| ชื่อพระเครื่อง | 
          หลวงพ่อโต กรุแตก วัดบางพลีใหญ่ใน | 
        
        
          | รายละเอียด | 
          พระหลวงพ่อโต กรุแตกรุ่น ๒" 
ปีที่สร้าง พ.ศ. ๒๕๒๓ - จำนวนสร้าง ๕,๐๐๐ องค์ 
ขนาด กว้าง ๓ เซนติเมตร x สูง ๔.๔ เซนติเมตร 
ลักษณะองค์พระ พระหลวงพ่อโตพิมพ์ปางมารวิชัย ออกแบบตามศิลปะของพระพุทธรูปสมัย 
เขมร-ลพบุรี พุทธศตวรรษที่ ๑๕  ๑๙ แบบเป็นรูปสามเหลี่ยม ทำด้วยทองเหลือง 
ตัดขอบตามองค์พระ พร้อมฐานกลีบบัว ด้านหลังองค์พระเป็นยันต์หลวงปู่พุฒิ 
พระหลวงพ่อโตกรุแตกรุ่น ๒ ได้มีการสร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ด้วยดำริของหลวงปู่พุฒิ(พระครูวุฒิธรรมสุนทร) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น โดยใช้ต้นแบบคือหลวงพ่อโตรุ่นที่๑ พิมพ์หลังผ้า พิมพ์สามกษัตริย์รุ่น๒ และพิมพ์บพเนื้อทองผสมจากนั้น จากการที่ได้สร้างพระหลวงพ่อโตกรุแตกรุ่น ๑ เสร็จแล้ว เห็นความสวยงามในความเป็นลักษณะโบราณขององค์พระ แต่ด้วยเกรงว่า หากระยะเนิ่นนานไปประชาชนจะเข้าใจผิดว่าเป็นพระที่มีการสร้างลอกเลียนแบบ หลวงปู่พุฒิจึงให้มีการประทับยันต์ของหลวงปู่พุฒิไว้ที่ด้านหลังองค์พระ จึงเป็นความแตกต่างระหว่างหลวงพ่อโตกรุแตกรุ่น๑และ๒ หลังจากนั้นจึงได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษก และออกแจกจ่ายแก่ประชาชนทั่วไป และอีกส่วนหนึ่งได้นำพระหลวงพ่อโตกรุแตกรุ่น ๑และ๒ รวมกันไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บใต้อุโบสถ (ที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน) 
ในปลายปี ๒๕๒๖ ได้มีการนำพระหลวงพ่อโตกรุแตกรุ่น ๒ หลังเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในเขตภาคกลาง ซึ่งรวมถึงพื้นที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พระหลวงพ่อโตกรุแตกรุ่น ๒จะมีสภาพการเกาะตัวของปูนทรายทั่วทั้งองค์พระเช่นเดียวกันกับพระหลวงพ่อโตกรุแตกรุ่น ๑ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก 
ความศักดิ์สิทธิ์ของพระหลวงพ่อโตกรุแตกรุ่น ๒ นี้มีประชาชนทั่วไปรับประสบการณ์มากมาย ทั้งในเรื่องเมตตามหานิยม คงกระพัน โดยเฉพาะพุทธานุภาพในการช่วยให้ผู้ครอบครองติดตัว แคล้วคลาด จากอุบัติภัยทั้งปวงได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกันกับพระหลวงพ่อโตกรุแตกรุ่น ๑ 
 
