ หลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง)) สภาพเดิมเดิม
รายละเอียดขออนุญาตนำภาพและเนื้อหาเจ้าของเดิมมาเสนอ
สภาพเดิมเดิม ผิวเดิมเดิม พบเจอน้อย ไม่มีอุดไม่มีซ่อม พระดีน่าเก็บ สวยเดิม แท้ๆ ราคาไม่แพงครับ สุดยอดเรื่องประสบการณ์

เหมาะกับ คนชอบ พระดี ติดตัว อุ่นใจครับ รับประกันทุกกรณี

พระเครื่องของ หลวงพ่อพ่วง ธมฺโชติก วัดกก บางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร สุดยอดเรื่องประสบการณ์ คนพื้นที่ต่างรู้กันดี เชื่อขนมกินได้

พระดี อนาคต สดใส

ขอนำประวัติมาลงให้อ่านครับ

“หลวงพ่อพ่วง” เป็นชาว “บางขุนเทียน” เกิดที่ตำบลแสมดำ ทั้งบิดาและมารดาต่างก็ชื่อ “พุ่ม” เช่นกัน นามสกุล “พุ่มพยุง” และจากที่ “หลวงพ่อ” เป็นพระเถระที่สงบเงียบไม่ค่อยพูดจึงไม่มีใครกล้าคุยกับท่านมากนัก เพราะคิดว่าท่านดุแต่โดยแท้จริงท่านเป็นพระที่มี “เมตตามาก” คนใกล้ชิดทราบดี ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้ทราบแต่เพียงว่าท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๐ และมีน้องชายชื่อ “หลวงพ่อรอด” เพราะหลังจากอุปสมบทแล้วก็ได้รับแต่งตั้งเป็น “เจ้าอาวาสวัดแสมดำ” ชาวบ้านจึงเรียกท่านว่า “หลวงพ่อรอด” ทางด้าน “หลวงพ่อพ่วง” เมื่ออายุครบบวชก็อุปสมบทที่ วัดกก โดยมี “หลวงพ่อวัดหัวกระบือ” เป็นพระอุปัชฌาย์ “หลวงพ่อคง วัดกก” เป็นคู่สวดได้รับฉายาว่า “ธมฺโชติก” หรือ “ธรรมโชติ” หมายถึงผู้ “มีธรรมอันสว่างไสวเข้าใจธรรมได้กระจ่างแจ้ง” หลังจากอุปสมบทแล้วท่านได้ศึกษาทาง “วิปัสสนา” กับ “หลวงพ่อคง” และพระอุปัชฌาย์ของท่านที่ “วัดหัวกระบือ” อยู่หลายพรรษาจึงออก “ธุดงค์” ไปแสวงหาความสงบวิเวกเป็นการทดสอบ “พลังจิต” และฝึกฝนวิชาการต่าง ๆ ที่ได้ศึกษามา และยังได้ศึกษาสรรพวิชาต่างๆ จากพระอาจารย์อีกหลายองค์ เนื่องจากไม่ได้บันทึกไว้จึงทำให้ไม่ทราบแน่ชัดว่าท่านได้เดินทางไปศึกษากับ พระอาจารย์ท่านใดบ้าง

หลวงพ่อพ่วงท่านออกธุดงค์แต่ละครั้งไปใน สถานที่ไกลๆ เป็นเวลานานๆ จนท่านได้ทราบข่าวว่าหลวงพ่อคงท่านมรณภาพลง จึงได้กลับมาอยู่ที่วัดกก ซึ่งในตอนนั้นหลวงพ่อดิษ เป็นเจ้าอาวาสปกครองอยู่ ต่อมาอีกไม่นานนักหลวงพ่อดิษท่านก็ลาสิกขาบทออกไป ชาวบ้านและกรรมการวัด เห็นพ้องต้องกันว่าหลวงพ่อพ่วงท่านเป็นพระที่ชาวบ้านเคารพเลื่อมใส และศรัทธาในตัวท่านมาก จึงได้พร้อมใจกันอาราธนาท่านรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกกสืบแทน หลังจากท่านได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสแล้วท่านก็ได้พัฒนาวัดกกให้มีความเจริญ รุ่งเรืองสืบมาจนทุกวันนี้

เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ในวัตถุมงคลของ หลวงปู่พ่วง นั้นเป็นที่กล่าวขานกันมากในสมัยนั้นถึงเรื่องมหาอุดคงกระพัน และโดยเฉพาะทางด้านเมตตามหานิยม หลวงพ่อพ่วงวัดกกท่านนี้ยังเป็นพระกรรมวาจาจารย์ของหลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง และหลวงพ่อไปล่ยังได้ไปเรียนวิชาจากหลวงพ่อพ่วงอีกด้วย ขนาดหลวงปู่เอี่ยม วัดหนังยังยกย่องว่า "พระอุปัชฌาย์พ่วง วัดกก องค์นี้แหละท่านเก่งจริงๆ"

