รายละเอียด | ท้าวเวสสุวรรณ รุ่นเจริญลาภ หลวงปู่เณรแก้ว คัมภีโร วัดป่าอุดมไพรสณฑ์ จ.ร้อยเอ็ด หมายเลข 353
ย้อนรอยตำนานบรมครู สู่ ท้าวเวสสุวรรณ รุ่น เจริญลาภ
ท้าวเวสสุวรรณ รุ่นเจริญลาภ 9 วาระ 9 พิธีพุทธาภิเษก
หลวงปู่เณรแก้ว วัดป่าอุดมไพรสนฑ์ จ. ร้อยเอ็ด
#ประวัติหลวงปู่เณรแก้ว
หลวงปู่เณรแก้ว เจ้าของตำนานนกสาริกาปากดีอันโด่งดังแม้แต่ชาวต่างชาติยังข้ามน้ำข้ามทะเลมาเสาะแสวงหาไว้บูชาติดตัวด้วยสุดยอดแห่งมหานิยมเมตตาค้าขาย แรงจริง ขลังจริง เห็นผลจริง สมดังคำล่ำลือ พ่อค้าแม่ค้าต่างมาหาวัตถุมงคลของท่านไปบูชา
พระผู้อุทิศตัวเพื่อพระพุทธศาสนา "หลวงปู่เณร คัมภีโร" ได้ดำเนินการก่อสร้างวัดขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานปฏิบัติธรรม เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแก่ลูกศิษย์ลูกหาที่เคารพศรัทธายึดมั่นในหลักแห่งคุณความดี ตามหลักศาสนาพุทธ อีกในหนึ่งเพื่อเป็นการแทนคุณบิดามารดาคุณครูบาอาจารย์ และคุณพระพุทธศาสนาวัดบ้านเกษตรทุ่งเศรษฐี ตั้งอยู่ที่หมู่ 11 บ้านเกษตร ต.โพนทอง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด เริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 สร้างด้วยแรงศรัทธาของคณะลูกศิษย์ลูกหาที่มีต่อหลวงปู่เณรอย่างแท้จริงศรัทธาธรรมที่หลั่งไหลเข้ามาดุจสายธารเป็นกำลังใจให้แก่ "หลวงปู่เณร คัมภีโร" ในการมุ่งมั่นที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาและช่วยเหลือสั่งสอนญาติโยมต่อไปได้เป็นอย่างดี แรงศรัทธาที่ท่านได้รับนั้น ได้มาด้วยความเพียรพยายามที่จะเข้าถึงพระพุทธศาสนา และความมานะอดทนในการเสาะหาศึกษาวิชาความรู้ ทั้งธรรมะ ตลอดจนวิทยาคมต่างๆ จากครูบาอาจารย์ทั่วทุกสารทิศ รวมถึงศาสตร์ที่ได้มาแบบครูพักลักจำตั้งแต่ยังเยาว์วัย ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่หลวงปู่เณรได้ศึกษาสะสมมาเพื่อใช้ให้เกิดเป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา และพุทธศาสนิกชนเสมอมา
หลวงปู่เณร คัมภีโร
สำนักสงฆ์บ้านเกษตรทุ่งเศรษฐี ตำบลแวง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด
พระปลัดเอกนรินทร์ หรือ หลวงปู่เณร คัมภีโร สำนักสงฆ์บ้านเกษตรทุ่งเศรษฐี ต.แวง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด พระเกจิแห่งแดนอีสานใต้ เป็นผู้ใฝ่หาพระเวทย์วิทยามาตั้งแต่เยาว์วัย ถูกเรียกว่า หลวงปู่เณร มาตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ พรหมลิขิตได้หักเหให้ท่านต้องออกจากบ้านตั้งแต่อายุ ๙ ขวบ เพื่อไปศึกษาปฏิบัติธรรมเรียนสรรพเวทวิชาทั้งสายพม่า-ลาว-เขมร ท่านเป็นพระหนุ่มไม่กี่รูปในเมืองไทยที่ศึกษาพระเวทย์วิทยามาอย่างเจนจบและรู้แจ้ง จัดอยู่ในประเภทมากครูมากอาจารย์ ประโยคที่ว่า ธุดงค์ไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ นั้นเหมาะสมกับตัวท่านมากที่สุด
ท่านเคยไปศึกษากับหลวงปู่คำพันธ์ วัดพระธาตุมหาชัย , หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร , พระอาจารย์คำ แห่งภูเขาควาย ประเทศลาว , เคยเรียนกรรมฐานจากหลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน , หลวงพ่อฤาษีลิงดำ , เคยไปเรียนวิชาสร้างนกคุ้มกับหลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู , เรียนวิชาสร้างหุ่นพยนต์กับอาจารย์หม่อง ชาวเขมร , หลวงพ่อเซดอร์ ประเทศพม่า , เรียนการสักยันต์ จากสำนักหลวงพ่อเปิ่น , เรียนวิชาเป่าทองเข้าหน้าผากกับหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม จ.นครปฐม ฯลฯ นอกจากนั้นท่านยังเป็นสายญาณของปู่ฤาษีตาไฟ คือมีจิตวิญญาณทิพย์ของปู่ฤาษีตาไฟประทับผ่านร่างของท่านในบางโอกาสที่เหมาะสม เพื่อโปรดลูกศิษย์ลูกหา เช่นในขณะทำพิธีครอบครูและไหว้ครู
