(0)
(0)
"มีกูแล้วไม่จน " พระซุ้มกอรุ่นแรก เนื้อผง หลวงปู่ปัน โพธิรังสี พระอริยะสงฆ์แห่งวัดแม่ยะ จ.ตาก ปี ๒๕๒๗ กล่องเดิมทธิคุณพุทธคุณเปี่ยมล้น มวลสารที่สำคัญ ผสมผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม และผง๑๐๘ มงคล เคาะเดียว
รายงานผลโหวต
จากรูปพระแท้
0%
[0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง
0%
[0]
จากรูปพระเก๊
0%
[0]
พระดูยากจากรูป
0%
[0]
จำนวน
โหวต
ร่วมแสดงความคิดเห็น
ผู้โหวตจะต้องโหวตพระแท้หรือเก๊พร้อมทั้งเหตุผลในการโหวตแท้เก๊เท่านั้น
ห้ามสมาชิกแสดงว่าคิดเห็นอื่นๆ
มิฉะนั้นท่านจะถูกพิจารณาตามกฏกติกาการโหวต
จากรูปพระแท้
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง
จากรูปพระเก๊
พระดูยากจากรูป
ความคิดเห็น :
กรุณารอสักครู่...
ชื่อพระเครื่อง
"มีกูแล้วไม่จน " พระซุ้มกอรุ่นแรก เนื้อผง หลวงปู่ปัน โพธิรังสี พระอริยะสงฆ์แห่งวัดแม่ยะ จ.ตาก ปี ๒๕๒๗ กล่องเดิมทธิคุณพุทธคุณเปี่ยมล้น มวลสารที่สำคัญ ผสมผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม และผง๑๐๘ มงคล เคาะเดียว
รายละเอียด
#พระเกจิเถราจารย์สายล้านนา พระอรหันต์แห่งบ้านตากสังขารสรีระของท่านไม่เน่าเปื่อยครับ
#หลวงปู่ครูบาปัน โพธิรังสี วัดแม่ยะ ต.เกาะตะเภา อ.บ้านตาก จ.ตาก
🕊🕊🕊🕊🕊🙏🙏🙏🕊🕊🕊🕊🕊
🌹#ประวัติ🌹
#หลวงปู่ปันโพธิรังสี(อายุ 102 ปี พรรษา 80)
หลวง ปู่ปัน ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 15 ปี ก็ประมาณ พ.ศ. 2450 ที่วัดสันดอนรอม โดยมีครูบามาเป็นพระบรรพชา ให้ท่านอยู่วัดสันดอนรอม ไม่นานก็ย้ายไปอยู่วัดประตูลี้ หรือ วัดสังฆาราม ปัจจุบันนี้
......ต่อมาพี่น้องของหลวงปู่ปันได้ขอร้องให้สึกเพื่อไปช่วยกันทำนา เพราะทางบ้านยากจนมาก แต่หลวงปู่ปันไม่สึก ได้ย้ายไปอยู่วัดชัยมงคล ขณะนั้นครูบาศรีวิชัยนักบุญแห่งลานนาไทย ได้มาเป็นประธานสร้างวิหารและเจดีย์พอดีท่านจึงถือโอกาสไปช่วยงานจนกระทั่ง อายุล่วงเข้า 22 ปี จึงได้อุปสมบท
.......หลวงปู่ปัน เป็นคนยากจนจึงไม่ได้อุปสมบทในเวลาอันควร เจ้าราชภาติกวงศ์เห็นว่า หลวงปู่ปันเป็นเณรโข่งก็สงสาร จึงเป็นเจ้าภาพอุปสมบทให้ โดยมี ครูบากัณฑา วัดพระธาตุหริภุญไชย ลำพูน เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีครูบากัณฑะวงศ์ กับ ครูบาตัน เป็นคู่สวด ท่านได้จำพรรษาอยู่วัดไชยมงคลหลายพรรษา จึงออกเดินทางมาอยู่จังหวัดตาก