วัตถุมงคลหลวงพ่อพ่วง วัดกก ท่านได้สร้างไว้มีหลายอย่าง เช่นในสมัยแรกๆ ท่านได้สร้างตะกรุด ลูกอม ผ้ายันต์แจกให้แก่ศิษย์ไว้คุ้มครองตัว ต่อมาในปี พ.ศ.2470 ท่านได้สร้างพระเนื้อผงใบลานเป็นพระพิมพ์สมาธินั่งบัว ปัจจุบันไม่ค่อยพบเห็น พระเครื่องเนื้อดินเผาผสมผงมวลสาร สร้างในปี พ.ศ.2473 ซึ่งมีทั้งหมด 24 พิมพ์ทรง และในปี พ.ศ.2478 ท่านได้สร้างพระเหรียญหล่อเนื้อเมฆพัด เป็นรูปท่านนั่ง มีทั้งแบบรูปไข่และทรงกลม ปัจจุบันหาได้ยากมาก สนนราคาสูงมากเช่นกัน

นายเยื้อน บุญฟัก อายุ ๘๑ ปี เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า คราวหนึ่งคุณแม่ของแกเองชื่อนางแปลก ป่วยหนักจึงนำตัวไปรักษาที่ “บ้านหมอไหม” ย่านบางมดนานหลายวันอาการกลับ “ทรุดลง” ไม่ดีขึ้นเลยวันหนึ่ง “นายเยื้อน” เดินผ่านกุฏิ “หลวงปู่พ่วง” ท่านเห็นจึงเรียกให้ขึ้นไปหาแล้วบอกว่า “ต้องเปลี่ยนหมอที่รักษาคุณแม่ใหม่แล้วจะหาย ไม่เช่นนั้นแม่แกตายแน่” เมื่อได้ยินเช่นนั้น “นายเยื้อน” รีบไปรับ “คุณแม่” จากบ้าน “หมอไหม” โดยอุ้มลงเรือพาไปหา “หมออ่ำ ปากคลองบางกระแนะ” ซึ่งพอไปถึง “หมออ่ำ” ก็ทำการรักษาไม่นานอาการก็ “ดีขึ้น” กระทั่งหายเป็นปกติตั้งแต่นั้นมา “นายเยื้อน” จึงเพิ่มความเคารพนับถือ “หลวงพ่อพ่วง” มากขึ้นมักบอกใครต่อใครว่า “หลวงพ่อพ่วงท่านแน่จริงไม่ต้องถามอะไรเลย ท่านก็ล่วงรู้ได้แจ่มแจ้งเหมือนตาเห็นแสดงว่าญาณของท่านสูงยิ่งนัก” ต่อมาทางคณะสงฆ์พิจารณาเห็นว่า “หลวงพ่อพ่วง” เป็นพระเถระที่ชาวบ้านเคารพนับถือและมีศีลาจารวัตรดียิ่ง สามารถปกครองพระให้มีระเบียบเรียบร้อย จึงแต่งตั้งให้เป็น “พระอุปัชฌาย์พ่วง” เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๐ ซึ่ง ขณะนั้นท่านมีพรรษาได้เพียง ๒๐ พรรษาเท่านั้นเพราะสมัยนั้นพระอุปัชฌาย์ มิใช่จะตั้งกันได้ง่าย ๆ เพราะช่วงนั้นบางขุนเทียน มีเพียงรูปเดียวคือ “หลวงปู่เอี่ยม” หรือ “เจ้าคุณเฒ่าวัดหนัง” ต่อมาจึงมี “หลวงพ่อพ่วง” เพิ่มอีกเป็น ๒ รูป ดังนั้นสมัยที่ “หลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง” ทำการบวชก็มี “หลวงพ่อ” เป็นพระกรรมวาจาจารย์และหลังบวชแล้ว ก็ได้ศึกษาทางด้านวิปัสสนาและพุทธาคมจาก “หลวงพ่อพ่วง วัดกก”