พระฤาษีตาไฟ นี้ท่านมีฤทธิ์อำนาจแรงกล้า ถ้าหากเปิดตาที่สามขึ้นมาเมื่อใด สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าท่านอาจมอดไหม้กลายเป็นจุลภายในพริบตา โบราณจึงไม่นิยมสร้างเศียรฤาษีตาไฟให้มีตาที่สามบนหน้าผาก (เพราะแรงเกินไป บางสำนักอาจไม่ทราบความจริงข้อนี้ จึงเผลอสร้างตาที่สามเปิดอยู่ โดยไม่รู้ตัว คงคิดว่าสวยงามและดีกว่ามีสองตา โปรดระวังจะต้องอาถรรพ์ได้) พระฤาษีตาไฟข้อนข้างดุ พูดจาเสียงดัง แต่มีจิตใจเมตตา ชอบช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ชอบสร้างทานบารมี สามารถบนบานบอกกล่าวได้
เหนือสิ่งอื่นใด หลวงปู่เณรท่านปรารถนาจะให้สานุศิษย์ มีศรัทธาในพระรัตนตรัย มีการเข้าวัด ถือศีล ฟังธรรม ปฏิบัติสมาธิภาวนา เป็นต้น ผลประโยชน์จะเกิดแก่ผู้ปฏิบัติเอง แต่ถ้าใครปรารถนาจะมีวัตถุมงคล ไว้เป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิต ท่านก็ไม่ได้ห้าม
ห้ามอย่างเดียว คือ ห้ามคนชั่วไปใช้เท่านั้น
เพราะมันจะไม่เกิดผลใดๆ เลย
.
ชาติภูมิ
หลวงปู่เณร มีนามเดิมว่า เอกนรินทร์ อนันตภักดิ์ เกิดเวลาเที่ยงตรง วันอังคาร ขณะพระอาทิตย์แผดแสงแรงกล้า ของเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๓ ณ บ้านเลขที่ ๑๕๙ หมู่บ้านโนนสวรรค์ ตำบลแวง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นบุตรของนายสุนทรและนางนวล อนันตภักดิ์ มีพี่น้องร่วมอุทรเดียวกัน ๔ คน ท่านเป็นบุตรคนสุดท้อง
เมื่อครั้งเยาว์วัยเป็นเด็กที่ร่าเริง พูดจาฉาดฉาน เป็นที่รักของคนในครอบครัวและบุคคลรอบข้าง เมื่ออายุได้ ๖ ขวบ ก็เข้าเรียนตามปกติ มีวิถีชีวิตเหมือนเด็กทั่วไป พออายุได้ ๗ ขวบ (ปี ๒๕๓๐) ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ท่านล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ โยมบิดา-มารดาพยายามหาทางรักษาทั้งการแพทย์สมัยใหม่และแพทย์สมัยโบราณ ตลอดจนรักษาในทางไสยศาสตร์ อาการป่วยก็ไม่ดีขึ้น
ตราบจนกระทั่งมีพระสงฆ์รูปหนึ่งได้ผ่านมาพบ จึงบอกว่า เด็กคนนี้มีญาณของบรมครูฤาษีตาไฟคุ้มครองอยู่ ให้แต่งพานครู (ขันธ์ห้า) เพื่อรับญาณฤาษีตาไฟไว้กับตัว
สาเหตุที่ถูกเรียกว่า หลวงปู่เณร มาตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ ก็เพราะมีญาณของปู่ฤาษีตาไฟประทับผ่านร่างดังกล่าวข้างต้น เวลาที่ปู่ฤาษีตาไฟลงประทับร่าง เด็กชายเอกนรินทร์ก็จะกลายเป็นคนแก่เดินหลังโกงไปในบัดดล ญาติโยมที่พบเห็นจึงพากันเรียกว่า หลวงปู่เณร ตั้งแต่บัดนั้น
โยมบิดา-มารดา รักและห่วงใยบุตรชายคนนี้มาก บิดา-มารดาจึงได้ปฏิบัติตามคำของพระสงฆ์รูปนั้นที่แนะนำไว้ เป็นที่น่าแปลกอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง เมื่อตั้งพานครูบอกกล่าวรับญาณปู่ฤาษีตาไฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านเอกนรินทร์ในวัยเด็กก็มีอาการดีขึ้นทันที สามารถวิ่งเล่นซุกซนได้ตามปกติ แต่ที่แปลกแตกต่างไปจากเด็กคนอื่นตรงที่ว่า เด็กชายเอกนรินทร์จะมีสัมผัสพิเศษ สามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ คือชอบพูดชอบบอกญาติพี่น้องรอบข้างอยู่ตลอด ว่าจะเกิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ขึ้น และเหตุการณ์นั้นก็จะเกิดขึ้นเสมอ
นอกจากนี้ ท่านยังชอบศึกษาพระธรรม การปฏิบัติกรรมฐาน และวิทยาคมต่างๆ ถ้าว่างเมื่อไหร่มักจะไปคลุกคลีอยู่กับพระสงฆ์ตามวัดใกล้บ้าน และท่านยังได้ทำการฝึกสมาธิกรรมฐานด้วย จนจวบจนทุกวันนี้ อย่างเคร่งคัด |