(0)
พระกริ่งอินโท 101 ปี ครูบาอิน อินโท วัดทุ่งปุย






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระกริ่งอินโท 101 ปี ครูบาอิน อินโท วัดทุ่งปุย
รายละเอียดพระกริ่งอินโท 101 ปี ของครูบาอิน อินโท วัดทุ่งปุย พระกริ่งอินโท 101 ปี หลวงปู่ ครูบาอิน อินโท วัดทุ่งปุย ปี2546
จัดได้ว่าเป็นพระกริ่งรุ่นสุดท้ายของหลวงปู่ครูบาอิน รูปลักษณ์สวยงามมาก อุดกริ่งใต้ฐานและปิดจีวรของหลวงปู่ใต้ฐานอีกด้วย
ปัจจุบันพบเห็นน้อยมากของดีพุทธคุณสูง หลวงปู่ ครูบาอิน อินโท ท่านเปรียบดั่งองค์ปฐมชินบัญชรแห่งเมืองล้านนาจัดได้ว่าเป็นพระกริ่งอีกหนึ่งรุ่นที่น่าบูชามากครับ
หลวงปู่คือพระอริยสงฆ์ ที่หลวงพ่อกวย สั่งให้อ.ตั้วไปเรียนวิชาให้ได้คือ
1.หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน
2.ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน800 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 02 พ.ย. 2565 - 22:49:15 น.
วันปิดประมูล - 07 พ.ย. 2565 - 08:13:42 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลsunsadee (1.6K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 02 พ.ย. 2565 - 22:51:04 น.



พระกริ่งอินโท 101 ปี ของครูบาอิน อินโท วัดทุ่งปุย


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 02 พ.ย. 2565 - 22:52:40 น.



พระกริ่งอินโท 101 ปี ของครูบาอิน อินโท วัดทุ่งปุย
กล่องเดิมจากวัด
อภินิหารของท่าน(ยืมมาจากเว็บอื่นครับ)
”อารัมภบท”
เดือนกุมภาพันธ์ของทุกๆปีนั้น ก็จะเป็นวันคล้ายวันเกิดของพระเดชพระคุณท่านพระครูวรวุฒิคุณ หรือที่หลายๆคนรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดีในนาม”หลวงปู่ครูบาอิน อินโท” วัดทุ่งปุย-ฟ้าหลั่ง กิ่งอ.ดอยหล่อ จ. เชียงใหม่ สุดยอดพระมหาคณาจารย์ผู้แก่กล้าด้วยฤทธิจิตอันดับหนึ่งแห่งเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์ ผู้เพิ่งจะ”นิพพาน”จากไปได้ไม่กี่เวลา จึงนับเป็นโอกาสอันเหมาะสมอย่างยิ่ง ที่จะได้อาศัย”เดือนเกิด”ของท่านนี้ กระทำการ”เปิด”เรื่อง”ลับสุดยอด”ที่ท่านเคยสั่งเอาไว้ว่า “เอาไว้ให้ครูบาตายก่อนแล้วค่อยเล่า” อย่างเป็นทางการเสียเลยทีเดียว