🏆#จาริกแสวงบุญหลวงปู่ปัน🏆
ออกจากลำพูนมุ่งสู่จังหวัดลำปาง ต้องเดินทางผ่านดอยขุนตาลมา จนถึงจังหวัดลำปาง ได้พบกับหลวงปู่ฟ้าเยื้อนกำลังจะเดินทางไปนมัสการพระธาตุตะโก้ง ประเทศพม่าก็ขอเดินทางไปด้วย โดยเดินทางผ่านจังกวัดตากและเข้าประเทศพม่าทางอำเภอแม่สอด เมื่อไปนมัสการพระธาตุตะโก้งแล้ว ก็อยู่ในพม่าอีกหลายเดือน และได้กลับมาจังหวัดตาก ก่อนจะเข้าพรรษาในปีนั้นและได้กลับมาจำพรรษาอยู่วัดพร้าว อำเภอเมืองตาก จากนั้นไปวัดดงยาง อำเภอบ้านตาก
จังหวัดตาก 1 พรรษา ต่อมาได้ไปอยู่วัดป่ายางกิ่ง อำเภอสามเงา จังหวัดตาก เมื่อเจ้าอาวาสวัดดงยางมรณภาพไป ทางวัดได้นิมนต์หลวงปู่ปันไปรักษาการแทนเจ้าอาวาสระยะหนึ่ง ต่อมาเมื่อทางวัดมีเจ้าอาสาวแล้ว หลวงปู่ปันก็ได้รับนิมนต์ไปอยู่วัดหัวบ้าน อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก (ขณะนี้เป็นวัดร้างไปแล้ว)
ท่านอยู่ 2 พรรษาก็ป่วยเป็นไข้มาเลเรีย พระครูอินตา วัดป่ายางไปรับเอามารักษาตัวอยู่วัด แม่ยะ
🌺#การศึกษา 🌺
หลวงปู่ปัน ชอบการศึกษาหาความรู้ทั้งทางอักษรศาสตร์โหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ สมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียนต้องไปหาครูเรียนที่วัด ท่านเรียนอักษรลานนา
เมื่อบวชแล้วก็สวดปาฏิโมกข์ได้แม่นยำ สามารถสอนอักษรลานนาให้ลูกศิษย์ได้จำนวนมาก ท่านเดินทางไปพม่าหลายครั้ง ได้วิชาไสยาศาสตร์และโหราศาสตร์มาจากพม่า สามารถพูดภาษาพม่าได้ นอกจากนี้ยังมีความรู้ทางแพทย์แผนโบราณ ปรุงยาสมุนไพรช่วยรักษาผู้ป่วยได้ จนเป็นที่เลื่องลือของคนในละแวกนั้น
ด้าน การอบรมสั่งสอน ท่าน ได้อบรมศีลธรรม จารีตประเพณีให้แก่ศรัทธาประชาชนทั่วไป ตลอดจนญาติพี่น้อง จนทำให้การอบรมของท่านได้ผล ศรัทธาวัดแม่ยะ และหมู่บ้านใกล้เคียงใจบุญสุนทานมีความประพฤติปฏิบัติดี มีความสามัคคีกัน โจรผู้ร้ายไม่มีทุกคนมีความเชื่อถือในหลวงปู่ปันมาก
ลูกศิษย์ของท่านเคารพยำเกรงขยันหมั่นเรียน จนเรียนจบชั้นสูงๆ ก้าวหน้าในการงาน บางคนได้ไปทำงานต่างประเทศ นำความผาสุกมาสู่ครอบครัว หมู่บ้านแม่ยะ จึงเป็นหมู่บ้านแผ่นดินทองแผ่นดินธรรมโดยแท้
