(0)
พระสมเด็จไจยะเบงชร หลังยันต์ฟ้าฟีก หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั ่ง เก่าเก็บ สภาพสวยเดิมๆ






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระสมเด็จไจยะเบงชร หลังยันต์ฟ้าฟีก หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั ่ง เก่าเก็บ สภาพสวยเดิมๆ
รายละเอียดสมเด็จไจยะเบงชรเนื้อผงพุทธคุณ เป็น วัตถุมงคลอันทรงคุณค่าที่จัดสร้างมาในช่วงปลายๆก่อนหลวงปู่ครูบาอิน อินโท หรือ "ครูบาฟ้าหลั่ง" จะละสังขารไปไม่กี่ปี วัตถุมงคลรุ่นท้ายๆถึงแม้จะจัดสร้างมาในช่วงหลังๆจึงเสมือนเป็นมรดกทางวัตถุ ธรรมที่หลวงปู่ครูบาอินท่านได้ฝากไว้ให้ศิษย์ได้ระลึกนึกถึงท่าน


สำหรับ พระกริ่งไจยะเบงชรอันเป็นวัตถุมงคลเทหล่อที่สร้างขึ้นในปีเดียวกันกับ พระพิมพ์สมเด็จรุ่นนี้ ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง หายากใครมีแล้วเป็นต้องเก็บรักษาไว้ ส่วนวัตถุมงคลเนื้อผงพุทธคุณพิมพ์สมเด็จก็เป็นวัตถุมงคลอันทรงคุณค่าไม่แพ้ กันกับพิมพ์พระกริ่งไจยะเบงชรา อีกทั้งยังผสมมลสารครบถ้วนอีกด้วย ต่อไปจะหาเช่าบูชาได้ยากพอๆ กับพระกริ่งไจยะเบงชรของครูบาอินเช่นกันครับ

ฟ้า ฟีก ยันต์หัวใจแห่งไชยเบงชร(ไจยะเบงจร) หรือ ชินบัญชร พระคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งยวด ใช้ป้องกันและเสริมความเป็นมงคลได้ทุกด้าน ยันต์ฟ้าฟีกหรือคาถาหัวใจไชยเบงชรที่ว่า "ระตะนังปุระโตอาสิ" ในวัฒนธรรมความเชื่อล้านนาเป็นคาถาที่ใช้อย่างแพร่หลาย แม้แต่ ครูบาเจ้าศรีวิไชย สิริวิชโย ต๋นบุญแห่งล้านนายังใช้เป็นยันต์ประจำตัวองค์ท่าน มีคุณด้านกันและปัดเป่าสรรพอันตรายเภทภัยต่างๆให้ออกไปจากตัวตน บ้านเรือน เมืองนคร เวลายามจะเกิดลมหลวงหรือพายุชาวบ้านชาวเมืองผู้มีวิชาจะใช้คาถานี้ในการไล่ ลมฝนฟ้าให้ห่างไปจากบ้านของตน ยันต์นี้ยังทำเป็นแผ่นติดเสาเรือนเพื่อกันไฟไหม้และกันฟ้าผ่าได้ฉมังยิ่งนัก
ฟ้า ฟีก ตาลหิ้น .... ยันต์ฟ้าฟีก หรือคาถาตาลหิ้น เป็นการดึงเอาหัวใจของพระคาถาไจยะเบงชร ออกมา 8 อักขระ ว่าดังนี้ "ระตะนัง ปุระ โต อาสิ" มาเขียนย่อเป็นยันต์ลงในแผ่นกระดาษหรือแผ่นผ้าขนาดสี่เหลี่ยมสำหรับติดที่ ปลายเสาดั้งของบ้านเรือน โบสถ์ วิหาร เพื่อป้องกันฟ้าผ่า ไฟไหม้ เรียกว่า ?ยันต์หัวเสา? บ้าง ?ยันต์เสาดั้ง? บ้าง ?ยันต์ฟ้าฟีก? บ้าง การลงอักขระมีหลากหลายรูปแบบ บางครั้งก็ลงเป็นรูปตารางสี่เหลี่ยม 9 ช่อง เวลาลงอักขระให้ลงเป็นตารางแบบม้าย่อง ตรงกลาง บางตำราก็ลง "ติ" บางตำราก็ลงเป็นตัวเลขล้านนา บางตำราก็ลงเป็นองค์พระ ( โอม , อุนาโลม ) อันนี้ก็แล้วแต่ว่าครูบาอาจารย์สืบสายตำรามากันอย่างไร อีกแบบหนึ่งเป็นรูปวงกลม ซ้อนกันหลายวง ตัดแบ่งเป็นช่องๆ ลงอักขระที่แตกต่างกัน นิยมทำเป็นยันต์หัวเสา ยันต์ฟ้าฟีก เป็นยันต์ที่เชื่อว่า มีฤทธิ์ ป้องกันบรรเทาภัยจาก ฟ้า ฝน ลมพายุได้ ตามความเชื่อโบราณ ว่ากันว่า เวลาเกิด "ฝนตกใหญ่ลมหลวง" ฝนฟ้าคะนองและมีพายุพัดแรงจัด ต่างคนก็ต่างมีวิธีป้องกันบ้านเรือน บ้างก็นำเอาจวัก ช้อน ชามไปแขวนบริเวณหน้าบ้าน บ้างก็เอามีดไปขัดประตู หน้าต่างแทนกลอน หรือไม่ก็เอามีดไปแทงทะลุเสียบคารอยฝาแตกให้ปลายมีชี้ไปทางทิศที่ลมมาถือว่า เป็นการ "แทงลม" บ้างก็เอามีดไปเสียบขัดไว้ที่ข้างฝา บ้างใช้มีดขัดกลอนประตูหน้าต่างนัยว่าเป็นการขัดหรือฝืนลม บางแห่งให้ลูกหลานไปซื้อเหล้าโรงมาประกอบพิธีไล่ลมที่เรียกว่า "ม้าเหล็กไล่ม้าลม" โดยนำเขียงไปวางที่ชานเรือน พ่อเจ้าเรือนจะถือมีดด้วยมือซ้าย กลั้นลมหายใจสับมีดอย่างแรงให้มีดสับคาเขียงและปลายมีดชี้ไปทางทิศที่ลมมา แล้วเสกเหล้าด้วยมนต์ "คาถาฟ้าฟีก" (ฟีก = หลีก) ว่า "ระตะนัง ปุระโต อาสิ" อมแล้วพ่นไปที่มีดพร้อมให้ลูกหลานตบมือส่งเสียงโห่ร้องว่า "เอ้าๆ ม้าเหล็กไล่ม้าลม..เอ้า ๆ ?เฮ้!ๆๆๆ" ... (อ.สนั่น ธรรมธิ เขียนไว้ครับ)

