(0)
รูปหล่อเบ้าทุบ รุ่นแรก หลวงปู่เรศ อคคฺวโร อายุ 98 ปี วัดศรีแก้ว จ.ศรีสะเกษ เทวดาวาจาสิทธิ์ ศิษย์หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน จัดไปครับ 3องค์ เนื้ออัลปาก้า ทองทิพย์ ทองแดง ไม่แกะซีล ลุ้นเลข เคาะเดียวครับ








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องรูปหล่อเบ้าทุบ รุ่นแรก หลวงปู่เรศ อคคฺวโร อายุ 98 ปี วัดศรีแก้ว จ.ศรีสะเกษ เทวดาวาจาสิทธิ์ ศิษย์หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน จัดไปครับ 3องค์ เนื้ออัลปาก้า ทองทิพย์ ทองแดง ไม่แกะซีล ลุ้นเลข เคาะเดียวครับ
รายละเอียดรูปหล่อเบ้าทุบ รุ่นแรก หลวงปู่เรศ อคคฺวโร อายุ 98 ปี วัดศรีแก้ว จ.ศรีสะเกษ เทวดาวาจาสิทธิ์ ศิษย์หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน จัดไปครับ 3องค์ เนื้ออัลปาก้า ทองทิพย์ ทองแดง ไม่แกะซีล ลุ้นเลข เคาะเดียวครับ

หลวงปู่เรศ เดิมชื่อ เรศ สกุล ชูกลิ่น เกิดเมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๖๔ อายุ ๙๗ ปี ๔๖ พรรษา เกิดที่บ้านพราน ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ บิดาชื่อ นายแก้ว ชูกลิ่น มารดาชื่อ นางชู ชูกลิ่น ชีวิตในวัยเด็ก หลวงปู่เป็นคนที่ชอบเรื่องการเพาะปลูกต้นไม้และพืชทุกชนิด และมีความอยากรู้ว่าต้นไม้ต้นพืชแต่ละชนิดนั้น ชื่ออะไร มีคุณสมบัติหรือประโยชน์อย่างไร เป็นยาหรือเป็นพิษ เมื่อสงสัย ก็ได้นำต้นไม้หรือพืชผักไปสอบถามจากผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านอยู่เป็นประจำ จนสามารถรู้ว่าพืชแต่ละชนิดเป็นยาหรือเป็นพิษ
เมื่อถึงวัยเรียน ท่านก็เข้าเรียนระดับประถมศึกษาในหมู่บ้าน ด้วยอุปนิสัยที่รักการเรียนที่มีท่านจึงได้เข้าเรียนจนจบ อาชีวะ3 แผนกช่างทอช่างเย็บ ที่ โรงเรียนอาชีวะศรีสะเกษ ในตัวจังหวัด หลังจากเรียนจบท่านก็สามารถสอบ บรรจุครูได้ และได้ทำการสอนที่ โรงเรียนวัดสำโรงระวี อำเภอศรีรัตนะ ในปัจจุบัน ต่อมาได้ย้ายไปสอนที่ โรงเรียนวัดศรีแก้ว อำเภอศรีรัตนะ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ท่านเกิดเบื่อหน่ายทางโลก จึงได้ลาออกจากการเป็นครู แล้วเข้าสู่ร่มกาสาวพัฒน์ อุปสมบท ณ อุโบสถวัดศรีแก้ว ตำบลศรีแก้ว อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีพระอุปัชฌาย์ คือ พระครูรัตนพิจารย์ พระคู่สวด คือพระครูสิริธรรมมงคล พระครูอรรถกิจสุนทร(เจ้าคณะอำเภอรูปแรกของอำเภอศรีรัตนะ) ท่านได้รับ ฉายาว่า อคคฺวโร
