(0)
(0)
พระปิดตา(ผงดำ) วัดกุฏโง้ง จ.ชลบุรี หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปลุกเสก2ปีเต็ม มีบัตรการันตี
ชื่อพระเครื่อง
พระปิดตา(ผงดำ) วัดกุฏโง้ง จ.ชลบุรี หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปลุกเสก2ปีเต็ม มีบัตรการันตี
รายละเอียด
รายละเอียด ขอคัดลอกบทความเรื่องพระปิดตากุฏโง้งจากหนังสือ
กระแสพระซึ่งเขียนโดยคุณเนาว์ นรญาณ ฉบับเดือนกันยายน2548 มาเผยแพร่ครับ.......
*เป็น "ความลับเชิงลึก" ที่ถูก "ปิดบังซ่อนเร้น"ตลอดจน "หลงลืม"มานานเกือบ 30 ปี....
เกือบ 30 ปีเต็มๆ ที่ "เซียนหญ่าย"ตลอดจน "วงการพระสายหลวงปู่ทิม" ต่างพากันเพิกเฉยและมองข้ามสุดยอดพระเครื่องดีของหลวงปู่ทิมอีกรุ่นหนึ่งไปอย่างไม่ไยดีอย่างไม่น่าเป็นไปได้ เหมือนหนึ่งจะเป็น "มติสวรรค์"กำหนด อันยากที่ใครๆจะแข็งขืน หรือบารมีของหลวงปู่ทิมท่านเมตตา "ปิดข่าว"ไว้ เพื่อ "สำรอง"สุดยอดของ "ดีที่สุด"ไว้ให้แก่คน "รุ่นหลัง"อย่างเราๆท่านๆได้มีโอกาสวาสนาได้ของดีของหลวงปู่ทิมไว้บูชาเป็นมหาสิริมงคลอันยิ่งใหญ่ โดยไม่จำเป็นต้อง "กระเป๋าฉีก" ควักเงินเป็นหมื่นเป็นแสนไปเช่าพระรุ่นแพงๆให้กระเทือนต่องบดุลหรือบัญชีเดินสะพัดแห่งตนและครอบครัวอันใดไม่ ทั้งๆที่พระผงหลวงปู่ทิมชุดนี้ "มีดี" ที่ "พิเศษสุดๆ" กว่าธรรมดา ชนิดที่พระผงรุ่นอื่นๆของหลวงปู่ทิมที่วัดละหารไร่สร้างเอง ไม่ว่าจะเป็นพระรุ่นอะไรก็ช่าง ก็ยังมิอาจจะมีให้ "แม้นเหมือน"หรือ "เสมอสอง"ได้..!!???!!
เพราะพระชุดนี้ มิได้เอา "ผงพรายกุมาร"มาเป็น "พระเอก"ตัวชูโรงเหมือนกับพระรุ่นอื่นๆของหลวงปู่ทิมอีกแล้ว
แต่ได้มีการอัญเชิญเอา "หัวเชื้อผงพุทธคุณ" และ "ผงพระปิดตาแตกหัก"ระดับ "สุดยอดแห่งสยาม" อายุนับเป็นร้อยๆปีของ "หลวงปู่จีน วัดท่าลาด อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา" อดีตพระมหาคณาจารย์ผู้มีชื่อเสียงเกียรติคุณอันเกรียงไกรใหญ่ยิ่งที่สุด เมื่อ 100 กว่าปีก่อน ผู้สร้าง "สุดยอดพระปิดตา"ยอดนิยม"หนึ่งในห้า"ของ"เบญจภาคีพระปิดตาแห่งสยามประเทศ"ที่มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งที่สุด และมีอัตราการเช่าหาแพงที่สุดของไทย ผสมอยู่อย่าง"เต็มๆ"และมากมายมหาศาลเกินกว่าที่ใครจะคิดจะฝันถึงเป็นที่สุดได้นั่นเอง...!!!!!!!!
จาก"หลวงปู่จีน วัดท่าลาด" ถึง"หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์"และ"หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน"
หากจะกล่าวถึง"ห้าสุดยอด"พระปิดตายอดนิยม ซึ่งสูงด้วยพุทธคุณและค่านิยมอันเกรียงไกรที่สุด จนนับเป็น"เบญจภาคีพระปิดตา" แห่งสยามประเทศนั้น หากจะเรียงตาม"ความดัง"และความเป็นที่"รู้จักมักคุ้น"ของคนทั้งหลาย ก็อาจจะเรียงได้ว่า ย่อมประกอบด้วย
1.พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ชลบุรี
2.พระปิดตา หลวงปู่ทอง วัดสุวรรณ กรุงเทพ
3.พระปิดตา หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง กรุงเทพ
4.พระปิดตาหลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน กรุงเทพ
5.พระปิดตา หลวงปู่จีน วัดท่าลาด ฉะเชิงเทรา
โดยเฉพาะสำหรับคนทั้งหลายนั้น เมื่อเอ่ยถึงสุดยอดพระคณาจารย์ที่สรรค์สร้างพระปิดตาได้อย่างเข้มขลังอย่างเอกอุ และมีชื่อเสียงอันเกรียงไกรใหญ่ยิ่งไปทั่วทั้งปฐพีมณฑลแห่งสยามประเทศนั้น แน่นอนเสียเหลือเกินว่า แทบทุกๆท่านย่อมจะต้องระลึกนึกถึง "หลวงปู่แก้ว"แห่งวัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี ผู้ที่อาจจะกล่าวได้ว่า เป็นเจ้าของ "จักรพรรดิแห่งพระปิดตา"ราคาหลักล้าน ซึ่งเป็นพระปิดตายอดนิยมที่สุดในยุคนี้อย่างไม่ต้องสงสัยทั้งสิ้น รองลงมา ก็จะเป็นหลวงปู่ทอง วัดสุวรรณ,หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง,หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลนมาโดยลำดับ ซึ่งพระแต่ละองค์ ล้วนมีราคาการเช่าหาที่สูงลิบลิ่ว ชวนให้สยองขวัญเป็นที่ยิ่ง
แต่สำหรับเรื่องของ "หลวงปู่จีน วัดท่าลาด" แห่งเมืองแปดริ้วฉะเชิงเทราแล้ว นับได้ว่า มีน้อยคนนักที่จะ "มักคุ้น"และ "รู้จัก"ในองค์ท่าน "น้อยที่สุด"
หลายๆคนอาจจะไม่ทราบ "สาเหตุ"ว่าทำไม..???