🍀#ด้านสาธารณูปการ 🍀
หลวง ปู่ได้ร่วมกับศรัทธาประชาชนสร้างศาสนสถานหลายอย่าง เช่น วิหาร ศาลาธรรม ศาลาบาตร กุฏิหอระฆัง ห้องสรงน้ำ กำแพง ของวัดแม่ยะ ช่วยทะนุบำรุง โรงเรียนวัดแม่ยะ สุขศาลาบ้านแม่ยะ ให้ทุนการศึกษานักเรียนยากจน สร้างศาลาของฌาปนสถานบ้านแม่ยะ เป็นต้น
หลวง ปู่ท่านมีความเมตตา กรุณา โอบอ้อมอารี ท่านช่วยเหลือผู้ที่มาของความช่วยเหลือเสมอ แม้ชาวเขาก็เคยลงมาขอความเมตตาจากท่านอยู่เสมอ แม้ว่าท่านจากลำพูนมานานแล้ว ท่านก็ยังไม่ลืมได้ไปทอดผ้าป่าทางโน้นอยู่เนืองนิตย์
ก่อนท่านจะมรณภาพ ท่านได้บริจาคเงินจำนวนหนึ่งช่วยสร้างเจดีย์วัดสังฆารามด้วย จึงนับว่าหลวงปู่ของเราเป็นนักบุญโดยแท้
ที่พวกเราจะลืมไม่ได้ วาระสุดท้ายของชีวิต หลวง ปู่ปัน ได้ป่วยด้วยโรคชรามีอาการอ่อนเพลีย และได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ 6 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537 สิริรวมอายุได้ 102 ปี
🌹🌹🌹🌹🙏🙏🙏🌹🌹🌹🌹
************#ปฎิปทาหลวงปู่ปัน**************
* จากการเปิดเผยของศิษย์ใกล้ชิดของครูบาปัน ได้กรุณาเล่าให้ผมฟังหลายเรื่องราว ลุงคนนี้ปัจจุบันเขาอยู่ที่สามเงานี่เอง จะมาพบกันทุกวันอาทิตย์ที่ตลาดนัดวัดจัดสรร เดิมเขาทำงานชลประทาน เขาแวะหาครูบาปันรับใช้ตลอดมาจนครูบาปันมรณะภาพ ลุงคนนี้บอกว่าเขานับถือครูบาปันมากที่สุดในโลก เขาบอกว่าครูบาปันคือสุดยอดของเกจิที่เก่งจริงๆ สำหรับองค์อื่นเขาบอกไม่รู้ไม่เชื่อ แต่เขาเชื่อความศักดิ์สิทธิ์ครูบาปันเท่านั้น
....👉#เรื่องที่1 ลุงเขาเล่าว่า การอาบน้ำของครูบาปัน วัดของครูบาปันอยู่ติดกับลำน้ำปิง ที่มีน้ำไหลเชี่ยวและสะอาดนั้นแต่ครูบาปันจะไม่ไปอาบน้ำแม่ปิงเลยตลอดชีวิตของท่าน ครูบาปันจะให้ลูกศิษย์โยกน้ำจากบ่อบาดาลภายในวัดแม่ยะใช้อาบตลอดอายุขัยของครูบาปัน และที่แปลกเวลาครูบาปันอาบน้ำทุกครั้งท่านจะต้องห้นหน้าไปทางทิศใต้เสมอ จากการสังเกตและบอกเล่าจากลูกศิษย์รับใช้ครูบาปัน เทพเจ้าวัดแม่ยะ ***
