(0)(0)
วัดใจ...เหรียญนารายณ์ทรงครุฑ หลวงปู่เย่อ วัดอาษาสงคราม ปี 20








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต





ชื่อพระเครื่อง วัดใจ...เหรียญนารายณ์ทรงครุฑ หลวงปู่เย่อ วัดอาษาสงคราม ปี 20
รายละเอียด เหรียญนารายณ์ทรงครุฑ หลวงปู่เย่อ วัดอาษาสงคราม ปี 20
สภาพสวยหายากนานๆพบเเจอทีครับ
เชื่อว่าเป็นมงคลและเสริมอำนาจ บารมี ป้องกันสิ่งชั่วร้าย และนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง ช่วยเสริมโชคลาภ ความสำเร็จในหน้าที่การงาน และความเจริญรุ่งเรืองในด้านต่างๆ และบรรเทาเคราะห์กรรมต่างๆ
หลวงปู่เย่อ โฆสโก แห่งวัดอาษาสงคราม เกจิที่มีชื่อเสียงสายคงกระพัน
หนึ่งในเกจิอาจารย์ที่มากด้วยสรรพวิชาอาคมแบบรามัญ ที่คนในพื้นที่และที่สะสมพระเครื่องวัตถุมงคลรู้จักกันไม่น้อย นั่นคือ หลวงปู่เย่อ โฆสโก แห่งวัดอาษาสงคราม ที่เรียกกันว่า สายเหนียวพระประแดง หรือ เสื้อเกราะแห่งพระประแดง วัตถุมงคลของท่านดดดเด่นด้านคงกระพันชาตรี
เมื่ออายุครบ 20 ปี โยมบิดา มารดาและญาติพี่น้องจะได้ทำการอุปสมบทสามเณรน้อยให้เป็นพระภิกษุผู้สืบ อายุพระพุทธศาสนาต่อไป พร้อมใจกันจัดแจงเตรียมพิธีการต่างๆ ให้สมกับศรัทธาที่มุ่งมั่น สมัยนั้นวัดอาษาสงครามยังไม่มีพระอุโบสถและพันธเสมาก็ได้พากันไปใช้พระ อุโบสถของ วัดพญาปราบปัจจามิตร ซึ่งอยู่ติดกันนั้น
แล้วนิมนต์ให้พระอธิการทอง วัดโมกข์ เป็นอุปัชฌาย์ พระอธิการเกลี้ยง วัดพญาปราบปัจจามิตรเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาโต วัดโมกข์เป็นพระอนุสาวนาจารย์ กำหนดวันอุปสมบทเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2451 เมื่อถึงเวลาที่ตั้งหมายกำหนดไว้ท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ พระอุปัชฌาย์ตั้งฉายาให้ว่า “โฆสโก” แปลได้ว่า ผู้มีความกึกก้องกังวาน หมายถึงมีธรรมอันกว้างใหญ่ไพศาลถ้วนทั่วนั่นเอง
หลังจากอุปสมบท แล้ว ท่านก็ยิ่งเพิ่มทวีศึกษาทางพระพุทธศาสนาทั้งทางคันถธุระและวิปัสสนาธุระมี ความรู้แตกฉานจนจบโดยเฉพาะบาลีแบบรามัญ ท่านมีความสามารถมาก แต่ยังไม่ทันได้เข้าสอบ “สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส” ทรงมีพระบัญชาให้เลิกการสอบแบบปากเปล่า (มุขปาฐะ) และทรงยกเลิกการสอบแบบปากเปล่าทั้งทางบาลีไทยด้วย ให้สอบโดยการขีดเขียน แบบที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้
มุ่งมั่นศึกษาพระพุทธศาสนาทั้งทางคันถธุระและวิปัสสนาธุระ มีความรู้แตกฉานจนจบโดยเฉพาะบาลีแบบรามัญ แต่ยังไม่ทันได้สอบ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงมีบัญชาให้เลิกการสอบแบบปากเปล่า และทรงยกเลิกการสอบแบบปากเปล่าทั้งทางบาลีไทย ให้สอบโดยการขีดเขียนแทน แบบที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้
