รายละเอียด |
พระผงฟ้าหลั่ง ๙๙ หลวงปู่หมุน ครูบาอิน ครูบาทองคำ ครูบาชัยวงศา ครูบาดวงดี อธิษฐานจิต พร้อมกล่องเดิมๆ หายากแล้วครับ
พระผงฟ้าหลั่ง ๙๙ ได้รับการอธิษฐานจิตปลุกเสกโดยพระเถรานุเถระสำคัญเป็นหลายองค์ อาทิ หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จ.อุตรดิตถ์, หลวงปู่หมุน วัดป่าหนองหล่ม จ.สระแก้ว, ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี จ.เชียงใหม่, ครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม จ.เชียงใหม่, ครูบาชัยวงษาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน, ครูบาดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต จ.เชียงราย ฯลฯ
และแน่นอนที่สุด... สำหรับหลวงปู่ครูบาเจ้าอินแล้ว ได้รับเมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกให้อย่างดียิ่ง ถึง ๓ วาระด้วยกัน พร้อมเข้ามหาพิธีสืบชาตาหลวง ที่ เลื่องหล้า รินฟ้า ทั่วแว่นแคว้นล้านนาไทยอีกโสตหนึ่งด้วย...
พระผงฟ้าหลั่ง ๙๙
ฉลอง ๙๙ วษา สืบชาตาหลวงครูบาหม่อนเจ้า อิน อินโท
และแล้วในที่สุด... ปรากฏการณ์ตาม ธรรมชาติ แต่ไม่ ธรรมดา อันเป็นที่เลื่องลือกล่าวขานกันมาเนิ่นนาน นับด้วยทศวรรษในมหากฤษฎาภินิหารและบุญญาธิการอันยอดยิ่งแห่งท่านหลวงปู่ครูบาเจ้าอิน อินฺโท และวัดฟ้าหลั่ง แห่งกิ่งอำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้พลันบังเกิดให้เป็นที่แจ้งประจักษ์แก่ตา แก่ใจของผู้คนอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งสามารถทำให้ศรัทธาจำนวนมากต้อง สะท้าน เจ้าไปถึงเยื่อในกระดูกเลยทีเดียว
!?!!
ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่ธรรมดาดังกล่าวนั้นก็ได้มีขึ้น ณ วันเสาร์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งเป็นวันทำบุญฉลองอายุวัฒน์ครบ ๙๙ วษา แห่งท่านหลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท สุดยอดพระอริยคณาจารย์เจ้า ผู้เป็น พระแท้ทองเนื้อนพคุณ แห่งเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์ เชียงใหม่ ที่กำลังปรากฏเกียรติคุณอันงดงามยิ่ง บันลือลั่นไปทั่วสิบทิศอยู่ในขณะนี้นั่นเอง...
ในช่วงปลายฤดูหนาวต่อต้นฤดูร้อน ที่บรรยากาศเริ่มจะ นึ่งสุก หรือ ย่างสด สรรพชีวิตทั้งปวงอย่างไม่ปราณีปราศรัย ก็ใครเลยจะคาดคิดได้ว่า ในเขตฤดู แล้ง เฉกเช่นนี้ จักมีเหตุการณ์ตามธรรมดาใดๆ มาช่วยบรรเทาความเร่าร้อนให้ทุเลาเบาบางลงได้เล่า ..?!?
โดยเฉพาะกับ เวียงพิงค์ ด้วยแล้ว เมื่อถึงคราวจะ ร้อน ก็ร้อนแบบสุดๆ จนบรรยายแทบไม่ถูกเลยทีเดียว... อยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก เหงื่อก็หยดชุ่มตัวได้ก็แล้วกัน...
ขนาดนี้จริงๆ
แต่ทุกสิ่งและทุกอย่างกลับ กลับตาลปัตร ไปจนสิ้น ด้วยมหาบารมีของครูบาเจ้าอิน อินฺโท วัดฟ้าหลั่ง จนเหลือที่จะพยายามหา ข้อหักล้าง ใดๆ มา ดิสเครดิต ให้เป็นอื่นได้...