แม้จะเคย”ลักไก่”แอบเอาเรื่องที่ท่านครูบาอินได้”ห้ามขยาย”ออก”แพลม”เล็กๆมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ”เสกลำไยเป็นแมลงผึ้ง” แข่งกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่เสกใบมะขามเป็นต่อเป็นแตน ก็ดี การเสก”น้ำให้แข็งแล้วลอยคว้างอยู่กลางอากาศ” แข่งกับหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ที่เสกน้ำมนต์แข็งคาขวดจนเทไม่ออกก็ดี หรือคราวที่ครูบาท่านนึกสนุก แล้วหายตัวขึ้นไป”นอนเล่น”บนสายไฟฟ้าแรงสูง”หน้าวัดต่าง”เปลญวน” ต่อหน้าต่อตาของผู้คนมากมายที่พากันช็อคตกตะลึงพรึงเพริดไปหมด ก็ตาม...ฯลฯ แต่ก็ช่างไม่”สะสา”แก่ใจดวงน้อยๆของผู้เขียนคนนี้ ที่”หื่นกระหาย”อยากจะเล่าให้ทุกๆคนได้ทราบถึง”ของจริง”ให้รู้ดำรู้แดงกันไปข้างหนึ่งเลยว่า อันพระมหาคณาจารย์ระดับ”อ๋อง”ที่ท่าน”เก่งแท้”และ”แน่จริง”จริงๆนั้น ท่าน”สุดๆไปเลย”กันถึงเพียงไหน..???
แต่บัดนี้และเดี๋ยวนี้ โอกาสที่ครูบาอินได้เคย”ประกาศิต”ไว้ดังกล่าวได้มาถึงแล้ว.......
ก็จะขอลุยถวายท่านกันอย่างไม่ยั้งเลยก็แล้วกันนะขอรับกระผม
สาธุ..............
” หลวงพ่อกวย ยกย่อง”
แต่ก่อนร่อนชะไรนั้น หากเอ่ยชื่อถึง”หลวงปู่ครูบาอิน อินโท แห่งวัดฟ้าหลั่ง เชียงใหม่”ให้หลายๆคนได้ยินได้ฟังแล้ว หลายๆคนก็อาจจะทำหน้าปั้นยาก พลางอมยิ้มส่ายหน้าสารภาพว่า “ผม/ดิฉันไม่รู้จักคับ/ค่ะ”อย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะในเขตล้านนาภาคเหนือของสยามประเทศนั้น หากไม่นับครูบาเจ้าศรีวิไชย นักบุญแห่งล้านนาไทยผู้กระเดื่องเลื่องหล้าองค์นั้นแล้ว พระสายเหนือที่จะมักคุ้นตาและใจของ”ส่วนกลาง”จริงๆ ก็เห็นจะมีเพียงไม่กี่องค์ อาทิ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่, หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ วัดป่าตึงเชียงใหม่, ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า ลำพูน,หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร สำนักถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่,หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปางฯแต่เพียงประมาณเท่านั้น
แต่นั่น...ก็เป็นเรื่องของ”สามัญปุถุชน”แต่เพียงเท่านั้น
หาใช่เป็นกรณีของ”ผู้รู้แจ้ง”เห็นจริงไม่
เพราะเมื่อหลายสิบปีก่อน หลวงพ่อกวย ชุตินธโร สุดยอดพระเกจิอาจารย์ผู้ชาญพระเวทย์แห่งวัดโฆสิตาราม ชัยนาท ยังไม่อาจนิ่งเฉยพร้อมกับยังได้สั่งความแก่พระครูสมุห์ภาสน์ มังคลสังโฆ แห่งวัดซับลำไย ลพบุรี ศิษย์ใกล้ชิดของท่านรูปหนึ่งเลยทีเดียวว่า
“ให้ขึ้นไปกราบครูบาอิน วัดฟ้าหลั่งที่เชียงใหม่ และขอศึกษาวิชาจากท่านให้ดีๆเถิด ครูบาอินนี้ท่านมีวิชาจิตตานุภาพแก่กล้าสามารถมากๆจริงๆ..!!!!!!”
ลองหลวงพ่อกวย สั่งการด้วยองค์เองเห็นปานนี้ ยังจะมีใครต้องพักสงสัยกันได้อยู่อีกเล่า..???
และเมื่อท่านพระครูสมุห์ภาสน์เดินทางขึ้นเหนือไปยังจังหวัดเชียงใหม่ และในก้าวแรกที่ได้ย่างเข้าสู่อาณาบริเวณวัดฟ้าหลั่ง ท่านพระครูสมุห์ภาสน์ ศิษย์หลวงพ่อกวย ก็ได้”เจอดี”ทันที เมื่อมีภิกษุรูปหนึ่งออกมาคอยรับอยู่ที่หน้าวัดฟ้าหลั่ง ก่อนที่จะได้กล่าวสัมโมทนียกถาอย่างชวนให้สะท้านใจไม่น้อยเลยว่า
“นมัสการเชิญครับ....ท่านครูบาอินท่านว่าจะมีพระจากแดนไกลมาหา เลยสั่งให้ผมมาคอยรับท่านแน่ะขอรับ....???”
เพิ่งเหยียบเข้าวัดฟ้าหลั่งเพียงไม่กี่ก้าว และยังไม่ทันเห็นหน้ากันแม้แต่เพียงวิบเดียว แต่ “ครูบาอิน”ท่านกลับล่วงรู้หมดสิ้นแล้ว
ช่าง”เก่งแท้”สมกับที่หลวงพ่อกวยสั่งให้มา”ต่อวิชา”ด้วย ไม่ผิดเลย แม้แต่เพียงครึ่งคำเดียว......
สุดยอดเลยจริงๆ.................

