(0)
(เริ่มต้นที่9บาท )พระพิจิตร เม็ดข้าวเม่า เนื้อชินเขียว แขนกลม (หายาก) เลี่ยมกระเช้าเดิมๆ






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง(เริ่มต้นที่9บาท )พระพิจิตร เม็ดข้าวเม่า เนื้อชินเขียว แขนกลม (หายาก) เลี่ยมกระเช้าเดิมๆ
รายละเอียดพระพิจิตร เม็ดข้าวเม่า เนื้อชินเขียว แขนกลม เเท้ดูง่าย

พระพิจิตร "เม็ดข้าวเม่า" นับเป็นพระเครื่องขนาดจิ๋วชั้นนำที่สุดของเมืองพิจิตร ที่นิยมกันมากได้แก่กรุ "วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ" ซึ่งคนร้ายได้ลอบเข้าไปเปิดกรุ (ประมาณ พ.ศ. 2455) มาก่อนนานแล้ว และต่อมา พ.ศ. 2492 ก็ได้มีคนร้ายอีกกลุ่มหนึ่งลอบขุดกรุพระในเจดีย์อีก ได้พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่ารวมทั้งพระพิมพ์อื่นๆ อีกมาก เรื่องราวของพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่านี้ยังมีของกรุ "วัดท่าฉนวน" ก็เยี่ยมมาก กับของ "วัดเขมาภิรตาราม" ก็มี
พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าได้มีผู้ ขุดพบกันอีกมากมายหลายกรุ ที่วัดช้างในบริเวณเมืองพิจิตรเก่า และที่ "วัดโพธิ์ประทับช้าง" ก็เคยมีผู้พบเห็นเช่นกัน
"พระพิจิตรเม็ด ข้าวเม่า" เป็นพระเครื่องที่มีลักษณะที่คล้ายกับเม็ดข้าวเม่ามาก จึงเรียกว่า "พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า" มีขนาดตั้งแต่ 4X6 ม.ม. จนถึงขนาด 7X9 ม.ม. ลักษณะบางองค์ปลายเกือบแหลมก็มี บางองค์ทรงรีหัวท้ายมนเกือบจะเป็นทรงกลมเอาเลยก็เรียกว่าพระพิจิตรเม็ดข้าว เม่าเช่นเดียวกัน
พระพิมพ์นี้ให้พิมพ์ไว้แต่ละวัดไม่เหมือนกัน เช่นทำเป็นพิมพ์พระนั่งปางสมาธิและปางมารวิชัยก็มี แต่หายาก ฐานประทับมีทั้งแบบฐานเดียวก็มี 2 ชั้นก็มี หรือไม่มีฐานเลยก็มี โดยเฉพาะพระเกศมีทั้งแบบเกศคดเกศบิดและเกศตรง มีทั้งศิลปสุโขทัย อู่ทอง และอยุธยา ซึ่งมีอายุกว่า 600 ปีขึ้นไปแล้ว
"พระพิจิตรเม็ดข้าว เม่า" มีสร้างไว้ทั้งชนิด "เนื้อชินเงิน" (นิยมกันมาก) และ "เนื้อชินเขียว" สนิมไขขาวขึ้นเป็นชั้นๆ กับชนิดที่เป็น "เนื้อตะกั่วปนชิน" (สนิมไขขาวสลับแดง) ก็มีด้วยเช่นกัน และที่สำคัญที่สุดก็คือ ด้านหลังพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าทุกองค์จะต้องปรากฏลายผ้าทุกองค์
พุทธคุณดีทางด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ซึ่งมีประสบการณ์กันมามากรายแล้วครับ



◎ปาฏิหาริย์พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า◎ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ในเรือนจำมหันตโทษที่เรียกกันว่า''บางขวาง''ในสมัยนั้นกล่าวได้ว่าเป็นที่ ตั้งของนรกบนแผ่นดินโดยแท้หน้าร้อนเหมือนถูกไฟนรกผลาญ หน้าฝนก็อับชื้นจนเกิดโรคร้ายโดยเฉพาะวัณโรคและโรคหลอดลมเรื้อรัง หน้าหนาวก็หนาวสุดแสน ผ้าห่มไม่เพียงพอ ยิ่งในตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยแล้วแม้แต่เสื้อผ้าที่ใส่ก็ขาดวิ่นปุปะ อาศัยเพียงเพื่อปิดขอสงวนเท่านั้น