เรื่องของเรื่องที่ดูออกจะพ้นขอบเขตของคำว่า บังเอิญ ก็ได้เกิดขึ้นในมหาพิธี สืบชาตาหลวง แบบล้านนาโบราณ อย่างยิ่งใหญ่มโหฬารที่สุด ณ วันทำบุญวันเกิดของท่านครูบาเจ้าฟ้าหลั่งนั่นแหละครับ...
เป็นมหาพิธีที่น่าตื่นตาตื่นใจที่หาพระพุทธมนต์หาชมได้ยากยิ่ง
และนับเป็นมหาพิธีที่มุ่งจะ ให้ ความเป็นสิริมงคลแก่ศรัทธามหาชนที่มาร่วมถวายมุทิตาจิตสักการะ มากกว่าที่จะให้แก่องค์ครูบาเจ้าฟ้าหลั่งเองเสียด้วยซ้ำ ...?!?
เพราะตามหลักแล้ว... ผู้ที่จะรับการประกอบพิธีสืบชาตาแบบล้านนานั้น จะต้องเข้าไปนั่งอยู่ใน ซุ้ม พิเศษตรงกลางพิธี ที่ตบแต่งด้วยเครื่องบูชาสักการะนานา พร้อมวนสายสิญจน์ล้อมรอบ ฟังพระภิกษุเจริญพระพุทธมนต์อยู่จนครบทุกบท จึงจะนับได้ว่าสมบูรณ์ตามกระบวนยุทธ์ทุกประการ
แต่งานนี้กลับไม่ใช่ !?!
เพราะภายหลังจากที่ท่านครูบาเจ้าฯ ได้ประกอบพิธียกฉัตรขึ้นประดิษฐานเหนือ หอสรงน้ำ แห่ง พระบรมธาตุเจ้าฟ้าหลั่ง เมื่อเวลาประมาณ ๙.๔๙ น. เป็นปฐมฤกษ์แล้ว หลวงปู่ท่านก็เข้านั่งยังอาสนะ หน้ามณฑลพิธีสืบชาตาหลวงที่เพียบพร้อมไปด้วยพระพุทธรูป โต๊ะหมู่ เครื่องบูชา บาตรน้ำมนต์ เทียนชัย และ ขันครูหลวง ขนาดใหญ่ อันวางไขว้ไว้ด้วยดาบเหล็กน้ำพี้ อย่างโบราณประเพณี ที่ไว้ ข่ม ศัตรู และสรรพภยันตรายทั้งหลายทั้งปวงให้วินาศไป น่าเกรงขามอย่างยิ่ง... ท่ามกลางพระมหาเถรานุเถระจากพระอารามต่างๆ ทั้งในเขตเมืองเชียงใหม่และใกล้เคียง มากกว่า ๑๐๙ รูป เต็มตามอัตราศึก...!!!
ครั้นได้เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น. ตรง ประธานคณะสงฆ์เริ่มกล่าวสัคเคชุมนุมเทวดา พร้อมด้วยพระพุทธปริตสำคัญบทต่างๆ อาทิเช่น บทธัมจักกัปปวัตนสูตร, โมรปริต, วัฏฏกปริต, อภัยปริต. กรณียเมตตาสูตร, โพชฌังคปริต, ชัยปริต ฯลฯ ยาวเหยียดดังกระหึ่มก้องกังวานไปทั่วบริเวณ... ก่อให้เกิดความปีติศรัทธา เป็นมหาอุดมมงคลแก่รูปนามของทุกผู้คนอย่างเหลือล้น...
