(0)
พระขุนแผนผงพรายกุมาร รุ่นบรมครู ๓๒ ปี ๒๕๔๙ พิมพ์ใหญ่ องค์นี้สีขาว ด้านหลังยันต์ครู ผงชนวนพระกริ่งชินบัญชร มีชุดของแถมมอบให้อีก 1ชุด ครับ








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระขุนแผนผงพรายกุมาร รุ่นบรมครู ๓๒ ปี ๒๕๔๙ พิมพ์ใหญ่ องค์นี้สีขาว ด้านหลังยันต์ครู ผงชนวนพระกริ่งชินบัญชร มีชุดของแถมมอบให้อีก 1ชุด ครับ
รายละเอียดพระขุนแผนผงพรายกุมาร รุ่นบรมครู ๓๒ ปี ๒๕๔๙ พิมพ์ใหญ่ องค์นี้สีขาว ด้านหลังยันต์ครู ผงชนวนพระกริ่งชินบัญชร มีชุดของแถมมอบให้อีก 1ชุด ครับ

มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก จะจัดสร้างพระกริ่งขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง คือพระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสที่ พระกริ่งชินบัญชรมีอายุสร้างครบ 32 ปี ประกอบกับวัดละหารไร่ ได้ปรับปรุงบูรณะวังสามพญา ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ของจังหวัดระยอง, ทำการก่อสร้างพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัตน์ และอนุสาวรีย์ยอดขุนพลบ้านค่าย ตลอดจนทางมูลนิธิก็มีกิจกรรมที่ต้องทำตลอดคือ หน่วยช่วยเหลือประชาชนเคลื่อนที่ ที่ อ.มาบตาพุด จำเป็นต้องหารายได้เพื่อมาใช้ในกิจการดังกล่าว และทางวัดละหารไร่จะทำพิธีเททองหล่อพระประธานในมหาเจดีย์ภาวนาภิรัตน์โดยมีชื่อว่า พระพุทธมงคลมหามุนี โดยที่พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ นั้นจะใช้รูปแบบเททองแบบโบราณ เข้าหุ่นแบบดินไทย โดยจะเททองฤกษ์เดียวกับพระพุทธมงคลมหามุนี ณ.ลานวัดละหารไร่ ในวันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม 2549 เวลา 12.39 น.สมโณฤกษ์ โดยมีพระเกจิอาจารย์ดังนั่งปรกปลุกเสกหน้าเตาหลอม 4 ทิศ 4 องค์ คือ
หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน
ท่านเจ้าหรีด วัดป่าโมกข์
หลงพ่อสิน วัดละหารใหญ่
หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ศิษย์เอกหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

“ พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ “
วันจันทร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๙ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๓๑ ปีย่างเข้าปีที่ ๓๒ ของหลวงปุ่ทิม อิสริโก ประกอบกับ พระกริ่งชินบัญชรที่ถือกำเนิดในเทวีฤกษ์ สร้างขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๑๗ มีอายุการสร้างครบ ๓๒ ปี เช่นกัน ในวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงปู่ทิมปีนั้นนอกจากจะทำบุญสัตมาวาร เพื่อระลึกถึงท่านดังเช่นที่ปฏิบัติกันมาทุกปีแล้ว วัดละหารไร่ ซึ่งมีพระครูวิจิตรธรรมาภิรัต(เชย) เจ้าอาวาสได้จัดพิธีเททองหล่อ “พระพุทธมงคลมหามุนี” ขึ้น (ปัจจุบันประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ชั้นล่าง ศาลาภาวนาภิรัต วัดละหารไร่)
มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก จึงถือเอาเป็นวันมหามงคล เททองสร้าง พระกริ่งชินบัญชร ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อหารายได้ช่วยวัดละหารไร่ สร้างพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต และเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆของมูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก อาทิ หน่วยช่วยเหลือประชาชนเคลื่อนที่ที่มาบตาพุด โดยให้ชื่อว่า “ พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒”

พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ ถอดแบบจากพระกริ่งชินบัญชรองค์เดิมของหลวงปู่ทิม แต่จะดัดแปลงให้สวยงามและพระพักตร์ให้อิ่มเอิบเป็นเอกลักษณ์ เข้าหุ่นด้วยดินไทยและเททองหล่อแบบโบราณ ณ ลานวัดละหารไร่ ต่อหน้า “ องค์พ่อปู่ฤาษีอิสริโกมุนี “ พร้อม “พระพุทธมงคลมหามุนี” เวลา ๑๒.๓๙ น. โดยมีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง นั่งปรกปลุกเสกหน้าเตาหลอมทอง ๔ องค์ ๔ ทิศ คือ
๑.ทิศบูรพา (ทิศตะวันออก) พระอาจารย์ สาคร มนุญโญ วัดหนองกรับ ศิษย์เอกหลวงปู่ทิม
๒.ทิศประจิม (ทิศตะวันตก) หลวงพ่อ สิน วัดละหารใหญ่ ซึ่งเป็นวัดพี่-วัดน้องกับ วัดละหารไร่ หลวงพ่อสินเอง เป็นศิษย์เอกอีกองค์หนึ่งของหลวงปู่ทิม ทั้งมีวัตรปฏิบัติที่งดงามเคร่งครัด และสำรวมยิ่งองค์หนึ่งของบ้านค่าย
๓.ทิศอุดร (ทิศเหนือ) หลวงปู่ทรง วัดศาลาดิน จ.อ่างทอง พระเถระผู้มีกระแสจิตแก่กล้า นอกจากจะได้ชื่อว่า เสกเดี่ยวได้อย่างมั่นใจไม่ต้องให้ใครมาช่วยเดี่ยวแล้ว ท่านยังเป็นพระปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณโด่งดัง ท่านรับนิมนต์มานั่งปรกที่วัดหลวงปู่ทิมด้วยความยินดี เพื่อช่วยให้กริ่งบรมครู๓๒ ดังสุดๆอีกครั้งหนึ่ง
๔.ทิศทักษิณ (ทิศใต้) ท่านเจ้าหรีด หรือพระครูบุญญาภินันท์ วัดปาโมกข์ จ.พังงา ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์สายใต้องค์หนึ่งซึ่งกำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ ท่านนั่งปลุกเสกประจำทิศใต้ ท่านนั่งปลุกเสกมีดหมอรุ่นไหว้ครู (๑พฤษาคม๒๕๔๙) ต่อหน้ารูปหล่อหลวงปู่ทิม อิสริโก ที่มูลนิธิฯ คู่กับพระอาจารย์สาคร จนน้ำมนต์หมุนให้เห็นกันจะจะมาแล้ว และเหรียญรุ่น ๑ ของท่านเจ้าหรีดก็กำลังดังมีคนถูกยิงแล้วไม่ระคายผิว

เมื่อวันเททองหล่อ พระกริ่งชินบัญชร บรมครู๓๒ เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๙ นอกจากฝนฟ้าจะว่างเว้นให้อย่างอัศจรรย์ ๒ วัน ๒ คืน ครูบาอาจารย์ หลวงปู่ทิม ตลอดจนเทพพรหมมากันมืดฟ้ามัวดิน จนบดบังแสงอาทิตย์ที่กำลังแผดกล้า แล้วยังมีเหตุอัศจรรย์ที่จะเรียกว่าอภินิหารหรือปาฏิหารย์ก็เห็นจะไม่ผิด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชรบรมครู ๓๒ ท่ามกลางสายตาผู้เข้าชมการเททองพระกริ่งนับพันคน การเททองหล่อพระพุทธรูปเป็นภูมิปัญญาของไทยเรามาแต่โบราณ จนถึงยุครัตนโกสินทร์ก็มีบ้านช่างหล่อ มีตระกูล วงศ์ช่างหล่อ แต่ปัจจุบันการสร้างพระปฏิมากรขนาดเล็กแบบพระกริ่ง มีการทำกันอยู่ ๒ ลักษณ์ คือ สร้างด้วยดินไทย และ สร้างด้วยดินฝรั่ง การสร้างด้วยดินฝรั่งเป็นการดัดแปลงเอาวิธีการของฝรั่งมาใช้ในการสร้างพระพุทธรูปขนาดเล็ก โดยเอาวัตถุที่ใช้พอกหุ่นที่สร้างขึ้นเพื่อทำจิวเวอรี่ หรือหล่อวัตถุต่างๆอันได้แก่เครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาดัดแปลงเป็นการหล่อพระที่เรียกว่า เหวียง แทนที่จะใช้ ดินไทย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั่งเดิมของบรรพบุรุษ