เมื่อได้อุปสมบทเป็นพระตามที่ตั้งใจแล้ว ท่านได้ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยและการปฏิบัติทางจิต เมื่อถึงกาลที่เหมาะสมท่านได้กราบลาพระอุปัชฌาย์เพื่อขอออกธุดงค์ฝึกจิตและเรียนรู้เรื่องสมุนไพร เสาะแสวงหาพืชที่เป็นสมุนไพร ทั้งในพื้นที่ใกล้ไกลตามป่าเขาลำเนาไพรที่ธุดงค์ผ่านทั้งฝั่งไทยและเทือกเขากุเลนฝั่งกัมพูชา ท่านเข้าออกหลายรอบเพื่อนำสมุนไพรมาบำบัดทุกข์ให้ชาวบ้านที่เจ็บป่วย บางคนรักษาจากโรงพยาบาลไม่หายก็มาขอพึ่งใบบุญให้ท่านรักษาให้จึงหาย ส่วนพวกที่โดนคุณไสย์แค่ท่านอาบน้ำมนต์และให้ดื่มน้ำสมุนไพรก็หายเป็นปลิดทิ้ง แบบวิทยาศาสตร์ต้องตะลึงว่าเป็นไปได้อย่างไร
นอกจากการเป็นหมอยาสมุนไพร หลวงปู่เรศยังเป็นผู้ที่รอบรู้ในหลักธรรมของพระพุทธองค์ทั้งปริยัติ ปฏิบัติและปฏิเวธ ทำให้มีส
หธรรมิกที่เก่งๆอีกมากมายหลายท่าน ได้สนทนาธรรมแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กัน เช่น
-หลวงพ่อเทพมุณี อดีตเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษจะคุ้นเคยและนับถือหลวงปู่เรศเป็นอย่างมาก
–หลวงปู่มุม วัดปราสาทเยอร์ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ
-หลวงปู่สอน วัดบ้านเปือย
-หลวงปู่หงส์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี จ.สุรินทร์
-หลวงปู่เจียม วัดบ้านกะมอล อำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
-หลวงพ่อโป๊ะ วัดบ้านบิง อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ
–หลวงปู่สาย วัดตะเคียนราม อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
-หลวงปู่คล่อม วัดโคกระเวียง อ.ขุนหาญ จ.ศรีาะเกษ
-หลวงตาพีหรือตาข้าวแห้ง เทวดาหรรษา
–หลวงตาอาด ลูกบุญธรรมหลวงปู่สรวง
หลวงปู่เรศ ท่านมากด้วยความเมตตาที่ต้องการจะสงเคราะห์ชาวบ้านที่ยากไร้ตามชนบทให้รอดพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ การไกลปืนเที่ยงไกลจากหมอที่รักษาคือ ทุกขเวทนาที่แสนหดหู่ใจ หลวงปู่เรศท่านจึงปรารถนาที่แรงกล้าอย่างยิ่ง ที่จะเป็นดั่งพระโพธิสัตว์คอยช่วยผู้ตกอยู่ในกองสังสารวัฏให้พ้นจากกองทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้
ด้วยบุญบารมีแห่งเมตตาที่มากล้น ความต้องการที่จะสงเคราะห์สัตว์ผู้ยากไร้ให้หายทรมานจากการเจ็บป่วย จึงทำให้หลวงปู่เรศได้ประสบกับเหตุการณ์ครั้งสำคัญยิ่ง คือ มีเหตุการณ์ตอนที่ท่านได้ธุดงค์ไปเก็บสมุนไพรที่เขากุเลน ประเทศกัมพูชา ขณะที่ท่านนั่งพักเหนื่อยอยู่นั้น ได้ปรากฏมีชายนุ่งขาวห่มขาว ร่างสูง แขนขายาวเป็นพิเศษ ปรากฏกายขึ้นมา หลวงปู่เรศนึกในใจว่า คงเป็นดาบสที่จำศีลอยู่ที่เขากุเลนนี้เป็นแน่ ท่านเลยพูดคุยสอบถามไปว่า "..ท่านดาบสเป็นใครรึ มาถือศีลภาวนาหรือเปล่า ฉันมาครั้งก่อนๆไม่เคยเห็นท่านเลย.." ดาบสกลับไม่ตอบแต่กลับถามมายังหลวงปู่เรศว่า "..มาเก็บสมุนไพรหรือ.."