ทุกคนอยู่ด้วยกันด้วยความอดทนเพราะไม่รู้ว่าจะไปเรียกร้องกับใครในเมื่อเป็น นักโทษคดีอาญาที่ศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่ 20 ปีบางคนก็ตลอดชีวิต บางรายก็ต้องโทษถึงประหารหลายคนทูลเกล้าถวายฎีกาเพื่อให้ทรงมีพระมหา กรุณาธิคุณต่อสัตว์ผู้ยาก ลดโทษจากประหารมาเหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิตทุกคนที่ทูลเกล้าฯถวายฎีกาต่าง นั่งรอความหวัง

สิ่งที่มนุษย์รักมากที่สุดในชีวิตคือชีวิตของตัวเองการได้มีลมหายใจต่อไป แม้จะเป็นจำคุกตลอดชีวิตก็ยังมีความหวังว่าหากทำดีไปเรื่อยๆ อาจได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นให้ลดโทษเหลือ 20 ปีหรือลดโทษตามขั้นตอนและอาจพ้นโทษเร็วขึ้น

ไพฑูรย์บอกว่าปืนกลแบลคมันน์ไม่เคยว่างเว้นจากการประหารยิ่งตอนที่การเมือง ยุ่งวุ่นวายมีการก่อรัฐประหารเหมือนกับที่ลิเกคณะหอมหวนเล่นโดยตัวโกงที่ถูก ฝ่ายพระเอกคุมตัวไว้ได้ก็จะชี้หน้าพระเอกแล้วบอกว่า

''ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร''

ขบถ ณ เณร เป็นขบถที่มีผู้ต้องหาถูกพิพากษาประหารชีวิตมากที่สุดฎีกาที่ทูลเกล้าขึ้นไป ตกหมดเป็นการกวาดล้างศัตรูทางการเมืองของคุณหลวง ป.พิบูลสงครามนายกรัฐมนตรีที่ครองอำนาจนานที่สุดมีคนรักและเกลียดปานกัน

ห้วงเวลานั้นหลักประหารมีผู้มาสังเวยชีวิตถี่ที่สุดผู้ที่รอประหารไม่มีวัน ได้รู้เลยว่าชีวิตจะสิ้นเมื่อใดจะรู้ก็ต่อเมื่อมีผู้คุมแดนมาเบิกตัวพาไปยัง ตึกบัญชาการโดยหลอกว่าให้ไปฟังฎีกา

พอไปถึงผู้บัญชาการเรือนจำก็จะอ่านคำพิพากษาประหารชีวิตให้ฟังเมื่ออ่านจบแล้วก็ให้นักโทษประหารลงนามรับทราบ

จากนั้นให้คุมตัวไปยังห้องพิเศษที่นั่นจะมีสำหรับอาหารคาวหวานที่เป็นเมนู พิเศษต่างจากข้าวแดงแกงฟักให้นักโทษกินเป็นมื้อสุดท้ายแต่ร้อยละ 90 จะกินไม่ลงหรือกินได้ไม่กี่คำเท่านั้นเมื่อเสร็จจากการกินอาหารแล้วจะเปิด โอกาสให้นักโทษประหารเขียนจดหมายสั่งเสียฉบับสุดท้ายรวมทั้งการมอบทรัพย์สิน ให้กับญาติ

เมื่อเสร็จขั้นตอนแล้วจะนิมนต์พระมาเทศนาโปรดเป็นครั้งสุดท้ายเนื้อความใน เทศนาเป็นการให้กำลังใจแก่นักโทษประหารให้ทำจิตให้เบิกบานสงบเพราะการเกิด แก่เจ็บตายเป็นกฎธรรมดาของโลกเกิดมาแล้วไม่มีใครไม่ตายแม้แต่สมเด็จพระบรม ศาสดาก็ทรงเสด็จดับขันปรินิพพานขอให้นักโทษนึกถึงความดีที่ได้เคยทำไว้ให้ แน่วแน่ติดอยู่กับกรรมดีจนวาระสุดท้ายก็จะมีสุคติภพเป็นที่ตั้ง

ฟังเทศนาจบแล้วก็ถวายดอกไม้ธูปเทียนให้กับพระผู้แสดงธรรมจากนั้นก็ถูกควบคุมตัวจากตึกบัญชาการไปยังแดนประหาร
ไพฑูรย์ในฐานะพี่เลี้ยงและช่วยราชการในเรือนจำเล่าว่าน้อยคนนักที่จะเดินไปสู่หลักประหารด้วยตัวเอง