---------------------------------------------------------- 
วัดบางพลีใหญ่ในนี้ ชาวบ้านใกล้ไกลแทบทุกคนมักจะเรียกกันว่า วัดหลวงพ่อโต เหตุที่เรียกกันดังนี้ก็เพราะว่า พระพุทธรูปปางมางค์ วิชัย (สะดุ้งมาร) ใหญ่โตมาก เนื้อทองสัมฤทธิ์ ทั้งองค์ หน้าตักกว้าง ๓ ศอก ๑ คืบ ลืมพระเนตรเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถของวัดบางพลีใหญ่ใน 
ตามตำนานประวัติของหลวงพ่อโต ที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ประมาณกาล ๒๐๐ กว่าปีล่วงมาแล้ว ได้มีพระพุทธรูป ๓ องค์ ปาฏิหาริย์ลงมาจากทางเหนือ ลอยมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดมา พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์นี้ เข้าใจว่าปวงชนในกรุงศรีอยุทธยาคงอาราธนาท่านลงสู่แม่น้ำเพื่อหลบหนีข้าศึก ด้วยในสมัยนั้นบ้านเมืองได้เกิดสภาวะสงครามขึ้นกับพม่า พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ ได้แสดงอภินิหารลอยล่องมาตามลำแม่น้ำและบางครั้งก็แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ผุดให้ผู้คนเห็นตามลำดับ จนเป็นที่โจษจันกันทั่ว ถึงอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน 
และอีกองค์หนึ่งได้ล่องลอยเรื่อยมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา ปาฏิหาริย์ลอยวกเข้ามาในลำคลองสำโรงประชาชนพบเห็นต่างโจษจันกันทั่วไปถึงความศักดิ์สิทธิ์และอภินิหาร พร้อมกับพากันอาราธนาท่านขึ้นปากคลองสำโรงนั้น แต่ท่านก็ไม่ยอมขึ้นและในที่นั้นได้มีผู้มีปัญญาดีคนหนึ่ง ได้ให้ความเห็นว่าคงเป็นเพราะบุญญาอภินิหารของท่าน แม้จะใช้จำนวนคนผู้คนสักเท่าไร อาราธนาฉุดท่านขึ้นบนฝั่งไม่สำเร็จเป็นแน่ ควรจะเสี่ยทายต่อแพผูกชะลอกีบองค์ท่าน แล้วใช้เรือแพฉุดท่านให้ลอยตามลำน้ำสำโรง และอธิษฐานว่า หากท่านประสงค์ จะขึ้นโปรดที่ใดก็ขอจงได้แสดงอภินิหารให้แพที่ลอยมาจงหยุด ณ ที่นั้นเถิด เมื่อประชาชนทั้งหลายได้เห็นพ้องกันดีดังนั้นแล้ว ก็พร้อมใจกันทำแพผูกชะลอกังองค์ท่าน แล้วใช้เรื่อซึ่งสมัยนั้นเป็นเรือพายทั้งสิ้น ช่วยกันจ้ำพายจูงแพลอยเรื่อยมาตามลำคลอง เรือที่ใช้ลากจูงแพมานั้นมีชื่อแปลกต่างๆ กันเช่น ชื่อ ม้าน้ำ เป็ดน้ำ ตุ๊กแก และอื่นๆ เป็นต้น และจัดให้มีการละเล่นต่างๆ มีละครเจ้ากรับรำถวายมาตลอดทางและการละเล่นอื่นๆ ครึกครื้นมาตลอดทั้งลำน้ำ ครั้นแพลอยมาถึงบริเวณหน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงคราม หรือวัดบางพลีใหญ่ใน ในปัจจุบันนี้ แพที่ผูกชะลอองค์ท่านก็เกิดหยุดนิ่ง พยายามจ้ำและพายกันอย่างเต็มที่เต็มกำลัง แพนั้นก็หาได้ขยับเขยื้อนไม่ ประชาชน ที่มากับเรือและชาวบางพลีถึงกับขนลุกซู่ เห็นเป็นอัศจรรย์ยิ่งนักต่างก้มลงกราบนมัสการด้วยความเคารพ และเปี่ยมด้วยสักการะ จึงได้พร้อมใจกันอาราธนาตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าหลวงพ่อจะโปรดคุ้มครองชาวบางพลีให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขแล้ว ก็ขออาราธนาอัญเชิญองค์ท่านให้ขึ้นจากน้ำได้โดยง่ายเถิด 
และก็น่าเป็นที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก เพียงใช้คนไม่มากนักก็สามารถอาราธนาท่านขึ้นน้ำได้โดยง่าย ทำให้ประชาชนต่างแซ่ซร้องในอภินิกหาร ของท่านเป็นอย่างยิ่ง และได้อาราธนาท่านขึ้นไปประดิษฐานในพระวิหารซึ่งต้องชะลอท่านขึ้นข้าม ฝาผนังวิหาร เพราะขณะนั้นหลังคาพระวิหารยังไม่มีและประตูวิหารก็เล็กมาก ต่อจากนั้นท่านจึงได้ประดิษฐานอยู่ในวิหารนั้นเรื่อยมา ครั้นต่อมาได้รื้อวิหารนั้นอีกเพื่อสร้างเป็นพระอุโบสถที่ถาวร จึงต้องชะลออาราธนาองค์ท่านมาพักไว้ยังศาลาชั่วคราว จรกระทั่งได้สร้างพระอุโบสถสำเร็จแล้ว จึงได้ อาราธนาท่านไปประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ เพื่อเป็นประธานของวัดบางพลีใหญ่ในการที่ท่านได้พระนามว่า หลวงพ่อโต นั้นคงเป็นเพราะองค์ของ ท่านใหญ่โตสมกับที่ประชาชนเรียก คือใหญ่โตกว่าองค์ที่ลอยน้ำมาด้วยกันทั้ง ๒ องค์ จึงถือเป็นนิมิตอันดีให้ประชาชนพากันถวายนามว่า หลวงพ่อโต เป็นสิ่งที่เคารพสักการะของชาวบางพลี และเป็นมิ่งขวัญของวัดบางพลีใหญ่ในมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ | 
        
        
          | ราคาเปิดประมูล | 
          150 บาท | 
        
        
          | ราคาปัจจุบัน | 
          400 บาท             (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)           | 
        
        
          | เพิ่มขึ้นครั้งละ | 
          50 บาท | 
        
        
          | วันเปิดประมูล | 
          อ. - 09 ก.ย. 2568 - 10:27:12 น. | 
        
        
          | วันปิดประมูล | 
          พ. - 10 ก.ย. 2568 - 10:46:55 น. (ปิดประมูลแล้ว) | 
        
        
          | ผู้ตั้งประมูล | 
          สิงห์แก้ว (306)                             
           |