.....👉#เรื่องที่ 2 ครูบาปันมีความเมตตาต่อทุกคน วันไหนท่านได้รับนิมนต์ไปงานบุญที่อื่นๆเวลาท่านกลับวัดแม่ยะ ของที่ญาติโยมถวายครูบาปันมา ท่านจะแจกจ่ายให้ทานกับเด็กวัดและลูกศิษย์ลูกหาจนหมด เงินทองที่ได้รับมาทุกบาททุกสตางค์ท่านจะส่งมอบให้กรรมการวัดนำเข้าบัญชีของวัดหมด ***
👉 #เรื่องที่3 เวลาครูบาท่านจะฉันอาหาร ครูบาจะหยิบข้าวใส่มือแล้วเสกข้าวฉันทุกครั้งไป และท่านจะฉันเพียงข้าวจิ้มกับน้ำพริกแดงธรรมดาเท่านั้น อย่างอื่นท่านจะไม่แตะต้องเลย จึงทำให้ท่านมีอายุยืนถึง 100 กว่าปี ***
👉#เรื่องที่4 มาในระยะหลัง เมื่อครูบาปันมีอายุมากขึ้น ตาของครูบาปันเริ่มฝ้าฟางทั้งสองข้าง มองอะไรไม่ค่อยจะเห็นแต่ไม่ถึงกับบอด ครูบาปันเคยเล่าให้ฟังว่า ครอบครัวของครูบาปันทุกคนเมื่อมีอายุมากขึ้นตาจะมีอาการเหมือนกับครูบาปันกันทุกคน ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่าทางพันธ์กรรมหรือกรรมพันธุ์ ***
👉#เรื่องที่5 จุดเด่นของครูบาปัน ที่ไม่มีพระรูปใดเสมอเหมือนท่านนั่นคือ แม้ว่าสายตาของครูบาปันจะมีปัญหา แต่ครูบาปันจะลงทำวัตรเช้าเย็นมาตลอดไม่ขาดแม้แต่ครั้งเดียว ถึงจะอาพาธหรือฝนฟ้าคะนองก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับสุดยอดเกจิรูปนี้ ท่านจะลงทำวัตรเช้าเย็นที่พระอุโบสถซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกุฏิของท่านมากนักด้วยตัวของท่านเองเสมอ โดยไม่ต้องใช้ไม้ช่วยหรือให้ศิษย์คนใดคนหนึ่งช่วยประคองก็หาไม่ แต่ท่านเดินไปยังพระอุโบสถได้ถูกต้องและแม่นยำได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ***เรื่องที่ 5 หลังจากที่ท่านครูบาปันทำวัตรเช้าเย็นเสร็จแล้ว ทุกวันท่านจะใช้เวลาว่างจากภารกิจประจำแล้วท่านจะนั่งปลุกเสกพระเครื่องของท่านไปเรื่อยๆจนเป็นที่พอใจแล้วจึงกลับกุฏิของท่าน พระเครื่องที่ว่านี้ก็คือพระเนื้อดินพิมพ์พระลำพูนพิมพ์ต่างๆที่ท่านมีแจกให้กับสาธุชนที่ไปกราบท่านทุกคนจะได้รับกับมือของท่าน บางคนได้พระรอด บางคนได้พระลือ บางคนได้พระเลี่ยง บางคนได้พระคง เป็นต้น พระเนื้อดินใหม่ๆที่ท่านแจกอยู่เสมอๆก็ไม่ทราบว่าท่านนำมาจากที่ไหน เข้าใจว่าคงมีผู้ไปซื้อเหมามาจากลำพูนแล้วนำมาถวายท่าน พระที่ท่านจากให้โดยไม่คิดมูลค่านี่แหละเด็ดดวงยิ่งนัก เคยมีคนเขื่อนภูมิพลมาเหมาซื้อจากทางวัดแม่ยะไปหมดตู้ นี่ก็แสดงว่าไม่ธรรมดา