เสือร้ายปล้นฆ่าข่มขืนใจทมิฬหินชาติเดินไม่เป็นทุกรายเจ้าหน้าที่ต้องพยุง ให้นั่งบนรถเข็นเข้าไปยังแดนประหารหลายคนฉี่ราดด้วยความกลัวตายแต่ไม่นึกถึง เวลาที่ตัวเองปล้นฆ่าข่มขืนผู้อื่นว่าเป็นกรรมหนักพวกที่ตัวเองฆ่าล้วนรัก ชีวิตของตนหลายคนยกมือไหว้ขอชีวิตแต่ไม่ได้รับความเมตตา

นักโทษรายหนึ่งถึงกับเป็นลมหมดสติต้องเข้ามาช่วยกันแก้ไขต้องยืดเวลาประหาร ออกไปจนรู้สึกตัวดีแล้วจึงนำเข้าหลักประหารเพราะตามกฎการประหารนักโทษประหาร จะต้องมีสติครบถ้วน
ในขณะประหารร่างกายของนักโทษประหารจะถูกปิดตาด้วยผ้า โดยมีสำลีเป็นก้อนๆยัดเข้าไว้ที่กระบอกตาก่อนเอาผ้ามาพันทับมัดด้านหลังจนแน่น

ร่างของนักโทษจะถูกอุ้มให้หันหน้าเข้าหลักประหารด้านหลังหันให้กับปากกระบอก ปืนแบล็กมันน์ ด้านล่างที่ก้นจะเป็นแป้นไม้ปรับระดับสูงต่ำได้เพื่อให้พอเหมาะกับขานักโทษ ประหารที่นั่งแล้วขาจะเหยียบพื้นได้ถนัดมือสองข้างยื่นไปข้างหน้ามีที่รอง ข้อศอกเพื่อให้มือที่ถูกมัด พนมมือได้ชูขึ้นในลักษณะชูดอกไม้กำขึ้นบูชาพระธาตุจุฬามณีเหมือนกับการมัด ตราสังศพ

แพทย์จะเข้ามาตรวจร่างกายนักโทษประหารอีกครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจดูความ เรียบร้อยของหลักประหารแล้วจึงเดินกลับออกมา ม่านจะถูกปิด เจ้าพนักงานจัดเป้าจะเข้าทำหน้าที่ในการเปิดม่านเข้าไปดูความสูงของแผ่นหลัง นักโทษประหารกับเป้าตาวัวที่ติดไว้บนม่านด้านนอก ปรับให้ตรงกันโดยเลื่อนเป้าขึ้นลงจากนั้นก็เดินออกมา

เพชฌฆาตจะเดินออกมาประจำปืนเจ้าพนักงานตรวจสอบแหนบใส่กระสุนว่าเป็นกระสุน จริงจำนวนนัดตรงกับที่ใช้ในการยิง เพรชฆาตจะปรับศูนย์ปืนให้ตรงกับเป้าตาวัวเมื่อเรียบร้อยแล้วจะขึ้นลำให้ กระสุนนัดแรกเข้าไปอยู่ในรังเพลิง จากนั้นก็ส่งสัญญาณไปยังพนักงานให้สัญญาณธง

ก่อนการยิงนัดแรกพนักงานจะถือธงแดงไว้เพื่อแสดงว่ายังอยู่ในขั้นตอนการตรวจ สอบ เพรชฆาตส่งสัญญาณพร้อมพนักงานจะเปลี่ยนมาถือธงสีเขียวให้เห็นเมื่อทุกอย่าง พร้อมธงสีเขียวจะโบกสะบัดจากบนลงล่างเพชฌฆาตจะเข้าประจำที่ก้มลงมองศูนย์ แล้วเหนี่ยวไกปล่อยกระสุนชุดแรกออกไปจนหมดแหนบกระสุน

สิ้นเสียงปืนพนักงานจะเปิดม่าน แพทย์จะเข้าไปตรวจชีพจรนักโทษประหารว่าสิ้นใจหรือยังถ้ายังไม่สิ้นใจจะกลับ เข้ามาส่งสัญญาณให้ยิงซ้ำแหนบกระสุนจะถูกใส่เข้าไปใหม่เพื่อยิงซ้ำทำการยิง แบบเซมิออโตคือยิงทีละนัด

เมื่อหมดกระสุนพนักงานเปิดม่านแพทย์เข้าไปตรวจอีกครั้งคราวนี้ไม่รอดศพจะถูก แก้มัดเอาไปใส่ในโลงที่เตรียมไว้ นำออกไปเก็บไว้ที่วัดบางแพรกใต้ทางประตูเล็กที่เรียกว่า''ประตูผีออก''รอ ญาติมารับต่อไป