และดังที่ได้เคยเล่ามาครั้งหนึ่ง.. พระพุทธมหาปริต ไจยะเบงชร หรือ ชินบัญชรคาถา แบบล้านนาที่ได้แพร่หลายเข้ามาสู่สยามประเทศครั้งแรกสุดทางจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ ๔๐๐ กว่าปีก่อน ในรัชสมัยเจ้าหลวงอโนรธา ก็ได้รับการอัญเชิญมาเจริญความเป็นมหาสิริสวัสดิ์แก่ทุกผู้คนอย่างที่จะละเลยไว้เสียมิได้เป็นเป็นอย่างยิ่ง
ชะยาสะนากะต๋า มารังสะวาหะนัง จะตุสัจจาสะภั๋งเย๋ปิวิงสุ นะราสะภ๋า ฯลฯ
ก็ในขณะที่คณะสงฆ์ทั้ง ๑๐๙ รูป กำลังเจริญพระพุทธมงคลคาถา ตั้งแต่ต้นจนจบนั้น หลวงปู่ครูบาเจ้าอิน อินฺโท แทนที่ท่านจะ เข้ารับ พุทธสิริทั้งปวงอย่างที่น่าจะเป็น และควรจะเป็น เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันเกิดของท่านเอง ก็หามิได้
แต่ท่านหลวงปู่หม่อนเจ้า (ปู่ทวดเจ้า) ฟ้าหลั่ง กลับจับสายสิญจน์ขึ้นจบใส่หัว พนมมือรวบรวมพลานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย อันย่อมบังเกิดแก่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พร้อมด้วยพระพุทธปริตและอริยฤทธิ์อันประเสริฐแห่งพระคุณท่านเป็นที่สุด แผ่พลังอัน หลวงหลาย ไปทั่วอย่างไม่มีประมาณการอยู่เนิ่นนานเกือบ ๑ ชั่วโมงเต็มๆ !!!!!
ไม่มีเลยสักน้อยที่ จ้อง จะ เอา อย่างที่สามัญปุถุชนเป็นกันอยู่จนเป็นเรื่องปกติ แม้เพียงนิด... แม้ท่านครูบาเจ้าจะอยู่ในฐานะ ผู้ขอ (ภิกษุ) แต่ท่านก็ไม่โปรดที่จะ ขอ อะไรจากใครเลย... ชอบที่จะ ให้ มากกว่า
และแม้แต่ในวันที่ท่านควรจะ ได้ ท่านก็ยัง ให้ อยู่อย่างตั้งใจมั่นยิ่ง
ท่าน ให้ อยู่นานมากๆ สำหรับ ผู้เฒ่า อายุเฉียด ๑๐๐ ปี จนบางท่านถึงกับเป็นห่วงเป็นใยไปต่างๆ นานา
และแล้ว... ปฐมปาฏิหาริย์ก็พลันอุบัติขึ้นในบัดดล...
ดวงอาทิตย์ที่แผดแสงแรงกล้าอยู่กลางนวกาศก็ ทรงกลด ในฉับพลันที่เริ่มเจริญพระพุทธมนต์ ธัมมจักกัปปวัตรสูตร ทันทีทันใด อย่างเหลือเชื่อที่สุด...!!!
ประหนึ่งว่า... เทวดา อินทร์ พรหม ทุกสวรรค์ชั้นฟ้า ได้สำแดงมหาศุภนิมิต ให้ปรากฎถวายมุฒิตาสักการะในมิ่งมงคลวาระนี้ฉะนั้น...
ในไม่ช้า... ในช่วงต้นฤดูร้อนที่น่าจะเริ่มแล้งอย่างสาหัส แต่ที่ขอบฟ้าเบื้องโน้นก็กลับได้ปรากฏหมู่เมฆหมอกบังเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว... ทีละน้อย...
และในตอนดึกสงัด... ฝนฟ้าก็ได้ หลั่ง ลงมา เอิบอาบแผ่นดินที่กำลังเร่าร้อนแตกระแหงให้ชุ่มฉ่ำไปหมด...
ไม่เฉพาะแต่บริเวณ วัดฟ้าหลั่ง หรือปริมณฑลใกล้เคียงเท่านั้น... แต่กินอาณาเขตกว้างไกล แทบจะทั่วแผ่นดินล้านนาไทยทั้งหมด อย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง...!?!?
เพราะภายหลังจากที่ผู้เขียนออกจากวัดฟ้าหลั่งแล้ว วันรุ่งขึ้นก็เดินทางไปถึงจังหวัดเชียงราย แล้ววกลงสู่จังหวัดพะเยา, ลำปาง, แพร่, อุตรดิตถ์ ฯ ก็เจอแต่ฝนโปรยปรายหลั่งรินอยู่มิรู้วาย เมฆหมอกครึ้มไปทั่วเกือบทั้งวัน... แถมอุณหภูมิก็ยังเย็นเยียบผิดธรรมดา จนแม้กระทั่งคนที่ชอบอากาศเย็นอย่างผู้เขียน ยังอดสะท้านไปเสียมิได้อีกด้วย...!!!