การเททองแบบดินไทยต้องใช้ขี้วัวเป็นวัตถุดิบสำคัญ และต้องใช้ขี้วัวสดๆ ที่ถ่ายออกมาใหม่ๆ ผ่านกรรมวิธี เป็นดินพอกหุ่น
พราหมณ์ซึ่งเป็นเจ้าพิธีการมาแต่ครั้งโบราณถือว่า ของที่บริสุทธิ์และเป็นมงคลตามธรรมชาติที่จะต้องนำมาใช้ในงานพิธีสำคัญๆไม่ว่าจะเป็นงานของชาวบ้านหรืองานพระราชพิธีของพระมหากษัตริย์ มีอยู่ ๒ สิ่งคือ หอยสังข์ และ มูลโค หรือขี้วัว หอยสังข์ใช้เป่าในงานพระราชพิธีต่างๆถือว่าเป็นของบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์โดยธรรมชาติ ส่วนมูลที่โคถ่ายออกมาก็ถือว่าเป็นของบริสุทธิ์โดยธรรมชาติ เพราะโคไม่เคยเบียดเบียนใคร กินแต่หญ้ามาโดยตลอด มูลโคจึงถือเป็นของบริสุทธิ์ บรรพบุรุษของเราจึงเอามาเป็นวัสดุสำคัญในการหล่อพระ
การหล่อพระกริ่งชินบัญชรบรมครู๓๒ ตั้งใจทำด้วยความบริสุทธิ์ เอาสิ่งที่ถือว่าบริสุทธิ์ที่เกิดเองมาหล่อ เพื่อให้ท่านที่เคารพนับถือหลวงปู่ทิม มีของมงคลของบริสุทธิ์ไว้ใช้ และคงเป็นความบริสุทธิ์ใจของคณะผู้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ขณะเททองประการแรกเมื่อได้ฤกษ์เททอง ๑๒.๓๙ น. อันเป็นราชาฤกษ์ เมื่อฆ้องประกาศฤกษ์ลั่นขึ้นพระอาทิตย์เวลาเที่ยงวัน ซึ่งกำลังส่องแสงอันแรงกล้าปราศจากเมฆหมอก ความร้อนจากแสงอาทิตย์กำลังแผดกล้า(หลังฝนตกหนักติดต่อกันมาแล้ว ๒ วัน เพราะดีเปรสชั่นเข้ามาทางภาคตะวันออก) ถ้าใช้มือป้องสายตามองขึ้นไปจะเห็นพระอาทิตย์กำลังทรงกลด
แต่เมื่อเสียงฆ้องตีบอกฤกษ์ดังขึ้น ท้องฟ้าซึ่งขณะนั้นพระอาทิตย์กำลังส่องแสงอันร้อนแรงเพราะปราศจากเมฆหมอกมาบดบัง พลันเมฆหมอกจากที่ไกลๆก็พากันเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วมาบดบังดวงอาทิตย์ ทำให้ท้องฟ้าครึ้มลง มีร่มเงาเกิดขึ้น อากาศเย็นสบาย คุณไพศาล ช่างการบินไทย ซึ่งพาภรรยามาร่วมพิธีด้วย เล่าให้ฟังภายหลังว่า ได้สะกิดให้ภรรยาซึ่งนั่งอยู่ในเต้นท์ที่อยู่ในประรำพิธีแหงนหน้าขึ้นไปมองพระอาทิตย์ มีเมฆหมอกมาบังให้ร่มเย็นอย่างอัศจรรย์ แต่ภรรยาซึ่งก็กำลังมองท้องฟ้าอยู่บอกว่า “อย่ามากวนใจกำลังมีความสุจ” ซึ่งอธิบายหลังพิธีว่า มองขึ้นบนท้องฟ้า เห็นรัศมีขาวใสดุจประกายเงินประกายทองของเทพ พรหม ครูบาอาจารย์เต็มไปหมด และโปรยปรายประกายเงินประกายทองลงมาในพิธี