ที่ไพฑูรย์ยกย่องว่าเป็นผู้มีน้ำใจอันกล้าหาญสมกับเป็นนายทหารคือ ร้อยโท ณ เณร ที่ไม่ให้ผูกตา ขออย่าให้เหนี่ยวไกจนกว่าเจ้าตัวจะนับ 1 ถึง 3 ไพฑูรย์บอกว่ารู้สึกขนลุกเพราะเมื่อเป็นพี่เลี้ยงนักโทษประหารนั้นคุ้นเคย กันมากมีอาหารดีๆบุหรี่สูบก็ได้ส่วนแบ่งไม่ถือตัวเป็นกันเองตลอดเวลาร้อยโท นัก ณ เณรนับ 1 2 3 ด้วยเสียงอันดังไม่แหบพร่าหรือประหม่าดุจนายทหารที่นับจำนวนพลทหาร สิ้นเสียงคำว่า 3 ปืนกลก็รัวสนั่น ร้อยโท ณ เณร สิ้นลมในกระสุนชุดแรกนั้นเอง

มีนักโทษประหารอยู่รายหนึ่งถูกยิงชุดแรกแต่กระสุนไม่เข้าทางผู้ดำเนินการ ประหารจึงบอกให้ไพฑูรย์ไปเจรจาไพฑูรย์พูดกับว่านักโทษคนนั้นว่า

''เราต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิตหมายความว่าดวงชะตาขาดแล้วฝืนไม่ได้ประหาร ด้วยปืนไม่ตายทางกรมราชทัณฑ์ก็มีวิธีอื่นใช้ประหารแทนอย่างไรก็ต้องตายมี อะไรก็ทิ้งเสียเราหวังดีจึงมาเตือน''

นักโทษคนนั้นพยักหน้าขยับปากไปมาแล้วใช้ลิ้นดุนพระเครื่ององค์จิ๋วน่าจะเป็น พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าออกมาจากปากมองเห็นว่าหล่นลงไปที่พื้น(หลังประหารแล้ว เจ้าพนักงานไปหากันจนแทบตาถลนแต่ก็ไม่เจอไม่รู้ว่าหายไปไหน)หลังจากคายพระ ออกแล้วก็ตายในกระสุนชุดที่ 2 ที่ยิงใส่

พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าเป็นพระที่พบในกรุพระจังหวัดพิจิตรด้านหน้าเป็นพระ พุทธประทับนั่งสมาธิพระเกศยาวคดไปด้านข้างด้านหลังเป็นลายผ้าขนาดเล็กเท่า กับเม็ดข้าวเม่าที่ผ่านการตำแล้วบางมากส่วนมากจะใช้อมในปากเพื่อความคง กระพันชาตรีมีบางคนถึงกับผ่าต้นแขนแล้วฝังพระเข้าไปด้านใน เวลาตายลูกหลานต้องผ่าแขนเอาพระออกมาเพื่อครอบครองต่อไป

ปาฏิหาริย์พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าไพฑูรย์ได้ยินอาเล่ามากับหูเมื่อแหกคุกออก ไปตามที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าเสือไพฑูรย์แหกคุกจะไปฆ่าเมีย ฝากบอกตำรวจไม่ต้องตามงานสำเร็จแล้วจะมามอบตัวเอง

ไพฑูรย์หลบไปยังพิจิตรที่นั่นมีญาติข้างบิดาไปทำไร่อยู่ที่สามง่ามจึงลงไป ซ่อนตัวกับอาโดยจัดการเปลี่ยนแปลงรูปร่างตนเองเสียใหม่ป้องกันคนจำได้

ที่สามง่ามมีมือปราบลูกทุ่งเจ้าพ่อชื่อ กำนันคง แกไม่เบียดเบียนใครแต่หากใครมาลบหลู่ศักดิ์ศรีของเป็นต้องเจอกันเคยล้มเสือ ดัดเสือร้ายแห่งสากเหล็กที่ส่งจดหมายท้าให้ไปจับ หลักจากมาอาละวาดปล้นควายจากสามง่ามไปขายจนลูกบ้านของกำนันคงเดือดร้อน

กำนันคงมีของดีจากสางพ่อคือพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าที่ผ่าออกมาจากต้นแขน สางพ่อทำความสะอาดแล้วก็เอามาฝังที่ต้นแขนตัวเองปราบโจรผู้ร้ายมามากจนเป็น ที่ย่นระย่อของเสือร้ายทั่วไป