หลังจากนั้น ท่านมุ่งศึกษาทางปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน ค้นคว้าด้วยตนเองจากตำราภาษารามัญจนมีความเข้าใจเป็นอย่างดี ก่อนแสวงหาอาจารย์ผู้ทรงคุณในทางปฏิบัติ ท่านจึงเดินทางไปศึกษากับหลวงพ่อหลิม วัดทุ่งบางมด (วัดทุ่งโพธิ์ทอง) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่มีความสามารถทางวิปัสสนาสูง และเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญวิทยาคม ซึ่งในสมัยนั้นการเดินทางจากพระประแดงไปวัดทุ่งบางมดจะต้องใช้เรือแจวไป กว่าจะถึงใช้เวลานานหลายชั่วโมง
หลวงพ่อหลิมนั้น ท่านสร้างเครื่องรางของขลังแจกจ่ายประชาชน ของของท่านมีความศักดิ์สิทธิ์ใช้ได้ผล ทางเมตตามหานิยมนับว่ายอดเยี่ยมมาก เป็นต้นว่า นางกวัก ของท่านปัจจุบันมีค่าหาได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัก-ยม ของหลวงพ่อหลิมนั้น ไม่มีอาจารย์ผู้ใดทำได้ศักดิ์สิทธิ์เหมือนของท่าน หลวงปู่เย่อได้ขอศึกษาวิปัสสนากับหลวงพ่อหลิม จนหลวงพ่อหลิมออกปากชมว่า หลวงปู่เย่อมีความเพียรพยายามดีมาก
เมื่อ สำเร็จวิชาการวิปัสสนาจนมีความเชี่ยวชาญชำนาญดีแล้ว หลวงพ่อหลิมซึ่งมีความเมตตาหลวงปู่เย่อมาก จึงได้ให้เรียนวิชาทางพุทธเวทย์วิทยาคมต่อ หลวงปู่ก็พยายามศึกษาเวทย์มนต์คาถาที่หลวงพ่อหลิมประสิทธิ์ประสาทให้ด้วย ความขยันหมั่นเพียร ตั้งอกตั้งใจ เอาจริงเอาจัง จนเกิดความชำนาญสามารถทำเครื่องรางของขลังที่ได้เรียนมา ใช้ได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ
หลังจากนั้นท่านก็ยังไม่หยุดที่จะศึกษาหา ความรอบรู้ ท่านถือคติที่ว่าการศึกษาไม่มีการจบสิ้น ยิ่งรู้มากก็จะทำให้มีหูตากว้างไกล ชีวิตคือการศึกษา ผู้รู้มากกว่าย่อมฉลาดมากกว่า ความรู้มีอยู่ทั่วไปผู้ฉลาดจะต้องพยามเพียรแสวงหาอยู่เสมอ ประเภทมือใครยาวสาวได้สาวเอา มือใครสั้นก็เอาเถาวัลย์ต่อเข้า เมื่อเรียนวิชาจากหลวงพ่อหลิมจบสิ้นแล้ว ท่านจึงไปขอศึกษาวิชาจาก “อาจารย์กินรี” วัดบ้านเชียงใหม่ และ “อาจารย์พันธ์” วัดสกา อาจารย์สองท่านนี้ เป็นเถราจารย์ชาวรามัญที่มีความแก่กล้าทางคาถาอาคมไสยเวทย์มาก สามารถเสกสิ่งของให้มีชีวิตให้เห็นได้กับตาเช่นเดียวกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า วิชาทางพุทธเวทย์วิทยาคมนั้นถ้าจะกล่าวแล้วของรามัญมีมาแต่โบราณ มีชื่อเสียงมาก จะเห็นได้ว่าในสมัยประวัติศาสตร์ ท่านมหาเถรคันฉ่อง อาจารย์ผู้ขมังเวทย์ชาวรามัญ ได้ใช้ความเชี่ยวชาญทางวิปัสสนาญาณและคาถาอาคม แสดงให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและทหารหาญได้ทอดพระเนตรประจักษ์แก่สายตา เมื่อครั้งการรณยุทธที่แม่น้ำสะโตง ภายหลังท่านมหาเถระ ได้รับเกียรติคุณเป็นถึง “สมเด็จพระพนรัต” วัดป่าแก้ว สังฆราชฝ่ายอรัญวาสี แห่งกรุงศรีอยุธยา ถือเป็นแบบฉบับแห่งคัมภีร์ทางพุทธเวทย์วิทยาคมสืบต่อมาแต่ครั้งกระโน้น
อาจารย์พันธ์ วัดสกานั้นท่านมีชื่อทาง สีผึ้งเมตตามหานิยม ที่ทำจากน้ำมันช้างพลายตกมัน คือเอาน้ำมันตรงซอกหูช้างที่ไหลขณะตกมัน มาเคี่ยวกับสีผึ้งใต้ร้านบวบด้วยพระเวทย์ สีผึ้งนั้นใช้ทางเมตตามหานิยมเป็นเยี่ยม
สำหรับ พระอาจารย์กินรี นั้นท่านชำนาญทั้งทางคงกระพันและเมตตา ทางคงกระพันท่านสร้างผ้าประเจียดสีแดงสวมต้นแขน เล่ากันว่าคงกระพันชาตรีชนิดแมลงวันไม่ได้กลิ่นเลือดทีเดียว
หลวงปู่เย่อ ได้ขอศึกษาสืบต่อวิชา จากท่านอาจารย์ทั้งสองนี้ไว้จนเจนจบสิ้น นับว่าท่านมีความเพียรสูง เพราะการศึกษามิใช่เรื่องง่ายๆ จะต้องใช้พลังจิตตั้งใจมากจึงจะสำเร็จ จากนั้นมาท่านก็เฝ้าเพียรฝึกฝนวิปัสสนาอยู่อย่างสม่ำเสมอ ค้นคว้าตำรับตำราของรามัญเก่าๆ ที่มีอย่างเงียบๆ เพียงลำพังมิได้แสดงตนให้ผู้ใดทราบ เพราะหลวงปู่เป็นผู้มีความมักน้อย ถ่อมตนอยู่เป็นนิสัย การเจรจาก็สงบเสงี่ยมอยู่ในศีลแห่งสมณะ สมเป็นพุทธบุตรโดยแท้
เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่นครเขื่อนขันธ์อันโด่งดังมาตั้งแต่อดีตกาล ต้องสูญเสียพระอริยสงฆ์ไปอีกท่านหนึ่ง คือ หลวงปู่เย่อ แห่งวัดอาษาสงคราม ซึ่งท่านได้ถึงแก่มรณภาพไปเมื่อเวลา ๐๘.๑๐ น. ของวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ สิริรวมอายุได้ ๙๔ ปี ด้วยโรคชรา ท่านจากไปท่ามกลางความอาลัยอาวรณ์ของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลาย คงทิ้งไว้แต่คุณงามความดีที่ท่านได้สร้างสรรค์ไว้เป็นอนุสรณ์เตือนความทรงจำ แก่อนุชนรุ่นหลังสืบไปชั่วกาลนาน
ราคาเปิดประมูล 100 บาท
ราคาปัจจุบัน -- ยังไม่มีผู้เสนอราคา --
เพิ่มขึ้นครั้งละ 30 บาท
วันเปิดประมูล อ. - 01 ก.ค. 2568 - 13:30:17 น.
วันปิดประมูล ศ. - 04 ก.ค. 2568 - 13:30:17 น. (เหลือเวลา 1 วัน 13 ชั่วโมง 59 นาที)
ผู้ตั้งประมูล นครเมืองเก่า (1.8K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     100 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     30 บาท

!!! ท่านต้อง login เข้าสู่ระบบก่อน จึงจะสามารถร่วมประมูลได้ !!!


 
(0)
  ประวัติการเสนอราคา
 
-- ยังไม่มีผู้เสนอราคา --


Copyright ©G-PRA.COM
www1