ชื่อพระเครื่อง | พระหูยานพิมพ์ใหญ่หลวงปู่ถม วัดเชิงท่า เนื้อชิน หลังจาร ตอกโค๊ต |
รายละเอียด | พระหูยาน หลวงปู่ถม วัดเชิงท่า เนื้อชิน หลังจาร ตอกโค๊ต สร้างจากเนื้อชินพระกรุเก่า สวยอลังกาลคลาสสิค ครบสูตรแบบนี้หายากเคาะเดียวครับ
หลวงปู่ถม วัดเชิงท่า สายตรงสังฆราช(แพ)
หลวงปู่ถม วัดเชิงท่า
สายตรงสังฆราช(แพ)
ใครก็ตามที่ได้ไปเยือนเมืองลพบุรี บริเวณใกล้มุมเขตพระราชฐานพระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ จะได้เห็นความแปลกและความงดงามของอารามดังแห่งหนึ่ง
ที่ว่าแปลกก็เพราะโบสถ์ของอารามแห่งนี้ผิดแผกจากวัดโดยทั่วไป คือเป็น โบสถ์ขวางตะวัน และยังปรากฏสิ่งก่อสร้างเป็นศิลปะของชาวจีนปะปนอยู่นั่นคือ เก๋งจีน
วัดที่กล่าวถึงนี้คือ วัดเชิงท่าหรือ วัดท่าเกวียนในอดีต ตั้งอยู่ในท้องที่ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี ปกครองโดยพระครูโสภณธรรมรัต (หลวงปู่ถม ธัมมทีโป) อายุ 90 ปี เจ้าคณะอำเภอเมืองรูปปัจจุบัน
แม้ท่านจะมิใช่พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ก็เป็นที่ล่วงรู้ในหมู่ชาวเมืองละโว้ว่า
พระรูปนี้ไม่ธรรมดา ไม่ต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์เพราะมีดีในตัวเอง แถมมีวัตถุมงคลขลังมากด้วยประสบการณ์
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2455 หลวงปู่ถมได้ถือกำเนิดขึ้นในครอบครัวของกำนันลอย และนางเนย แห่งตระกูลสงวนวงษ์ ซึ่งเป็นชาวบ้านโพธิ์ผีไห้ (ปัจจุบันเป็นต.โพธิ์เก้าต้น) อ.เมือง จ.ลพบุรี
ในวัยเด็กได้อาศัยหัดเรียนเขียนอ่านกับผู้เป็นบิดา จนถึงปีพ.ศ.2462 ได้ไปพักอาศัยกับสามเณรแถม ที่วัดเชิงท่า ซึ่งขณะนั้นพระครูโวทานสมณคุต (หลวงพ่อรุ่ง พรหมสโร) เจ้าอาวาส ท่านได้เปิดโรงเรียนทำการสอนลูกหลานของชาวบ้านท่าหิน
ในช่วงนั้นจึงมีโอกาสเรียนหนังสือแบบเรียนเร็ว มูลบทบรรพกิจ รวมทั้งหัดอ่านเขียนหนังสือขอมด้วย และได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัด ตั้งอยู่ที่ตึกวิชาเยนทร์
ปีพ.ศ.2465 พระครูธรรมรักขิต ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาได้บวชเรียนอยู่ที่วัดสุทัศน์ กทม. ได้รับตัวไปพักอาศัยด้วย เพื่อหวังให้หลานชายได้มีความรู้ภูมิปัญญาเท่าเทียมกับเด็กในกรุง
การศึกษาในคราวนั้น สำเร็จชั้นประถมศึกษาและวิชาพิเศษที่ได้รับมาก็คือ วิชาช่างไม้
ช่วงที่พำนักในวัดสุทัศน์นั้น ได้มีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดสมเด็จพระสังราช(แพ) และพระมหาสนธิ์ (พระศรีสัจจญาณมุนี) โดยได้รับความเมตตาเอ็นดูจากท่านทั้งสองอย่างมาก
หลังจบการศึกษาที่วัดสุทัศน์ก็กลับมาช่วยครอบครัวทำนา แต่หากมีเวลาเมื่อใด ก็จะเดินทางกลับมากราบสมเด็จพระสังราช(แพ) และพระมหาสนธิ์ (พระศรีสัจจญาณมุนี) อยู่เสมอๆ
กระทั่งอายุ 20 ปี จึงเข้าอุปสมบทที่วัดโคกหม้อ โดยมีพระครูโวทานสมณคุต (หลวงพ่อรุ่ง) เจ้าอาวาสวัดเชิงท่า-วัดกวิศราราม เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการบุญ วัดโคกหม้อ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เฉย วัดเชิงท่า เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ความตั้งใจของท่านครั้งนั้น จะบวชเพื่อเอาดีทางด้านพระปริยัติและนักธรรม แต่การณ์กลับเป็นว่า ท่านต้องช่วยเหลือหลวงพ่อบุญในการซ่อมบำรุงเสนาสนะของวัดโคกหม้อ โดยอาศัยวิชาช่างไม้ที่ได้มาจากวัดสุทัศน์
