(0)
ตะกรุดหล่อขนาดยาว 1 นิ้ว ((แกนหล่อกลวงเนื้อเงิน-แผ่นยันต์เนื้อเงิน)) ล.พ.เกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง 5 ธ.ค.2537 รุ่นแรก-รุ่นเดียว ((พร้อมกล่องเดิมๆ))








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องตะกรุดหล่อขนาดยาว 1 นิ้ว ((แกนหล่อกลวงเนื้อเงิน-แผ่นยันต์เนื้อเงิน)) ล.พ.เกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง 5 ธ.ค.2537 รุ่นแรก-รุ่นเดียว ((พร้อมกล่องเดิมๆ))
รายละเอียด----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

...............(((เคาะแรกแดงเลยครับ))..................
...............(((เคาะแรกแดงเลยครับ))..................
...............(((เคาะแรกแดงเลยครับ))..................

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

......ตะกรุดรุ่นนี้ นับเป็นการจัดสร้างครั้งแรกและครั้งเดียว ของ ล.พ.เกษม เขมโก......จึงถือว่าเป็นรุ่นแรก-รุ่นเดียว เท่านั้น......ตะกรุดจะครบชุดต้องมีแผ่นยันต์สำหรับนำมาม้วนห่อหุ้มแกนอีกทีครับ.....

..........การจัดสร้างตะกรุดรุ่นนี้มีด้วยกัน 3 เนื้อเท่านั้นครับ.......
..........(1) เนื้อทองคำ....มีแกนหล่อกลวงเป็นทองคำ+แผ่นยันต์บางเป็นทองคำ......
..........(2) เนื้อเงิน....มีแกนหล่อกลวงเป็นเนื้อเงิน+แผ่นยันต์บางเป็นเนื้อเงิน......
..........(3) เนื้อนวะโลหะ....มีแกนหล่อกลวงเป็นเนื้อนวะ+แผ่นยันต์บางเป็นเนื้อเงิน......(ย้ำแผ่นยันต์จะเป็นเนื้อเงินเท่านั้นนะครับ-มิใช่เนื้นวะ)

.........เนื้อทองแดงไม่มีนะครับ....จะมีเฉพาะของเก้................

.......จำนวนจัดสร้างไม่มากครับ....ผมมีโบชัวร์....แต่ยังไม่ได้ค้นหาดู.....เนื้อเงิน-ตามธรรมดาก็จะสร้างหลัดร้อยแก่ๆนั่นแหละ-คงไม่น่าจะเกิน 1000.-อันเต็มที่....

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

.....อันนี้ก็สุดท้ายแล้วที่ผมเหลืออยู่......

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

....เช่นเคย....รับประันความแท้ให้ท่านแบบไม่จำกัดเวลาเลยครับ....

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ราคาเปิดประมูล2,458 บาท
ราคาปัจจุบัน2,508 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 04 ส.ค. 2561 - 11:31:27 น.
วันปิดประมูล - 08 ส.ค. 2561 - 22:08:36 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลราษีเมถุน (3.6K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 05 ส.ค. 2561 - 19:24:52 น.



ข้อมูลเพิ่มเติม 1 ส. - 21 ก.ค. 2561 - 20:31:19 น.

....(((เล่าให้ฟังครับ))).....เมื่อปี 2538 (ขออภัยหากจำเวลาปีผิด-แต่จำได้ว่าก่อนหน้าท่านละสังขารราวๆ 3-4 วัน).....ก่อนที่ล.พ.เกษม เขมโก ท่านจะละสังขาร.....อาจารย์ฆราวาส สายทอง อยู่สุข และบรรดาศิษย์ที่มือฉมังราวๆ 5-6 คน ที่กำลังฝึกนั่งสมาธิกันอยู่พร้อมกับท่านนั้น.....เมื่อต่างถอนจิตออกจากสมาธิกันแล้ว......อาจารย์สายทอง ท่านถามพวกเราว่า....เอะ หลวงพ่อเกษม ท่านเป็นพระอยู่ที่ไหนกัน.....ด้วยความปากไว-ผมพูดว่า....อะไรกันอาจารย์ หลวงพ่อเกษม เขมโก ท่านเป็นพระดังจะตาย-ทั่วฟ้าเมืองไทยต้องรู้จักชื่อท่านแน่นอน.....อาจารย์ไปอยู่ไหนมา-ถึงไม่รู้จัก หลวงพ่อเกษม เขมโก ท่านอยู่ลำปา-ท่านดังออกจะตายครับ.......ว่าแต่มีอะไรหรืออาจารย์.......

.......อาจารย์ท่านเล่าว่า ช่วงเข้าสมาธิอยู่นั้น-ญาณท่านได้พบกับญาณของ หลวงพ่อเกษม ได้สนทนากับท่านๆโดยสรุป บอกว่า อีก 3-4 วันที่จะถึงนี้ อาตมาจะละสังขารแล้วนะ.......โยมเป็นมนุษย์หนึ่งเดียวที่เก่งกว่าพระหลายๆองค์นะ.....ขอให้พากันตั้งใจพยายามฝึกหัดกันต่อไปให้สำเร็จยิ่งขึ้น....อาตมาขออวยพรให้พากันประสบความสำเร็จ-ขอลาก่อน.......

