(0)
วัดใจ... เหรียญ อาภากร กรมหลวงชุมพร วัดพระเชตุพน ปี 2511 2 องคคุ้มๆ ( ลป.โต๊ะ ลป.ทิม ลพ.เงิน ร่วมปลุกเสก)








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต





ชื่อพระเครื่อง วัดใจ... เหรียญ อาภากร กรมหลวงชุมพร วัดพระเชตุพน ปี 2511 2 องคคุ้มๆ ( ลป.โต๊ะ ลป.ทิม ลพ.เงิน ร่วมปลุกเสก)
รายละเอียด เหรียญ อาภากร กรมหลวงชุมพร วัดพระเชตุพน ปี 2511 ( ลป.โต๊ะ ลป.ทิม ลพ.เงิน ร่วมปลุกเสก)
จัดสร้างโดย พระครูสงัด วัดเชตุพน ท่าน จะนิมนต์ ยอดพระเกจิ ชั้นนำ ในยุคนั้น มาร่วมปลุกเสก อาทิ
หลวงปู่ทิม วัดช้างให้
หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง
ฯลฯ ปลุกเสก
ศาลกรมหลวงชุมพรฯ แห่งแรก
จากนางเลิ้งสู่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ มีศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ประดิษฐานอยู่ ความเป็นมาของศาลแห่งนี้ นายเทียบ อุทัยเวช ผู้เป็นน้องชายของหม่อมเมี้ยนและหม่อมแจ่ม ชายาเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ กล่าวถึงความเป็นมาไว้ว่า
ครั้งที่เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงทหารเรืออยู่นั้น ได้มีพวกจีนชาวทะเลเข้ามาขอฝากตัวเป็นมหาดเล็กเป็นจำนวนมาก พวกจีนเหล่านี้เรียกว่า มหาดเล็กเรือนนอก ตามปกติก็ทำมาหากินด้วยการเดินเรือทะเล หรือค้าขาย ประกอบอาชีพทำมาหากินเป็นปกติ
วันหนึ่งได้มีคนจีนคนหนึ่งชื่อ ‘แป๊ะแซ’ มีอาชีพเดินเรือ ซึ่งเป็นมหาดเล็กเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ได้มาเฝ้าที่วังนางเลิ้ง เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ตรัสกับแป๊ะแซว่า “ถ้ามีคลื่นลมในทะเลจัด จะให้เจ้าองค์ไหนไปช่วย” แป๊ะแซทูลเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ว่า“เรียกเจ้าแม่เซียนโกวช่วย” เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ตรัสว่า “เจ้าแม่เซียนโกวนั้นมีประวัติมาอย่างไร” แป๊ะแซจึงเล่าประวัติเซียนโกวให้เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ฟังว่า
“นางเซียนโกวเป็นลูกสาวชาวประมง มีพี่ชาย ๒ คน แต่มารดานั้นได้ถึงแก่กรรมเสียนานแล้ว ยังอยู่แต่บิดาและพี่ชาย ๒ คน ก็พากันออกทะเลไปหาจับปลาขาย ส่วนนางเซียนโกวอยู่แต่ในบ้าน มิได้ช่วยบิดากับพี่ชายจับปลาขาย บิดารและพี่ชายจึงได้โกรธ จึงได้ขับออกจากบ้านไป นางเซียนโกวเป็นบุคคลที่มีใจบุญเมตตากรุณาอารีต่อสัตว์และมนุษย์ ไม่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเลยนับตั้งแต่เกิดมา เมื่อบิดาและพี่ชายขับไล่ออกจากบ้านจึงได้พักอาศัยอยู่ที่เขาชายฝั่งทะเล อยู่กับนักบุญที่กินเจรักษาศีล