และหลาๆคน อาจจะรู้อยู่เพียงแค่ว่า อันหลวงปู่จีนนั้น ท่านเป็นผู้สร้างพระปิดตาราคาแพง ที่เป็น"
หนึ่งในเบญจภาคี"พระปิดตาเมืองไทย ที่ขายได้ราคาดี ก็เท่านั้น................
แต่สำหรับคนที่ "รู้จริง"หรือสนใจศึกษาจนรู้ซึ้งถึงแก่นถึงรากแล้ว ย่อมจะไม่อาจ "มองข้าม"และไม่อาจ "ไม่ศรัทธา"เลื่อมในในองค์หลวงปู่จีนได้เป็นอย่างเด็ดขาด เพราะแท้ที่จริงแล้ว "หลวงปู่จีน วัดท่าลาด"นั้น เป็น "อาจารย์"ทั้งของ "หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์" และ "หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน"นั่นอย่างไร..
วิชาการทำพระปิดตาอันสุดเกรียงไกร ที่สร้างอิทธิปาฏิหาริย์อย่างยวดยิ่ง จนเป็นที่สลักจิตประทับใจคนมานานนับเป็นหลายทศวรรษทั้งหลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์และหลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลนนั้น จริงๆแล้ว ทั้งหลวงปู่แก้วและหลวงปู่ไข่ ต่างก็ได้ศึกษาเล่าเรียนมาจากหลวงปู่จีน วัดท่าลาดทั้งสิ้น..!!!!!!!
"หลวงปู่จีน วัดท่าลาด" จึงนับเป็น "ปรมาจารย์"หรือ
"อาจารย์ของอาจารย์"แห่งการสร้างพระปิดตายอดนิยมที่สุดของสยามประเทศทั้งหมดก็ว่าได้ ไม่ผิดคำเลยทีเดียว.....
และเพื่อให้ท่านผู้อ่านที่รักทั้งหลายได้ซาบซึ้งและรู้ถึงคุณแห่งหลวงปู่จีน วัดท่าลาดยิ่งๆขึ้นไปอีก ผมก็ใคร่ขอนำเอาข้อความเกี่ยวกับประวัติและเรื่องราวของพระปิดตาของหลวงปู่จีน วัดท่าลาด จากหนังสือ "เซียนพระ"เล่มที่ 30 และ80 เขียนโดยคุณ"ปรารถนา สัมริดมนต์"และ"เล็ก วัดรวก" มาเรียบเรียงนำเสนอต่อท่านทั้งหลายก่อนเลยทีเดียว......
ตามประวัติกล่าวว่า หลวงปู่จีน ชาตะเมื่อปีพ.ศ. 2357 มรณภาพเมื่อพ.ศ. 2440 สิริอายุได้ 83 ปี ในช่วงที่หลวงปู่จีนท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าลาดนั้น ท่านมีอายุได้ราว 40 ปี..
ในฐานะที่เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าลาด ซึ่งมีชื่อเสียงเกรียงไกรในด้านวิทยาคม ชาวบ้านจากแปดริ้วและหัวเมืองไกลเคียงอื่นๆจึงได้มากราบไหว้หลวงปู่จีนกันมากมาย โดยนอกเหนือจากมาขอรับการรักษาโรคด้วยวิชาแพทย์แผนโบราณและอำนาจจิตกฤติยาคมอันวิเศษที่หลวงปู่จีนชำนาญ
โดยนอกเหนือจากมาขอรับการรักษาโรคด้วยวิชาแพทย์แผนโบราณและอำนาจจิตกฤติยาคมอันวิเศษที่หลวงปู่จีนชำนาญอย่างยิ่งแล้ว ก็มีหลายรายมากราบขอ"ของดี"จากท่านอีกด้วย ซึ่งหลวงปู่จีนได้ทำเครื่องรางของขลังออกมาหลายอย่างทั้งตะกรุด ผ้าประเจียด แต่ที่โด่งดังที่สุดก็เห็นจะเป็น"พระปิดตา"(พระภควัมบดี)ที่เป็นพระเนื้อผงผสมว่านเกสร 108 เข้ากับรักก็มี เข้ากับใบลานเผาก็มี นับได้ว่า อันหลวงปู่จีน วัดท่าลาดองค์นี้ ท่านเป็น"ปฐมาจารย์"องค์แรกที่สุดที่ได้สร้างพระปิดตาเป็นครั้งแรกในภาคตะวันออก ซึ่งเป็น"ต้นธาตุต้นธรรม"และ"ต้นแบบ"แห่งการสร้างพระปิดตาในชั้นหลังๆต่อมาเลยทีเดียว....