“หลวงพ่อเกษม ยอมรับ”
ครั้งหนึ่ง มี”พ่ออุ๊ย”แห่งวัดพระธาตุหริภุญชัย จ.ลำพูน ท่านหนึ่ง ได้ไปกราบหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่สุสานไตรลักษณ์ แห่งจังหวัดลำปาง แล้วเอาพระที่ตนมีอยู่ออกมาให้หลวงพ่อเกษมท่าน”ชาร์จแบ็ต”(มนต์)เพิ่มพลังให้ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายมักนิยมทำกัน เวลาได้ไปกราบครูบาอาจารย์ที่ตนเคารพนับถือ โดยหนึ่งในพระเครื่องที่นำไปขอให้หลวงพ่อเกษมท่านเสกนั้น ก็มีพระของหลวงปู่ครูบาอินรวมอยู่ด้วย......

และในบัดดลนั่นเอง สิ่งที่ทำให้พ่ออุ๊ยจะเมือง”หละปูน”ถึงกับแปลกประหลาดใจอย่างใหญ่หลวง ก็พลันอุบัติขึ้น เมื่อหลวงพ่อเกษม เขมโก ผู้ยิ่งด้วยฤทธิ์อภิญญาอันแก่กล้าไม่ยอมเสกพระของ”ครูบาอิน”ให้อย่างสิ้นเชิง ก่อนที่จะบอกกับพ่ออุ๊ยนั้นอีกด้วยว่า “ดีอยู่แล้ว ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องเสกอะไรอีกแล้ว...!!!!!!”
นี่ย่อมเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า อันอำนาจจิตฤทธิ์อภิญญาของหลวงปู่ครูบาอิน อินโทนี้ จะต้องมีความแก่กล้าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหลวงพ่อเกษมอย่างไม่ต้องสงสัย ก็ของๆท่าน”ดี”อยู่แล้ว “เต็ม”อยู่แล้ว เลยไม่รู้ว่าจะเสกทับให้เสียเวลาเปล่าๆไปทำไม น้ำเต็มตุ่มเต็มไหอยู่ดีๆ หากจะยังจะเทซ้ำลงไปอีก ก็รังแต่จะหกเรี่ยราด หาประโยชน์มิได้เท่านั้น มิสู้มิเสกเลย จะดีกว่าเป็นไหนๆ หรือมิใช่???
“หลวงปู่สิม นับถือ”
ในบรรดาศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร สำนักถ้ำผาปล่อง แห่งอ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่จริงๆแล้ว จะทราบถึงอัธยาสัยประการหนึ่งของหลวงปู่สิมท่านเป็นอย่างดีที่สุดเลยว่า

“ไม่ว่าจะเป็นคนหรือพระไหนก็ตาม หากไม่ดีแท้หรือแน่จริงถึงขีดสุดๆแล้ว หลวงปู่สิมท่านจะไม่สนใจปรารภปรารมภ์อะไรถึงเลย.....” ขนาดมีศิษย์”รุ่นพี่”(สายกรรมฐาน)ของท่านเองบางองค์ถึงแก่มรณภาพ หลวงปู่สิมท่านก็ไปเยี่ยมศพตามธรรมเนียม แต่เป็นการไปด้วยท่าทีที่”เฉย”อย่างมากๆ จนศิษย์บางคนสังเกตเห็น แล้วอดรนทนไม่ได้มากราบเรียนถามท่านถึงลักษณาการที่”นิ่งผิดปกติ”เช่นนั้น หลวงปู่สิมท่านก็ได้แต่ยิ้มๆ และไม่ยอมเฉลยอะไรมากความ
ทำให้ทราบโดยนัยว่า “รุ่นพี่”องค์นั้น คงจะมีภูมิจิต ภูมิธรรมไม่”เสมอ”กับหลวงปู่สิมท่านเป็นแน่ หลวงปู่สิมท่านจึง”เฉยเมย”เห็นปานนั้น