........ในใจผมตอนแรกก็รับฟังไว้ไม่ได้คิดอะไรหรอก....แต่พอให้หลังมาอีก 3-4 วัน (จำเวลาไม่ได้แม่น) มีข่าวว่าหลวงพ่อเกษม เขมโกท่านละสังขารแล้ว......ศฺิษย์ทุกคนต่างตื่นเต้น-ว่าที่อาจารย์ท่านเล่ามาก่อนนั้นเป็นความจริง-เป็นความมั่นใจที่ทำให้ศิษย์ต่างมีกำลังใจฝึกปฏิบัติกันมาก-จนผมเป็นผมอยู่ทุกวันนี้แหละครับ....


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 05 ส.ค. 2561 - 19:26:36 น.



ข้อมูลเพิ่มเติม 1 จ. - 09 ก.ค. 2561 - 08:37:43 น.

....(((เล่าสู่กันฟังเบาๆ-ในวันหยุด)))......มานึกย้อนหลังไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา....มีเพื่อนที่ทำงานท่านหนึ่งถามผมว่า.....คุณจะมีวิธีไหนแนะนำให้ผมไปบอกภรรยาผมได้งัยบ้าง-เขาชอบให้ผมพาไปวัดโน้น วัดนี้ (เข้าใจว่าเขาคงจะทนเบื่อรับส่งมานานนะ) เพื่อไปเรียนการฝึกนั่งสมาธิ เปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่อยู่เป็นที่-แล้วก็บ่นว่าสำนักนั้น/สำนักนี้สอนนั่งสมาธิไม่ดี-คงหมายความว่าตัวภรรยาเขาไปฝึกนั่งสมาธิ/ฝึกเดินจงกรมเพื่อทำสมาธิ ณ สำนักนั้นๆแล้ว-จิตเขาไม่สามารถเข้าถึงซึ่งสมาธิได้เลย-เธอจึงกระเสือกกระสน-ให้สามีพาตะลอนเปลี่ยนไปวัดนั้นวัดนี้เรื่อยๆตามที่ได้ยินมา-เพื่อเสาะหาวัดที่ว่า สามารถที่จะสอนให้เธอฝึกจิตจนสามารถเข้าถึงซึ่งสมาธิได้จนเป็นผลสำเร็จนั่นเอง.....ต้องเหนื่อย+อดหลับอดนอนกัน-ตื่นแต่เช้ามืดเป็นหลายๆวัน.....แต่ไม่ได้ผลอะไร....เพราะก็ยังเหมือนๆเดิม....ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง.....ซึ่งผมว่าก็จะเกิดขึ้นกับผู้คนที่ดั้นด้นไปเข้าฝึกสมาธิตามวัดที่จัดเป็นรุ่นๆ/เป็นคอสร์......ผมรับรองว่า 99.99 เปอร์เซนต์ไม่เห็นผลกันหรอกครับ.....ท่านหวังว่าการที่ไปฝึกทำสมาธิกินนอนอยู่ที่วัดเพียง 6-7 วันนั้น....จะทำให้ท่านได้สมาธิเลยหรือ....เข้าใจผิดกันใหญ่แล้วครับ.....ผมว่าทางวัดเขาเจตนาให้ท่านเข้าไปเรียนรู้วิธีการที่จะเข้าถึงซึ่งสมาธิได้เท่านั้นนะครับ-ซึ่งก็มีการสอนนั่งสมาธิ-เดินจงกม......ส่วนการฝึก-ท่านต้องมาทำต่อกันเองที่บ้าน-ที่วัดนั่นเขาสอนแค่หลักการ-เพื่อให้เป็นแนวทางเคร่าๆเท่านั้นครับ....

.....ผมพิเคราะห์จากคำบอกของเพื่อนผู้เป็นสามีเธอแล้ว-เห็นว่าข้อแรก-จิตของเธอนั้นมีความตั้งใจที่มั่นคงแน่วแน่+และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะฝึกจิตเขาให้เข้าถึงซึ่งความสงบ-จนจิตเคลื่อนเข้าถึงขั้นสมาธิได้-....นับว่าเป็นทุนเดิมที่เข้มแข็งอยู่แล้ว....ไม่น่าจะเป็นการยากที่จะแนะวิธีให้เธอลองไปคิดสรุปยอดและหาหนทาง/วิธีที่จะนำไปปฏิบัติดู-อย่าทำมั่วไปทุกอย่างเสียเวลา-ไม่ได้ผลหรอก....

........โดยผมบอกให้เขาไปบอกภรรยาว่า-ผมแนะนำให้เขาลองหาข้อสรุปแยกรูปแบบของวิธีการฝึกเข้าสมาธิที่เขาได้เข้าไปเรียนจากสำนักต่างๆมา-ไม่ว่าจะเป็นวิธีเข้าสมาธิโดยวิธีการเดินจงกม/การนั่งสมาธิ/การนอนสมาธิ-ให้เห็นรูปแบบที่ชัดเจนเข้าใจง่ายดูสิว่าเขาเข้าใจว่ามันจะมีกี่วิธี-แล้วค่อยๆทดลองฝึกหาว่าแต่ละวิธีนั้น-จะมีวิธีไหนบ้างที่ถูกกับจริตเรา+และคิดว่าน่าจะเอามาใช้สำหรับตัวเอง...แล้วจงเอาวิธีนั้นมาใช้ประจำตัวเราตลอดไป......(สำหรับผมใช้วิธีกลั้นใจ-กำหนดจิต-ผ่านทะลุกลางกระหม่อมพุ่งทะลุขึ้นไปสุดๆเลยทีเดียวครับ-จนถึงความเงียบสงบ-แล้วเขาก็จะไปบานออก/แตกออกที่ข้างบนโน้น-สว่างสไวราวกับยิงพลุดอกไม้ไฟ-ไม่เสียเวลา-แค่อึดใจเดียวเท่านั้น-ไม่ต้องมาดูลมหายใจเข้าพุทธ-หายใจออกโธ/ต้องมาเดินจงกม-ยก-ย่างก้าว-วาง...)