อีกเรื่องที่ต้องเล่าให้ฟังคือ “พระอรุณ อรุโณ” สมัยเด็กก็บวชอยู่ที่ “วัดกก” จึงได้เป็น “ลูกศิษย์” ของ “หลวงพ่อพ่วง” เล่าว่า “หลวงพ่อพ่วงเป็นพระที่เคร่งมาก ไม่เคยจับเงินเลย ใครถวายท่านก็ให้ศิษย์เก็บเอาไว้ไม่แตะต้องทั้งสิ้น มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านไปสวดมนต์ฉันเพลที่บ้านญาติโยมซึ่งเอาเรือมารับ พอท่านลงจากกุฏิไปแล้วลูกศิษย์ก็ออกจากกุฏิใส่กุญแจ ซึ่งกุญแจนั้นสามารถกดเข้าไปก็ล็อกได้แต่วันนั้นเมื่อล็อกแล้ว ปรากฏว่าลืมลูกกุญแจไว้ในกุฏิ ดังนั้นเมื่อ “หลวงพ่อพ่วง” กลับจากกิจนิมนต์จึงเข้ากุฏิไม่ได้แต่ท่านก็มิได้ว่ากล่าวใด ๆ สั่งให้ลูกศิษย์ไปหิ้วของที่ท่าน้ำครั้นลูกศิษย์กลับมาก็พบว่า “หลวงพ่อ” เข้าไปอยู่ในกุฏิแล้วโดยที่ประตูกุฏิยังคงปิดอยู่เช่นเดิม ซึ่งเรื่องนี้สร้างความสงสัยให้กับ “พระอรุณ อรุโณ” เป็นอย่างยิ่งแต่ก็ไม่กล้าถามเพราะทราบดีอยู่ก่อนแล้วว่า “หลวงพ่อ” มีวิชาอาคมเข้มขลัง อีกเรื่อง “หลวงพ่อน้อม” อดีตเจ้าอาวาสวัดกกเล่าให้ผู้คนฟังขณะ หลวงพ่อพ่วง สร้าง “พระเนื้อดิน” ในปี พ.ศ. ๒๔๗๓ นั้น “นายจง พึ่งพรหม” ซึ่งเป็นช่างแกะแม่พิมพ์เดินผ่านมาหลวงพ่อจึงเรียกแล้วบอกว่า “ให้ไปดู นายตู้ พึ่งพรหม น้องชายที่บ้านซิว่ายังอยู่ดีหรือ” นายจงได้ยินจึงรีบไปดูปรากฏว่า “นายตู้” ผู้น้องชายกำลังเจ็บไข้ไม่สบายจึงกลับมาบอกหลวงพ่อซึ่งท่านก็ไม่ว่ากระไรแต่ พอวันรุ่งขึ้น “นายตู้” ก็เสียชีวิต “หลวงพ่อ” จึงได้แต่บอกว่า “เขาหมดอายุแล้ว” ซึ่งเรื่องนี้ “หลวงพ่อน้อม” เล่าว่าได้ยินมากับหูของท่านเองจึงแสดงว่า “หลวงพ่อพ่วง” มีญาณวิเศษหยั่งรู้กาลชะตาของคนอื่นได้เหมือนตาเห็นนอกจากนี้ “พระอรุณ อรุโณ” ยังพูดถึงมงคลวัตถุของหลวงพ่อพ่วงว่า “พระเนื้อดินเผา” ของ หลวงพ่อพ่วง วัดกก มีพุทธคุณเยี่ยมมีคนได้รับประสบการณ์กันมากมายนับไม่ถ้วน

“คุณปู่เยื้อน บุญฟัก” เป็นอีกผู้หนึ่งที่รู้เห็นเรื่องอภินิหารของ “หลวงพ่อพ่วง วัดกก” โดยได้เล่าให้ผู้ใกล้ชิดฟังว่า “คราวหนึ่งหลวงพ่อพ่วง” ไปงานสวดสดับปกรณ์ครั้นสวดจบในหลวง “รัชกาลที่ ๕” ทรงถวายเงินที่ห่อด้วยผ้าให้ท่านโดยที่ หลวงพ่อพ่วง ไม่รู้ว่าในห่อผ้านั้นเป็นเงินจึงไปหยิบ แต่เมื่อมารู้ภายหลังท่านรีบยกเงินห่อนั้นให้ “ปู่เยื้อน” ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเด็กและคอยติดตามหลวงพ่อไปในทุกงานรับกิจนิมนต์ พร้อมทั้งยกย่องหลวงพ่อว่าเป็นผู้ไม่ติดในโทสะ เพราะท่านไม่เคยโกรธหรือดุด่าว่าใครแต่ท่านมีตบะแรงกล้าคนเห็นจึงเกรงกลัว แม้แต่รสอาหารท่านก็ไม่หลงเพราะตลอดชีวิตสมณะของท่านเอาแต่ “ฉันเจ” กระทั่งมรณภาพเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ทิ้งไว้แต่อนุสรณ์แห่งคุณงามความดีและพระเครื่องอันเข้มขลังไว้ช่วยเหลือผู้ เลื่อมใสศรัทธาต่อไป จึงนับเป็นโอกาสอันดียิ่งของท่านผู้อ่านที่สนใจมี “ของดี” ขณะที่ยังไม่มีใครสนใจราคาก็ไม่สูงนัก

ขอขอบคุณเจ้าของข้อมูลเป็นอย่างยิ่ง

********* รายการนี้ เว็บจีพระ ไม่มีข้อมูล ออกบัตรรับรองไม่ได้นะครับ ไม่มีส่วนลดครับ *********
ราคาเปิดประมูล300 บาท
ราคาปัจจุบัน400 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 05 พ.ค. 2560 - 23:32:50 น.
วันปิดประมูล - 07 พ.ค. 2560 - 10:19:55 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลmagino10 (933)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     400 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Tawatchai_benja (2.8K)(2)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1