จากประวัติที่เล่าสืบกันมาจากชาวแปดริ้วรุ่นเก่าๆ ทำให้ได้ทราบข้อมูลที่ชวนให้ตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่งว่า หนึ่งในบรรดาลูกศิษย์ที่มาขอเล่าเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่จีนนั้น ก็มี"หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์" สุดยอดพระเกจิอาจารย์ เจ้าของพระปิดตายอดนิยมอันดับหนึ่งแห่งยุคผู้บรรลือลั่นที่สุดแห่งจังหวัดชลบุรี ก็ได้มาร่ำเรียนวิชาจากหลวงปู่จีน วัดท่าลาด และได้ตำรับการสร้าง
พระปิดตาจากหลวงปู่จีนด้วย..!!!!!
ด้วยเหตุฉะนี้ เนื้อหาของพระปิดตาของหลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ จึงมีความละม้ายคล้ายคลึงกับพระปิดตาของหลวงปู่จีน วัดท่าลาดผู้เป็นพระบูรพาจารย์เป็นอย่างมาก ทั้งนั้นทั้งนี้ ก็เพราะหลวงปู่ทั้งสองท่านสืบวิชามาจากตำรา"เล่มเดียวกัน"นี่เอง
พระคณาจารย์ระดับสุดยอดอีกองค์หนึ่งซึ่งได้มาร่ำเรียนวิชาอาคมกับหลวงปู่จีน วัดท่าลาดด้วยก็คือ"หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน(บพิตรพิมุข) กรุงเทพมหานคร ผู้สร้างพระปิดตา หนึ่งในเบญจภาคีพระปิดตายอดนิยมที่สุดตลอดกาลของสยามประเทศเรานี่เอง..!!!!
เหตุที่หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลนจะได้มาเป็นศิษย์เล่าเรียนสรรพวิชชาจากหลวงปู่จีน วัดท่าลาดนั้น แท้จริงแล้วก็มีเหตุมาจากการที่หลวงปู่ไข่ท่านเป็นชาวแปดริ้ว บ้านเดียวกับหลวงปู่จีนนั่นแล
และนอกจากนี้ ศิษย์ผู้สืบวิชาองค์สำคัญๆของหลวงปู่จีน วัดท่าลาด ก็ยังมีอีกหลายองค์ อาทิ หลวงพ่อโต วัดเนิน และหลวงปู่เจียม วัดกำแพง สองพระคณาจารย์ชื่อดังแห่งจังหวัดชลบุรี ที่ต่างก็ล้วนมีชื่อเสียงอันบรรเจิดในทางการสร้างพระปิดตาได้เข้มขลังอย่างยิ่ง ไม่ทิ้งแนวองค์ครูผู้เป็นพระบูรพาจารย์แต่อย่างใดเลย และที่พิเศษสุดๆยิ่งๆขึ้นไปอีก จากหนังสือ "เซียนพระ" ฉบับที่ 30 ก็ลงไว้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ก็คือ การที่หลวงปู่จีน วัดท่าลาด เสก "ใบมะขามเป็นต่อเป็นแตน" ไปถามสารทุกข์สุกดิบกับ
"หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย (หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่เคยไปเล่าเรียนอาคมด้วย) สหธรรมิกสนิทของท่านได้...!!!
มีคนเก่าคนแก่ใกล้กับวัดท่าลาดเล่าสืบๆกันมาว่า ครั้งหนึ่ง หลวงปู่จีนเสกใบมะขามเป็นต่อเป็นแตนแล้วสั่งให้ไปวัดบางเหี้ย สมุทรปราการ ต่อมาก็มีแมลงภู่บินมาตอมที่องค์หลวงปู่จีนๆจึงค่อยๆเอาพัดตีแมลงภู่นั้นตกลงมาเป็นดอกจำปี..!!??
เรื่องของเรื่องจึงเป็นที่รู้กันว่า แท้จริงแล้ว หลวงปู่จีนท่านเสกใบมะขามเป็นต่อเป็นแตนไปเหมือนกับถามสารทุกข์สุกดิบหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ยว่า "สบายดีหรือ??" เมือหลวงพ่อปานท่านสบายดี จึงได้เสกดอกจำปีเป็นแมลงภู่มาบอกแทนนั่นแล...
น่าตื่นเต้นเร้าใจและน่าอัศจรรย์ใจในอำนาจฤทธิ์อภิญญาของ "พระคณาจารย์รุ่นเก่า"เยี่ยงนี้เสียเหลือเกินจริงๆ
ที่สุด แม้แต่ "หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม"สุดยอดพระเกจิคณาจารย์แห่งลุ่มน้ำแม่กลอง ผู้เกรียงไกร และหลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา หนึ่งในสี่สุดยอดพระเกจิฯยุคสงครามมหาเอเซียบูรพา "จาดจงคงอี๋" ก็ยังมาเรียนวิชาอาคมกับหลวงปู่จีน วัดท่าลาดด้วยเช่นกัน..!!!!!
โดยหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ได้วิชา "ทำผ้ายันต์"และ "สีผึ้ง"จากหลวงปู่จีน ไป
และหลวงพ่อจาดวัดบางกะเบา ได้วิชา "ทำเสื้อยันต์"อันสุดเข้มขลังจากหลวงปู่จีนมา
ด้วยเหตุนี้ หลวงปู่จีน วัดท่าลาด จึงได้ชื่อว่า เป็น "อภิอัครมหาปรมาจารย์"หรือ "อาจารย์ของอาจารย์"อีกทีหนึ่ง ที่เราท่านทั้งหลายเกือบจะลืมเลือนท่านไปเสียแล้ว ด้วยเหตุที่ท่านนั้น ออกจะ "ไกลเกินเอื้อม"เสียเหลือเกิน
อนึ่ง หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์นั้น ท่านได้สร้างพระปิดตาเป็นเนื้อสีน้ำตาลเข้มอมดำ อันเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า "เนื้อกะลา" พระปิดตาเนื้อกะลาของหลวงปู่แก้ววัดเครือวัลย์นั้น เป็นที่ขึ้นชื่อลือชาอย่างยิ่ง
แต่ปฐมาจารย์ผู้ให้กำเนิดพระปิดตาเนื้อกะลานั้น หาใช่หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์แต่อย่างใดไม่ แต่แท้ที่จริงแล้ว "หลวงปู่จีน วัดท่าลาด"ผู้เป็นพระบูรพาจารย์แห่ง ยุคต่างหาก
และหากใครจักตั้งข้อสงสัยว่า เหตุไฉนพระปิดตาหลวงปู่จีน วัดท่าลาด จึงมีพุทธคุณที่แรงกล้ามหาศาลเป็นยิ่งนัก ก็ขอแถลงไว้ตรงนี้เสียก่อนได้เลยทีเดียวว่า นอกจากจะเป็นเพราะโดยส่วนองค์ของหลวงปู่จีน ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ประกอบไปด้วยพลังจิตและวิทยาคมอันสมบูรณ์เพียบพร้อมไปด้วยประการทั้งปวงแล้ว บรรดาเนื้อหามวลสารที่หลวงปู่จีนนำมาสรรสร้างพระปิดตา ก็ล้วนแล้วแต่เป็นวัสดุอาถรรพ์ที่ทรงอานุภาพอันน่ามหัศจรรย์ทั้งสิ้น อาทิ
1. ใบโพธิ์ตากแห้ง แล้วสุมไฟให้เป็นเถ้า
2. ใบไม่ไม่รู้นอน เช่น จามจุรี ใบแค ใบระงับ ใบกะเฉด ใบกระถิน ใบสวาท ใบโสน
เผาไฟให้เป็นเถ้า
3. ผงใบลานจารอักขระเผา
4. ว่านมหาเสน่ห์ต่างๆ
5. เกษรดอกไม้ชื่อเป็นมงคล
ส่วนผสมทั้ง 5 นี้ หลวงปู่จีนได้นำมาคุลีรวมกับผงวิเศษที่ท่านได้ทำขึ้นเพื่อสร้างพระปิดตา
โดยส่วนที่จะทำพระปิดตานั้น หลวงปู่จีนท่านจะเอามวลสารทั้งหมดมาผสมกับยางโมง(เหนียวเหมือนน้ำมันตังอิ๊ว) นวดเข้าด้วยกันจนเหนียว แล้วกดพิมพ์ขึ้นเป็นองค์พระก่อนทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วจึงจุ่มรักอีกครั้งก่อนนำไปประกอบพิธีปลุกเสก สำหรับการปลุกเสกพระปิดตาของหลวงปู่จีนนี้ ท่านจะปลุกเสกทั้งพรรษา โดยจะต้องปลุกเสกให้กระโดดออกมานอกบาตรได้ จึงจะถือว่าใช้ได้ ถ้าพระปิดตาไม่กระโดดออกมาจากบาตรแล้วไซร้ หลวงปู่จีนก็จักต้องนำมาปลุกเสกใหม่จนกว่าจะกระโดดออกมาได้เสียก่อน จึงค่อยแจกจ่ายแก่บรรดาศิษยานุศิษย์ต่อไป
สำหรับอานุภาพของพระปิดตา หลวงปู่จีน วัดท่าลาดนั้น นอกจะดีเด่นทางเมตตามหานิยมเป็นเยี่ยมแล้ว ทางแคล้วคลาดอยู่คง ก็วิเศษไม่แพ้กัน โดยหลวงพ่อบ๊วย อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าลาด อันเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่จีน เมื่อครั้งยังเป็นฆราวาสและเป็นนักเลงตัวกลั่น ก็ได้พระปิดตาของหลวงปู่จีนนี่แหละคุ้มชีวิตไว้ เคยถูกลอบกับ ลอบแทงจนล้มลุกคลุกคลานจนช้ำใน แต่ก็ไม่เคยแม้สักครั้งที่จะต้องเสียเลือดเสียเนื้อเป็น"นักเลงพลี"เลยแม้สักครั้ง และแม้จะเคยถูกยิงด้วยปืนแก๊ปหลายกระบอก ปืนแก๊ปเหล่านั้นก็ไม่ต่างอะไรกับ "ไม้ตีพริก" เพราะอานุภาพพระปิดตาของหลวงปู่จีนนั้น สะกดอานุภาพของกระสุนดินดำให้ไม่ลั่นออกมาแม้แต่เพียงโป้งเดียวเป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก
และเมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ หลายๆท่านก็คงจะ"ซี๊ดปาก"อยู่จิ๊กจั๊ก ด้วยความอยากได้"ไท้ซ่างหวาง"แห่งพระปิดตาเมืองไทยของ"หลวงปู่จีน วัดท่าลาด จ.ฉะเชิงเทรากันบ้างแล้วใช่ไหม..??? ก็หากท่านอยากได้ และท่านมีเงินสัก 200,000 ถึง 500,000 บาท ก็คงพอที่จะ"อาราธนานิมนต์"ท่านมาอยู่ได้ด้วยหรอกนะครับ..??