กำนันคงก็ใจถึงสั่งความไปยังเสือดัดให้นัดวันเวลามายิงกันได้เลยเมื่อกำหนด วันแล้วกำนันคงก็เดินทางไปยังจุดนัดพบที่เอวยังมีตะกรุดหลวงพ่อโพ วัดวังหมาเน่า คาดเอวอยู่ดอกหนึ่ง ปืนที่ใช้ได้ไปขอบารมีหลวงพ่อเดิมลงปากกระบอกให้

(มือปราบยุคโน้นนิยมเอาปืนไปให้หลวงพ่อเดิมลงปากกระบอกให้)เชื่อกันว่าจะเปิดเครื่องรางของขลังของฝ่ายโจรได้

อาของไพฑูรย์เล่าว่ากำนันคงกับอานั้นเป็นเพื่อนสนิทกันมากเคยต่อสู้แบบหัน หลังชนกันมาแล้ว ได้มาชวนอาไปด้วยกันสองคนส่วนเสือดัดมากับลูกน้องคนสนิทเมื่อเผชิญหน้ากัน แล้วก็ไม่มีอะไรมากยืนหันหน้าเข้าหากันแล้วเดินเข้าส่องปืนใส่กันทันทีไม่ ต้องมานับให้เสียเวลา เหนี่ยวไกยิงกันเลย

หนังดีทั้งคู่แต่ครั้งนี้เสือดัดล้มลงตายคาที่เพราะความชั่วที่ทำไว้
ทำให้ลูกปืนของกำนันคงแล่นทะลวงเข้าที่ปากเหมือนผีจับยัดทะลวงฟันหน้าหัก กระจุยจากนั้นจึงแฉลบทะลวงลงไปในคอคอยเข้าไปฝังในล้มตึงทั้งยืนกำนันคงโดนไป สามนัดแต่ไม่เข้าด้วยอานุภาพของพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าที่ฝังไว้ที่ต้นแขน นั่นเอง

กำนันคงให้ลูกสมุนเสือดัดจัดการศพลูกพี่แล้วเดินทางกลับนี่คือมือปราบเสือ ร้ายสมัยก่อนที่ปราบกันแบบลูกทุ่งไม่ซุ่มโป่งยิงเหมือนกับมือปราบเดี๋ยวนี้

พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า เป็นพระเครื่องชินเงิน และชินเขียว เชื่อกันว่า มีส่วนผสมของเหล็กไหล ธาตุกายสิทธิ์อยู่ด้วย พระบางองค์มีเกศที่คดโค้ง จึงเป็นที่มาของคำว่าพระพิจิตรเกศคด เอ่ยชื่อพระเครื่องชนิดนี้ไม่มีนักเลงพระคนไหน ไม่รู้จัก เพราะพระเครื่องที่มีขนาดเล็ก เท่าเเม็ดข้าวเม่านี้ มีพุทธคุณเข้มขลังมาก
เสือไท หรือพ่อหลิม 1 ใน7 ทหารเสือของเสด็จเตี่ย พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อาจารย์ของขุนพันธ์ท่านก็บูชาพระพิจีตรเม็ดข้าวเม่านี้อยู่โดยใช้เสียบไว้ ที่ซอกฟัน และพระพิจิตรนี้ก็เป็นหนึ่งในพระเครื่องที่อยู่ที่คอของขุนพันธ์เช่นกัน
เสือโน้มหรืออาจารย์โน้ม ท่า โรงช้าง ผู้ร้ายคนสำคัญแห่งเมืองพิจิตร มีความนิยมในพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าเป็นที่สุด ได้ฝังพระนี้ไว้ในตัวเองถึง5จุด จนอาวุธปืนของท่านขุนพันธ์ และตำรวจไม่สามารถ ทำอะไรเสือโน้มได้ จนต้องจับหมอโน้ม ถ่วงน้ำ

พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิจิตร

ประวัติการขุดค้นพบ พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิจิตร

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน จังหวัดพิจิตรถ้ากล่าวถึงพระเครื่องที่เป็นพระกรุพระ เก่า เราก็มักจะนึกถึงพระเครื่ององค์เล็กๆ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมากของจังหวัดนี้ เช่น พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า พระพิจิตรเขี้ยวงูและพระพิจิตรเม็ดน้อยหน่า เป็นต้น ปัจจุบันค่อนข้างหายากครับ

พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า เป็นพระเครื่องเนื้อชินเงินองค์เล็กมาก เป็นพระที่ขุดพบที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งเป็นวัดหลวงของเมืองพิจิตร สร้างในสมัยกรุงสุโขทัยตอนปลาย พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าที่พบมีอยู่หลายพิมพ์ เช่น พิมพ์แขนกลม พิมพ์แขนหักศอก และพิมพ์ไม่มีฐาน เป็นต้น นอกจากนี้ในกรุนี้ก็ยังมีพระเครื่องขนาดเล็กอีกหลายพิมพ์ เช่น พระนาคปรกพิจิตร พระพิจิตรสามเหลี่ยมหรือที่เรียกว่า พิจิตรหน้าวัง ที่เป็นเนื้อดินก็พบพระพิจิตรผงดำ เป็นต้น

พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า นี้มีสัณฐานเล็กมาก ลักษณะเป็นทรงรีๆ แบนๆ คล้ายกับข้าวเม่า จึงได้ชื่อเรียกนี้มาแต่โบราณ พุทธลักษณะของพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า เนื่องจากขนาดขององค์พระเล็กมาก จึงแสดงเป็นเส้นสายเท่านั้น แต่ก็คมชัดทุกองค์ แสดงเป็นพระเศียร พระเกศ ลำพระองค์ แสดงเป็นปางสมาธิ บนฐานหมอน และพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่านี้มักจะมีเกศเอียงไปทางขวา นักนิยมพระเครื่องในสมัยก่อนบางท่านก็จะเรียกพระพิจิตรเกศคดบ้างก็มี ด้านหลังของพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าจะเป็นลักษณะลายผ้าหยาบๆ ถ้าเป็นลายผ้าละเอียดๆ ล่ะก็น่าจะไม่ใช่ครับ สำหรับพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าเท่าที่พบมีอยู่เนื้อเดียวคือเนื้อชินเงิน บางองค์ก็พบที่แก่ตะกั่วก็มีบ้าง พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าเท่าที่พบจะบางมากไม่หนาอย่างพระทั่วๆ ไป ส่วนมากที่พบพระจะมีรอยระเบิดที่ผิวเป็นส่วนมาก หรือแตกปริตามขอบข้างเสียเป็นส่วนใหญ่ ผิวส่วนมากจะออกสีดำคล้ำๆ แบบสนิมตีนกา

พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า มีพุทธคุณเด่นทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี มีชื่อเสียงโด่งดังมาช้านาน สมัยโบราณนิยมใช้อมใส่ปากเวลาไปไหนมาไหนแบบเดียวกับพระพิจิตรเม็ดน้อยหน่า พอในยุคต่อมาก็เลี่ยมแค่จับขอบ จึงทำให้พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่านั้นชำรุดสูญหายไปมาก ปัจจุบันจึงไม่ค่อยพบเห็นพระแท้ๆ กันเลย หายากมากจริงๆ ครับ

พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า เป็นพระประเภทที่เรียกว่าจิ๋วแต่แจ๋ว พระที่พบในกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ที่มีขนาดเล็กแบบเดียวกับพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าและใช้แทนกันก็คือ พระพิจิตรสามเหลี่ยมหน้าวัง จะเป็นพระพิมพ์มารวิชัยขนาดพอๆ กับพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า พระนาคปรกกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ก็มีขนาดเล็กเช่นกัน ขนาดใกล้เคียงกับพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า และจัดเป็นพระชุดจิ๋วแต่แจ๋วของเมืองพิจิตรเช่นกันครับ แต่พระทั้งหมดทุกแบบนั้นหาของแท้ๆ ยากจริงๆ ของปลอมเลียนแบบนั้นมีมานานแล้ว เนื่องเป็นพระที่มีความนิยมมากมาแต่อดีต จึงมีพระเลียนแบบทุกยุคทุกสมัย จะเช่าหาก็ต้องระมัดระวังกันหน่อย ต้องศึกษาหรือเช่ากับผู้ที่ไว้วางใจได้เท่านั้นครับ
ราคาเปิดประมูล9 บาท
ราคาปัจจุบัน759 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 16 ม.ค. 2561 - 20:52:10 น.
วันปิดประมูล - 17 ม.ค. 2561 - 21:02:01 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลวีรสิทธิ์ (456)(1)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 17 ม.ค. 2561 - 18:37:56 น.



เเท้ดูง่าย ชินเขียวดูง่ายๆ ดูที่ประกายสีทองเก่าๆ


 
ราคาปัจจุบัน :     759 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    MrTeeAyutthaya (317)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1