ขณะนั้น ก็ได้ยินเสียงร้องว่า น้ำทองกระโดด จึงหันหลังกลับไปดูการเททอง นายสมบัติ ชัยยะ ซึ่งเป็นช่างเททองของโรงหล่อ ขุน-ชิน ลูกศิษย์สายตรงของอาจารย์ มาลี พัฒนากร ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่สายพระกริ่ง ขณะที่ช่างสมบัติ ชัยยะ กำลังตักน้ำทองออกจากเตาหลอมเพื่อเทลงในเบ้าพระกริ่ง น้ำทองโลหะที่กำลังละลายเป็นน้ำเหลวๆมีอุณหภูมีกว่า ๔,๕๐๐ องศา เกิดระเบิดขึ้นมาจากเบ้า แตกกระเด็นมาถูกเสื้องานกริ่งบรมครู๓๒ สีขาว(ด้านหลังมียันต์๕) ตรงต้นแขนด้านขวา ความร้อนของโลหะที่ละลายเป็นน้ำถูกเสื้อขาดเป็นรู แทนที่น้ำทองร้อนๆจากโลหะจะเจาะทะลุเข้าไปโดนเนื้อจนถึงกระดูกแล้ว กลับไหลเป็นน้ำตกลงไปยังพื้นทรายเททองรองรับไว้ ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ที่เฝ้าชมการเททองนับร้อยๆคน จากนั้นต่างคนต่างวิ่งไปขอบูชาเสื้อตัวละ ๓๐๐ บาทซึ่งเหลือไม่กี่ตัวไปจนหมด ผู้ที่บูชาเสื้อไม่ได้ต่างขอบูชาต่อจากผู้ที่ได้ไป จนบางคนโก่งราคาถึงตัวละ ๑,๐๐๐ บาท ก็ยังมีผู้บูชาไป

ส่วน กัปตันมานิตย์ รุธีรยุทธ ซึ่งมีซิกเซ้นต์ มาร่วมงานกับคุณพิมพ์กานต์แฟนสาว บอกผู้เขียนก่อนเริ่มการเททองให้หาอาสนะไว้ที่หนึ่ง ปูรองด้วยใบตองและหญ้าคา เพราะหลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านได้นิมนต์พระเถระผู้ใหญ่มาร่วมพิธด้วย กัปตันบอกว่าน่าจะเป็น สมเด็จพระพนรัตน วัดป่าแก้ว ปรมาจารย์เจ้าของตำรับการสร้างพระกริ่ง หรือพระชัยฉลองพระเดชพระคุณที่ผมได้มาจากกุฏิสุนทรภู่ วัดเทพธิดาราม เรื่องที่เล่านี้เป็นความเชื่อของผู้ที่เคารพนับถือหลวงปู่ทิมที่มาร่วมงาน
การสร้าง พระกริ่งชินบัญชร บรมครู๓๒ หรือ รุ่นทองกระโดด ครั้งนั้นจะสร้างแบบโบราณด้วยการเข้าหุ่นด้วยดินขึ้วัวหรือดินไทยแบบโบราณ โดยถอดแบบพระกริ่งชินบัญชร รุ่นแรกปี ๒๕๑๗ แล้วยังจะคงไว้ซึ่งของเก่าๆ สมัยหลวงปู่ทิม ยังมีชีวิตอยู่ และมอบให้ผู้เขียนไว้ โดยจะบรรจุผงอุดก้นด้วยมวลสาร
- ผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้ง หลวงปู่ทิม อิสริโก
- น้ำมันพระเจ้าตาก ที่ฝังไว้เมื่อ ๒๐๐ ปีก่อน
- น้ำมันใส่ผมตราสงกรานต์ ที่หลวงปู่ทิม ปลุกเสกในพระอุโบสถวัดกระบกขึ้นผึ้ง เมื่อปี ๒๕๐๓ และเจ้าของนำมาฝากหลวงปู่ทิม ปลุกเสกต่อจนท่านมรณภาพ ก็ไม่มารับ(รวมเวลาที่หลวงปู่ทิมปลุกเสกร่วม ๑๖ ปี)
- จีวร น้ำมันเสือ น้ำมันพราย สีผึ้ง และปิดก้นด้วยจีวรดาดเพดาน หรือ คาย อันเป็นที่สถิตย์ของครูบาอาจารย์ เมื่อหลวงปู่ทิมทำพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลในกุฏิของท่าน เมื่อตบแต่งพระกริ่งสำเร็จแล้วจึงลงรักปิดทองบูชา ให้สมชื่อ พรายกุมารทอง
(มีของแถมด้วย ครับ ตามแบบฉบับ "มหาลาภ" )
ราคาเปิดประมูล499 บาท
ราคาปัจจุบัน599 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 19 เม.ย. 2553 - 15:21:00 น.
วันปิดประมูล - 20 เม.ย. 2553 - 20:13:40 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลmahalap (5.1K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     599 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    tum2516 (1.7K)

 

Copyright ©G-PRA.COM