แต่ถ้าท่านมีเงินเพียง 1,000-2,000 บาท ก็คงได้แต่นิมนต์"รูปถ่าย."มาบูชาแทนอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ๆ แต่ถ้าได้เพียง"ภาพ" แล้วยังไม่สะสาแก่ใจหรือเติมเต็มจิตวิญญาณแห่งความปรารถนาที่จักได้สัมผัสกับสุดยอดพระมหาปรมาจารย์แห่งยุคอย่างหลวงปู่จีน วัดท่าลาด แม้ด้วยเพียง "ละอองธุลี"ที่เคยผ่านมือผ่านใจและกระแสจิตวิทยาคมอันแรงกล้าของหลวงปู่ท่านเมื่อ 100 กว่าปีก่อนอย่างแท้จริงแล้วไซร้ ผู้เขียนก็มีความยินดีเป็นที่สุดที่จะขอบอกกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า ถ้าเป็นเยี่ยงนั้นแล้ว ก็ขอให้ท่านทั้งนั้น จงเร่งหา พระปิดตา วัดกุฏโง้ง พ.ศ. 2519 มาบูชาสักการะโดยไวที่สุดเถิด เพราะพระปิดตารุ่นนี้ ได้รับการผสมผงพุทธคุณและผงพระปิดตาชำรุดของหลวงปู่จีน วัดท่าลาดเอาไว้ในเนื้อหาอย่างเต็มๆนั่นแล..!!!!!
"พระปิดตาวัดกุฏโง้ง พ.ศ. 2519"
ผงเก่าหลวงปู่จีน วัดท่าลาดมากที่สุด +หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่เสกนานที่สุด
ในสมัยแรกๆที่ผู้เขียน "รีเทิร์น"มาสนใจในพระเครื่องหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่อีกรอบหนึ่งนั้น ก็ให้หลงใหลใฝ่ฝันแต่ "ของดีราคาแพง"ของหลวงปู่ท่าน ไม่ว่าจะเป็นพระกริ่งชินบัญชร องค์ละแสน พระปิดตาจัมโบ้ องค์ละหลายๆหมื่น เหรียญเจริญพร เหรียญละ หมื่นกว่าๆ ฯลฯ จนน้ำลายแทบจะหยดติ๋งๆ ไปหลายโอ่งหลายปี๊บ ด้วยความอยากได้(แต่ไม่มีปัญญาเช่าหา) อย่างน่าเวทนาชะตาตนเองเป็นอย่างยิ่งเพราะหากต้องการจะเช่าหาพระเครื่องของหลวงปู่ทิมทั้งหมดอย่างที่ว่า สงสัยคงต้อง"หมดตัว"หาเงินไปเช่าไปซื้อไปหามาบูชาเป็นแน่ แต่วันหนึ่ง เมื่อได้มีวาสนามาคุยกับคุณชินพร สุขสถิตย์ ศิษย์เอกหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ผู้รู้
"ตื้นลึกหนาบาง"หลายๆอย่างดีที่สุด ทำให้ได้ความรู้เกี่ยวกับหลวงปู่ทิมเพิ่มเติมหลายๆอย่าง น่าสนใจมากที่สุด ซึ่งตอนหนึ่ง คุณชินพรก็ได้เล่ามาถึงพระเครื่องวัดกุฏโง้ง ว่า "พระปิดตา วัดกุฏโง้งนี่นะ "คุณชินพร สุขสถิตย์เล่า "มีผงหลวงปู่จีน วัดท่าลาดผสมอยู่ด้วยนะ ..!!!" "หลวงปู่จีน วัดท่าลาด..!!??"ผู้เขียนทวนคำอย่างตะหงิดๆใจด้วยไม่คุ้นเคย เพราะถือเป็นพระที่"เกินเอื้อม"เต็มที
"ก็หลวงปู่จีน ผู้สร้างหนึ่งในเบญจภาคีพระปิดตายอดนิยมที่สุดของเมืองไทยไง" "อ๋อ..."ผู้เขียนเพิ่งนึกออก "นั่นแหละ.."คุณชินพรว่าต่อ " คือว่า มีพระลูกวัดที่วัดกุฏโง้งองค์หนึ่งนี่น่ะ ท่านเป็นหลานเป็นเหลนของหลวงปู่จีน วัดท่าลาด ท่านมีผงพุทธคุณและผงพระปิดตาหลวงปู่จีนแตกหักอยู่มาก เมื่อทางวัดจะสร้างพระขึ้นมาในงานผูกพัทธสีมา ท่านก็เลยสละทั้งผงทั้งพระปิดตาหลวงปู่จีนมาใส่ในเนื้อพระปิดตารุ่นนี้อย่างมากมายมหาศาลเลยแหละ..!!!!!!" "พระปิดตา สีดำๆนั่นหรือครับ"
"ใช่แล้ว.. พระปิดตาวัดกุฏโง้งนี่น่ะ ผสมผงหลวงปู่จีน วัดท่าลาดบานเลย แถมพระชุดนี้ ทางวัดกุฏโง้งยังมาฝากทิ้งไว้ในกุฏิหลวงปู่ท่านนานถึง 2 ปี ด้วยแหละ...!!!!!"
"และในพระของวัดกุฏโง้งรุ่นเดียวกันนี้ ก็ยังมีพระพิมพ์สมเด็จเล็ก กลางใหญ่,เหรียญอดีตเจ้าอาวาส หลังท้าวเวสสุวรรณ,นางกวัก หลายๆอย่างด้วย แต่ที่มีผงพระปิดตา หลวงปู่จีน วัดท่าลาดนั้น ก็มีเฉพาะพิมพ์พระปิดตา เท่านั้น พิมพ์อื่นไม่ได้ผสมผงหลวงปู่จีนเข้าไปด้วย.."คุณชินพรเล่า "ถ้าอย่างนั้น ก็เท่ากับว่า พระปิดตาวัดกุฏโง้งนี้ หลวงปู่เสกนานถึง 2 ปีเลยหรือครับ..??"