ตรงข้ามกับ ระดับ”ยอดสุด”ของจริงมาเองแล้ว โดยไม่ต้องพักถามไถ่ว่า จะเป็น”ธรรมยุต”หรือ”มหานิกาย”ให้เสียเวลา หลวงปู่สิมท่านจะกล่าวชมเชยกราบไหว้ถึงตักถึงเท้าอย่างไม่มีรีรอเลยทีเดียว
“ท่านอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่น ท่านเก่งมากนะ......ท่านไม่ดุอะไรไม่มีเหตุผลหรอก แต่ท่านจะดุบาปด่าบาปต่างหาก...!!”
“เจ้าคุณนรรัตน์ วัดเทพศิรินทร์ มีกริยามารยาทเรียบร้อย และเป็นผู้มีความกตัญญูสูงมาก..!!!”
“หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรี น่ะ ยอดเยี่ยมที่หนึ่งเลย .... แก่ทั้งอายุ แก่ทั้งพรรษา แก่ทั้งมรรคผลนิพพาน...!!!.”
“หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าโคมมน จ.เลย จิตเพิ่น(ท่าน)ดี จิตเพิ่น(ท่าน)ดี....!!!!”
“หลวงปู่แหวน ยิ่งใหญ่มาก ท่านเข้านิพพานไปแล้วด้วย....!!!!!”
“ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า ลำพูนน่ะ ท่านเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งอีกนะ..!!!!!!”
ฯลฯ................
และส่วน”ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง”น่ะหรือ.....
หลวงปู่สิม ไม่เพียงกล่าวชมแต่เพียงวาจา
แต่”ลัดฟ้า”ไปกราบถึงกุฏิที่วัดฟ้าหลั่ง ปีละหลายๆครั้งโน่นเลยทีเดียว....!!!???!!!
งานนี้ ต้องมี”อะไร”ที่”ไม่ธรรมดา”อย่างมากๆถึงมากที่สุดอย่างแน่ๆ ไม่ต้องสงสัย
เพราะเป็นการยกย่องด้วย”การกระทำ”นั่นเลยเทียว
หรือใครจะเถียง..????

“น้ำไต่ขื่อ”
ครั้งหนึ่ง เมื่อนานมาแล้วสมัยที่ท่านยังอยู่ที่วัดฟ้าหลั่ง วันหนึ่ง หลวงปู่ครูบาอินได้ออกปากถามพระเลขาของท่านรูปหนึ่งว่า
“อยากดูน้ำไต่ขื่อไหม..??”
“อยากดูครับ...ครูบา”
“งั้นไปเอาน้ำต้นมา....”
เมื่อพระเลขารูปนั้นไปหา”น้ำต้น”(คณโฑดินเผาแบบล้านนา ที่ใช้สำหรับใส่น้ำกินน้ำใช้)ที่มีน้ำบรรจุเต็มมาถวายแล้ว ครูบาอินท่านก็อธิษฐานอยู่ครู่หนึ่ง แล้วปลดเอารัดประคดของท่านออกมาให้พระเลขา ให้เอามามัดน้ำต้นคณโฑไว้ให้มั่น แล้วเอาขึ้นไปผูกกับขื่อกุฏิ ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ก่อนออกคำสั่งว่า
“ลองตีน้ำต้นดูสิ”
เมื่อได้ฟัง พระเลขาก็อุธรณ์ทันทีว่า
“อ้าว...น้ำต้นก็แตก หกเปรอะเลอะเทอะกันหมดพอดีสิครับ ครูบา..???”
“เถอะน่า...บอกให้ตีก็ตีเถอะ....”
“เอาก็เอาวะ...??” พระเลขานึกในใจ ก่อนที่จะหลับตา”ตีคณโฑดินเผา”ด้วยคิดว่า อย่างไรเสีย งานนี้ต้อง”เปียก”อย่างแน่ๆ
โพล๊ะ....!!!!!!!
อะไรกันนี่..????