หลวงปู่เรศได้ตอบว่า "..ฉันมาเก็บหาสมุนไพร ไปไว้รักษาคนป่วย คนเดือดร้อนที่มาหาที่วัด.."ดาบสก็ได้ให้คำแนะนำหลวงปู่เรศว่ามีสมุนไพรอะไรรักษาโรคได้บ้างและยังได้บอกวิธีใช้สมุนไพรแต่ละอย่างอีก เมื่อคุยกันได้สักพัก ดาบสได้บอกให้หลวงปู่เรศ เดินทางไปเก็บสมุนไพรที่เขาอีกลูกใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง หลวงปู่เรศจึงได้เดินทางไปตามคำแนะนำของดาบสท่านนี้อย่างไม่รีรอ แต่เมื่อหลวงปู่เรศเดินทางถึงเขาลูกที่ดาบสบอก ก็ตกใจมากเมื่อพบอัศจรรย์แบบคาดไม่ถึง เพราะเห็นดาบสที่คุยกันที่เขาลูกเดิม นั่งถือสมุนไพรที่หาไว้รอแล้ว หลวงปู่เรศให้นึกสงสัยในใจว่า ท่านดาบสนี้มาถึงก่อนเราได้ยังไง เราก็ไม่ได้พักระหว่างทางเลยหรือจะมีทางลัด คงได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้ในใจ
เมื่อได้สมุนไพรตามที่ต้องการแล้ว หลวงปู่เรศได้ขอลาท่านดาบสกลับประเทศไทย ท่านดาบสจึงล้วงเข้าไปในย่ามเอาของกินให้หลวงปู่เรศไว้กินระหว่างทาง พร้อมกับหยิบของบางอย่างใส่ในย่ามหลวงปู่เรศด้วย ก่อนกลับหลวงปู่เรศเลยขอถามท่านดาบสว่าชื่ออะไร จะได้ไปเล่าให้ลูกหลานฟังว่าพบเจอท่านที่นี่ ดาบสท่านนั่งนิ่งสูบบุหรี่สักพักก็พูดเปรยๆออกมาว่า แล้วแต่เขาจะเรียก บ้างก็เรียก #ตาซวง บ้างก็เรียก #ตาสัจจัง บางคนก็เรียก #ตาสรวง หลวงปู่เรศได้ฟังถึงกับตกใจ เพราะเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้าง ไม่คิดว่าจะได้พบเจอดาบสสรวงตัวจริง แล้วดาบสสรวงได้บอกกับหลวงปู่เรศว่า จะรักษาคนต้องมีเมตตา มีใจรักและความตั้งใจที่ตั้งมั่นเสมอ และบอกสูตรยาอายุวัฒนะให้ด้วยว่า ให้เอากล้วยน้ำว้าแช่น้ำผึ้งเดือน๕ เป็นยาอายุวัฒนะ (ออยยัวเจกตรำตึก ขมุม ทนำอาโยกเวง) ทานประจำจะทำให้อายุยืน
ก่อนจากกันดาบสสรวงได้บอกหลวงปู่เรศอีกว่า
"..ให้กลับไปช่วยคนนะเพราะแต่ก่อนท่านเป็น #เทวดาที่มีวาจาสิทธิ์ แล้วค่อยเจอกันที่บ้านม่วงแยกนะ..” หลังจากฟังคำพูดดาบสสรวงแล้ว หลวงปู่เรศก็ออกเดินทางกลับฝั่งไทย พอเดินทางมาถึงบ้านม่วงแยก อำเภอขุนหาญ หลวงปู่เรศ ก็แลเห็นดาบสสรวงกำลังวิ่งเล่นว่าวอยู่อย่างสนุกสนาน
ด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทางปนด้วยความงุนงงและสงสัยอีกครั้ง หลวงปู่เรศได้นั่งพักและอดถามตนเองไม่ได้ว่า ดาบสนี้มาตอนไหน มาอย่างไรจึงมาถึงก่อนเราอีกแล้ว แถมวิ่งเล่นว่าวอย่างสบายใจเฉิบ สุดท้ายก็ต้องหัวเราะด้วยความงงงวยและบอกกับตนเองว่าเจอปาฏิหาริย์ของดาบสสรวงเข้าให้แล้ว. หลังจากนั่งพักเหนื่อยแล้ว หลวงปู่เรศได้เชิญดาบสสรวงฉันข้าวด้วยกัน พอฉันเสร็จมีโยมนำผ้าไตรมาถวายให้ดาบสสรวงเมื่อรับผ้าไตรแล้วก็เอาพาดบ่าเดินจากไปแบบไม่พูดไม่จากับใคร หายไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็วในพริบตาเดียว #เดินเร็วหรือหายตัวได้ เหตุการณ์นี้ยิ่งทวีความงงงวยให้กับหลวงปู่เรศมากยิ่งขึ้นไปอีก
ฝ่ายหลวงปู่เรศ เมื่อกลับถึงวัดท่านก็ได้ทำการรักษาชาวบ้านที่เจ็บไข้ได้ป่วยไข้ทั้งที่รู้โรคและไม่รู้โรคหายได้แบบโรงหมอเป็นงง หรือบางคนไม่ได้เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแต่ก็ไปกราบขอพรขอรดน้ำมนต์ให้ทำมาค้าขึ้น มีโชคมีลาภ ร่ำรวยหมดหนี้สินที่คาใจ หลวงปู่เรศก็สงเคราะห์ให้ด้วยเมตตาที่มากล้น
“..เออ ดีๆแล้ว ไปๆกลับไปเถอะ อีก 2-3 เดือนหนี้ก็หมดแล้ว..” ก็เป็นดังที่หลวงปู่เรศบอก อีกไม่นานหนี้ที่มีก็หมดจริงๆ
