ชื่อพระเครื่อง | พระขุนแผนผงพรายกุมาร พิมพ์ใหญ่ ตะกรุดสาริกาคู่ บล็อกลองพิมพ์ พระยุคต้นเข้มข้นด้วยมวลสารผงพรายกุมาร |
รายละเอียด | *** เมื่อก่อนผมไม่เคยคิดอยากได้พระขุนแผนพรายกุมารของหลวงปู่ทิมท่านเลย เพราะคิกว่า อย่างไรเสียก็ยากจะสู้พระขุนแผนที่เป็นพระกรุไม่ได้ และวันนึงตอนที่อยู่วัดละหารไร่..ขณะกำลังช่วยงานหลวงปู่ทิมท่าน...ท่านเดินมาหาแล้วพูดกับผมว่า...พระขุนแผนนี่ดีนะ เก็บไว้เถิด ... อีกหน่อยพลิกแผ่นดินหาจะไม่เจอ..ผ่านไปไม่นาน...พระขุนแผนพรายกุมารของท่านก้อดังเป็นพลุแตกด้วยประสบการณ์จากผู้ที่นำไปบูชา...จากปากศิษย์ใกล้ชิดท่านนึงของหลวงปู่เคยกล่าวไว้ครับ....
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
***ประวัติกำเนิดผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เมื่อกลางปี 2515 คณะกรรมการวัดละหารไร่ มีนายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกร ประชุมกันเรื่องการสร้างพระเครื่องวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสมนาคุณแด่ชาวบ้านและสาธุชนทั่วไป ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินร่วมทำบุญกับวัดละหารไร่ ต่อไปในวันข้างหน้าโดยเฉพาะงานผูกพัทธสีมาพระอุโบสถ วัดละหารไร่ ในการนี้หลวงปู่ทิมได้กล่าวว่า หากได้ผงพรายกุมารมหาภูติผสมใส่ลงไปด้วย พระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเพราะมีอานุภาพแห่งพรายกุมารมหาภูติแฝงอยู่คอยช่วยเหลือเอื้ออำนวยพร เมื่อหลวงปู่ทิมมีความต้องการจะทำผงพรายกุมารมหาภูติ เพื่อนำมาเป็นมวลสารที่สำคัญยิ่งในการสร้างปลุกเสกพระเครื่องครั้งนี้นั้น ในบรรดาลูกศิษย์ยุคแรกของหลวงปู่ทิมอิสริโกทั้งหมดไม่มีใครกล้าเสนอตัวอาสากระทำการ เพราะต่างคนต่างก็เกรงกลัวความอาถรรพ์ของผีตายทั้งกลม ซึ่งโบราณกล่าวไว้ว่ามีความดุร้ายและหวงลูกมาก ถึงขั้นตามเอาชีวิตกันเลยทีเดียว มีแต่เพียง หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ผู้เดียวที่มีวิชาคาถาอาคมและสมาธิกล้าแข็งเพียงพอ กล้าขอเสนอตัวรับอาสาสนองพระคุณหลวงปู่ทิม จะไปนำ กะโหลกพรายกุมาร วัตถุอาถรรพ์สำคัญยิ่ง จากหญิงตายทั้งกลม (หญิงชาวบ้านท้องแก่ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสยดสยอง ทางญาติได้นำศพมาฝังไว้ที่ป่าช้าวัดละหารใหญ่ ปัจจุบันเป็นบริเวณที่ชาวบ้านทำไร่สับปะรด ) มาเพื่อให้ท่านสร้างปลุกเสกเป็น ผงพรายกุมารมหาภูติ ซึ่งหมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ต้องพบกับอิทธิฤทธิ์ของอาจารย์พรายนายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร แต่ด้วยมูลเหตุแห่งวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างบุญกุศลในพระพุทธศาสนา บารมีของหลวงปู่ทิม และคาถาอาคมที่หลวงปู่ทิมได้ประสิทธิให้นั้น ทำให้นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร ได้ยินยอมและเต็มใจ เกิดความปิติในกุศลผลบุญที่ตนเองจะได้รับ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ จึงกระทำการครั้งนี้ได้สำเร็จเรียบร้อยทุกประการ วิญญาณของาจารย์นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร มีอยู่จริงเห็นตัวตนเป็นเงาใสๆ ลางๆ เหมือนกับภาพที่สะท้อนบนพื้น ในปัจจุบันวิญญาณเหล่านี้ก็ยังอยู่คุ้มครองที่วัดละหารไร่ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวย้ำ การสร้างผงพรายกุมารมหาภูตินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อได้กระโหลกพรายกุมารมาแล้ว หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ใส่ห่อผ้าเก็บไว้หลังพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่า เป็นระยะเวลาประมาณสามถึงสี่เดือน จนกระโหลกพรายกุมารแห้งสนิทหมดกลิ่นดีแล้ว จึงนำมาโขลกตำให้ละเอียดแล้วผสมกับผงวิเศษสำคัญต่างๆ เช่นผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงพระไว ผงนะปัดตลอด ผงจินดามณี ผงจากว่านมงคล 108ชนิด ที่หลวงปู่ทิมมอบให้มาจนครบทั้งหมดผสมน้ำแช่เกสรบัวทั้งห้า ปั้นเป็นแท่งขนาดใหญ่ แล้วตากแดดไว้จนแห้งสนิท เมื่อได้ฤกษ์งาม ยามดีวันดี