.
ชีวประวัติ ล.พ.สง่า วัดหนองม่วง และ วัดบ้านหม้อ
ชาติภูมิ หลวงพ่อสง่า อนุปุพฺโพ แห่งวัดบ้านหม้อจังหวัดราชบุรี มีนามเดิมว่า สง่า เวสสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2469 เป็นบุตรของนายเขี้ยมและนางเม้า เวสสุวรรณ ณ บ้านหม้อ ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี...... ชีวิตในวัยเยาว์ของท่านได้รับการศึกษาจากโรงเรียนวัดบ้านหม้อโดยมีบรรดาพระภิกษุสงฆ์ เป็นผู้อบรมสั่งสอนวิทยาวิชาการอีกทั้งบางวันยังต้องนอนค้างวัดเพื่อช่วยปรนนิบัติรับใช้ พระสงฆ์อยู่เสมอๆ ดังนั้นชีวิตของหลวงพ่อสง่าจึงอยู่ใกล้ชิดกับพระและวัดมาโดยตลอดจนกระทั่งจบชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 จึงได้ออกจากโรงเรียนมาช่วยครอบครัวทำไร่ทำนา
อุปนิสัย
ของท่านในวัยหนุ่มก็เหมือนกับวัยรุ่นส่วนใหญ่ทั่วไปที่เสร็จจากการทำงานก็มักไป เที่ยวเล่นสนุกสนานกับเพื่อนๆ ไปตามเรื่อง บางครั้งท่านก็ไปเที่ยวยังหมู่บ้านอื่นเพื่อเสาะแสวงหาความรู้ด้านคาถาอาคมจากครูอาจารย์ที่เก่งๆ แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจจนกระทั่งทราบมาว่าที่วัดไทรอารักษ์มีอาจารย์ที่เชี่ยวชาญคาถา อาคมอยู่รูปหนึ่งจึงดั้นด้นไปพบเพื่อขอเรียนวิชาแต่หลวงพ่อวัดไทรอารักษ์กลับตั้งคำถามว่า มาจากที่ใดและพอทราบว่ามาจากบ้านหม้อท่านจึงปรารภขึ้นว่า
หาหญ้ากินไกลคอกเหลือเกินนะเรา อย่าลืมหญ้าปากคอกดูบ้างว่าหญ้าปากคอกนั้นงามขนาดไหน
นายสง่าในขณะนั้นได้แต่คิดถึงถ้อยคำปริศนาที่หลวงพ่อวัดไทรฯได้พูดถึงแต่ก็คิดไม่ออก จนกระทั่งไม่นานท่านจึงไขปริศนาได้ว่าหญ้าปากคอกที่พูดถึงนั้นก็คือท่านพระครูเจ้าอาวาส วัดบ้านหม้อนั่นเองท่านจึงได้ปวารณาตัวเป็นศิษย์เพื่อเล่าเรียนวิชาอาคมนานนับปีจนมี ความรู้แคล่วคล่องในบทสวด คาถาอาคม อักขระเลขยันต์พอควร
ต่อมาในปี 2481 ท่านได้ตัดสินใจอุปสมบทที่วัดบ้านหม้อ จ.ราชบุรี ขณะมีอายุได้ 22 ปีโดยมี พระอธิการกลิ่น วัดคงคาเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เกลี้ยง วัดเฉลิมอาสน์เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์เช้งและพระอาจารย์แป๊ะ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ (สมัยนั้นใช้พระคู่สวดในพิธีกรรมถึง 3 รูป) ได้รับฉายาว่า อนุปุพฺโพ
ครั้นอุปสมบทแล้วท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดบ้านหม้อเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจนสามารถ สอบได้นักธรรมชั้นตรีและโทตามลำดับรวมถึงวิชาอาคมที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก พระอาจารย์แป๊ะ พระอาจารย์เปีย วัดบ้านหม้อและวิชาการแพทย์แผนโบราณ วิชาสมุนไพร จนกระทั่งเรียกได้ว่ามีความเชี่ยวชาญยากหาใครเทียบในเวลานั้น
