| ชื่อพระเครื่อง |
พระอุปคุต แร่เขาอึมครึม ขนาดบูชา หน้าตัก 3 นิ้ว หลวงพ่อพิเชฐ วัดโคกหม้อ อธิฐานจิต..ศิษย์สายพระอุปคุต หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง ครูบากฤษดา วันสันพระเจ้าแดง ไม่ควรพลาด |
| รายละเอียด |
พระอุปคุตแร่เขาอึมครึม หลวงพ่อพิเชฐ วัดโคกหม้อ
ขนาดบูชา หน้าตัก 3 นิ้ว
วิธีบูชาพระอุปคุต ให้มีเมตตามหานิยม โชคลาภเข้ามาไม่ขาดสาย
เมื่ออธิษฐานจุดธูปเทียนบูชาแล้ว ให้ตั้งจิตสวดนะโม ๓ จบ และสวดคาถาบูชาขอลาภพระอุปคุต ๑ จบ แล้วทำน้ำมนต์สวดด้วยคาถาขอลาภพระมหาอุปคุตอีก ๑ จบเสร็จแล้วเอาน้ำมนต์ประพรมร้านค้าและสินค้าต่าง ๆ ในร้าน หรือทำธุรกิจอย่างอื่น ก็ให้เอาน้ำมนต์ประพรมภายในสำนักงานและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการประกอบธุรกิจนั้นทั้งหมดให้ปฎิบัติตามที่กล่าวมานี้ก่อนเปิดร้านในตอนเช้า ก่อนลูกค้าจะเข้าร้านหรือก่อนเปิดสำนักงานเวลาเช้า เป็นการเรียกเสน่ห์ เมตตามหานิยมให้มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนมากมาย มีโชคลาภเข้ามาไม่ขาดสาย ส่งเสริมฐานะให้รวย โจรผู้ร้ายเมตตาสงสารไม่มารบกวน ที่สำคัญศัตรูคู่แข่งไม่อาจขัดลาภหรือผลประโยชน์ได้
วิธีการบูชาพระอุปคุต
น้ำเย็นวันละ 1 แก้ว ธูปหอม 3 ดอก
ดอกมะลิหรือดอกบัวขาว หรือดอกอะไรก็ได้
ถวายข้าว, กล้วย, ขนม ทุกเช้า หรือทุกวันพระ ห้ามถวายประเภทสิ่งมีชีวิต เช่นเนื้อ ปลา เป็นต้น (ให้ถวายมังสะวิรัติ)
เวลาจัดงาน ให้จัดโต๊ะพิเศษ อันเชิญพระอุปคุตมาตั้งไว้ พร้อมบูชาเครื่องสักการะตลอดงาน อย่าให้ไฟดับอานิสงส์การบูชาพระอุปคุต จะเป็นสิริมงคลชุ่มเย็นตลอด ป้องกันภัยพิบัติและแคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆและอุบัติเหตุทั้งหลาย เป็นผู้ชนะมารและศัตรูที่จะมาปองร้ายเราทั้ง 10 ทิศ เป็นผู้มีอำนาจวาสนาดี ไม่มีใครข่มเหงรังแก
คาถาบูชาพระอุปคุต
อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร สัมพุทเธนะ วิยากะโต มารัญจะ มาระพะลัญจะ โส อิทานิ มะหาเถโร นะมัสสิตะวา ปะติฎฐิโต อะหัง วันทามิ อิทาเนวะ อุปะคุตตัง จะ มาหาเถรัง ยัง ยัง อุปัททะวัง ชาตัง วิธัง เสติ อะเสสะโต มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ
หรือ
(แบบย่อ) อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร ยักขาเทวา นะระปูชิโต โสระโห ปัจจะ ยาทิมปิ มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ
(เกิดโชคลาภและคุ้มกันภัยภิบัติอันตรายทั้งปวง)
***********************************
แร่เขาอึมครึม