ครั้นลองถามชาวบ้านดูว่า บรรยากาศแบบนี้มีมานานแล้วหรือยัง? ก็ได้รับคำตอบว่า
เพิ่งจะมีวันสองวันนี้เองแหละเจ้า!??
ตรงกับช่วงงานวันเกิด ครูบาเจ้าฟ้าหลัง พอดีเป๊ะๆ เลยทีเดียว...
ครั้นพอเลยเข้าสู่เขตภาคกลาง ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่ แห้ง และ ร้อน เหมือนเดิม...?!?!
บังเอิญหรือไม่ครับผม????
โปรดคิดตรองและพินิจพิเคราะห์ด้วยความเที่ยวธรรมกันเองเองเทอญฯ
แต่โดยทัศนวิสัยแห่งปวงเหล่าท่าน ผู้รู้แจ้ง และ เห็นจริง ทั้งหลายแล้ว หลวงปู่ครูบาเจ้าอิน อินฺโท วัดฟ้าหลั่ง (ภาษาเหนือแปลว่า ฝนตกหนัก) ของเราท่านทั้งหลายองค์นี้ นับเป็น วิสามัญอัจฉริยบุคคล ที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ... แต่ครบเครื่องทุกอย่าง ด้วยสรรพ ธรรม และ ศาสตร์ ทุกแขนงอย่างน่าละลานใจเป็นที่ยิ่ง...
วิทยาคม ท่านก็ได้
วิปัสสนาธุระ ท่านก็ถึง
โลกุตรธรรม ท่านก็บรรลุ
และเมื่บวกกันเข้ากับอำนาจแห่งฤทธิ์อภิญญาที่แกร่งกล้า และตบะเดชะอันยิ่งยง ประสานเข้ากับ อริยจิต แห่ง พระอริยสงฆ์ ขั้นสูงอันบริสุทธิ์ผุดผ่องหามลทินโทษอันใดมาตัดรอนมิแล้ว... สิ่งใดๆ ในใต้หล้าทั่วขอบเขตจักรวาลนี้ไฉนเลยจักอาจ ต้านทาน พลังเหนือโลกแห่งท่านครูบาเจ้าฟ้าหลั่งไปได้เล่า...
ก็ถ้า โลกุตรคุณ แห่งความเป็น พระอริยะเจ้า ของท่านครูบาฟ้าหลั่งไม่ยอดยิ่งจริงแล้ว พ่อแม่ครูอาจารย์สายกรรมฐานอันยิ่งยงอย่าง หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร แห่งถ้ำผาปล่อง คงไม่ทรมานสังขารไปไหว้สาสนทนาธรรมถึงปีละหลายๆ ครั้งได้???
ก็ถ้าอำนาจจิตท่านไม่กล้าแกร่งเฉียบขาดจริงยิ่งแล้ว มีหรือที่ยอดพระอริยสงฆ์อย่างหลวงพ่อเกษม เขมโก จะปฏิเสธที่จะเสก ทับ พระของครูบาอิน?!?
และก็ถ้า ตุ๊อินโต (คำที่ท่านครูบาอินทจักรรักษา วัดน้ำบ่อหลวง เรียกหาหลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท ในสำเนียงเหนือ) ไม่เก่งแท้แน่จริง และช่ำชองชำนาญในสรรพวิชชาอย่างอดยิ่งแล้ว หลวงพ่อกวย ชุตินธโร สุดยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทย์แห่งวัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท ก็คงไม่สั่งให้ศิษย์ใกล้ชิด (พระครูสมุห์ภาสน์ มังคลสังโฆ วัดซับลำไย จ.ลพบุรี) ให้ เดินทางไกล จากภาคกลางไปขอ ต่อยอด วิชชาด้วยจนถึงถึงแว่นแคว้นล้านนาประเทศอันไกลโพ้น ให้ลำบากเปล่าเป็นแน่นอน!!??