แล้ว เหตุใด จึงมีชื่อว่าคาถาตาลหิ้น...???... มีเรื่องเล่าแบบมุขปาถะ เรื่องหนึ่งว่า... ในแคว้นล้านนาสมัยของเจ้าหนานติ๊บจ๊าง (ทิพย์ช้าง)
ต้น ตะกูล ทิพย์ช้างเชื้อเจ้าเจ็ดตน หลักฐานยังอยู่ที่วัดพระธาตุลำปางหลวง ท่านเป็นปู่ของ เจ้าชีวิตอ้าว เจ้าหลวงเชียงใหม่ ตามประวัติว่า ถ้าท่านอุทานว่า "อ้าว" เมื่อไหร่ต้องจับประหารเมื่อนั้น หนานติ๊บจ๊างมีอาจารย์อยู่ท่านหนึ่ง ซึ่งท่านนับถือมากเป็นคนประสิทธิประสาทคาถาทั้งหลายทั้งมวลให้ (เข้าใจว่าเป็น พระมหาเถรวัดชมพู) วันหนึ่งท่านเรียกหนาน เข้าไปหาและบอกว่าจะให้ของดี มันเป็นคาถา แต่ไม่มีชื่อเรียก มี 8 คำ เมื่อเจ้าหนานท่องจนขึ้นใจแล้วก็จะทดสอบความขลัง จึงให้ทหารเอาปืนมาอยู่ใต้ต้นตาล ให้มากที่สุด จากนั้นเจ้าหนานก็ขึ้น ไปอยู่ยอดต้นตาล แล้วสั่งให้ทหารยิง ยิงเท่าไหร่ก็ไม่ถูกเจ้าหนานจนต้นตาลปลายด้วนหมด เจ้าหนานเลยตั้งชื่อ คาถาบทนี้ ว่า ยอดตาลหิ้น นั่นเอง .... อย่างที่ออกตัวไว้ตั้งแต่ต้น นี่เป็นเพียงเรื่องเล่าต่อๆ กันมา ไม่สามารถหาหลักฐานใดๆ ยืนยันได้ กล่าวโดยสรุปก็คือ ยันต์นี้ ถือเป็นยันต์ที่มีอานุภาพ มากเรื่องแคล้วคลาด ป้องกันภัย ภยันตรายต่างๆ และเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ครูบาอาจารย์ทางเหนือใช้กันมากครับ

พิธีพุทธาภิเษก :::
วัตถุมงคลรุ่นไจยะเบงชร ผ่านการปลุกเสก 5 ครั้ง ดังต่อไปนี้
ครั้งที่ 1 : วันที่ 20 พฤศจิกายน 2544 เวลา 9.39 น. - ในพิธีอธิษฐานจิตเทชนวนพระกริ่ง
ครั้งที่ 2 : วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2545 - ในวันประกอบพิธีเททองหล่อพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ (ในงานวันนี้มีการแจกพระสมเด็จไจยะเบงชร)
ครั้งที่ 3 : วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2545 - หลวงปู่ครูบาอิน อินฺโทอธิษฐานจิตเดี่ยว วันเสาร์ 5 ใหญ่ เป็นเวลา 1 ชั่วโมงเต็ม
ครั้งที่ 4 : วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2545 - อธิษฐานจิตในพิธีสืบชะตาหลวงมหามงคล ฉลองยุตม์หนึ่งศตวรรษ (ในงานวันนี้มีการแจกพระปิดตา และ พระหลวงพ่อเงินเนื้อไม้พยุง และ พระผงฤาษีวาสุเทพ)
ครั้งที่ 5 : วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2545 - อธิษฐานจิตเดี่ยวครั้งสุดท้าย วันมาฆปุณณมีบูชา

ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์วรวุฒิคุณอนุสรณ์ พระครูวรวุฒิคุณ (http://krubain.awardspace.com) และข้อเขียนจากคุณเนาว์ นรญาณ
ราคาเปิดประมูล330 บาท
ราคาปัจจุบัน350 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 20 ต.ค. 2564 - 10:19:34 น.
วันปิดประมูล - 23 ต.ค. 2564 - 21:23:19 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลเพื่อนแมวเหมียว (605)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     350 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Wonter (725)

 

Copyright ©G-PRA.COM