ต่อมาในปี 2484 ทางวัดหนองม่วง อ.บางแพ จ.ราชบุรี ขาดพระสงฆ์ผู้นำที่จะดูแลวัด ชาวบ้านและไวยาวัจกรจึงได้พร้อมใจนิมนต์ท่านให้มาดูแลและพัฒนาวัดหนองม่วง หลวงพ่อสง่าพิจารณาดูแล้วเห็นด้วยกับเจตนาอันบริสุทธิ์ของชาวบ้านท่านจึงได้ย้ายมาอยู่ ที่วัดหนองม่วงตามคำขอและได้พัฒนาวัดให้ดีขึ้นตามที่ชาวบ้านต้องการดังที่เห็น ในปัจจุบันโดยได้ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาให้เกิดประโยชน์กับชาวบ้านอย่างสูงสุด จากนั้นจึงกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านหม้อตามเดิม
การศึกษาพุทธาคม
หลวงพ่อสง่าเริ่มศึกษาคาถาอาคมและอักขระเลขยันต์ มาตั้งแต่ตอนสมัยเป็นหนุ่ม ทั้งวิชาสักยันต์ รดน้ำมนต์ ครั้นพออุปสมบทแล้วก็ยังให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง ด้วยว่า
แม้ไม่ใช่กิจของสงฆ์แต่ก็เป็นความนิยมของคนสมัยนั้น เพื่อให้เกิดศรัทธายึดเหนี่ยวทางจิตใจ
โดยหลวงพ่อท่านได้เป็นอาจารย์สักอยู่หลายปีจนกระทั่งได้ข่าวว่าผู้ที่ท่านสักให้ส่วนมากไปกระทำชั่ว เป็นนักเลงเพราะฮึกเหิมลำพองในความคงกระพันของรอยสักที่หลวงพ่อสักให้ ท่านจึงได้เลิกพิธีกรรมการสักทั้งหมดเพราะเห็นว่าสิ่งนี้ไม่เกิดแก่นสารที่แท้จริง
เมื่อมีเวลาว่างท่านได้ไปขอต่อวิชากับหลวงปู่ดี วัดบ้านยาง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเก่งในด้านการสร้างพระปิดตามหาอุตม์ คงกระพันชาตรี, หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จ.กาญจนบุรี โดยได้รับการถ่ายทอดวิชาลบผงอิทธิเจ ปถมัง และการเขียนยันต์ 108, หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ได้วิชามหาอุตม์, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมได้ครอบครูนะเมตตาและได้รับการสอนวิชาเจริญวิปัสสนาและครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ อีกมากมาย
ปฏิปทากิตติคุณและคุณธรรมของหลวงพ่อสง่าช่างมีเมตตาธรรมสูงส่งยิ่งนัก ท่านได้พัฒนาวัดและพัฒนาคนให้รู้จักหลักการดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข สอนให้รู้จักอดทน เพียรพยายามพึ่งตนเอง เอาชนะใจตนเอง เน้นวิถีชีวิตอย่างชาวบ้าน ดังที่ท่านเน้นเสมอว่า
คนเราถ้าไม่รวยก็อย่าจน ให้มีหิริโอตัปปะ ให้มีความอดทนและเพียรพยายามจะไม่อดตาย ความจนความรวยเราไม่ได้เอามาตั้งแต่เกิด แต่เราทำตัวเราให้รวย ให้จนได้ทั้งนั้น เป็นหนี้ก็เอามาให้พระแก้ เราต้องแก้ที่ต้นเหตุคือตัวเราเอง หาได้ใช้เป็น ใช้ให้น้อย หาพอเพียงก็จะไม่จน