ในทันทีที่คณโฑดินเผาแตกกระจายจากแรงตีนั้น แทนที่น้ำภายใจจะไหลซ่าตกลงมาตามธรรมดาที่ควรจะเป็น สิ่งมหัศจรรย์ที่พระเลขารูปนั้นแทบจะช๊อคงด้วยไม่อยากจะเชื่อสายตา ก็พลันบังเกิดขึ้นในทันใด

แม้เศษดินเผาคณโฑจะถูกตีแตกร่วงกราวไปหมดแล้ว แต่“น้ำ”ที่อยู่ในคณโฑนั้น กลับจับตัวเป็นกอ้นแข็งรูปคณโฑ ภาชนะที่ใส่อยู่นั่นเอง โดยน้ำรูปคณโฑนั้น ก็ยัง”ลอย”แต่งแต่งๆกลางอากาศ โดยมีรัดประคดที่รัดคณโฑดินเผาไว้แตกแรกผูกมัดติดกับขื่อไว้อย่างมั่นคง เป็นที่น่าตื่นเต้นตกตะลึงเป็นที่สุด!!!!!!!!
เมื่อเห็น”พระเลขา”ของท่าน”ช็อคซีนีม่า”ได้ที่ ครูบาอินก็สั่งต่อไปอีกว่า
“งั้นลองเอานิ้วจี้ไปที่น้ำดูสิ....”

เมื่อหายจากตกตะลึง พระเลขาก็เลยเอานิ้วจี้ไปที่”น้ำไต่”ที่ลอยยังกับลูกโป่งอยู่กลางอากาศตามคำสั่งโดยมิชักช้า ปานประหนึ่งจะพิสูจน์ให้แจ้งใจไปเลยทีเดียวว่า สิ่งที่ตนเห็นนั้น จะเป็น”ของจริง”หรือ”ภาพลวงตา”หรือไม่
ซ่า.....!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
คราวนี้ “ไม่มีอะไรในกอไผ่”อีกแล้ว

เพราะในวินาทีที่นิ้วสัมผัสกับน้ำที่รวมตัวเป็นรูปน้ำต้น ซึ่งถูก”ผูก”ติดอยู่กลางขื่อนั่นเอง น้ำรูปคณโฑนั้น ก็”คืนสภาพ”แตกกระจายไหลซ่าลงใส่พระเลขาจนเปียกมะล่อกมะแล่กไปหมดเลยทีเดียว โดยหลวงปู่ครูบาอิน อินโท นั่งมองอยู่ใกล้พลางอมยิ้มชอบใจ..!!
นี่คือ”ของเล่น”สนุกๆของพระอริยเจ้าผู้มีฤทธิ์อันยิ่ง...
อำนาจจิตฤทธิ์อภิญญาของครูบาอินนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ........
ลำพัง แค่การเสกน้ำให้เทไม่ออก ก็ยากเอาเรื่องอยู่แล้ว....
แต่นี่ท่านเล่นเสกให้คงรูปเป็นทรงคณโฑใส่น้ำ แถมยังเอาไปผูกห้อยไว้กลางหาวเสียอีก
เก่งไม่เก่งหรือไม่อย่างไร คิดดูเอาเองเทอญ.................

“เสกลำไยเป็นแมลงผึ้ง”

อีกคราว พระเลขา(เจ้าเก่า)ที่เคยเจอประสพการณ์”น้ำไต่” จนเปียกโชกไปทั้งตัว ก็ได้เห็นครูบาอินท่าน”ทำฤทธิ์”ให้ได้ช๊อคซีนีม่าอีกครั้งหนึ่ง โดยคราครั้งนี้ ครูบาอินท่านเอา”ลำไย”(ที่เป็นเม็ดๆกินหวานๆนั่นแหละครับ)มาเสกเป่างึมๆงำๆอย่างไม่ทราบเหตุผล ชั้นแรก นึกว่าท่านจะเสกลำไยให้ญาติโยมเอาไปกินเป็นยารักษาโรคภัย แต่ไปๆมาๆที่ไหนได้......

จากลำไยธรรดาสามัญ พอครูบาอินท่านคลายมือออกเพียงเท่านั้น จากลำไยก็กลายเป็น”แมลงผึ้ง”บินกันหึ่งๆให้เห็นกันจะๆต่อสองนัยน์ตาของพระเลขาเลยทีเดียว..!!!!!! ไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อแล้ว........................ และเชื่อแน่ได้ว่า หากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาทที่เสกใบมะขามเป็นต่อเป็นแตนยังคงมีชีวิตอยู่ และได้มาเห็นครูบาอินเสกลำไยเป็นแมลงผึ้งได้เห็นปานนี้แล้ว คงจะต้องมีการ”แลกวิชา”กันอย่างขนานใหญ่เป็นแน่........... หรือใครจะเถียงว่าไม่จริง....????????