ตะลึงไหมครับ?!?
ก็ลำพังสรรพวิชาของหลวงพ่อกวยเพียงองค์เดียว ก็ สุดๆ จนแม้กระทั่งหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ และ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ก็ยัง ยอมรับ เป็นอันดีอยู่แล้ว... แต่นี่หลวงพ่อกวย กลับสิ่งให้ศิษย์ไปขอ ต่อ วิชา กับหลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง เพิ่มเติมอีกต่างหาก จะมี ความหมาย และ ความนัย ที่ใหญ่หลวง และพิเศษสุดเพียงใดนั้น ขอทุกๆ ท่านจงเร่งไตร่ตรองให้หนักๆ จงดีทั่วกันเถิด...
และนี่ยังไม่รวมถึงหลวงปู่ครูบาเจ้าชัยวงษาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์อย่างยิ่งถึงขนาดเหยียบศิลาให้เป็นรอยได้ก็ดี หลวงพ่อครูบาดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต จ.เชียงราย ผู้งามพร้อม พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญวิเวก จ.เชียงใหม่ ผู้มี จริต ใน ฤทธิ์ เป็นที่ยิ่ง และพระจันทร์ทิพย์ วัดศรีสุทธาวาส (วัดเลยหลง) จงเลย ฯลฯ ซึ่งล้วนต่างได้ถวายความเคารพและยอมรับในอิทธิคุณอันประเสริฐสุดแห่งท่านครูบาฟ้าหลั่งอยู่โดยถ้วนทั่วกัน...
ก็หากจะยกไว้แต่ โลกุตรจิต และ วิสุทธิคุณ แห่งท่านครูบาฯ ที่แม้แต่พระอริยเจ้าสายกรรมฐานยังมาไหว้สาบูชาด้วยความสนิทใจแล้ว... อันความ คมในฝัก ด้วยสรรพวิชชาแห่งท่านครูบาอินก็นับได้ว่ามากมายมหาศาล และลึกล้ำพิสดารเกินกว่าที่สามัญชนใดๆ จะล่วงรู้ได้... แต่ท่านไม่เคยโอ้อวด โชว์ออฟอะไรกับใครทั้งนั้น
ก็ถ้าผมไม่บังเอิญได้เห็น ส่วนหนึ่ง ของมหาคัมภีร์ล้านนา ทวาสหัสยุทธ ที่ครูบาฟ้าหลั่งได้เคยจดจารึกสรรพวิทยาคมไว้ด้วยลายมือของท่าน ซึ่งได้รวบรวมเอา วิทยายุทธ และ พุทธาคม ขั้นสุดยอดอย่างมหาศาลกว่า ๒,๐๐๐ วิชชา โดยความกรุณาอย่างยิ่งจากพระเลขาฯ (หลวงพี่ไพบูลย์ อินทปัญโญ) เมื่อไม่นานมานี้แล้ว ผมก็คงไม่รู้ซึ้งอยู่นั่นเองว่าหลวงปู่ท่านจะ รู้ จะ เป็น และ สำเร็จ ในวิทยาการนานามากมายถึงขนาดนี้อยู่นั่นเอง?!?!
ดูเหมือนจะมากกว่าสายอื่นๆ เสียด้วยซ้ำ...
ก็ทำไมจะเป็นไปไม่ได้... เพราะสรรพวิทยายุทธนานาที่แพร่หลายในสยามประเทศ ล้วนมีที่มา หรือต้นตอมาจากทาง ภาคเหนือ มิใช่หรือ?!?!
ทั้งพระคาถาชินบัญชร, ทั้งพระยันต์เกราะเพชร หรือแม้แต่พระยันต์มหาจักรพรรดิธิราช ฯลฯ ที่โด่งดังอยู่ในทางภาคกลางของไทยนั้น... แท้จริงแล้วก็มี รากเหง้า หรือมี ที่มา จากแว่นแคว้นลานนาทั้งสิ้น...
ช็อคไหมละก้า...?!?!
