ชื่อพระเครื่อง | พระพุทธรูปสำคัญ สุโขทัย / หลวงพ่อเป่า ตำนานพระพุทธรูปสูบบุหรี่ หน้าตัก 5 นิ้ว |
รายละเอียด | หลวงพ่อเป๋า พระพุทธรูปสูบบุหรี่
หลวงพ่อเป๋า เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ยิ่งที่เก่าแก่ของชาวจังหวัดสุโขทัย ที่ประชาชนทั้งหลายยึดถือเป็นที่เคารพสักการะ กระทั่งมีคำกล่าวว่าถ้าใครไปสุโขทัยแล้ว ไม่ได้ไปกราบสักการะหลวงพ่อเป๋า ก็เหมือนไม่ได้ไปสุโขทัยหรือไม่ถึง แต่ขาดอะไรไปสักอย่างหนึ่ง ฉะนั้น
หลวงพ่อเป๋า ชื่อจริงคือหลวงพ่อเป่า แต่สำเนียงชาว จ.สุโขทัย เรียกเป็นหลวงพ่อเป๋า
เหตุที่ได้ชื่อหลวงพ่อเป่า ก็เพราะพระพุทธรูปองค์นี้ มีพระโอษฐ์จู๋ คล้ายกำลังเป่ามนต์ หรือเหมือนกำลังสูบบุหรี่นั่นเอง
พุทธลักษณะของหลวงพ่อเป่าเป็นพระพุทธรูป ปางมารวิชัย เนื้อสำริด สมัยสุโขทัย ที่ฐานขององค์พระขึ้นสนิมแดง เห็นได้ชัด เดิมสันนิษฐานว่า คงจะประดิษฐานอยู่ที่วัดใดวัดหนึ่ง ณ บริเวณเมืองเก่าสุโขทัย ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองใหม่ประมาณ ๑๒ กิโลเมตร ซึ่ง ณ บริเวณนั้น ปัจจุบันกลายเป็นอุทยานประวัติศาสตร์อันลือลั่นของจังหวัดสุโขทัยและของชาติไปแล้ว
เหตุที่สันนิษฐานดังนั้นก็เพราะในปี พ.ศ.๒๔๔๔ พระยารณชัยชาญยุทธวรุตราชภักดีสุโขทัยบุรีธรารักษ์ประเสริฐภักดิ์สุนทราศรัยอภัยพิริยพาหุ(ครุฑ หงสนันทน์) สมัยเป็นข้าหลวงสุโขทัยครั้นนั้น มีความสนใจเรื่องพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก ได้ไปสำรวจโบราณสถาน ณ บริเวณเมืองเก่าสุโขทัย ได้พบพระพุทธรูปล้มนอนระเกะระกะ บางองค์ถูกเถาวัลย์พันปกคลุมตามป่าไผ่ เห็นแล้วทำให้เกิดความสังเวชสลดใจ จึงได้เกณฑ์ชาวบ้านแถวนั้น จำนวนมากมาช่วยกันขนบรรดาพระพุทธรูป ใส่เกวียนหลายเล่ม ลากนำมาไว้ที่วัดราชธานี(คือวัดที่หลวงพ่อเป๋าประดิษฐานอยู่นี้เอง) กับที่วัดไทยชุมพล เต็มไปหมด ในจำนวนพระพุทธรูปที่ขนกันมานี้ มีพระพุทธรูปที่สมบูรณ์เต็มองค์ก็มี ที่ชำรุดนั้นยิ่งมากมายนัก
หัสเดิมก่อนบังเกิดชื่อหลวงพ่อเป๋า
แต่ครานั้น ประมาณเมื่อ ๘๓ ปีล่วงมาถึงปัจจุบัน ยังมีท่านตาปะขาวองค์หนึ่ง(นุ่งขาวห่มขาว ถือศีลแปด-อุโบสถศีล)บ้านเดิมอยู่จังหวัดกำแพงเพชร