👉#เรื่องที่6 สมัยที่ครูบาปันยังมีชีวิตอยู่ ในบั้นปลายชีวิตของท่าน ท่านชราภาพมากแล้วตาก็มองอะไรไม่เห็น ทุกคืนจะมีญาติโยมบ้านแม่ยะ จัดเวรนอนเฝ้าระวังสิ่งต่างๆให้กับครูบาทุกคืนๆละประมาณ 10 คน ครูบาจะนอนจำวัดใต้กุฏิของท่าน เป็นห้องกว้าง มีประตูเข้าออกเพียงประตูเดียว ทางญาติโยมก็จะนอนขวางทางประตูไว้ มีอยู่คืนหนึ่งประมาณตีสอง ศิษย์คนหนึ่งตื่นขึ้นมามองไม่เห็นครูบาจำวัดอยู่บนเตียง ก็แปลกใจว่าครูบาไปไหน สักพักก็ได้ยินเสียงครูบาอยู่ในห้องน้ำ ศิษย์ก็ถามขึ้นว่าหลวงพ่อทำอะไร เข้าห้องน้ำ ครูบาตอบ เอ้า ! ครูบาออกไปได้ไงนี่ ตาก็มองไม่เห็น ศิษย์ก็นอนขวางทางประตูออกเต็มไปหมด ทำไมถึงไม่สะดุดหรือเหยีบคนใดคนหนึ่งที่นอนขวางประตูอยู่ แปลกอัศจรรย์ยิ่งนัก
👉 #เรื่องที่7 มีอยู่ครั้งหนึ่งลุงคนนี้แกนับถือครูบามาก ยามว่างก็จะไปหาครูบาที่วัด ขณะที่เดินเข้าวัดก็เห็นครูบากำลังปลงเกษาอยู่คนเดียว ด้วยจิตอาสา จึงถามขึ้นว่าหลวงพ่อทำอะไร โกนผม มาผมจะโกนให้ ครูบาก็ส่งมีดโกนให้ลุง ลุงก็ตั้งท่าอย่างดี โกนผมให้ครูบา แต่ เอะ โกนตั้งหลายครั้ง หลวงพ่อทำไมไม่เข้าละ ครูบาหังเราะ เอามีดมานี่ ครูบาเป่าพรวดไปที่ใบมีด เอ้า ลองโกนใหม่อีกทีซิ คราวนี้ได้ผล นี่แหละอมตะสุดยอดเกจิแม่ยะ ***
👉#เรื่องที่8 ครูบาปันมรณะภาพแล้ว ถึงจะเก็บศพไว้หลายปี แต่สรีระครูบาไม่มีกลิ่นเหม็นเลยแม้แต่น้อย ลุงคนเดิมเล่าให้ฟังครั้งเมื่อลุงอุ้มศพหลวงพ่อออกจากโลงแก้วก่อนที่จะพระราชเพลิงศพ น่าอัศจรรรย์ยิ่งนัก นอกจากไม่มีกลิ่นเหม็แล้ว ร่างกายของครูบาเป็นสีทองน่าอัศจรรย์มาก ***
👉#เรื่องที่9 คราวงานพระราชทานเพลิงศพ ศพไม่สามารถเคลื่อนออกจากที่ได้แม้แต่น้อยนิด ท่านเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันถึงได้ไปขอขมาท่านจึงเคลื่อนไปได้โดยง่าย และคราวจุดไฟ ไม่มีติด จนขอขมาท่านอีกจึงจุดติดโดยง่ายดาย ***
👉#เรื่องที่10 คดีเพชรซาอุ ฯ มีความเกี่ยวพันกับคนอำเภอเถิน ลำปาง มากที่สุด หนึ่งในจำนวนนั้นคือช่างทองอำเภอเถินเข้าไปมีส่วนต้องคดีเพชรซาอุฯ จนท้ายที่สุดหลุดคดีออกมาได้ด้วยบารมีสีผึ้งครูบาปันโดยแท้ เขาบอกว่าวันที่นายใหญ่เรียกเข้าไปพบครั้งสุดท้าย ได้ใช้สีผึ้งครูบาปัน ทาที่ปาก แล้วไปพบนายใหญ่ แปลกใจ มึงบริสุทธิ์ มึงไปได้ เออ อ้าว งง ! เป็นไปได้ไง กู รอดตาย โหง แล้วนี่ ดีไม่โดนอุ้ม