ต่อมาได้มีโอกาสพบกับหลวงพ่อรุ่งพระอุปัชฌาย์ จึงขออนุญาตหลวงพ่อบุญมาจำพรรษาที่วัดเชิงท่าเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยในปีพ.ศ.2497 และสามารถสอบนักธรรมเอกได้ในปีพ.ศ.2481 หลังจากหลวงพ่อรุ่งมรณภาพได้ประมาณหนึ่งปี
ภายหลังหลวงปู่ถมก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสสืบแทน แต่ท่านปฏิเสธไม่ขอรับตำแหน่ง โดยเอาใบตราตั้งไปคืนเจ้าคณะจังหวัด โดยยกเหตุผลว่าท่านนั้นมีคุณวุฒิและวัยวุฒิยังน้อยอยู่
จนถึงสมัยของพระพุทธวรญาณ (ทองย้อย) ท่านได้ขอร้องแกมบังคับให้รับตำแหน่ง ดังนั้น ในปีพ.ศ.2504 เป็นปีที่ท่านไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงปกครองดูแลวัดเชิงท่านตั้งแต่นั้นมาจนถึงทุกวันนี้
ด้วยฝีมือในเชิงช่าง และความเป็นพระนักพัฒนาผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม เมื่อได้เป็นผู้นำแล้ว ท่านก็มุ่งมั่นสร้างสรรค์ความเจริญให้วัดเชิงท่า รวมทั้งสร้างสิ่งอันเป็นประโยชน์แก่ประชาชนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ผลงานล่าสุดก็คือ การสร้างพิพิธภัณฑ์หอโสภณศิลป์ สำหรับใช้เป็นสถานที่เก็บรักษาโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ภูมิปัญญาของชาวบ้าน เพื่อไว้ให้ลูกหลานชาวเมืองลพบุรีและผู้ที่สนใจได้มีโอกาสเรียนรู้
อาคารพิพิธภัณฑ์ซึ่งท่านเป็นแกนนำรวมกับคณะสงฆ์และฆราวาสที่มีจิตศรัทธา มีจุดมุ่งมั่นในทางเดียวกัน ทำให้เกิดสิ่งนั้นขึ้นมาเริ่มต้นเมื่อปีพ.ศ.2540 สำเร็จลงด้วยงบประมาณเกือบ 10 ล้านบาท
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเป็นองค์ประธานในการเปิดอาคารเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2545
ทั้งนี้ ได้เปิดให้ผู้สนใจเข้าชม โดยไม่มีการเรียกเก็บเงินค่าผ่านประตูแต่อย่างใด
ปัจจุบันในวัย 90 ปี แต่งานด้านการสงเคราะห์ต่อบรรดาญาติโยม มิได้ลดน้อยลงไป มีแต่จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน
หากไม่รบกวนต่อสังขารเรื่องของการเจ็บป่วยแล้ว ท่านจะไม่เคยปฏิเสธกิจนิมนต์ใดๆไม่ว่าไกลหรือใกล้
ในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลหลายรุ่นย่อมจะขาดท่านไปไม่ได้ เพราะต่างเชื่อในความขลังอันเกิดจากพลังจิตของท่าน
เท่าที่ได้รับการกล่าวขานก็คือ น้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่ได้รับมักจะประสบกับความโชคดีมีลาภอย่างไม่คาดคิดมาก่อน
ศาสตร์อีกแขนงหนึ่งที่ได้รับความเชื่อถือคือ การเจิมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ได้รับการเล่าสืบต่อๆกันมาว่า เมื่อครั้งที่หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ลพบุรี ยังมีชีวิตอยู่ มีผู้ไปขอให้ท่านเจิมรถยนต์ให้
หลวงพ่อพริ้งได้กล่าวต่อเจ้าของรถว่า ตำราของฉันมันชอบลองของนะ
ปรากฏว่าเป็นตามที่ท่านลั่นวาจาไว้ทุกครั้ง
เมื่อเสร็จพิธีเจิมรถ เจ้าของนำรถออกนอกวัด มักจะพบประสบการณ์ตามที่หลวงพ่อพริ้งบอกไว้เป็นประจำ