ตามที่หลวงปู่ทิมได้กำหนดไว้ จึงจะนำแท่งผงปั้นนี้มาเขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ บนกระดานชนวน กระทำในพระอุโบสถหลังเก่า ท่ามกลางการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ ๙ รูป โดยหลวงปู่ทิมอิสริโก เป็นประธานสงฆ์ เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ ลงบนกระดานชนวนแล้วลบผงก่อนเป็นปฐมฤกษ์ แล้วจึงมอบให้หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ เป็นผู้ลงอักขระพระยันต์และลบผงต่อไป การปลุกเสกผงพรายกุมารมหาภูตินี้ หลวงปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกพรายกุมารทั้งหลายให้เป็นกึ่งเทพกึ่งภูติเป็นมหาภูติขวาและซ้าย(พระพรายคู่ เป็นรูปเทวดานั่งคู่กัน แทนรูปมหาภูติซ้าย-ขวา) วิญญาณพรายกุมารไม่ใช่มีอยู่ตนเดียว แต่มีมากมายประมาณมิได้ หลวงปู่ทิมได้อธิฐานให้วิญญาณพรายกุมารทุกตนที่ผ่านไปมาในบริเวณพิธี หากจะช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา ก็ให้มาสถิตย์อยู่รวมกันในผงพรายกุมารมหาภูติที่ท่านปลุกเสกนี้ ให้มีอิทธิฤทธิ์คอยช่วยเหลือคุ้มครองอำนวยพรให้ผู้ศรัทธาบูชาอยู่ระยะเวลาหนึ่ง หลังจากเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้วได้ผงพรายกุมารมหาภูติบริสุทธิ์สีขาวหม่นอมเทาประมาณ 1 ถาดใหญ่ เมื่อแบ่งผสมผงว่านมหามงคลจะได้ผงพรายกุมารมหาภูติเนื้อละเอียดสีน้ำตาลเข้มประมาณ 1 กะละมังใหญ่ แล้วเก็บรวบรวมไว้ในกุฎิหลวงปู่ทิม เมื่อจะทำพระเครื่องจึงจะขออนุญาตหลวงปู่ทิมไปตักแบ่งเอามาผสมผงที่จะกดพิมพ์พระอีกครั้งหนึ่ง.หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวยืนยันโดยเห็นกับตาตนเองว่า ผงที่หลวงปู่ทิมอิสริโก เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ นั้น หลุดร่วงทะลุลอดกระดานชนวนลงมา และทะลุผ้าขาวที่ปูรองเอาไว้ถึงเจ็ดชั้นจนถึงพื้นพระอุโบสถวัดละหารไร่ ที่กล่าวนี้ไม่ได้กล่าวเกินความจริงแต่อย่าง แต่กล่าวเปิดเผยเพื่อให้ท่านทั้งหลายที่ศรัทธาหลวงปู่ทิมอิสริโก จะได้เกิดความปิติ และซาบซึ้ง ในบุญญาบารมีของหลวงปู่ทิมอิสริโก หากผู้ใดได้ครอบครองบูชา พระผงขุนแผนพรายกุมาร นับว่าท่านมีของวิเศษขั้นสูงอยู่กับ จะส่งผลให้เกิดโภคทรัพย์ ความเจริญรุ่งเรือง เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง นับว่าเป็นบุญกุศลของผู้นั้นที่เคยได้ร่วมสร้างกันมา หลวงปู่ท่านกล่าวว่าพระของท่านมีเจ้าของอยู่แล้ว ของของใครต้องมาอยู่กับผู้นั้น ผู้ใดมิใช่เจ้าของจักมีอันต้องเปลี่ยนมือไปไม่ช้าก็เร็ว
ในการสร้างพระในครั้งนี้ผู้ที่แกะพิมพ์ถวายหลวงปู่คือลุงสาย แก้วสว่าง ผู้ที่เป็นศิษย์รับใช้ใกล้ชิดท่านอีกผู้หนึ่งโดยแกะพิมพ์พระทั้งหมด 5 พิมพ์จากหินลับมีดโกน โดยหลวงปู่กำชับว่าให้สร้างพิมพ์นางพญาก่อนคือให้สร้างแม่ก่อนเพราะเป็นผู้ให้กำเนิด ต่อมาก็แกะพิมพ์พรายคู่ (ไม่ใช่รูปพระเป็นรูปคล้ายเทวดาใส่ชฏา หลวงปู่ให้สมมติว่าเป็นมหาภูติซ้าย-ขวา พระพิมพ์ขุนแผนพิมพ์ใหญ่ (ข้างองค์พระไม่ใช่พระโมคคลา-สารีบุตร หากแต่เป็นมหาภูติซ้าย-ขวานั่งพนมมือ) รูปเหมือน(หัวโต) และพิมพ์พระสิวลี (หลวงปู่มักเรียกว่าพระฉิมพลี หากใครบูชาแล้วจะไม่อดไม่อยากมีลาภปากอยู่เรื่อยตลอดไป)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
***คาถาบูชาพระขุนแผนผงพรายกุมาร,พรายเดี่ยว,พรายคู่ {ของหลวงปู่ทิม อิสริโก}
{ตั้งนะโม3จบ} พุทธัง อาราธะนานัง ธัมมัง อาราธะนานัง สังฆัง อาราธะนานัง นะเมตตาจะมะหาราชาเทวีราชะ บุตรตราบุตรตรี สะมะณะพราหมณ์ชี ทาสาทาสีกระสตรีทายะราชะอิถี นารีสัพพะ เอหิมุชิสัพพัง สัพพะโกธัง วินาสสันติ ปิโย เทวะมะนุสสานัง ปิโย พรหมานุตตะโม ปิโย นาคะสุปิบินสิยัง นะมามิหัง วิกะริงคะเร ฯ} |
ราคาเปิดประมูล | 100 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 175,000 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 100 บาท |
วันเปิดประมูล | - 20 ก.ค. 2567 - 15:27:41 น. |
วันปิดประมูล | - 30 ก.ค. 2567 - 15:27:41 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล | tpce(2002) (955)(1)
|