เหล็กไหล...ก้อนแร่เหล็กบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ว่ากันว่าได้รับการอธิษฐานบรรจุฤทธิ์ โดยพระฤาษีผู้ทรงฌาณชั้นสูง เพื่อธำรงคุณงามความดี โดยมีธาตุกายสิทธิ์เป็นผู้คอยช่วยเหลือผู้ที่มีความทุกข์ยากให้พ้นภัย จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่มีรังสีหรือพลังปราณที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวให้พ้นจากภัยอันตรายอันเกิดจากอาวุธปืนหรือของมีคม เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะและหายากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมายกว่าจะได้มา
ฉะนั้นเหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพณ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และเป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตคนที่มีเหล็กไหลพกติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจากอุบัติภัยร้ายแรง รวมถึงอาวุธร้ายแรงนานาชนิดได้อย่างน่าอัศจรรย์นั่นเอง
แท้จริงแล้วเหล็กไหลอะไร คือ ธาตุกายสิทธิ์ มีพลังอำนาจมีฤทธิ์อยู่ในตัว เหล็กไหลเกิดจากพลังอำนาจของผู้ที่ทรงฌานสมาบัติขั้นสูง ซึ่งอาจจะเป็นฤาษีที่บำเพ็ญฤทธิ์อยู่ในป่า เมื่อผู้ที่ทรงฌานตาย ทำให้ธาตุขันธ์มีสภาพกลายเป็นเหล็กไหล เนื่องด้วยพลังอำนาจจิตที่เป็นฌานในระดับสูงจึงทำให้พลังธาตุนั้นมีฤทธิ์มาก เพราะผู้ทรงฌานก็คือผู้ทรงฤทธิ์นั่นเอง จึงเป็นที่มาว่าทำไมเหล็กไหลมีฤทธิ์มาก (ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่มาจากผู้ที่ปฏิบัติสายนี้จริงบอกมา)
คำว่า "ธาตุกายสิทธิ์" นั้น หมายถึง วัตถุธาตุบางชนิดที่ปรากฏอยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ ประกอบไปด้วยพลังงานอันมหาศาล อันเกิดจากเจตสิกผู้ครอบครองธาตุนั้นแฝงเร้นอยู่ ใช้สำหรับป้องกันภัยให้กับตนเองโดยธรรมชาติ แต่บางครั้งไม่ได้ปรากฏให้เห็นชัดเจน กลับซึมลึกลงไปอยู่ใต้พื้นผิวโลก ตามป่าตามเขา ตามถ้ำ แม้แต่ห้วยหนอง คลองบึง รอจนกว่าผู้ที่มีภูมิจิตภูมิธรรมสูงไปพบเข้า แล้วหยิบยกเอาธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้มาใช้ประโยชน์ เพื่อมวลมนุษยชาติและปกป้องคุ้มครองคนหมู่มาก ดังนั้นจึงเชื่อกันว่า "เหล็กไหล" จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่ง
โคตรเหล็กไหลหรือเหล็กไหลงอก เหล็กที่เหล็กที่แข็งตัวไปตามธรรมชาติแล้ว แต่สามารถงอกออกมาได้ เหล็กไหลงอกที่ขึ้นชื่อที่พบมากมาจาก 3 แหล่งใหญ่ในประเทศไทยคือ
1.เขาอึมครึม จ. กาญจนบุรี
2. เกาะล้าน พัทยา