.....ผมบอกเพื่อนว่า.....การที่ภรรยาของเขาเที่ยวตระเวนเสาะหาวิธีการทำสมาธิจากสำนักสอนต่างๆนั้น-ก็น่าจะเป็นการดี-เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้หาความรู้/ได้เห็น วิธีการถ่ายทอด/วิธีการสอนจากสำนักต่างๆ-ทำให้เกิดการเปรียบเทียบ และทำให้มีทางเลือกหลายวิธีที่จะเอามาลองฝึกดู-คิดว่าเธอก็น่าจะพบสัก 1 วิธีที่เข้าไปเรียนรู้มาจากสำนักสอนต่างๆนั้น-ในบั้นปลายเธออาจจะพบกับวิธีที่ถูกกับจริตเธอและยึดถือเอามาเป็นต้นแบบใช้ในการฝึกของตัวเองเป็นประจำก็ได้......

......ผมแนะว่าเราไปเรียนรู้วิธีการปฏิบัติจากสำนักต่างมาก็หลายสำนัก....เราต้องรู้จักหาข้อสรุปให้ได้ว่า-จุดมุ่งหมายของแต่ละสำนักนั้น-เขาต่างก็มีวิธีการถ่ายทอด/สอน-เพื่อให้จิตเราเข้าถึงสมาธิได้-มีวิธีที่แตกต่างกันอย่างไร-จะเห็นได้ว่าหลักใหญ่ๆก็คือ ทุกคำสอน/ทุกๆวิธีที่แต่ละสำนักให้ฝึกปฏิบัตินั้นต่างก็มีจุดมุ่งหมายสุดท้ายเหมือนกันคือ....เพื่อให้ผู้เข้ามาฝึกฝนได้ฝึกฝนจิตสงบรวมเป็นหนึ่งเดียว-จนจิตของเราสามารถเคลื่อนเข้าถึงซึ่งสมาธิได้ในที่สุดนั่นเอง.....

......แต่จะแตกต่างกันในวิธีการปฏิบัติที่สอนให้เดินทางไปถึงจุดสมาธินั้นได้อย่างไรเท่านั้นเอง....ซึ่งก็เป็นเทคนิคการถ่ายทอดให้แก่ศิษย์แต่ละสำนักได้เข้าใจกัน.....ไม่ว่าสำนักไหนจะมีวิธีการสอนให้นั่งภาวนาพุทโธ/สัมาอรหัง/ยุบหนอ-พองหนอ/เห็นหนอ/หรือสอนให้กำหนดจิตดูสัมผัสตามเส้นทางเดินเข้า-ออก ของลมหายใจที่ผ่านเข้าออกรูจมูกทั้งสองของเรา....หรือให้กำหนดจิต(นึกเอาเอง)เห็นอสุภะ-คือให้มองดูกายเราตั้งแต่หัวลงมา-หากถลกหนังหัวเข้าไปเห็นทีละชั้น-เห็นกะโหลก-เห็นสมอง ตามลำดับ....หรือการเดินจงกมโดยกำหนดจิตไว้ที่ปลายเท้าเมื่อย่างก้าวแต่ละก้าว-ก็ให้จิตมีสติอยู่ที่นั่นเพียงจุดเดียว-อย่าให้จิตส่าย-วอกแวก.....

.....นี่แหละครับ-คือวิธีการที่จะทำให้จิตของท่านนิ่งเป็นหนึ่งเดียวจนเคลื่อนเข้าสู่ความสงบ และเคลื่อนเข้าสู่สมาธิในที่สุด......ถ้าท่านทำจิตให้รวมอยู่ที่จุดเดียวได้จนสงบ จิตก็จะเคลื่อนเข้าสู่ความเป็นสมาธิโดยลำดับของเขาเองไปเรื่อยๆ....ต่อไปเราแค่พยุงสติเรา-โดยให้มีสติรู้ตัวเราว่าเป็นเราอยู่เสมอตามเขาเข้าไปเรื่อยๆ-อย่าเผลอปล่อยจิตให้ล่องลอย...ฝึกไปบ่อยๆ.แล้วท่านก็จะรู้ว่าจิตกับร่างกายของเราเป็นคนละส่วนกัน-สามารถแยกออกจากกันได้ครับ....จิตจะเห็นกาย-กายจะเห็นจิต...ต่างส่วนต่างเห็นกันได้......ขอพอ-ให้รู้แค่นี้ก่อนนะ......ทุกเวลานาทีที่อยู่ในสมาธิเราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลาอย่าได้เผลอไผลยินดีกับสิ่งที่ได้พบ/เห็น-ให้ใช้ปัญญาพิจารณา-บอกได้แค่นี้ครับ..