วันหนึ่งบิดากับพี่ชายทั้งสองของนางเซียนโกวนำเรือคู่ชีพมุ่งสู่ทะเล เพื่อไปจับปลามาขายเลี้ยงชีพตามเคย วันนั้นบังเอิญเกิดลมและคลื่นพัดหนัก คลื่นใหญ่มหึมาได้ซัดเรือชาวประมงพ่อลูกจมในทันที คลื่นและลมก็พัดพ่อลูกว่ายแหวกอยู่ในทะเลลึก ในวันนั้นเองชาวประมงซึ่งเป็นผู้อยู่บ้านใกล้เคียงของบิดานางเซียนโกว จึงได้นำความไปบอกกับนางเซียนโกว่า บิดาและพี่ชายนั้นได้ตายเสียแล้ว เพราะถูกคลื่นซัดเรือแตกอัปปางลงเมื่อวันนี้เอง เมื่อนางเซียนโกวได้ฟังเช่นนั้นก็มีความโศกเศร้าเสียใจยิ่งนัก จึงได้รำพันร่ำไห้เดินออกจากบ้านพักอาศัยมุ่งมายังหาดชายทะเล แล้ววิ่งร้องไห้อยู่ริมหาดชายทะเล วิ่งกลับไปกลับมาอยู่ ๓-๔ วัน ช้าวก็ไม่กิน
นับเป็นวันที่ ๔ ที่นางเซียนโกววิ่งอยู่ที่ชายทะเลนั้น ได้ร้อนถึงเทพเจ้าอยู่เบื้องบน ทรงมีเมตตาสงสารนางเซียนโกว จะหาวิธีช่วยนางได้อย่างไร จึงได้พิจารณาหาทางช่วยเหลือ ทรงเล็งเห็นว่า บิดานางเซียนโกวนี้ยังไม่ถึงที่ตาย ส่วนพี่ชายทั้งสองนั้นได้ถึงที่ตายไปแล้ว เมื่อเทพเจ้าทรงเล็งเห็นเช่นนั้นจึงรำพันว่า ‘อย่าทำเช่นนั้นเลย เราจะบันดาลให้คลื่นลมพัดบิดาของนางเซียนโกวมาเกยอยู่ที่หาดชายทะเลนี้ เพื่อจะให้นางพบ’ ทันใดนั้นเองเทพเจ้าจึงทรงบันดาลให้คลื่นลมพัดบิดาของนางเซียนโกวมาเกยที่หาดชายทะเลทันที
ขณะนั้นนางเซียนโกวกำลังวิ่งร้องไห้อยู่บนหาดชายทะเลนั้น ได้เหลือบมองไปทางกระแสคลื่นซัดฮวบมาตรงหน้า ร่างของบิดาถูกคลื่นซัดพรวดกระดอนขึ้นมาอยู่ชายหาดตรงหน้านางเซียนโกว เมื่อนางเซียนโกวเห็นบิดาเช่นนั้นก็โผเข้าสวมกอดบิดาร้องไห้รำพึงรำพันถึงบิดาอยู่ครู่หนึ่งบิดาจึงฟื้นขึ้นมา ชาวบ้านริมหาดชายทะเลทั้งหลายได้ประสบพบเห็นจึงพากันสรรเสริญชมเชยนางเซียนโกวว่าเป็นผู้มีบุญ จึงทำให้บิดาฟื้นคืนมา
ต่อมาเมื่อนางเซียนโกวสิ้นอายุขัยถึงแก่ความตายแล้ว ชาวประมงทั้งหลายจึงได้พากันตั้งศาลเจ้าขึ้น แล้วอัญเชิญวิญญาณเจ้าแม่เซียนโกวมาสิงสถิต ณ ศาลเจ้านั้น จึงได้พากันเรียกว่า ‘เจ้าแม่เซียนโกว’ หรือ ‘เจ้าแม่ทะเล’ เวลาชาวประมงออกเดินเรือทะเล จึงได้พากันเซ่นบวงสรวงทำการสักการบูชาขอให้เจ้าแม่ช่วย ฉะนั้นชาวจีนจึงนับถือเจ้าแม่เซียนโก ประเทศจีนจึงมีศาลกันอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้”
เมื่อแป๊ะแซเล่าถวายเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ฟังจบแล้ว เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ จึงรับสั่งว่า “เออ...นี่แป๊ะแซช่วยไปแกะรูปเจ้าแม่เซียนโกวให้ด้วย ฉันจะสร้างศาลเจ้าแม่ทะเลไว้ในวังนี้แหละ”
เมื่อเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ รับสั่งแล้ว วันนั้นเองแป๊ะแซจึงได้อำลาเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ รีบไปหาช่างแกะสลักรูปเจ้าแม่เซียนโกวด้วยไม้ อยู่มาไม่นานแป๊ะแซจึงได้นำรูปเจ้าแม่เซียนโกวที่แกะด้วยไม้ไปถวายเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ นับตั้งแต่นั้นเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ จึงได้สร้างศาลเจ้าแม่ทะเลขึ้นในบริเวณวังของเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ
ต่อมาหลังเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ สิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๖ แล้วประมาณปีเศษ แป๊ะแซผู้มีความเคารพนับถือเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ เป็นอันมาก ได้มีจิตรำลึกถึงพระคุณของเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ อยู่เสมอ จึงเห็นสมควรว่า ควรจะสร้างเป็นศาลเจ้าขึ้นแล้วอัญเชิญพระวิญาณของเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ มาประทับอยู่ ณ ศาลเจ้าเพื่อเป็นที่เคารพสักการบูชาแก่บรรดาสานุศิษย์และผู้เคารพนับถือเลื่อมใสศรัทธาทั่วไป เมื่อเห็นสมควรเช่นนี้จึงได้ตกลงสร้างศาลจ้าใหญ่ขึ้นใกล้ที่เชิงสะพานนางเลิ้ง ตรงข้ามด้านรถรางเหล็กด้านซ้ายมือที่จะไปสนามม้า เมื่อสร้างศาลเสร็จแล้วจึงได้อัญเชิญรูปเจ้าแม่เซียนโกวที่แกะสลักด้วยไม้มาอยู่ ณ ศาลที่สร้างใหม่ พร้อมด้วยพระรูปเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ที่ขุนระนองนัครานุกิจ เป็นผู้วาด ศาลแห่งนี้แป๊ะแซได้มอบหมายให้นายเทียบ อุทัยเวช เป็นผู้ดูแล
ต่อมาเมื่อมีการตัดถนนผ่านบริเวณตั้งศาลแห่งนี้ จึงได้ย้ายมาตั้งอยู่ที่วิหารคด วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หากปัจจุบันรูปแกะเจ้าแม่เซียนโกวไม่ปรากฏในศาล พระรูปของเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ เป็นภาพที่เขียนขึ้นใหม่ ที่ด้านหลังปรากฏว่า นายคิด โกศีลวัฒน์ เขียนถวาย ๑ ตุลาคม ๒๕๐๗
อย่างไรก็ตาม ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ที่ประดิษฐานของศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ยังปรากฏว่ามีการสร้างเหรียญพระรูปเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ขึ้น ณ วัดแห่งนี้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑
ราคาเปิดประมูล 100 บาท
ราคาปัจจุบัน 130 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ 30 บาท
วันเปิดประมูล จ. - 15 ก.ย. 2568 - 20:02:10 น.
วันปิดประมูล อ. - 16 ก.ย. 2568 - 20:59:08 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูล นครเมืองเก่า (2K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     130 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     30 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    ดินสอสีชมพู (330)(2)

 
(0)
  ประวัติการเสนอราคา
 ผู้เสนอราคาราคาเวลา
  ดินสอสีชมพู (330)(2) 130 บาท จ. - 15 ก.ย. 2568 - 20:59:08 น. (ถึงราคาขั้นต่ำแล้ว)

Copyright ©G-PRA.COM
www1