3. อ.ลอง จ.แพร่ ที่ชาวบ้านเขาเรียกว่าตับเหล็กเมืองลอง
4. อ. ปราสาท จ.สุรินทร์และตามชายแดนเขตไทยพม่าอีกหลายแห่ง
เหล็กไหลงอกมีลักษณะการงอกเหมือนเม็ดไข่ปลาสีดำอมเขียว มีหลายสีสัน เช่น สีรุ้ง สีดำอมเขียว สีดำอมแดง สีดำผสมเงิน เป็นต้น
เหล็กไหลงอก เป็นอีกหนึ่งในบรรดาเหล็กไหลชั้นยอด มีอิทธิฤทธิ์ในด้านต่างๆ เหมือนเหล็กไหลชนิดอื่นๆ เช่นกัน จึงเป็นที่มาแห่งสุดยอดเหล็กไหลบารมี เลยก็ว่าได้ เหล็กไหลมีอิทธิคุณทุกด้าน ทั้งเสน่ห์ เมตตามหานิยม คุ้มครองชีวิตผู้เป็นเจ้าของ ป้องกันภูตผีปีศาจ ให้โชคลาภ เงินทองไหลมาเทมาค้าขายร่ำรายเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี แคล้วคลาดจากภัยต่างๆ ทั้งปวง เหมาะสำหรับผู้บำเพ็ญญาณบารมี มีอนุภาพ 108 ประการ เหล็กไหลงอกนั้นมีทั้งเทพพรหม ฤาษี คอยรักษาดูแลอยู่ ด้วยอานิสงส์จากการบูชาเหล็กไหลงอก มีคุณค่าอเนกอนันต์จึงทำให้ผู้รู้หลายท่านพยายาม ตามหาเหล็กไหลชนิดนี้ไว้ครอบครอง แต่ก็หาได้ยากเพราะในธรรมชาตินั้นมีน้อยมาก ผู้ที่ได้เหล็กไหลชนิดนี้ไว้ครอบครองนับว่าเป็นผู้มีบุญบารมีสูงอย่างยิ่ง
ด้วยพลังอำนาจที่มีอยู่ในตัวเหล็กไหลผู้ที่มีไว้ครอบครองจะประสบความสำเร็จในชีวิตนานัปการ เหล็กไหลนั้นย่อมอยู่เหนืออำนาจเงินอันเป็นเพียงของสมมติบัญญัติของมนุษย์ การมีเงินไม่ใช่ปัจหลักในการที่จะได้มาซึ่งของวิเศษ ผู้ที่ครอบครองเหล็กไหลจะต้องเป็นคนดีมีศิลธรรมด้วยอีกทั้งจะต้องมีความเชื่อและศรัทธาในเหล็กไหลอย่างแท้จริง เหล็กไหลงอกสามารถเปลี่ยนสิ่งชั่วร้ายเป็นสิ่งดีๆ เปลี่ยนจิตใจคนได้จากร้ายกลายเป็นดีได้เช่นกัน ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง กันภูตผีปีศาจ กันดวงตก ดวงชงดวง ชะตาขาด กันการชงตามงานศพ งานแต่ง ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ มีอิทธิคุณในตัว อาจารย์หรือผู้รู้นิยมนำธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลชนิดนี้มาทำน้ำมนต์รักษาโรคภัยต่างๆ เหล็กไหลงอกมีพลังอำนาจครอบจักรวาลประหนึ่งแก้วสารพัดนึก แต่สิ่งที่จะอธิษฐานใดๆ นั้นจะสำเร็จหรือไม่มากน้อยเพียงใด โดยจะไม่เกินอำนาจของกฎแห่งกรรมตามอำนาจวาสนาเฉพาะของคนๆ นั้น
ตามความรู้และความเห็นของผู้เขียน(สยามมงคล)เหล็กไหลไม่จำเป็นต้องปลุกเสกหรือเข้าพิธีปลุกเสกใดๆอีก ยกเว้นเชิญเทวดามารักษา เพราะผู้ที่บรรดาลให้เกิดย่อมมีฤทธิ์มากอยู่แล้ว และอีกอย่างวัตถุเหล็กไหลนั้นก็มีพลังงานมากอยู่แล้ว ยกเว้นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและรู้จริงในเรื่องพลังงานธาตุ...
ขอบคุณข้อมูลคุณสยามมงคล
***********************************
ประวัติโดยสังเขป
หลวงพ่อพิเชฐ วัดโคกหม้อ
ถือว่าท่านเป็นพระเป็นที่รู้จักกันโดยทั่ว
ในยุคปัจจุบัน..ถ้าพูดถึงพระเกจิในลพบุรียุคนี้..ต้องมีชื่อท่านอยู่ด้วยเสมอ ท่านเป็นชาวนครสวรรค์ เกิดที่นั่น..เรียนหนังสือที่นั่น..มูลเหตุสำคัญที่ทำให้ท่านสนใจด้านคาถาอาคม เริ่มจากวันหนึ่งท่านได้มีโอกาสพบท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี อาจารย์ชุมได้แสดง..ศาสตร์แห่งคาถาอาคมให้ชมทำให้ท่านศรัทธาในศาสตร์แห่งนี้
จึงเริ่มศึกษามาตั้งแต่วัยเรียน..จนท่านบวชเป็นพระอาจารย์ที่ท่านได้ขอเป็นลูกศิษย์แรกก็คือท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี ท่านเรียนวิชาต่างๆ จากอาจารย์ชุม..เรียกว่าครบกระบวนของสายเขาอ้อ..จากนั้นท่านก็ออกแสวงหาครูอาจารย์เพิ่มเติมอีกมากมายหลายท่านด้วยความที่ว่าท่านเป็นคนจริงจะศึกษาวิชาอะไรต้องได้รับการยินยอมจากครูอาจารย์ก่อน..เรียกว่าต้องยกขันครูกราบเรียนวิชากันอย่างถูกต้องจริงๆก่อน..ถึงเรียกว่าเป็นศิษย์ครูอาจารย์กันจริงมิได้แอบอ้าง
ครูอาจารย์ที่ท่านได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆ มีหลายท่านได้วิชาแท้ๆ เต็มๆ ของแต่ละสายมาเยอะมากอย่างวิชาของนครสวรรค์ เช่นหลวงพ่อเดิม ท่านก็ได้รับการถ่ายทอดมาโดยตรงจากศิษย์หลวงพ่อเดิมที่มอบต่อมาให้ท่าน..เป็นวิชาที่เต็มสูตร(เหตุที่ว่าเป็นวิชาที่เต็มสูตรก็คือ บางครั้งท่านจะไปเรียนกับพระผู้ใหญ่สายนี้บางท่านแต่พอไล่วิชากันไปมากับพบว่าที่ท่านมีมากกว่าเยอะ..เลยต้องเป็นคนสอนแทน)
วิชาสายหลวงพ่อพวง วัดหนองกระโดน ก็ได้รับการถ่ายทอดจากหลวงพ่ออ้วนวัดหนองกระโดน องค์ปัจจุบัน..พร้อมได้ศึกษาตำราโบราณของวัดที่หลวงพ่อพวงท่านเก็บไว้มากอีกด้วย
โดยเฉพาะวิชาทำปลัดขิกเป็นสูตรเต็มซึ่งยาวกว่าที่ได้รับมาจากหลวงพ่อยิด..มากกว่าเยอะ..จากนั้นท่านก็ได้ศึกษากับหลวงพ่อกวย อีก..ได้รับมอบตำราจากหลวงพ่อกวยมา เป็นตำราครูซึ่งแรงมาก..ต้องวางไว้บนพานที่โต๊ะพระ..และห้ามเปิดอ่านถ้าไม่ได้รับการครอบครูหรือถ่ายทอดฐานะศิษย์ก่อน..ไม่งั้นจะเป็นภัย
ในสายลพบุรีท่านก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาของหลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู..จนหมด..จากศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรง จากนั้นก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงปู่มัง มังคโล วัดเทพกุญชร ลพบุรี ศิษย์โดยตรงของหลวงพ่อสิริจันโท อีกองค์เดินเข้าสระบุรี..ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อเฮ็น วัดดอนทองโดยเฉพาะวิชาทำตะกรุดภุชงค์..(ปัจจุบันมีผู้รู้คาถาทำตะกรุดนี้แท้ๆสาม สี่องค์ เท่านั้น ที่หลวงปู่เฮ็นถ่ายทอดให้) จากนั้นท่านก็ ธุดงค์ไปตามป่าเขาไปทั่วประเทศเจอครูอาจารย์อีกหลายท่าน..ได้รับการถ่ายทอดมาอีกมาก