......สรุปแล้วก็คือการรวมจิตให้เป็นหนึ่งอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งจนแน่นิ่งไม่ส่ายไปที่อื่นสักพักแล้ว-จิตของเราก็จะเข้าสู่สภาวะสงบ และเคลื่อนเข้าสู่สมาธิลึกๆตามลำดับครับ.....

......เราไปเสาะหา/เรียนรู้วิธีการที่จะทำให้จิตของเราสงบ-จนเข้าถึงซึ่งสมาธิได้-จากสำนักต่างๆได้......แล้วนำเอาวิธีนั้นๆมาลองฝึกปฏิบัติที่บ้านเราก็ได้.....บางที-ผมว่าท่านไม่จำเป็นต้องไปค้างแรมที่วัดเป็นเวลานานเช่นภรรยาของเพื่อนผมที่เขามาถามผมหรอก....ฝึกเองที่บ้านเราก็ได้ครับ-ไม่จำเป็นที่จะต้องไปอยู่ที่วัดในหมู่คนที่มากมาย+มากเรื่อง....เพียงแค่-ก่อนที่ท่านจะล้มตัวลงนอนทุกครั้ง….แค่วันละ 10-30 นาที.+ความตั้งใจมั่น....ใช้เวลาราวๆ 3 เดือนน่าจะรู้ผลกันแล้วครับ......(หากท่ากินเจในช่วงเวลาที่ตั้งใจฝึกสัก 3 เดือน-ท่านก็จะประสบความสำเร็จ-สามารถเข้าถึงสมาธิได้โดยเร็ว-ผมเพิ่งมารู้วิธีทางลัดนี้ในภายหลังจากอาจารย์ฆราวาส สายทอง อยู่สุข แห่งสำนักปฎิบัติธรรม พรพระเทพ อ.บ้านนา จ.นครนายก ท่านบอกเคล็ดวิชานี้ให้)....

.......ถ้าท่านฝึกจนชำนาญคือจิตเราสามารถสงบนิ่งจน เข้า-ออก จากสมาธิได้กลับไปกลับมาจนชำนาญแล้ว.....ขั้นต่อไปท่านก็จะสนุก+อยากรู้อยากเห็นว่าในมิติใหม่ที่เราเพิ่งมาพบ/ซึ่งเป็นอีกโลกหนึ่งที่ต่างจากเรา/โลกหลังความตาย/โลกแห่งจิต-ดวงวิญญาณ-วิญญาณ-กายทิพย์-กายละเอียด-ผี (แล้วแต่สำนักไหนจะเรียกว่าอย่างไร) ที่ต่างจากเรานั้น....

.....เท่าที่ทราบมา....องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า.....วิธีที่จะฝึกจิตเราให้เข้าถึงซึ่งสมาธิได้มีอยู่ด้วยกันราวๆ 40 วิธี (ต้องขออภัยต่อท่านผู้รู้ด้วย-หากคำบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ของผมคลาดเคลื่อน-เพราะจำได้คลับคล้ายคลับคลา เท่านั้นครับ) ให้ลองเลือกไปใช้ฝึกดูว่า-วิธีไหนจะถูกกับจริตของเรา-เมื่อพบแล้ว-ก็จงใช้วิธีนั้นนั่นแหละเป็นแนวทางถือปฏิบัติในการฝึกฝนต่อไป.....แล้วท่านก็จะประสบความสำเร็จแน่นอนครับ.....

......ศาสนาพุทธของเรา....เป็นศาสนาที่ว่าด้วยเรื่องของจิต/วิญญาณ-กายทิพย์-กายละเอียด-ผี+สติแล้วจะทำให้เกิดปัญญา ครับ.....ดังนั้นตัวตนของเราที่เป็นคน/มนุษย์กันอยู่ทุกวันนี้แยกออกเป็น 2 ส่วนจากกันได้นะครับ....ส่วนแรกคือร่างกาย/กายหยาบ/กายสังขาร/ขอน แล้วแต่สำนักไหนจะเรียกว่าอย่างไร.....ส่วนที่ 2 คือส่วนที่เป็นจิต/วิญญาณ/ดวงวิญญาณ/กายทิพย์/กายละเอียด/ผี ครับ....ส่วนที่เป็นจิตนี้-ขณะที่เรามีชีวิต-ถ้าท่านฝึกสมาธิได้สำเร็จ-ก็จะสามารถแยกออกจากร่างเป็นคนละส่วนได้อย่างชัดเจน....แต่ถ้ายังฝึกสมาธิไม่ได้ถึงขั้นจิตเข้าสู่ความเป็นสมาธิได้แล้ว....ท่านก็จะแยกออกจากกายไม่ได้/ได้ยาก-เว้นแต่เมื่อจิตท่านตกใจอย่างแรงสุดขีด-เวลานั้นบางท่านจิตก็สามารถออกจากร่างได้เช่นกัน.....แต่แน่นอนที่สุดเมื่อท่านตายลงไป-ดวงจิต/จิต/ดวงวิญญาณ/กายทิพย์/กายละเอียด/ผี (แล้วแต่สำนักไหนจะเรียกว่าอย่างไร) เขาก็จะแยกออกจากร่างไปโดยธรรมชาติของเขาครับ.....