คืนหนึ่ง ท่านนิมิตฝันไปว่า มีคนมาบอกว่า ให้รีบไปที่เมืองสุโขทัย(จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดกำแพงเพชร มีอาณาเขตติดต่อกัน) จะได้พบญาติที่เป็นพี่สาวเมื่อชาติปางก่อน จะเป็นผู้อุปการะอุปถัมภ์ท่าน ท่านตาปะขาวจึงเดินทางมาสุโขทัย โดยได้มาพำนักอยู่ที่วัดราชธานี
ในเวลาต่อมาได้พบกับคุณแม่ของพระยารณชัยฯ คุณแม่ของพระยารณชัยฯ พอเห็นตาปะขาวก็ให้มีใจเมตตาสงสาร(ซึ่งท่านผู้นี้เอง ที่อาจเป็นพี่สาวของของท่านแต่ชาติปางก่อนดังในนิมิต) จึงรับอุปการะ และสร้างกุฎีให้ท่านอยู่ที่หน้าโบสถ์ กลางสระน้ำมีสะพานไม้(หน้าโบสถ์ขณะนั้นมีสระน้ำ)
ท่านตาปะขาวท่านนี้มีความสามารถ และเคร่งครัดในศีล สามารถนั่งวิปัสสนากรรมฐาน(นั่งทางใน)และทางไสยศาสตร์ย่างแก่กล้าปรากฏแก่ประชาชนที่มาขอความช่วยเหลืออยู่เสมอ
ท่านตาปะขาวท่านนี้มีความสามารถและเคร่งครัดในศีล สามารถนั่งวิปัสสนากรรมฐาน(นั่งทางใน)และทางไสยศาสตร์อย่างแก่กล้า ปรากฏแก่ประชาชนที่มาขอความช่วยเหลืออยู่เสมอ
ท่านตาปะขาวมีเด็กเป็นศิษย์ตัวเล็กๆอยู่คนหนึ่ง ชื่อหลุน(ต่อมาได้บวช หลังจากท่านตาปะขาวเสียชีวิตแล้ว กาลต่อมาเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านมาก จึงเรียกท่านว่าหลวงพ่อหลุน
เมื่อท่านตาปะขาวเห็นพระยารณชัยฯขนพระพุทธรูปมามากมายและที่ชำรุดก็มีมาก ท่านตาปะขาวนั้นมีฝีมือทางช่างศิลปะอยู่ไม่น้อย จึงจัดการซ่อมพระพุทธรูป โดยมีเด็กชายหลุนเป็นผู้ช่วยซ่อม การซ่อมนี้ทำกันบริเวณใต้ต้นมะขวิดข้างพระวิหารในครั้งนั้น(ในจำนวนพระพุทธรูปที่ได้รับการซ่อมนี้ ต้องมีหลวงพ่อเป๋ารวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เพราะหลวงพ่อเป๋าปัจจุบันนี้จะเห็นรอยซ่อมอย่างเห็นได้ชัด)
เมื่อซ่อมเสร็จแล้ว ส่วนที่ซ่อมก็จะปิดทอง เพื่อไม่ให้เห็นรอยต่อ แล้วนำไปเก็บไว้ในวิหารและระเบียงวิหารเป็นจำนวนมาก ส่วนพระที่สมบูรณ์ และไม่ใหญ่โตจนเกินไปก็จะนำไปฝังไว้ใต้พื้นของบริเวณวิหาร(พระพุทธรูปที่ฝังอยู่ใต้พื้นวิหารนี้ หลังจากถูกไฟไหม้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๑ คณะกรรมการได้ฟื้นพื้นวิหารขึ้นมา ก็ได้พระพุทธรูปลักษณะงดงามมากมาย และได้นำมาเก็บรักษาไว้ที่ห้องด้านเหนือวิหาร ด้านเหนือหลวงพ่อเป๋าปัจจุบัน และปรากฏว่าบางองค์ได้ถูกขโมยลักไปก็มี และข่าวเขาว่าขโมยใจบาปเหล่านั้น ได้ผจญชะตากรรมเป็นที่น่าเวทนา แต่มิได้บันทึกเป็นหลักฐานแน่ชัดไว้)