หลวงพ่อสง่า ราชบุรี เดิมท่านอยู่วัดหนองม่วงมานาน ประมาณ ปี 2538 ท่านมาอยู่ที่วัดบ้านหม้อ อำเภอโพธาราม ท่านมรณะเกือบ 2 ปี แล้วครับ อายุ 88 ปีเหรียญรุ่นดังของท่านคือ ปี 2511 กับ 2530 ครับ
เหรียญหลวงพ่อสง่ารุ่นแรก ออกปี 2511 เป็นเหรียญไม่มี พ.ศ ทำไปได้จำนวนหนึ่ง หลวงพ่อก็หยุด แล้วให้ช่างแก้ไขด้านหลัง ใส่พ.ศ 2511 เข้าไป
รุ่นไม่มีพ.ศ เลยมีน้อยกว่ารุ่นมี พ.ศ 2511
รุ่นนี้ พิธีเดียวกัน เหรียญส่วนใหญ่กว่า 90 % หลวงพ่อจะจารด้านหน้าเหรียญ
ทหารและตำรวจ แถวราชบุรี พบประสบการณ์ กันบ่อยๆ
ของเก๊ออกมาแล้ว เนื้อใหม่ เหรียญหนา และไม่มีจาร
เหรียญ ปี 2530 ลูกศิษย์ โดนยิงเป็นรอยเล็กน้อยหลังต้นคอ ลง น.ส.พ ท้องถิ่นนานแล้ว
หลวงพ่อสง่าท่านเป็นพระ สมถะ อยู่ง่ายๆ ไม่มีกุฎิส่วนตัว
จำวัดนอนที่ศาลาวัด โดยไม่กางมุ้ง ถามคนแถว วัดได้ครับ
ข้อคิดการสะสมพระเครื่องผมได้จากหลวงพ่อสง่าครับ
ท่านได้กรุณาสอนว่า ในสมัยก่อนคนห้อยพระองค์เดียว โดยยึดมั่นอาจารย์องค์ไหนก็องค์นั้น
เราเคยได้ยินว่าคนหนังเหนียวมีจริง เพราะเกจิท่านเก่งมาก
ท่านสร้างพระแจกด้วยใจที่บริสุทธิ์ คนที่รับพระก็เป็นคนดี วันพระเข้าวัดเข้าวา ก็เลยเสริมกัน เป็น 2แรง
แต่ปัจจุบันบางวัดหวังปัจจัยกันมาก และคนรับพระบางคนศีล 5 ก็ยังไม่ได้ ความขลังก็อาจจะทำให้สู้รุ่นเก่าไม่ได้
ท่านบอกว่าคล้องพระในคอ 3 องค์ก็พอ ชอบองค์ไหนก็ขึ้นเลย ให้นึกไว้ 2 ข้อ
1)เพื่อเป็นสิริมงคลติดตัว
และเป็นกำลังใจเมื่อต้องเดินทางไกล หรืออยู่ในที่เปลี่ยว ให้นึกว่าหลวงพ่อมาด้วย
2)ให้เตือนตนเองอยู่เสมอว่า พระอยู่กับตัว อย่าทำอะไรที่ผิด ศีล 5 ข้อเด็ดขาด
(เอ!.แล้วพวกห้อยพระเต็มคอ แล้วหลอกขายพระะคนอื่นทั้งๆที่รู้ว่าเก๊ จะว่าไงดีล่ะ)
คนเราถ้าถึงคราวตาย ก็ต้องตาย คนที่ไม่ถึงคราว ไม่คล้องพระก็ไม่ตาย หลวงพ่อท่านย้ำให้ฟัง
ครั้งหนึ่งเคยมีคนมาให้ท่านทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้ โดยบอกว่า ระยะหลังดวงไม่ดี หลวงพ่อตอบว่า ทำแล้วก็แก้ไม่หายหรอก
มันเป็นเรื่องของบุญกรรมแต่ชาติก่อน
ถ้าทำก็แค่ให้กำลังใจเท่านั้น ที่อื่นอาจจะมีการทำ แต่หลวงพ่อสง่าบอกว่าท่านจะไม่ทำเด็ดขาด
เป็นการหลอกเอาเงินเขามากกว่า ท่านชอบพูด อะไรตรงๆ
ท่านเคยบอกว่า ท่านมาบวช เพราะต้องการ ลด ละ สิ่งต่างๆ แต่บางครั้ง มาให้ตำแหน่งทางโลก เราไม่อยากได้
ถ้าหากปฎิเสธได้ก็จะปฏิเสธ (ท่านมักจะใช้คำว่าเรา)
มีพระท้องถิ่นที่คุณนับถือ1-2 องค์ และพระส่วนกลางที่เขานิยมกัน มาขึ้นคอก็โอเค
ประเภทโฆษณาหาเงินเข้ากระเป๋านักสร้างมืออาชีพ ก็ไม่ต้องไปสนใจ
ถ้าใครเคยไปกราบท่าน จะเห็นภาพที่ชินตา
หลังฉันเพล ท่านจะนั่งบนเสื่อ จารแผ่นยันต์ มอบให้วัดต่างๆ