..........การฝึกสมาธิก็คือ-การที่เรามาฝึกแยกจิตออกจากร่างของเราในขณะที่เรายังไม่ตายนั่นเอง-โดยผ่านการฝึกนั่งสมาธิให้สำเร็จนี่แหละ-จะได้รู้ได้เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่ปฏิบัติก็ไม่รู้-ดั่งพุทธองค์ทรงชี้ทาง/แนะ/ไว้ให้เราแล้ว...โดยตรัสไว้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็น....ปัจจัตตังเวธิตัพโพ....เป็นสิ่งที่รู้ได้ด้วยเฉพาะตัวเอง/ต้องทำเอาเอง-จะบอกให้คนอื่นรู้+ให้เชื่อแบบที่เรารู้/เห็นมาไม่ได้-เพราะภูมิธรรมเราไม่เท่ากัน-บอก/สอนกันไปไม่รู้เรื่องแน่นอน-เผลอๆทะเลาะกันเปล่าๆ-เพราะหาว่าอีกฝ่ายที่บอกว่าบ้า/เพ้อเจ้อ-จะเกิดการเหยียดหยามเยาะเย้ย-ถากถาง-ดูแคลนกันครับ...เพราะภูมิธรรมไม่เหมือนกัน.....พุทธองค์ ถึงทรงต้องห้าม ยิ่งกับสงฆ์สาวกของพระองค์แล้ว กำหนดเป็นโทษอาบ้ติ-ปรับขั้นปาราชิก .เรียกว่าผิดศีล อวดอุตริมนุษย์ธรรม ต้องขาดจากความเป็นพระตลอดชีวิต ถ้าท่านอยากรู้ตามที่ผมบอกมา-ก็ขอให้ฝึกนั่งสมาธิกันเอาเอง-เมื่อได้แล้วท่านก็จะรู้+เข้าใจตามที่ผมว่ามากันเองนะครับ.....ผมขอเป็นกำลังใจให้กับสมาชิกทุกๆท่านที่ตั้งใจจะลองฝึกปฏิบัติสมาธิกันนะครับ.....ผมบอกได้ว่าไม่ยากเกินกว่าที่ท่านจะสามารถทำกันได้ครับ....ทุกท่านทุกคนทำกันได้.....ขอให้มีความมั่นคงในจิตเท่านั้นก็จะสำเร็จแน่นอน.....


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 05 ส.ค. 2561 - 19:28:27 น.



ข้อมูลเพิ่มเติม 1 ส. - 21 ก.ค. 2561 - 20:31:19 น.

....(((เล่าให้ฟังครับ))).....เมื่อปี 2538 (ขออภัยหากจำเวลาปีผิด-แต่จำได้ว่าก่อนหน้าท่านละสังขารราวๆ 3-4 วัน).....ก่อนที่ล.พ.เกษม เขมโก ท่านจะละสังขาร.....อาจารย์ฆราวาส สายทอง อยู่สุข และบรรดาศิษย์ที่มือฉมังราวๆ 5-6 คน ที่กำลังฝึกนั่งสมาธิกันอยู่พร้อมกับท่านนั้น.....เมื่อต่างถอนจิตออกจากสมาธิกันแล้ว......อาจารย์สายทอง ท่านถามพวกเราว่า....เอะ หลวงพ่อเกษม ท่านเป็นพระอยู่ที่ไหนกัน.....ด้วยความปากไว-ผมพูดว่า....อะไรกันอาจารย์ หลวงพ่อเกษม เขมโก ท่านเป็นพระดังจะตาย-ทั่วฟ้าเมืองไทยต้องรู้จักชื่อท่านแน่นอน.....อาจารย์ไปอยู่ไหนมา-ถึงไม่รู้จัก หลวงพ่อเกษม เขมโก ท่านอยู่ลำปา-ท่านดังออกจะตายครับ.......ว่าแต่มีอะไรหรืออาจารย์.......

.......อาจารย์ท่านเล่าว่า ช่วงเข้าสมาธิอยู่นั้น-ญาณท่านได้พบกับญาณของ หลวงพ่อเกษม ได้สนทนากับท่านๆโดยสรุป บอกว่า อีก 3-4 วันที่จะถึงนี้ อาตมาจะละสังขารแล้วนะ.......โยมเป็นมนุษย์หนึ่งเดียวที่เก่งกว่าพระหลายๆองค์นะ.....ขอให้พากันตั้งใจพยายามฝึกหัดกันต่อไปให้สำเร็จยิ่งขึ้น....อาตมาขออวยพรให้พากันประสบความสำเร็จ-ขอลาก่อน.......

........ในใจผมตอนแรกก็รับฟังไว้ไม่ได้คิดอะไรหรอก....แต่พอให้หลังมาอีก 3-4 วัน (จำเวลาไม่ได้แม่น) มีข่าวว่าหลวงพ่อเกษม เขมโกท่านละสังขารแล้ว......ศฺิษย์ทุกคนต่างตื่นเต้น-ว่าที่อาจารย์ท่านเล่ามาก่อนนั้นเป็นความจริง-เป็นความมั่นใจที่ทำให้ศิษย์ต่างมีกำลังใจฝึกปฏิบัติกันมาก-จนผมเป็นผมอยู่ทุกวันนี้แหละครับ....