ส่วนพระพุทธรูปองค์ที่อยู่หน้าระเบียงวิหารนั้น มีพระพุทธรูปอยู่องค์หนึ่ง มีลักษณะผิดแผกประหลาดกว่าองค์อื่น คือมีพระโอษฐ์(ปาก)จู๋ๆ ท่านตาปะขาวจึงให้ชื่อว่าหลวงพ่อเป่า แต่ภาษาพื้นบ้านเรียกเพี้ยนไปเป็นหลวงพ่อเป๋าตราบเท่ากระทั่งทุกวันนี้
หลวงพ่อเป๋านี้ตามประวัติเดิมจารึกไว้ว่า เป็นพระพุทธรูปที่ท่านตาปะขาวชอบมาก ตกตอนดึกเงียบสงัด ท่านมักจะนั่งจุดเทียนที่เบื้องพระพักตร์หลวงพ่อเป๋า คล้ายๆจะนั่งทางใน หรือนั่งปรกปลุกเสกของท่าน(พระพุทธรูปที่ท่านตาปะขาวทำคล้ายนั่งปรกปลุกเสกนี้ กล่าวกันว่ามี ๒ องค์ คือ หลวงพ่อเป๋า กับ หลวงพ่อปัด แต่หลวงพ่อปัดนั้น ในกาลต่อมาไม่ทราบว่าเป็นองค์ใด หรืออาจจะถูกลักไปแล้วก็เป็นได้)
สาเหตุที่ทำให้รู้ว่า หลวงพ่อเป๋าศักดิ์สิทธิ์
ตกเมื่อประมาณ ปี พ.ศ.๒๔๖๒ ท่านพระครูวินัยสาร เจ้าอาวาสสมัยนั้น ซึ่งท่านมีลูกศิษย์(เด็กวัด)หลายคน ล้วนแต่ซุกซนนิสัยแก่นๆทั้งสิ้น ลูกศิษย์เหล่านี้พากันหนีลงไปเล่นน้ำกันที่ท่าน้ำหน้าวัด เมื่อหลวงพ่อพระครูทราบเรื่องเข้า จึงคว้าไม้เรียวไล่ตีเด็ก เพราะเกรงเด็กจะจมน้ำตาย พวกเด็กๆก็พากันหนีจ้าละหวั่น เด็กหลายคนถูกตีเจ็บตัวไปก็มี บ้างก็หนีไปหมอบที่กุฏิต่างๆจนหมด แต่มีเด็กวัดอยู่คนหนึ่ง วิ่งหนีไปหมอบที่วิหาร
ฝ่ายหลวงพ่อพระครูก็ถือไม้เรียวเข้าไปในวิหาร หาอยู่หลายรอบก็ไม่พบ(ตอนนั้นบริเวณรอบวิหารมีแต่ป่าสะแกและต้นมะขวิด ด้านหลังวิหารมีเจดีย์) อาจด้วยต้องการขู่เด็ก ท่านจึงพูดขึ้นว่า....เออ วันนี้กูไม่พบมึงก็แล้วกันไป ถ้าเจอเมื่อไร กูจะตีเสียให้นอนกรอกน้ำข้าวเชียว
กล่าวจบท่านก็เดินกลับกุฏิของท่าน ครั้นตกเย็นได้เวลารับประทานอาหารของเด็กวัด หลวงพ่อก็เรียกเด็กคนนั้นเข้ามา(ท่านไม่ได้ตีเด็กตามคำขู่ แต่ไต่ถามเพราะความสงสัย) ท่านได้ถามว่าตอนกูหามึง มึงไปหมอบอยู่เสียที่ไหน?