"ใช่แล้ว"คุณชินพรว่า "พระวัดกุฏโง้งทั้งหมด อยู่ในกุฏิหลวงปู่ทิมตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2517 จนถึงหลวงปู่ทิมมรณภาพในเดือนตุลาคม 2518 เพียงแค่ตอนหลัง หลวงปู่ให้เอาพระวัดกุฏโง้งออกมาไว้ในกุฏิข้างๆ เพราะจะเอาพระรุ่น 8 รอบเข้ามาเสก...."
" เพราะอย่างงั้น พระปิดตาวัดกุฏโง้ง ชุดนี้จึงแรงมากๆ มีคนลองเอาไปจับพลังดู ปรากฏว่าแรงเทียบเท่ากับพระปิดตาจัมโบ้ หลวงปู่ทิมองค์ละหลายๆหมื่น ไม่ผิดกันเลยทีเดียว..!!!!!"
และ "คุณไม่ต้องไปหาพระราคาแพงๆหลวงปู่ทิมมาหรอก "คุณชินพร พูดกับผู้เขียนโดยตรงในตอนสรุป"พระวัดกุฏโง้งนี่แหละ ดีที่สุด หลวงปู่ทิมเสกนานที่สุดถึง 2 ปี พุทธคุณก็แรงสุดๆ โดยเฉพาะพระปิดตานี่นะ เมตตาแรงมากๆ ไม่แพ้พระหลวงปู่ทิมราคาเป็นหมื่นเป็นแสนเลยแม้แต่น้อย...!!!!!!"
แต่...ทั้งๆที่พระปิดตา วัดกุฏโง้ง เป็น "สุดยอดของดี"แบบสุดๆเห็นปานนี้ แต่ด้วย "ทิษฐิ"และ "ความคิดความเห็น"ของ "ใครหลายคน" ที่มักจะ "จำกัด"วิสัยทัศน์และทัศนวิสัยของตนเอง ให้ "เกยตื้น"หรือติดแหง็กอยู่เพียงว่า "จะเล่นจะเช่าหาเฉพาะของวัด(สายตรง)เท่านั้น" เลยทำให้"ของดี(จริง)"บางอย่างบางรุ่น เซียนพระและวงการต่าง "มองข้าม"ไปอย่างอย่างหน้าตาเฉยเสียอย่างงั้นแหละ.......
ทั้งๆที่ของ "สายนอก"ที่ไม่ได้ออกจากวัด"ต้นสังกัด"จริงๆ อาจจะสร้างได้" "ดีกว่า" หรือ "มีมวลสารมากกว่า"ตลอดจน"ปลอดภัย(จากของปลอมของเสริม)"ดีกว่าวัดที่หลวงปู่หลวงพ่ออยู่สร้างเองเสียอีก
ก็ไม่สนใจ "ดันทุรัง"จะเล่นจะหาแต่เฉพาะ "ของวัดสร้างเอง"ตะพึด โดยไม่ "ดูหน้าดูหลัง"หรือ "ล้วงลูกลึก"ให้ถึงแก่นว่า จริงๆแล้ว "ของดีที่สุด"นั้น อยู่ที่ตรงไหน..????? ที่ใกล้ตัวล่าสุด ก็เห็นจะเป็นกรณีของ "พระสมเด็จ วัดสรรเพชญ์ พ.ศ. 2513"ของท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) นั่นเป็นไร
เห็นกรี๊ดกร๊าดกิ๊วก๊าวกระจองอแง แต่พระผงที่ออกจากวัดเทพศิรินทร์สร้างแบบสายตรง
(แต่ประทานโทษ พระองค์เป็นหมื่นเป็นแสนบางพิมพ์บางรุ่นนั้น เป็นพระ "เนื้อโรงงาน"ผสม
"กาวลาเท็กซ์"ที่ใส่ผงวิเศษจริงๆเพียง "กระจึ๋งนึง"หรือ "ผสมไม่ได้เลย") ที่เข้าพิธีเสกเพียง
ครั้งสองครั้ง แถมยังมีข่าวว่า มี "ของเสริม"นอกพิธีแพลมออกมาให้ได้ยิน ก็ยัง เชียร์กันใหญ่โต ราคาแพงหูดับจนลืมโลก พอมาเจอ "ของจริง"ที่เซียนมองข้ามอย่าง "พระสมเด็จ วัดสรรเพชญ์ "ที่มีผงวิเศษมากมายมหาศาลละลานตาไปหมด แถมเจ้าคุณนรรัตน์ฯยังเสกให้"โดยญาณ"ถึง "ไตรมาส" 3 เดือนเต็มๆ ก่อนที่จะนำมาเข้าพิธีใหญ่ 5 ธันวาคม 2513 ปิดท้ายแล้วเป็นอย่างไรบ้างล่ะ..???
"เรียงแถว"กันมาถกกันแบบ"วันบายวัน"เลยก็ได้ว่า มีพระเจ้าคุณนรรัตน์ฯที่ออกจากวัดเทพศิรินทร์กี่รุ่นกัน ที่มี"เนื้อหามวลสาร"และการเสกที่"มาก"และ"พิสดาร"เทียบเท่ากับ"พระสมเด็จ วัดสรรเพชญ์ จ.นครปฐม"ได้บ้าง..????