“เมื่อครูบาอินปราบทายาทอสูร”

เรื่องนี้ เป็นประสพการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตัวของผู้เขียนเอง เรื่องของเรื่องที่มีชื่อเหมือนกับ”นิยายหนังผี”สยองขวัญ”ทายาทอสูร”ที่ชาวบ้านชาวเมืองต่างติดกันงอมแงมเมื่อไม่กี่ปีก่อน ด้วยวลียอดฮิตว่า”เจ้าคือทายาทคนต่อไป.........”นั้น ได้เกิดขึ้นเมื่อมี”แม่ยิง”(ผู้หญิง)สาวสวยคนหนึ่ง ขอสมมุติชื่อว่า “น.ส.ชนีกร” เรื่องก็มาจากการที่น.ส.ชนีกรเธอถูก”แม่ผัว”ใจร้ายตั้งข้อรังเกียจเดียดฉันท์ ด้วยข้อหาว่า”ยากจน” กว่า และกลัวว่าเธอจะไปแย่งความรักของลูกชายเธอมากกกอดเสียหมดคนเดียว อันจะเป็นเหตุให้ลูกชายสุดสวาทลืมรักแม่ไป...ฯลฯ(บ้าจังเลย หึงแม้กระทั่งลูกตัวเอง) คิดไปคิดมา แม่ผัวใจร้ายปานประหนึ่งคุณหญิงแม่ของคุณชายกลางแห่งบ้านทรายทอง(ภาคพิเศษ) เลยริอ่านเล่น”ไสยศาสตร์”ให้”หมอผี”ทางอ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ทำ”คุณไสย”ใส่ทั้ง”ผัว.” ทั้ง”ลูกชาย” และทั้ง น.ส.ชนีกร ”ลูกสะใภ้” (นอกกฏหมาย ไม่ได้จดทะเบียน)แบบครบวงจรเลยทีเดียว....!!!!!! ทำของใส่”ผัว” เพื่อให้หลงอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทำของใส่”ลูกชาย” ก็เพื่อให้ สติเลอะเลือน จนรู้สึกเกลียดชังเมียตัวเองอย่างไม่ทราบสาเหตุ....” และทำของใส่”ลูกสะใภ้” หมายจะให้น.ส.ชะนีเสียผู้เสียคนจนเป็นบ้า หรือถึงแก่ชีวิตไปเลยทีเดียว........ “โหด เลว ชั่ว”ครบสูตรแม่ผัวตัวอย่างจริงๆ

และเรื่องของเรื่องที่ผู้เขียนจะต้องมาข้องแวะในวังวนแห่งโลกีย์และไสยเวทย์สายดำสนิทโดยที่มิรู้อิโหน่อิเหน่มาก่อนนั้น ก็เกิดจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่รู้จักกับน.ส.ชนีกรดี ได้ไหว้วานให้ผู้เขียน พาน.ส.ชนีกรไปหาพระช่วยรักษาคุณไสยนี้ที...................... ด้วยความเมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา และเพื่ออนุเคราะห์เพื่อนร่วมโลกด้วยกัน ผมก็เลยมีอันได้พาน.ส.ชนีกรนี้ไปกราบหาหลวงปู่หลวงพ่อเพื่อปัดรังควานรักษาเป็นหลายท่านหลายองค์ จนน.ส. ชนีกรเริ่มมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ในขณะเดียวกัน ตัวของ”เนาว์ นรญาณ”คนนี้ กลับมี”เรื่องร้ายๆ”เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างผิดปกติ ประเดี๋ยวเป็นโน่น ประเดี๋ยวเจ็บนี่
ทั้งหน้าตาก็แลดูหมองคล้ำดำมืดอย่างไรชอบกล ไม่มีสง่าราศีเอาเสียเลย ที่เจ็บปวดที่สุด ก็เห็นจะเป็นกรณีถูก “หมากัด”ที่เอ็นร้อยหวายเข้าอย่างจัง ขณะที่ยืนดูคนให้อาหารสุนัขอยู่ดีๆแท้ๆ แม้จะไม่เข้าเต็มๆ แต่ก็ทำให้หนังถลอก เลือดซิบๆ ต้องไปฉีดยากันโรคกลัวน้ำ (ปลอดภัยไว้ก่อน) เสียหลายเข็ม เจ็บระบมไปหลายวัน เฮ้อ..ทำไมถึงต้องเจ็บตัวอย่างนี้นะ ตั้งแต่ได้พาน.ส.ชนีกรไปรักษาคุณไสย ทำไมข้าพเจ้าจึงเจอแต่เรื่อง”ซวยงัก”ถี่ปกตินักนะ งงจังเลย...............
และแล้ว น.ส.ชนีกรก็เป็นผู้เฉลยความนัยนั่นให้ฟังเองในเวลาต่อมาว่า