เด็กพนมมือ ตอบหลวงพ่ออย่างเกรงกลัวและเคารพว่าผมไปหมอบที่หลังพระพุทธ องค์ที่ปากจู๋ๆครับ
ตอนนั้นหลวงพ่อก็สงสัยตงิดๆเหมือนกันว่า ทำไมท่านหาไม่เจอ แต่คิดว่าท่านอาจหาไม่ละเอียดก็ได้ เหตุการณ์จึงได้ผ่านไป
ปฐมเหตุของการสูบบุหรี่
อยู่ต่อมาอีก ๒-๓ วัน เด็กวัดคนนี้ก็ป่วย รักษาอย่างไรก็ไม่หาย หลวงพ่อก็รู้สึกเป็นห่วงเด็กคนนี้มาก หาสาเหตุของอาการป่วยไข้ก็ไม่พบ จึงนึกไตร่ตรองดู ในที่สุดจึงถามเด็กที่นอนแซ่วอยู่ว่าไอ้หนู ตอนมึงไปหมอบอยู่หลังพระ มึงพูดอะไรบ้างหรือเปล่า?
เด็กวัดตัวน้อยก็อ้อมแอ้มตอบเหมือนคนจะสิ้นใจ เพราะพิษไข้ว่าพูดครับ
หลวงพ่อก็ถามต่อว่ามึงพูดว่าอย่างไร?
ศิษย์วัดอุบอิบตอบ เพราะเกรงกลัวว่าผมพูดว่า หลวงพ่อครับ ช่วยลูกด้วย ขออย่าให้หลวงพ่อ(ทิม)เห็นลูกเลย จะให้บุหรี่ ๑ ตัวครับ!
ฝ่ายหลวงพ่อทิม ได้ฟังดังนั้นก็เริ่มสะกิดใจ จึงได้ไปกราบพระพุทธรูปและบนซ้ำว่า....ของงงขอให้เด็กมันหายเถอะ จะถวายบุหรี่ ๑ ซอง
หลังจากหลวงพ่อทิมบนซ้ำแล้ว ปรากฏเป็นที่น่าอัศจรรย์ เด็กคนนั้นก็หายวันหายคืน ไม่ต้องรักษาอะไร โดยไม่ได้กินยาอะไรอีกเลย
หลวงพ่อทิม จึงเคารพนับถือพระพุทธรูปหลวงพ่อเป๋าเป็นพิเศษ นับแต่นั้นมา เพราะได้เห็นในความศักดิ์สิทธิ์ทันตา
เรื่องนี้นายบุญธรรม โพธิ์ผล ได้ฟังหลวงพ่อทิม เล่าให้ฟัง แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่จำชื่อของเด็กคนนั้นไม่ได้(ขณะนี้จะอยู่หรือตายแล้วก็ไม่ทราบ เหตุการณ์ก็ผ่านมานานแล้ว)
เมื่อชาวบ้านทั่วไป ทราบเรื่องนี้จึงพากันมากราบไหว้ บนกันใหญ่ และได้พบกับความศักดิ์สิทธิ์ประจักษ์ตาทุกคนและผู้ที่มาบนนั้นมักมี ขนมหม้อแกง กับ บุหรี่ แทบจะเรียกว่าขาดไม่ได้ กล่าวได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ประจำองค์หลวงพ่อเป๋าเลยทีเดียว
.... สภาพสวย เนื้อโลหะ-รมน้ำตาล พระบ้าน-เหมามาจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ท่านปลดเกษียนแล้วครับ
... ขั้นต่ำ ไม่ถึงพันบาทครับ |
ราคาเปิดประมูล | 50 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 950 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 50 บาท |
วันเปิดประมูล | - 07 พ.ย. 2565 - 10:35:34 น. |
วันปิดประมูล | - 08 พ.ย. 2565 - 13:17:52 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล | R9999 (8.5K)
|