ข้อมูลเพิ่มเติม 4 - 05 ส.ค. 2561 - 19:31:03 น.



อมูลเพิ่มเติม 3 อ. - 31 ก.ค. 2561 - 12:42:31 น.

.......(((ขอบอก))).......เมื่อวันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2561 ผมเดินทางไปยังสำนักปฏิบัติธรรม พรพระเทพ อ.บ้านนา จ.นครนายก ของอาจารย์ฆราวาส สายทอง อยู่สุข ก่อนวันเข้าพรรษา เนื่องจากเกรงไม่สะดวกในวันเข้าพรรษา เพื่อน้อมส่ง ญาณที่ 10 (ภาคสุดท้าย) ขององค์เทพอาจารย์ปู่พระอรหันต์เจ้าสารีบุตรเถระ (นามปู่พรพระพรหม) ขึ้นจำพรรษา ณ สวรรค์ ชั้นที่ท่านอยู่ ดังเช่นที่เคยกระทำมาทุกๆปี และเมื่อถึงคราววันออกพรรษาทุกๆปีก็จะไปเฝ้าน้อมถวายต้อนรับการกลับลงมาของท่าน ดังที่เคยกระทำเช่นนี้ทุกๆปี

........การไปครั้งนี้ ผมได้นำวัตถุมงคลพิมพ์ต่างๆที่ได้จองมาจากศูนย์พระเครื่องต่างๆ และที่ได้ร่วมประมูลเอาไปจากเพื่อนสมาชิกในเว็บจี-พระ ซึ่งก็มีวัตถุมงคลที่เป็นตะกรุด-เครื่องราง- ของขลัง-ผ้ายันต์-ตลอดจนเหรียญ และพระลอยองค์ที่เป็นรูรูปรอยของ

(1)หลวงปู่แสน แห่งวัดบ้านจิก จ.ศรีสะเกษ ที่ได้มาทั้งหมด
(2)หลวงปู่หมุน แห่งวัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ จัดสร้างโดย วัดป่าหนองหล่ม หลังจากที่ท่านละสังขาร
(3) ท่านท้าวพญาครุฑ แบบลอยองค์ และผ้ายันต์ จัดสร้างโดยวัดครุฑ จ.อยุธยา
(4) เหรียญ พิมพ์รูปไข่ 7 รอบของ ล.พ.เกษม เขมโก
(5)วัตถุมงคล และ เหรียญ ล.พ.คูณ แห่งวัดบ้านไร่
(6) วัตถุมงคล และเหรียญ ล.พ.ทอง แห่งวัดเขาพระพุทธบาท

(7) กริ่ง และเหรียญหยดน้ำ พระไพรีพินาศ/พระไพรีพ่าย
ฤทธิ์ ออกที่วัดบวร รุ่นมรดกไทย มรดกโลก ปี 2535/2536

(8) แหวนที่ฝังหัวเม็ดยาทองแดง ล.ป.หมุน วัดป่าหนองหล่มสร้าง
(9) แหวนที่ฝังหัวแหวนด้วยลอยองค์เนื้อทองแดง ล.ป.ทวด จิ๋ว(หล่นหาย) ของ ล.ป.เนียน แห่ง สนส.ต้นเลียบ
(10) ล.พ.พระใส แห่งวัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย
(11) พร้อมวัตถุมงคลของเกจิอื่นๆอีกอย่างละเล็กละน้อย

.......ไปให้........

(1) ญาณขององค์เทพอาจารย์ปู่ท่านท้าวพญาครุฑ ลงประทับร่างอาจารย์ฆราวาส สายทอง อยู่สุข เสก วัตถุมงคลในส่วนที่เป็นพิมพ์รูปรอยของท่าน คือ พญาครุฑลอยองค์ และผ้ายันต์พญาครุฑ และแผ่นแผงใส่เหรียญพญาครุฑ

(2) ญาณขององค์เทพอาจารย์ปู่หมุน (เดิมท่านคือ ล.ป.หมุน แห่งวัดบ้านจาน) ลงประทับร่างอาจารย์ฆราวาส สายทอง อยู่สุข เสกวัตถุมงคลที่เป็นรูปรอยใบหน้าท่านและที่เป็นรูปรอยท่านเต็มองค์ และวัตถุมงคลทุกๆอย่าง ทั้งที่เป็นพิมพ์รูปรอยองค์เทพ และทั้งที่เป็นพิมพ์รูปรอยของพระพุทธ-พระสงฆ์เกจิองค์อื่นๆพร้อมวัตถุมงคลที่เป็นตะกรุด และเป็นเครื่องรางของขลัง