นี่คือ"ตัวอย่าง"ที่ใกล้ตัวและเห็นชัดที่สุดให้ประจักษ์แจ้งใจโดยทั่วกันอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ใคร่อยากจะย้ำกันดังๆตรงนี้เสียเลยทีเดียวว่า อันของ"ดีจริง"หรือ"ดีที่สุด" ในแต่ละคณาจารย์นั้น ไม่จำเป็นต้องออกมาจาก"วัดต้นสังกัด"ที่หลวงปู่หลวงพ่อนั้นๆจำพรรษาอยู่"เสมอไป"
แต่ควรจะต้องเพ่งและแยกแยะเป็นกรณีๆไป จึงควรแท้ แม้ "พระปิดตา วัดกุฏโง้ง พ.ศ.2519 " ก็ดูเหมือนจะเจริญรอยเดียวกัน
"พระสมเด็จ วัดสรรเพชญ์ " ของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯแบบติดๆ อยู่ไม่ห่างเลยเช่นกัน นั่นคือ พระที่มีผง "ไฮคลาส"ที่สุด และ "เสกนานที่สุด" กลับมิใช่เป็นพระของวัด "ละหารไร่" แต่เป็น "พระปิดตา"ของ "วัดกุฏโง้ง" อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรีต่างหาก..!!!???
ด้วยเหตุฉะนี้เช่นกัน ที่ทำให้ได้ "ข้อคิด"ว่า เราจะเชื่อวิสัยทัศน์"และ"ความคิดความเห็น"ของ"เซียนพระ"หรือ"วงการ"ไปเสีย"ทั้งหมด" ก็"หาได้ไม่"เสียจริงๆแล้ว....... แต่เราจะต้องมี"วิชชั่น"เป็นของตัวเองด้วย จึงจะประเสริฐกว่าเป็นไหนๆ
เชื่อ"ข้อมูลของจริง"ที่"พิสูจน์ได้"กันดีกว่า
แม้"พระปิดตา วัดกุฏโง้ง"นี้ก็เช่นกัน
"เซียนพระ"ประเภท"มือใหม่หัดส่อง"เขาจะ"มองข้าม" ด้วย "ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่สนใจ"เลยไม่ได้"กักตุน"เอาไว้ ก็ช่างเซียนพระเขาประไรแต่สำหรับคนที่"รู้ลึก"และ"รู้จริง"ทั้งหลายนั้น ต่างก็พากันสำรวลสรวลสันต์อย่างเริงร่ากับความ"ตกข่าว"และ"ข้อมูลหลวม"ของเซียนพระทั้งหลาย พลางกระหยิ่มยิ้มย่องยินดีไม่มีปัญหาไล่เก็บไล่คว้าไล่บูชาพระเครื่องรุ่นที่ว่า ด้วยราคาอันราคาอันแสนเบาหวิว ราวกับปุยนุ่น ละอองเมฆ อย่างชื่นบานสำราญใจอย่างไม่ยั้งไปตามๆกัน เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจอย่างไม่ต้องสงสัยว่า ในวันใดที่"ข้อมูลของจริง"ถูกเปิดเผยออกมาเมื่อไร พระปิดตา วัดกุฏโง้ง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ก็จะกลายสภาพจาก"ของดีราคาเบา"เป็น"ของสุดยอดราคาแพง"ไปในบัดดล และอัตราค่านิยมจะพุ่งกระฉูดไปตามพระ"ชุดหลัก"ที่นำโด่งไปอยู่ที่หลักหมื่นถึงหลักแสนไปล่วงหน้าแล้วอย่างรั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่เป็นแน่....
และด้วยเหตุที่พระปิดตา วัดกุฏโง้งนั้น เป็น"ของดีราคาถูก"ที่โลกลืมมาเป็นนานสองนานอย่างที่ว่า ทำให้ไม่ค่อยจะมีใคร"ใส่ใจ"ที่จะ"เจาะลึก"ในเรื่องของ"พิมพ์ทรง"เท่าที่ควร ว่าจริงๆแล้ว พระปิดตาวัดกุฏโง้ง พ.ศ. 2519 นั้น มีอยู่กี่แบบกี่พิมพ์และกี่เนื้อกี่สีด้วกัน..??? ซึ่งเมื่อผู้เขียนได้ลองไปยิงคำถามๆแก่เซียนพระหลายๆท่านในหลายๆสนามหลายๆแห่ง ทั้งในกรุงเทพก็ดี ในเมืองชลบุรีก็ตาม หรือแม้แต่เซียนพระเมืองระยองเอง ก็จะได้คำตอบไปต่างๆนานา เข้าทำนองที่ว่า"คนละเรื่องเดียวกัน"ไปต่างๆนานา ชวนให้ปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นที่ยิ่ง..!!?? บางคนที่ "มองข้าม"พระปิดตา วัดกุฏโง้งมาแต่ก่อนร่อนชะไรก็สารภาพบาปอย่างตรงไปตรงมาเลยทีเดียวว่า "พระปิดตา วัดกุฏโง้งหรือ..?? มีพิมพ์เดียวมั๊ง ของดีราคาถูกแบบนี้ ยังไม่เคยมีใครสนใจจะแยกพิมพ์มาก่อนเลยนะ..." ส่วนบางคน ที่จำเป็นต้องรับรู้เรื่องของพระปิดตา วัดกุฏโง้งแบบเสียไม่ได้ ทำให้พอรู้แบบงูๆปลาๆ ก็จะว่าไปอีกแบบหนึ่งว่า "อ๋อๆ พระปิดตา วัดกุฏโง้งมีพิมพ์เดียวครับ และมีอยู่สองสี คือ สีดำ กับสีเปลือกมังคุดครับ..!!" แต่บางคน ที่รู้มากขึ้นอีกนิด เพราะเป็นคนพื้นที่เมืองระยองเอง ก็ว่าไปอีกอย่างหนึ่งว่า "จริงๆแล้ว พระปิดตาวัดกุฏโง้งนั้น สร้างไว้เป็นจำนวนมาก และมีหลายสี คือมีทั้งสีดำ สีเปลือกมังคุด แม้แต่เนื้อสีแดง สีชมพู ซึ่งเป็นสีที่หายากมากๆนั้น ก็มีด้วยเหมือนกันนะ..!!!" และสำหรับ"เซียนหย่าย"บางคนบางท่าน เมื่อเจอคำถามเดียวกัน ก็วางฟอร์มทำมาดเข้ม เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของตนเองให้แลดูน่าเชื่อถือที่สุด ก่อนพูดเสียงดังฟังชัดด้วยภาษาไทยแท้ๆแต่โบราณว่า "เฮ้ยๆ....พระปิดตาวัดกุฏโง้งมีพิมพ์เดียว เนื้อเดียว คือเนื้อดำเว้ย เนื้ออื่นกรูไม่เคยเห็นเว้ย....!!?!"