ตั้งแต่เวลา บ่ายหนึ่งถึง สี่โมงเย็น
หลวงพ่อสง่า ท่าน มรณะ ตอนอายุได้ 88 ปี
ปัจจุบัน ร่างท่าน ทางวัด ยังบรรจุเก็บไว้ที่วัด
ท่านที่ผ่านทางราชบุรี สามารถ ไปกราบท่าน
และบูชาวัดถุมงคลของท่าน ได้ครับ มีรุ่นเก่าๆ บางรุ่นเหลืออยู่
หลวงพ่อสง่า อนุปุพโพ นามเดิม สง่า เวสสุวรรณ ถือกำเนิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2459 เป็นบุตรของนาย เขี้ยม นาง เม้า เวสสุวรรณ ที่หมู่บ้านคลองตาคต อ. โพธาราม จ.ราชบุรี
ชีวิตในวัยหนุ่ม เมือเติบใหญ่ ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ ท่านก็ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าตามวิสัยของชายชาตรีทั่วไปเหมือนชาวชนบททั้งหลายเมื่อเลร็จหน้านาแล้วก็เที่ยวสนุกสนานไปตามหมู่บ้านต่างๆแบบของชายวัยรุ่นคึกคนองบางครั้งอาจจะไปพบครูอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถด้านวิชาอาคมก็จะขอศึกษาวิชาอาคมไปด้วย แต่ท่านก็ไม่ประสพความสำเร็จเท่าไรนัก และครั้งหนึ่งมีชายในหมู่บ้านถูกทำร้ายเกือบเอาชีวิตไม่รอด และตัวท่านก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างโดยตลอด ท่านก็มาคิดดูว่าถ้าตัวของเรามีวิชาอาคมก็อาจจะช่วยชีวิตเขาได้
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านก็เดินทางไปในที่ต่างๆ เพื่อศึกษาวิชาหาความรู้จากพระเกจิชื่อดังแต่ก็ไม่เคยเลยที่จะได้สมกับความตั้งใจ ที่เรียนมาแต่ละอาจารย์ก็ได้มาเพียงนิดหน่อย
ครั้นเวลาต่อมาท่านได้เดินทางไปขอเรียนวิชากับพระเกจิอาจารย์ชื่อดังท่านหนึ่งที่บอกให้ท่านรู้ว่าท่านเป็นหลานของหลวงพ่อเกลี้ยง เจ้าอาวาสวัดบ้านหม้อ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่แก่กล้าวิชาอาคมขลังมากที่สุด แต่เป็นพระอาจารย์ที่ชอบเก็บตัว มีวิชาอะไรดีก็ไม่เคยพูดคุยอะไร แต่ท่านชอบช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยากเดือดร้อนเสมอ แม้กระทั่งการรักษาคนที่ถูกคุณไสยต่างๆ พระอาจารย์รูปนั้นยังบอกอีกว่า ท่านนี่ลืมดูของดีใกล้ตัวไปเสียแล้ว เปรียบเสมือนโค-กระบือที่ออกจากคอกได้มุ่งหน้าหาหญ้ากินที่ไกลๆ ลืมมองไปว่าบริเวณหน้าคอกของเรานั้น มีหญ้าที่อุดมสมบรูณ์ที่ดีมีคุณภาพให้รับประทานมากมาย
เมื่อท่านได้รับคำแนะนำอย่างนี้แล้วจึงรู้ว่า หลวงลุงของท่านนี้ก็แน่กว่าใครๆอีกมากนัก แม้แต่พระอาจารย์รูปนั้นที่ว่าเก่งว่าแน่ ก็ยังเป็นศิษย์ของหลวงลุงของหลวงพ่อสง่า