************************************************************************************************
เหรียญครูบาปัน ที่ทางวัดแม่ยะสร้างจริงๆมีเพียง 3 รุ่น เท่านั้น คือ 1) รุ่นแรก 2518 2)รุ่น 2 และ 3 รุ่น 100 ปี *** สำหรับรุ่นอื่นๆล้วนแต่ศูนย์พระเครื่องที่กรุงเทพฯสร้างถวายทั้งนั้น *** หลวงพ่อครูบาปัน เคยเล่าให้ผมฟังว่า " มีผู้สร้างพระจากกรุงเทพฯนำพระมาให้หลวงพ่อครูบาปลุกเสกในตอนเช้าแล้วตอนบ่ายขอรับคืนกลับกรุงเทพฯ หลวงพ่อครูบาพูดกับผู้นำพระมาให้ปลุกเสกว่า " โฮ้ะ บ่ได้ ไผ๋ว่า ตุ๊จะต้องปลุกเสก 1 คืนก่อนถึงจะนำหลับกรุงเทพฯได้ นี่แสดงว่า1)ผู้สร้างไม่ให้ความสำคัญในเรื่องการผ่านพิธีปลุกเสก 2)แสดงให้เห็นเด่นชัดว่าหลวงพ่อครูบาปัน ไม่ได้เป็นพระที่สุกเอาเผากิน แต่เป็นพระเกจิที่คำนึงถึงคุณภาพมากกว่าสิ่งอื่น *** เหรียญรุ่น 1 เป็นเหรียญที่มีคุณภาพ มีประสบการณ์กับผู้นำไปใช้ จนสร้างชื่อเสียงให้กับครูบาปันโด่งดังทะลุฟ้า *** อันนี้ได้รับฟังจากผู้นำเหรียญรุ่น 1 ครูบาปัน เนื้ออัลปาก้า ไปยิงด้วย .38 ไม่ดังแม้แต่นัดเดียว เขาเป็นถึงศึกษานิเทศน์อำเภอ ลองจนชนิดที่เรียกว่ายิงให้ดังแต่ก็ไม่ถูกทั้งเหรียญและเป้า *** อันนี้เป็นเกร็ดความรู้นะครับ หลวงพ่อครูบาปันเคยพูดให้ฟังว่า "เหรียญเนื้ออัลปาก้าปลุกเสกประจุอาคมยาก เพราะเนื้อแข็ง แต่เนื้อทองแดง ปลุกเสกประจุอาคมไม่ยาก เพราะเนื้ออ่อน *** ครับ เหรียญเนื้ออัลปาก้าครูบาปันรุ่น 1 เป็นเหรียญยอดนิยมของจังหวัดตาก เพราะนำไปลองแล้วมีประสบการณ์ *** หลวงพ่อครูบาปันเคยพูดไว้ว่า " เหรียญรุ่น 1 ตุ๊ยังปล่อยคาถาเสกยังไม่หมด คือขยักไว้ แต่เหรียญรุ่น2 ตุ๊ปล่อยคาถาเสกหมดสิ้น ผ่อไปก่า
มีทหารเคยตามหาเกจิในจังหวัดตาก นอกจากครูบาวังแล้วยังจะมีเกจิรูปไหนบ้างที่หลวงพ่อครูบาวังไว้วางใจว่าเยี่ยมสุดยอดไม่แพ้ท่าน ก็คงไม่มีพระเกจิรูปใดเด่นและดีไปกว่าครูบาปัน วัดแม่ยะ *** เพราะฉะนั้นเหล่าทหารที่จะไปออกทัพจับศึกก็ต้องเสาะแสวงหาเครื่องรางของขลังที่พอจะคุ้มครองให้รอดปลอดภัยจากอาวุธนานาชนิดได้ *** เหล่าทหารต่างก็มุ่งมาหาของดีจากครูบาวัง