ในระหว่างธุดงค์ไปทั่วประเทศท่านได้สร้างวัดไว้หลายวัด
แล้วออกธุดงค์ต่อ..จนท่านกลับมาช่วยวัดโคกหม้อสร้างพระอุโบสถ
(วัดนี้สมัยก่อนหลวงปู่จันเคยอุปถัมป์)ท่านสร้างพระอุโบสถแล้วเสร็จภายในหนึ่งปี..ก่อนเตรียมออกธุดงค์ต่อแต่ชาวบ้านขอให้ท่านอยู่พัฒนาวัดก่อน..ทำไปทำมาท่านเลยไปได้ไปไหนต่อ..แต่ก็ยังออกธุดงค์เป็นประจำปีละครั้งจนตอนหลังภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบในฐานะพระครูและเกรงใจญาติโยมที่มาหา..ระยะหลังเลยไม่ได้ออกธุดงค์
ในปัจจุบันถือว่าท่านเป็นพระที่ใคร ๆ ในวงการพระต่างรู้จัก
ผ่านมาตรงเข้าไปกราบไหว้ หรือตั้งใจมากราบจากที่ไกลๆก็มาก
แม้แต่อธิบดีตำรวจ หรือนายกคนก่อน ต่างก็เคยมากกราบแล้วทั้งนั้น
จากพระที่คนรู้จักเพียงท้องถิ่น..ขึ้นสู่พระที่รู้จักกันทั่วประเทศ
สิ่งที่ทำให้ท่านมีชื่อเป็นที่รู้จัก..อันดับแรกคือปลัดขลิก แรกเลยท่านจะทำด้วยไม้แกะ..เรียกว่าทำเล่นไม่กี่ตัวเป็นปลัดจากไม้กัลปังหาดำ
สร้างน้อยมากไม่ถึงร้อยตัวจากนั้นก็เริ่มสร้างจากกัลปังหาแดง ซึ่งน้อยกว่าดำมากเพราะหาตามตำรายากหน่อย ไม่กี่สิบตัวแล้วสุดท้ายท่านก็สร้าง ด้วยกัลปังหาขาวซึ่งน้อยกว่าอย่างอื่น..ด้วยความหายาก
จึงสร้างเพียงสิบกว่าตัว ด้วยความที่คนที่ไม่ได้อยากได้ไว้บ้างโดยเฉพาะพ่อค้า แม่ค้า..อยากได้ไว้ค้าขาย ท่านจึงสร้างด้วยไม้ไว้แจก..จนหมดไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่พอกับความต้องการ ท่านจึงให้สร้างเป็นเนื้อโลหะ..ที่นี้สร้างหลายร้อยตัวแต่ที่ทำให้ที่ดัง..เกิดจากการยิงถล่มกันของหัวคะแนนคนที่พกไว้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย..
และยังมีประสบการณ์จากชาวบ้านแถวนั้นโดนงู โดนหมากัดแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรอีก..จึงทำให้เป็นที่ต้องการขึ้นไปอีก..จนไม่พอ ต้องทำเพิ่มอีกรุ่น แต่ไม่นานเกิดเรื่องผีเข้า ระบาด แถวชานเมือง มีคนเอาไปจี้ทำให้ผีออก..จึงไปดังด้านไล่ผีอีก..ในปัจจุบัน..ท่านต้องทำปลัดขลิกติดวัดไว้ตลอด เพราะ คนที่มากราบต่างก็อยากได้ไว้
ขอบคุณที่มา
https://www.5forcenews.com/?p=122917 |
| ราคาเปิดประมูล |
50 บาท |
| ราคาปัจจุบัน |
500 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
| เพิ่มขึ้นครั้งละ |
50 บาท |
| วันเปิดประมูล |
จ. - 25 ส.ค. 2568 - 05:05:05 น. |
| วันปิดประมูล |
พ. - 27 ส.ค. 2568 - 21:02:58 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
| ผู้ตั้งประมูล |
ฉัตรเงิน (2.1K)  
|