“หนูเอาเรื่องที่พี่เนาว์ถูกหมากัดไปเล่าให้น้องเณรที่มีญาณองค์หนึ่งที่อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอนฟัง ท่านก็เข้าสมาธิดูก็รู้ว่า ไอ้หมอผีทำของใส่หนูน่ะ มันทำคุณไสยกันท่าเผื่อเอาไว้ด้วยว่า ใครก็ตามที่คิดอ่านมาช่วยหนู ก็จะต้องมีอันเป็นไปตามกันด้วย อย่างที่พี่เนาว์โดนหมากัดน่ะ ก็ไม่ใช่เป็นกรณีปกตินะคะ แต่เป็นการใช้ไสยศาสตร์พลังจิตไปบังคับหมาให้มากัดพี่เนาว์เป็นการเฉพาะ เหมือนอย่างที่คุณยายวรนาถในเรื่องทายาทอสูรทำอย่างไรก็อย่างนั้นเลยล่ะค่ะ..............”
“อ้อ..เหรอ...............”ผมเออออก่อนที่จะนึกในใจว่า
“อิ๊บอ๋ายแล้ว....นี่กรูต้องมาเจอะเจอกับเรื่องพรรค์นี้กับเขาด้วยหรือนี่???”
และ.........
“กรูไม่น่ามาช่วยเจ๊ชนีกรนี่เล้ยจริงๆ.........ให้ตายสิ”
มีแต่เรื่องซวยซับ ซวยซ้อน และซวยไม่มีที่สิ้นสุดเสียจริงๆ
กรรมของเวรแท้ๆ..............
และแล้ว วันที่”กรรมของเวร”ของผู้เขียนจะสิ้นสุดลง เมื่อได้พาร่างอันหมองคล้ำไปกราบครูบาอิน ในวันหนึ่ง เหมือนท่านครูบาอินจะรู้แจ้งถึงการทั้งปวงดี ท่าน จึงเพ่งดูหน้าผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยตบะเดชะอันแรงกล้าที่แม้แต่คนเข้าวัดอย่างผม ก็ยังอดสะท้านด้วยความเกรงบารมีท่านไปมิได้ ก่อนที่จะได้หยิบเอาน้ำมันจันทน์มาเจิมกระหม่อมผู้เขียนอย่างตั้งใจ และในขณะนั้นนั่นเอง ก็มีผู้จับภาพตอนที่ครูบาอินกำลังลงกระหม่อมให้ผู้เขียนในตอนนั้นไว้ได้
และเมื่อล้างอัดออกมา ภาพที่น่า”สยองใจ” ก็ปรากฏขึ้นในทันใด เพราะปรากฏ”เงาดำ”แห่งไสยเวทย์มนต์ดำทายาทอสูรจากนรก พุ่งออกจากบริเวณศรีษะและต้นแขนของผู้เขียน เห็นกันได้จะๆเต็มสองตา......!!!!!!!!!!
ช่างน่าขนพองสยองเกล้าเป็นนักแล้ว......................
บรื๋ววววส์ส์ส์ส์ส์...........................