2.1 หลังจากที่ญาณขององค์เทพอาจารย์ปู่หมุนท่านเสกเสร็จ ผมสอบถามท่านว่า ปู่ครับ บทพุทธคุณต่างๆที่ปู่เสกให้แก่วัตถุมงคลต่างๆนั้น ปู่ใช้เสกแบบเดียวกันกับที่ปู่เคยเสกเมื่อครั้งที่ปู่เป็นพระยังไม่ละสังขารหรือเปล่า ปู่ตอบว่า เหมือนกันเลย ปู่ย้ำต่ออีกว่า ปู่เสกบทเดิมๆแต่จะแรงกว่าเก่าเยอะๆ คราวนี้ปู่เสกให้หนักไปทางเอาไปทำมาค้าขายกัน แรงมากๆ ของที่ปู่เสกไปให้ครั้งนี้ใครได้ไปรับรองว่าจะซื้อง่าย-ขายคล่อง-ค้าขายได้ดีมากๆ
2.2 และผมยังสอบถามปู่ด้วยว่า ปู่รู้จัก ล.ป.แสนแห่งวัดบ้านจิก จ.ศรีสะเกษ มั้ยครับ ยังไม่ขาดคำปู่สวนขึ้นมาว่ารู้จักสิ สายเดียวกัน
2.3 สุดท้ายผมถามปู่ว่า ปู่มาครั้งนี้ยังคงสบายตัวเหมือนเดิมมั้ยครับปู่ ปู่บอกว่าสบายดี ตัวเบา โล่งดีจริงๆ ปู่ดีใจ ร่างนี้เขาเก่งนะ เขาทำได้ขนาดนี้ เขาเก่งที่เชิญปู่มา และเขาก็เชิญปู่มาเป็นทางการด้วยนะ เก่ง เขาเก่งมาก ผมกราบขอพรปู่ แล้วก็บอกกล่าวท่านไว้ว่าโอกาสต่อไปจะมาขอรบกวนขอความเมตตาจากปู่อีก ปู่บอกได้

(3) ญาณ ที่ 10 (ภาคสุดท้าย)ขององค์เทพอาจารย์ปู่พระอรหันต์เจ้าสารีบุตรเถระ(นามพรพระพรหม) ) ลงประทับร่างอาจารย์ฆราวาส สายทอง อยู่สุข

3.1เสกหนุนพลังพุทธคุณที่มีอยู่เดิมให้มีพลานุภาพแห่งพุทธคุณแน่นเต็มเปี่ยม
3.2 และเสกเสริมเพิ่มเติมบทพุทธคุณต่างๆในสมัยพุทธกาลที่ยังไม่มีให้เข้าในวัตถุมงคลทุกๆอย่าง
3.3 พร้อมเสกบทพุทธคุณกำกับป้องกันบุคคลอื่นไม่ให้สามารถดูดซับพลังพุทธคุณไปจากวัตถุมงคล ทั้งที่เป็นพิมพ์รูปรอยองค์เทพ และทั้งที่เป็นพิมพ์รูปรอบของพระพุทธ-พระสงฆ์เกจิพร้อมวัตถุมงคลที่เป็นตะกรุด และเป็นเครื่องรางของขลัง ได้


ข้อมูลเพิ่มเติม 5 - 05 ส.ค. 2561 - 19:34:24 น.

อมูลเพิ่มเติม 3 อ. - 31 ก.ค. 2561 - 12:42:31 น.

.......(((ขอบอก))).......เมื่อวันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2561 ผมเดินทางไปยังสำนักปฏิบัติธรรม พรพระเทพ อ.บ้านนา จ.นครนายก ของอาจารย์ฆราวาส สายทอง อยู่สุข ก่อนวันเข้าพรรษา เนื่องจากเกรงไม่สะดวกในวันเข้าพรรษา เพื่อน้อมส่ง ญาณที่ 10 (ภาคสุดท้าย) ขององค์เทพอาจารย์ปู่พระอรหันต์เจ้าสารีบุตรเถระ (นามปู่พรพระพรหม) ขึ้นจำพรรษา ณ สวรรค์ ชั้นที่ท่านอยู่ ดังเช่นที่เคยกระทำมาทุกๆปี และเมื่อถึงคราววันออกพรรษาทุกๆปีก็จะไปเฝ้าน้อมถวายต้อนรับการกลับลงมาของท่าน ดังที่เคยกระทำเช่นนี้ทุกๆปี

........การไปครั้งนี้ ผมได้นำวัตถุมงคลพิมพ์ต่างๆที่ได้จองมาจากศูนย์พระเครื่องต่างๆ และที่ได้ร่วมประมูลเอาไปจากเพื่อนสมาชิกในเว็บจี-พระ ซึ่งก็มีวัตถุมงคลที่เป็นตะกรุด-เครื่องราง- ของขลัง-ผ้ายันต์-ตลอดจนเหรียญ และพระลอยองค์ที่เป็นรูรูปรอยของ

(1)หลวงปู่แสน แห่งวัดบ้านจิก จ.ศรีสะเกษ ที่ได้มาทั้งหมด
(2)หลวงปู่หมุน แห่งวัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ จัดสร้างโดย วัดป่าหนองหล่ม หลังจากที่ท่านละสังขาร
(3) ท่านท้าวพญาครุฑ แบบลอยองค์ และผ้ายันต์ จัดสร้างโดยวัดครุฑ จ.อยุธยา
(4) เหรียญ พิมพ์รูปไข่ 7 รอบของ ล.พ.เกษม เขมโก
(5)วัตถุมงคล และ เหรียญ ล.พ.คูณ แห่งวัดบ้านไร่
(6) วัตถุมงคล และเหรียญ ล.พ.ทอง แห่งวัดเขาพระพุทธบาท

(7) กริ่ง และเหรียญหยดน้ำ พระไพรีพินาศ/พระไพรีพ่าย
ฤทธิ์ ออกที่วัดบวร รุ่นมรดกไทย มรดกโลก ปี 2535/2536

(8) แหวนที่ฝังหัวเม็ดยาทองแดง ล.ป.หมุน วัดป่าหนองหล่มสร้าง
(9) แหวนที่ฝังหัวแหวนด้วยลอยองค์เนื้อทองแดง ล.ป.ทวด จิ๋ว(หล่นหาย) ของ ล.ป.เนียน แห่ง สนส.ต้นเลียบ
(10) ล.พ.พระใส แห่งวัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย
(11) พร้อมวัตถุมงคลของเกจิอื่นๆอีกอย่างละเล็กละน้อย

.......ไปให้........