ภายหลังท่านได้บอกต่อผู้ที่จะนำรถไปให้ท่านเจิมว่า หากไม่ต้องการเจออุบัติเหตุประเภทปลอดภัยโดยตลอด ไปหาพระอาจารย์ถม วัดเชิงท่า ให้ท่านเจิมให้ ฉันรับรอง
คำพูดของหลวงพ่อพริ้งเหมือนเป็นเครื่องการันตีในสรรพคุณ เพราะนับแต่นั้นเป็นต้นมา ได้ผู้นำรถมาให้ท่านเจิมมากขึ้นๆ
ในส่วนของวัตถุมงคลนั้น ที่โด่งดังมีประสบการณ์ให้กล่าวขานถึงความขลังศักดิ์สิทธิ์ก็คือ เหรียญพระสมเด็จเกศทะลุซุ้ม ปี15,พระกริ่งธรรมรัตน์ พระสมเด็จเนื้อผง ,พระนาคปรก,พระย้อนยุคพระเครื่องเมืองลพบุรี,พระปิดตามหาลาภ พระร่วงโสภณญาณรังษี
ส่วนล่าสุดคือรุ่น มหามงคล90 สร้างในมงคลโอกาสอายุครบ 90 ปี เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2545
ประสบการณ์ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางด้านแคล้วคลาด ปกป้องคุ้มครอง เมตตามหานิยมเป็นเอก
*********************
ในส่วนของพุทธาคมนั้นเป็นที่แน่นอนว่าหลวงปู่ถมได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อรุ่ง ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์อย่างแน่นอนเพราะได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิด
หลวงพ่อรุ่งนับเป็นเกจิอาจารย์เมืองละโว้ที่มีชื่อเสียงมากองค์หนึ่ง เก่งทางด้านการศึกษาและทำตะกรุด มีบารมีทางกระแสจิตแก่กล้ามาก
ตะกรุดของท่านจะแจกเฉพาะผู้ใกล้ชิดเท่านั้น กล่าวกันว่าเวลาปลุกเสกตะกรุดจะร้อนและแดงเป็นไฟเลยทีเดียว
นอกจากนี้ การได้เข้า-ออกวัดสุทัศน์เป็นประจำตั้งแต่สมัยเด็กจนกระทั่งบวชเรียน จึงทำให้ท่านได้วิชาจากสมเด็จพระสังฆราช(แพ) และเจ้าคุณศรีฯ(สนธิ์) มามิใช่น้อย
ด้วยเหตุนี้ จึงปรากฏคุณวิเศษความเข้มขลังในวัตถุมงคลพระกริ่งที่ท่านได้สืบสานตำรับตำราการสร้างจากผู้เป็นพระอาจารย์ทั้งสอง
ทั้งนี้นับว่าท่านเป็นศิษย์สายตรงวัดสุทัศน์เพียงหนึ่งเดียวในจังหวัดลพบุรี
เกจิอาจารย์ดังของลพบุรีอีกองค์ที่ท่านได้รับถ่ายทอดวิทยาคมมาก็คือ หลวงปู่จัน วัดนางหนู เกจิยุคสงครามอินโดจีนที่เชื่อได้ในความคงกระพัน
รวมทั้งได้รับการจารตะกรุดตามตำรับหลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาทอีกด้วย
นี่ย่อมแสดงถึงความเป็นศิษย์มีครูที่น่าสนใจยิ่ง!!!
แม้จะเป็นศิษย์อาจารย์ดังในอดีตหลายต่อหลายท่าน แต่หลวงปู่ถมไม่เคยโอ้อวดให้ใครได้ยินสักครั้ง และไม่นิยมการโฆษณาชวนเชื่อแต่อย่างใดโดยให้เหตุและผลว่า
ของจริงอยู่นิ่งๆก็ดัง ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
แต่ไม่ว่าท่านจะดังหรือไม่ นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ
เพราะทุกวันนี้หลวงปู่โถมท่านคงมุ่งเน้นทางด้านปฏิบัติและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อชุมชน ต่อญาติโยมในทุกสภาวะโดยไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อน
วัตรปฏิบัติของท่านงดงาม เปี่ยมด้วยความจริงใจ |
ราคาเปิดประมูล | 150 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 200 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 50 บาท |
วันเปิดประมูล | - 26 เม.ย. 2564 - 18:20:19 น. |
วันปิดประมูล | - 02 พ.ค. 2564 - 11:37:55 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล | chutima (163)
|