ว่าแล้ว เซียนหย่าย(ที่ไม่ยอมเล็ก)ท่านนั้น ก็งัดเอากล่องพระปิดตาวัดกุฏโง้งสีดำล้วนๆ พิมพ์เดียวโดดๆที่ตุนเอาไว้นับเป็นสิบยี่สิบองค์ขึ้นมาโชว์ด้วยความภาคภูมิใจ เอาเข้าไป................. ทั้งๆที่เป็นเรื่องเดียวกันแท้ๆ แต่ต่างคนต่างตอบกันไปคนละทางสองทางแบบนี้ แล้ว"ความจริง"ที่แท้ มันเป็นอย่างไรกันแน่..???? นี่ขนาดพระที่ยังไม่ "ฟีเวอร์"อะไรสักเท่าไร ข้อมูลเรื่องราวก็ยังสับสนอลหม่าขนาดนี้ ก็หากพระปิดตาวัดกุฏโง้งรุ่นที่ว่า เกิด "เปรี้ยงปร้าง"ขึ้นมาเมื่อไรละก็ จะมิยิ่งวุ่นวายกันอุตลุดจนโลกร้าวไปหรอกหรือ..???? ท้ายสุด เพื่อตัดปัญหาความไม่ลงรอยด้วยประการทั้งปวง ผู้เขียนก็เลยบุกเดี่ยวไปคุยไปเจาะลึกถึงที่วัดกุฏโง้ง ถึงที่อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรีด้วยตัวเองเสียเลยทีเดียว ได้กราบสนทนาและขอคำชี้แนะจากท่านพระอาจารย์อนันต์ อานันโท เจ้าอาวาสวัดกุฏโง้งปทุมคงคง(ชื่อเต็ม)
อย่างละเอียดที่สุดในทุกแง่มุม ทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกมาประมวลกับรายงานข่าวจากทุกกระแส ทำให้ทราบถึง
"ข้อยุติ"อย่างเด็ดขาดที่ว่า
1.พระปิดตา วัดกุฏโง้ง สร้างขึ้นเพื่อแจกในงานผูกพัทธสีมา วัดกุฏโง้งในปีพ.ศ. 2519
2. การทำงานของวัดทางภาคตะวันออกนั้น จะมีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล โดยมักจะเตรียมการล่วงหน้านานเป็นปีๆ ถึง 2-3 ปี (ไม่ใช่วันมะรืนจะตัดลูกนิมิต แต่เพิ่งจะเอาพระแจกงานไปเสกในวันนี้ก็หามิได้)
3.ด้วยเหตุจากข้อ 2. เมื่อวัดกุฏโง้งมีกำหนดจะผูกพัทธสีมาในปีพ.ศ. 2519 แต่คณะกรรมการวัดก็เตรียมการตั้งแต่กลางปีพ.ศ. 2516 แล้ว โดยหนึ่งในการเตรียมงานนั้นก็คือ การสร้างพระเครื่องที่ระลึกไว้ล่วงหน้านานถึงกว่า 2 ปีเต็มๆ โดยมีหลายแบบหลายพิมพ์ทรงทั้งพระสมเด็จใหญ่-กลาง-เล็ก ,เหรียญอดีตเจ้าอาวาส,พระปิดตา,พระนางกวัก,ผ้ายันต์ฯลฯ
4.เฉพาะพระปิดตาเท่านั้น ที่ผสมผงพุทธคุณ,ผงพระปิดตา หลวงปู่จีน วัดท่าลาด ผู้เกรียงไกร
5. พระปิดตา วัดกุฏโง้ง มีจำนวนการสร้างรวมทั้งสิ้น 48,000 องค์
2.พระปิดตา วัดกุฏโง้ง เพราะเหตุที่มียอดการสร
ราคาเปิดประมูล
1,450 บาท
ราคาปัจจุบัน
1,550 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ
50 บาท
วันเปิดประมูล
อ. - 09 ธ.ค. 2568 - 11:15:05 น.
วันปิดประมูล
ส. - 13 ธ.ค. 2568 - 05:59:58 น. (เหลือเวลา 15 ชั่วโมง 42 นาที)
ผู้ตั้งประมูล
crystalfang
(
480
)
(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1
อ. - 09 ธ.ค. 2568 - 11:26:52 น.
ด้านหน้า
ข้อมูลเพิ่มเติม 2
อ. - 09 ธ.ค. 2568 - 11:27:10 น.
ด้านหลัง
ราคาปัจจุบัน :
1,550 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :
50 บาท
!!! ท่านต้อง login เข้าสู่ระบบก่อน จึงจะสามารถร่วมประมูลได้ !!!
(0)
ประวัติการเสนอราคา
ผู้เสนอราคา
ราคา
เวลา
เมืองสมุทร
(
6.9K
)
1,500 บาท
ศ. - 12 ธ.ค. 2568 - 05:59:58 น.
(ถึงราคาขั้นต่ำแล้ว)
junshern222
(
2.8K
)
(
2
)
1,550 บาท
ศ. - 12 ธ.ค. 2568 - 06:40:09 น.
Copyright ©G-PRA.COM
www1