หลวงพ่อสง่าพออายุครบบวชแล้วท่านก็บวชที่วัดบ้านหม้อ เมื่อปี พ.ศ. 2481อุปัชฌาย์กลิ่น วัดคงคา เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อแป๊ะ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พร้อมด้วยหลวงพ่อเกลี้ยง สมัยนั้นมีพระกรรมวาจาจารย์สองรูป หลวงพ่อเช็ง เป็นอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า " อนุปุพโพ " หลวงลุงของท่านก็ส่งท่านเดินทางไปอยู่ที่วัดหนองม่วง ซึ่งสมัยนั้นแทบจะเป็นวัดร้างเพราะขาดพระสงฆ์ที่จะเป็นผู้นำดูแล ท่านจึงได้ส่งพระหลานชายมาดูแล หลวงพ่อสง่าท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสจนกระทั่งได้รับพระราชทานสมณสักดิ์ที่ " พระครูอนุรักษ์วรคุณ[/size
หลวงพ่อสง่า เริ่มศึกษาวิชา อักขระเสก เลขยันต์ คาถาอาคมตั้งแต่ตอนเป็นหนุ่มสมัยยังอยู่ที่วัดบ้านหม้อ ทั้งวิชาสักหมึก ลงน้ำมัน ตามความเชื่อถือของคนหนุ่มในสมัยนั้นเมื่อท่านบวชเรียนแล้ว ท่านก็ให้ความสนใจใฝ่ศึกษาอย่างต่อเนื่อง หลวงพ่อสง่าท่านยังกล่าวให้ฟังอีกว่า แม้ไม่ใช่กิจของสงฆ์ แต่เป็นความนิยมของชาวบ้านคนสมัยนั้น เพื่อให้เกิดความศรัทธายึดเหนี่ยวทางจิตใจ เราก็อนุเคราะห์ตามที่เราจะทำได้]
หลวงพ่อสง่า เป็นอาจารย์สักยันต์อยู่หลายปีทีเดียว ทั้งนี้เพื่อให้ชาวบ้านมีโอกาสใกล้วัดมากขึ้น ทางที่จะมุ่งเข้าสู่อบายธรรมอบรมสั่งสอนได้ง่ายยิ่งขึ้น คนที่สักยันต์จากหลวงพ่อสง่าไปแล้วเป็นคนดีก็มาก ป็นนักเลงหัวไม้ก็มี และหลังจากนั้นหลวงพ่อสง่าท่านก็เลิกพิธีกรรมทั้งหมด เพราะเห็นว่าไม่เกิดแก่นสารที่แท้จริง เป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน
สำหรับการศึกษาวิชาจากครูบาอาจารย์ต่างๆนั้น หลวงพ่อสง่าท่านกรุณาเล่าให้ฟังต่ออีกว่า อาจารย์แต่ก่อนเขาให้เราศึกษาวิธีก่อน " วิชานั้นหาง่ายแต่วิธีนี่สิหายาก " วิชาเขียนอยู่ในตำหรับตำรานั้นมีมาก แต่วิธีใช้วิธีปฏิบัติจริงต้องใช้เป็น ครูบาอาจารย์สมัยก่อนท่านจึงสอนให้รู้จักวิธีใช้วิธีทำกันก่อน วิชาอาคมที่หลวงพ่อสง่าได้เดินทางไปขอศึกษาวิชาอาคมเพิ่มเติม มีพระเกจิอาจารย์หลายรูปด้วยกัน อาทิเช่น หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม นครปฐม หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ เมืองกาญจนบุรี หลวงพ่อ แช่ม วัดตาก้อง นครปฐม พระอาจารย์เช็ง หลวงพ่อดี วัดบ้านยาง นครปฐม และครูอาจารย์อีกหลายรูป ที่ท่านได้รับการถ่ายทอดสรรพเวทวิทยาคมให้ท่านอย่างเอกอุจนสามารถมีวิชาความรู้วิธีปฏิบัติได่อย่างเชี่ยวชาญในพระเวทไม่ว่าท่านจะทำวัตถุมงคล ตะกรุด ผ้ายันต์ พระเครื่อง ล้วนมีอภินิหารประสบการณ์ทั้งสิ้นหลวงพ่อสง่าท่านได้มรณภาพ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2547 รวมสิริอายุได้ 88 ปี 18 วัน
ส่วนของวัตถุมงคลจะขอเสนอในคราวต่อไป
ขอขอบคุณ ข้อมูล จาก คุณ โสภณ มากๆครับ |
|