และเหล่าทหารชุดนั้นคงจะถามครูบาวังว่ามีเกจิรูปอีก ครูบาวังคงจะแนะนำให้ทหารชุดนั้นไปหาครูบาปัน *** ครูบาปันเล่าว่าทหารชุดนั้นมาหาท่าน และขอให้ครูบาลงตะกรุดให้คนละดอก ครูบาปันตอบว่า อาตมาบ่ทำแล้ว อาตมาได้ทิ้งตำราคาถรปล่อยลงแม่น้ำปิงไปนานแล้ว *** เหล่าทหารชุดนั้นก็ไม่ย่อท้อ ได้อ้อนวอนต่อไปว่าจะขอครูบาปันลงตะกรุดให้ ครูบาปันก็ยืนยันคำเดิม ทหารก็ไม่ลดละความพยายาม ทหารชุดนั้นคงมีความศรัทธาครูบาปันสูงมากและคงจะได้ยินกิตติศัพท์ครูบปันมาบ้างแล้วจึงไม่ยอมกลับค่าย แม้กระทั่งยอมลงทุนนอนคางคืนที่วัดเพื่ออ้อนวอนครูบาปันทำตะกรุดให้ *** ในที่สุดครูบาปันเห็นว่าเหล่าทหารชุดนี้คงจะมีความมุ่งมั่นจริงๆถึงได้ลงทุนขนาดนี้ ที่สุดก็ยอมลงตะกรุดให้คนละ 1 ดอก เมื่อสมหวังแล้วทหารชุดนั้นก็กราบลาท่านกลับค่าย *** หลางพ่อครูบาปันบอกว่าลองใจมันผ่อว่าจะแต้บ่แต้ *** ครูบาจันตา แห่งวัดป่ายางใต้ซึ่งเป็นศิษย์เอกของครูบาปัน ตะกรุดของท่านมีสมญาว่าตะกรุดปืนตาย นั่นคือใครก็ตามที่ยิงคนที่มีตะกรุดครูบาจันตาศิษย์เอกครูบาปัน ปืนกระบอกนั้นทิ้งไปเลย คือใช้การไม่ได้อีกต่อไป นักเลงบ้านป่ายางตะวันออกเข็ดขยาดนัก แต่มีน้อยคนที่จะได้ตะกรุดจากมือท่านไป นอกจากหลานครูบาจันตาเท่านั้นที่ได้ไว้ครอบครอง *** หลานของครูบาจันตามีตะกรุดโทนติดตัวตลอดเวลา ถูกคู่อริดักซุ่มยิง แต่ไม่ดัง และปืน .38 ตาย *** นี่เพียงลูกศิษย์นะครับ อาจารย?จะขนาดไหนลองคิดดู *** ครูบาจันตาได้มรณะภาพก่อนครูบาปัน ครูบาปันพูดว่า เออ ! ลูกศิษย์ไปก่อนอาจารย์ แล้วก็หัวเราะ ***
🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸ที่มา#จดหมายเหตุพระเกจิ
ราคาเปิดประมูล
199 บาท
ราคาปัจจุบัน
-- ยังไม่มีผู้เสนอราคา --
เพิ่มขึ้นครั้งละ
50 บาท
วันเปิดประมูล
ส. - 09 ส.ค. 2568 - 13:27:45 น.
วันปิดประมูล
อ. - 19 ส.ค. 2568 - 13:27:45 น. (เหลือเวลา 4 วัน 20 ชั่วโมง 48 นาที)
ผู้ตั้งประมูล
textile007
(
9.8K
)
(0)
ราคาปัจจุบัน :
199 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :
50 บาท
!!! ท่านต้อง login เข้าสู่ระบบก่อน จึงจะสามารถร่วมประมูลได้ !!!
(0)
ประวัติการเสนอราคา
-- ยังไม่มีผู้เสนอราคา --
Copyright ©G-PRA.COM
www1