ด้วยเหตุฉะนี้... ใครที่มีโอกาสได้อยู่ร่วมในมหาพิธีสืบชาตาหลวงที่วัดฟ้าหลั่งเมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จึงนับได้ว่าเป็นผู้มี โจค (โชค) มีวาสนา และ ป๋าระมี (บารมี) หาน้อยไม่โดยแท้...
เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า... ด้วยระยะเวลาที่เนิ่นนานกว่า ๑ ชั่วยามนั้น ท่านครูบาหม่อนเจ้าฟ้าหลั่ง คงได้เมตตาแผ่มหาผลาภินิหารที่รวมประสานระหว่าง สรรพวิชา และ โลกุตรจิต จนเป็นหนึ่งเดียว ประสิทธิความเป็นมหัคคมงคลอันใหญ่หลวงแก่ทุกรูปทุกนามอย่างเต็มกำลัง ชนิดที่ยากยิ่งจะพานพบ ณ ที่ไหน และจากท่านผู้ใดให้เสมอสองได้อีกแล้ว...
แต่สำหรับท่านผู้ใดที่มิได้มีโอกาสเข้าร่วมพิธีดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุอันใดแล้ว... ก็จงได้เร่งหา สิ่งมงคลสักการะ ที่นำเข้าร่วมมหาพิธีสืบชาตาหลวง ณ วัดฟ้าหลั่ง อันศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งยวดนี้ไว้บูชาให้จงดีเถิด...
เป็น สื่อ ที่ อนุรักษ์ ทั้ง พลัง และ วิชชา แห่งมหาพิธีอันยิ่งใหญ่ให้ยิ่งยงคงอยู่ตลอดไปตราบทั่วกัลปวสาน... ดีกว่าสวดมนต์ทิ้ง (พลัง) ไปเปล่าๆ อย่างที่หลวงปู่ดู่ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา เคยว่าไว้ไม่มีผิด...
สำหรับสิ่งมงคลสักการะที่ร่วมอยู่ในมหาพิธีสืบชาตาในครั้งนี้ ก็มีจำนวนไม่มากมายอะไรนัก อาทิเช่น พระสมเด็จฟ้าหลั่ง ๙๙ หลัง นะ แบบล้านนา โรยเส้นเกศาครูบาเจ้าฟ้าหลั่ง ก็สร้างแค่ ๒,๕๕๓ องค์เท่านั้น
หรือพระสมเด็จไตรสรณคมน์ (หลังยันต์มหาจักรพรรดิ) ซึ่งถอดพิมพ์จากพระสมเด็จ วัดระฆัง พิมพ์ใหญ่แท้ๆ ผสมผงพระสมเด็จรุ่นเก่า และผงพุทธคุณรุ่น ๑๐๘ พร้อมผงมหาจักรพรรดิ จำนวนมาก ก็มีแค่ ๒๕๔๓ องค์ใกล้เคียงกัน
พระดังกล่าวได้รับการอธิษฐานจิตปลุกเสกโดยพระเถรานุเถระสำคัญเป็นหลายองค์ อาทิ หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จ.อุตรดิตถ์, หลวงปู่หมุน วัดป่าหนองหล่ม จ.สระแก้ว, ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี จ.เชียงใหม่, ครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม จ.เชียงใหม่, ครูบาชัยวงษาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน, ครูบาดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต จ.เชียงราย ฯลฯ
และแน่นอนที่สุด... สำหรับหลวงปู่ครูบาเจ้าอินแล้ว ได้รับเมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกให้อย่างดียิ่ง ถึง ๓ วาระด้วยกัน พร้อมเข้ามหาพิธีสืบชาตาหลวง ที่ เลื่องหล้า รินฟ้า ทั่วแว่นแคว้นล้านนาไทยอีกโสตหนึ่งด้วย...
=======================================================================
ที่มา: น. นันทวิจิตร, "เลื่องหล้า รินฟ้า ล้านนาประเทศ มหาพิธีสืบชาตาหลวง ๙๙ วษา ครูบาเจ้าอิน
วัดฟ้าหลั่ง", คอลัมน์ของดีจากวัด, ศักดิ์สิทธิ์ ฉบับที่ ๔๑๔ วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๓ |