หมายเหตุ, เคยสงสัยว่า อันพระเครื่องรางของดีๆ เราก็มีมากมาย แต่เหตุไฉนไสยศาสตร์ฝ่ายต่ำจึงเข้ามาสิงสู่ในกายในใจแห่งเราได้ จนเมื่อได้ยินคำเฉลยจากหลวงพ่อพุธ ฐานิโย พระอริยปัญญาแห่งวัดป่าสาลวัน จึงได้เข้าใจ โดยท่านบอกว่า “อันพระเครื่องรางนั้น แม้จะดีอย่างไร ก็ยังเป็นของภายนอกอยู่ แต่หากจะให้กันคุณไสยมนต์ดำได้จริงๆ คนๆนั้นต้องไหว้พระสวดมนต์แผ่เมตตาเป็นนิตย์ จึงจะป้องกันได้”( จำได้ว่า ตอนนั้น ผมขี้เกียจสวดมนต์มาก และก็ไม่ได้ห้อยพระตลอด 24 ชั่วโมงด้วย ของเลยมีช่องเข้าตัวได้ให้ซวยสนิทไปหลายรอบด้วยประการฉะนี้)

ช่างนับเป็นบุญและวาสนาแท้ๆ ที่ยังมีโอกาสได้เจอกับ”พระดีและเก่ง”แบบสุดๆเยี่ยงหลวงปู่ครูบาอิน มาช่วยขับไล่”มนตราทายาทอสูร”ให้เห็นกันจะๆเห็นปานนี้ หาไม่.... ผมจะต้อง”มีอันเป็นไป”ในลักษณาการเช่นไหนอีก ก็สุดที่จะคาดเดาได้แล้วจริงๆ โอย.........ไม่อยากจะคิดเลย

พระเดชพระคุณและความเก่งกล้าสามารถของหลวงปู่ครูบาอินนั้น จึงติดตราตรึงในท่ามกลางดวงใจของผมอย่างไม่มีวันจะจางคลายไปได้นับแต่บัดนั้น แม้หลวงปู่วรวุฒิคุณท่านจะได้”ละสังขาร”สู่บรมสุขไปแล้วก็ตาม

ปัจจุบัน สรีรขันธ์ที่ท่านทิ้งไว้คู่กับโลก เมื่ออายุได้ 101 ปี ก็ยังคงนอนนิ่งสงบอย่างสง่าภายในโลงแก้วที่วัดคันธาวาส(ทุ่งปุย) กิ่งอ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ เหมือนหนึ่งท่านเพียงแค่”จำวัด”หลับไปเท่านั้น
วันมรณภาพเป็นอย่างใด ในวันนี้สรีระแห่งท่านก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ต่างไปเพียงแค่มีการ”ปิดทอง”จนเหลืออร่ามตามประเพณีล้านนาแต่เพียงอย่างเดียว
และที่นั้น ก็ยังมี”วัตถุมงคล”ที่หลวงปู่ครูบาอินท่านเสกทิ้งทวนไว้อย่างดีที่สุด ตกค้างอยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพระสมเด็จไจยะเบงชร,เหรียญยืนรุ่นแรก ,ประคำ,ตะกรุด,ผ้ายันต์ฯลฯ รับรองว่า คุณภาพแห่งพุทธคุณที่หลวงปู่ครูบาอินท่านฝากไว้ในเครื่องมงคลทุกอย่างนั้น ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระเครื่องของอดีตพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าๆ ราคาแพงๆเป็นแสนเป็นล้านอย่างแน่แท้
เพราะมี”อาจารย์”ศิษย์สายเจ้าคุณนรรัตน์ฯ,หลวงปู่เทสก์ ที่มีสมาธิจิตสูงเคยลองสัมผัสพลังพระของครูบาอินแล้ว ก็แทบจะถึงแก่การอึ้งพร้อมกับอุทานขึ้นมาเลยทีเดียวว่า “นี่พระของใครนี่....ทำไมพลังจึงแรงกล้าในระดับเดียวกับหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งไม่น่าจะมีใครเสมอเหมือนได้อีก?????”
สวัสดี
*** ข้อมูลจากคุณ เนาว์ นรญาณ *** ( พุทธวงศ์ )


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 02 พ.ย. 2565 - 22:53:34 น.



.


ข้อมูลเพิ่มเติม 4 - 02 พ.ย. 2565 - 22:53:50 น.



.


ข้อมูลเพิ่มเติม 5 - 02 พ.ย. 2565 - 22:54:06 น.



.


 
ราคาปัจจุบัน :     800 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Teer007 (975)

 

Copyright ©G-PRA.COM