มีสามีภรรยาคู่หนึ่งอยากค้าขายแต่ไม่มีทุน จะไปกู้ใครก็ไม่ได้ หมดหนทางเข้า คิดไม่ออกบอกไม่ถูก ก็เอาความปรารถนาเข้าไปกราบหลวงปู่เรศและขอพรบอกว่าอยากมีเงินทุนทำมาค้าขายเลี้ยงลูกเต้า หลวงปู่เป็นยิ่งกว่ารัฐมนตรีกระทรวงการคลังให้พรว่า
"..เออๆ กลับไปเดี๋ยวก็ได้แล้ว ดีๆ.." หลังจากนั้นสามีภรรยาคู่นี้ก็ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 2 มีทุนค้าขายสมใจนึก หลวงปู่เรศเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลังไม่พอหลวงปู่เรศยังเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอีก ด้วยมีสามีชาวต่างชาติและภรรยาไทยคู่หนึ่งไร้บุตรธิดาเป็นยาชูใจ ทำมาสารพัดวิธีแต่งงานมา 5 ปีไม่มีลูก จึงได้มากราบขอพรหลวงปู่เรศ หลวงปู่เรศก็ดีใจหายสนองความต้องการในทันที "..เออ ดีๆเดี๋ยวก็ได้.." จากนั้นไม่นานก็ได้ลูกสมใจปรารถนา
ส่วนเรื่องนี้หลวงปู่ขอเป็นอธิบดีบ้าง ด้วยได้มีข้าราชการท่านหนึ่ง ที่ความก้าวหน้าทางราชการตีบตัน แทนที่จะไปหาเจ้านายผู้บังคับบัญชา แต่กลับเข้ามากราบไหว้ขอกับหลวงปู่เรศ อยากเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นกว่าเดิม หลวงปู่เรศก็ประกาศิตทันที
"..ดีๆกลับไปเถอะเดี๋ยวก็ได้.."
แล้วก็ได้จริงๆหลังจากอั้นมานานจนเหนื่อยล้า
จากหลายเหตุการณ์ที่นำมาเล่านี้ หาใช่นิทานปรำปราที่มีมาแต่โบราณหรือหาใช่นิยายประโลมโลกที่แต่งขึ้นมาให้คลายทุกข์ แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลายๆคนที่ศรัทธา จนกลายมาเป็นความเคารพและความเชื่อมั่น ทั้งการรักษาโรค หรือจะเดือดร้อนมาแบบไหน หลวงปู่ก็ช่วยสงเคราะห์ผ่อนคลายบรรเทาทุกข์ให้ชาวบ้านได้ทุกรายไป เมื่อมาหาท่านบอกว่าหาย ก็คือหายทุกราย ท่านบอกว่าไม่รอด ก็คือไม่รอด ท่านรู้ได้อย่างไร เครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ก็ไม่มี หากไม่ใช่ความสำเร็จทางจิตที่เรียกว่า #อภิญญา แล้วจะเป็นอะไรได้ คำพูดของหลวงปู่กลายเป็น #วาจาที่ศักดิ์สิทธิ์ เหมือนดังที่หลวงปู่สรวง ท่านได้เคยบอกไว้ว่า "..แต่ก่อนท่านเป็น #เทวดามีวาจาสิทธิ์.." หรือด้วยเหตุแห่งบุพกรรมบวกกับคำของหลวงปู่สรวงที่บอกไว้ หลวงปู่เรศจึงมีคำพูดที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นจริงดังประกาศิตวาจาพระร่วงไม่ปาน
ณ บัดนี้ถึงเวลาที่สำคัญยิ่งแล้ว ที่เหล่าผู้แสวงหาควรจะสร้างทางเลือกและโอกาสดีๆให้แก่ตน เดินทางไปกราบไหว้ขอพรหลวงปู่เรศ ที่ วัดศรีแก้ว เพื่อให้บรรลุความหวังที่ตั้งไว้สักที เพราะหากปล่อยไว้เนิ่นนานนับวันจะมีผู้ศรัทธาเข้าไปกราบสักการะหลวงปู่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ชักช้าอาจไม่ทันการณ์ต้องต่อคิวยาวเฟื้อย ส่วนผมก็ต้องรีบก่อนเหมือนกัน ไม่อยากเข้าคิวยาว ขอไปกราบขอพรหลวงปู่
ราคาเปิดประมูล200 บาท
ราคาปัจจุบัน220 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 24 มิ.ย. 2567 - 22:20:07 น.
วันปิดประมูล - 28 มิ.ย. 2567 - 11:38:03 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลferluci (3.5K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 24 มิ.ย. 2567 - 22:20:24 น.



1


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 24 มิ.ย. 2567 - 22:21:42 น.



1


 
ราคาปัจจุบัน :     220 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    pentor (258)(1)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1