(1) ญาณขององค์เทพอาจารย์ปู่ท่านท้าวพญาครุฑ ลงประทับร่างอาจารย์ฆราวาส สายทอง อยู่สุข เสก วัตถุมงคลในส่วนที่เป็นพิมพ์รูปรอยของท่าน คือ พญาครุฑลอยองค์ และผ้ายันต์พญาครุฑ และแผ่นแผงใส่เหรียญพญาครุฑ

(2) ญาณขององค์เทพอาจารย์ปู่หมุน (เดิมท่านคือ ล.ป.หมุน แห่งวัดบ้านจาน) ลงประทับร่างอาจารย์ฆราวาส สายทอง อยู่สุข เสกวัตถุมงคลที่เป็นรูปรอยใบหน้าท่านและที่เป็นรูปรอยท่านเต็มองค์ และวัตถุมงคลทุกๆอย่าง ทั้งที่เป็นพิมพ์รูปรอยองค์เทพ และทั้งที่เป็นพิมพ์รูปรอยของพระพุทธ-พระสงฆ์เกจิองค์อื่นๆพร้อมวัตถุมงคลที่เป็นตะกรุด และเป็นเครื่องรางของขลัง

2.1 หลังจากที่ญาณขององค์เทพอาจารย์ปู่หมุนท่านเสกเสร็จ ผมสอบถามท่านว่า ปู่ครับ บทพุทธคุณต่างๆที่ปู่เสกให้แก่วัตถุมงคลต่างๆนั้น ปู่ใช้เสกแบบเดียวกันกับที่ปู่เคยเสกเมื่อครั้งที่ปู่เป็นพระยังไม่ละสังขารหรือเปล่า ปู่ตอบว่า เหมือนกันเลย ปู่ย้ำต่ออีกว่า ปู่เสกบทเดิมๆแต่จะแรงกว่าเก่าเยอะๆ คราวนี้ปู่เสกให้หนักไปทางเอาไปทำมาค้าขายกัน แรงมากๆ ของที่ปู่เสกไปให้ครั้งนี้ใครได้ไปรับรองว่าจะซื้อง่าย-ขายคล่อง-ค้าขายได้ดีมากๆ
2.2 และผมยังสอบถามปู่ด้วยว่า ปู่รู้จัก ล.ป.แสนแห่งวัดบ้านจิก จ.ศรีสะเกษ มั้ยครับ ยังไม่ขาดคำปู่สวนขึ้นมาว่ารู้จักสิ สายเดียวกัน
2.3 สุดท้ายผมถามปู่ว่า ปู่มาครั้งนี้ยังคงสบายตัวเหมือนเดิมมั้ยครับปู่ ปู่บอกว่าสบายดี ตัวเบา โล่งดีจริงๆ ปู่ดีใจ ร่างนี้เขาเก่งนะ เขาทำได้ขนาดนี้ เขาเก่งที่เชิญปู่มา และเขาก็เชิญปู่มาเป็นทางการด้วยนะ เก่ง เขาเก่งมาก ผมกราบขอพรปู่ แล้วก็บอกกล่าวท่านไว้ว่าโอกาสต่อไปจะมาขอรบกวนขอความเมตตาจากปู่อีก ปู่บอกได้

(3) ญาณ ที่ 10 (ภาคสุดท้าย)ขององค์เทพอาจารย์ปู่พระอรหันต์เจ้าสารีบุตรเถระ(นามพรพระพรหม) ) ลงประทับร่างอาจารย์ฆราวาส สายทอง อยู่สุข

3.1เสกหนุนพลังพุทธคุณที่มีอยู่เดิมให้มีพลานุภาพแห่งพุทธคุณแน่นเต็มเปี่ยม
3.2 และเสกเสริมเพิ่มเติมบทพุทธคุณต่างๆในสมัยพุทธกาลที่ยังไม่มีให้เข้าในวัตถุมงคลทุกๆอย่าง
3.3 พร้อมเสกบทพุทธคุณกำกับป้องกันบุคคลอื่นไม่ให้สามารถดูดซับพลังพุทธคุณไปจากวัตถุมงคล ทั้งที่เป็นพิมพ์รูปรอยองค์เทพ และทั้งที่เป็นพิมพ์รูปรอบของพระพุทธ-พระสงฆ์เกจิพร้อมวัตถุมงคลที่เป็นตะกรุด และเป็นเครื่องรางของขลัง ได้


 
ราคาปัจจุบัน :     2,508 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    chrislimvn (300)

 

Copyright ©G-PRA.COM