(0)
พระไม่แท้ นะครับ...ชินราชหลังอกเลา ผมบอกก่อนไม่ผ่าน พิดโลกเล่นกันเป็นของแท้ผมเด็กวัดที่นี่มาก่อนบอกว่าหลวงพ่อพันธ์เสกของแท้ผิวโลหะต่างจากนี้ครับ(เจ้าของเดิมไปให้พระจารย์อักขระมา)ผ่านพิธี..ครับวัดใจ..








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระไม่แท้ นะครับ...ชินราชหลังอกเลา ผมบอกก่อนไม่ผ่าน พิดโลกเล่นกันเป็นของแท้ผมเด็กวัดที่นี่มาก่อนบอกว่าหลวงพ่อพันธ์เสกของแท้ผิวโลหะต่างจากนี้ครับ(เจ้าของเดิมไปให้พระจารย์อักขระมา)ผ่านพิธี..ครับวัดใจ..
รายละเอียดพระพุทธชินราช ประดิษฐานอยู่ที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท จัดเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศไทยองค์หนึ่ง ถึงขั้นที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำริให้ชลอมาประดิษฐาน ณ พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม แต่ทรงรับฟังคำทูลขอร้องของชาวพิษณุโลก ที่ว่าพระพุทธชินราชองค์นี้ เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง จึงทรงตัดสินพระทัยหล่อ พระพุทธชินราชจำลอง ขึ้นมาแทน

ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในปีใด แต่มีการสันนิษฐานโดยอ้างอิงตามพงศาวดารเหนือ คาดว่าน่าจะสร้างพร้อมกับพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา ในรัชสมัย พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) จากนั้นจึงมีการลงรักปิดทององค์พระเป็นครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้มีการบูรณะ ลงรักปิดทองอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 5 และมีการบูรณะครั้งล่าสุดในรัชกาลที่ 9 พระพุทธชินราชนี้เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยสุโขทัย หมวดพระพุทธชินราช ลักษณะขององค์พระเส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย พระขโนงโก่ง พระเนตรประดุจตากวาง พระนาสิกโด่ง ชายผ้าสังฆาฏิแยกเป็นเขี้ยวตะขาบ นิ้วพระหัตถ์ทั้ง 4 ยาวเสมอกัน อยู่ในลักษณะปางมารวิชัย ด้านซ้ายและขวาขององค์พระมียักษ์ 2 ตน คอยปกปักรักษาองค์พระอยู่ อีกทั้งยังมีพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรเป็นอัครสาวกอยู่ด้วย นอกจากนี้แล้วยังมีซุ้มเรือนแก้วที่คาดว่าน่าจะสร้างในสมัยอยุธยาลักษณะเป็น รูปตัวเหรา ถือเป็นศิลปะที่สวยงามมากอย่าหนึ่ง พระพุทธชินราชประดิษฐานในวิหารลักษณะเก้าห้อง ซึ่งมีการบูรณะปฏิสังขรณ์มาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบัน ทำให้องค์พระสวยงามบริบูรณ์อย่างในปัจจุบัน และในประวัติศาสตร์ยังพบว่ากษัตริย์ในทุกๆสมัยของไทยให้ความเคารพและศรัทธา ต่อองค์พระพุทธชินราชมาอย่างต่อเนื่องทุกๆ พระองค์
พระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ จึงมีตำนาน พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งทรงพระราชนิพธ์ใน พ.ศ. 2409 โดยอาศัยหลักฐานจากพงศาวดารเหนือ แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์โบราณคดียุติได้ดังนี้คือ

พระพุทธชินราชสร้างโดยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) กษัตริย์ลำดับที่ 5 แห่งกรุงสุโขทัย ซึ่งในตำนานพระพุทธชินราชฯ เรียกพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก โดยสร้างพระพุทธรูปพร้อมกัน 3 องค์ เพื่อประดิษฐานในพระวิหารทิศ ของวันพระศรีรัตนมหาธาตุเมื่อพิษณุโลกเมื่อ พ.ศ. 1900 ในตำนานพระพุทะชินราชฯ มีชื่อช่างหล่อพระพุทธชินราชเป็นช่างพราหมณ์ฝีมือดี 5 นาย คือ บาอินท์ 1 บาพรหม 1 บาพิษณุ 1 บาราชสังข์ 1 บาราชกุศล 1

***********************************************
พระพุทธชินราช พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาวไทย


ความศักดิ์สิทธิ์อภินิหารของพระพุทธชินราช หรือ หลวงพ่อพระพุทธชินราช หรือ หลวงพ่อใหญ่ ที่ชาวพิษณุโลก
เรียกกันจนติดปาก มีอยู่มากมายเหลือคณานับ อย่างเช่น ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระนเรศวรมหาราช ทุก
ครั้งที่พระองค์จะเสด็จออกทำศึกสงคราม พระองค์จะเสด็จเข้าไปในวิหารทรงกราบไหว้อธิษฐานขอพรจากความศักดิ์สิทธิ์
ของพระพุทธชินราช ขอให้ทรงมีชัยชำนะศึกต่ออริราชศัตรูของแผ่นดิน

และก็เป็นดั่งคำอธิษฐานขอพรจากความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธชิราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระนเรศวร
มหาราชทรงมีชัยชำนะศึกทุกครั้ง เมื่อเสด็จกลับสู่เมืองพิษณุโลก พระองค์ก็ทรงนำเครื่องทรงที่มีชัยชำนะศึกถวายเป็นเครื่อง
สักการะ แด่พระพุทธชินราชเสมอมา ส่วนพุทธศาสนิกชนตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรืออยู่ไกล ก็ยังพากัน
ไปกราบไหว้บูชาพระพุทธชินราชด้วยความศรัทธา บางคนมีความทุกข์ร้อนในใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องของครอบครัว การงาน
หรือค้าขาย ต่างก็ได้บนบานศาลกล่าวอธิษฐานขอพรที่ปรารถนา แล้วก็เหมือนความอัศจรรย์ที่ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ คำบนบานศาล
กล่าวอธิษฐานขอพรต่างก็ประสบความสำเร็จไปตามๆ กันและก็มีประสบการณ์ให้เห็นอยู่ทุกวัน กับการแก้บนในวิหารพระ
พุทธชินราช

พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะที่สวยงาม เด่นสง่าที่สุดของประเทศไทย เป็นพระพุทธรูปศิลปะ
สุโขทัยผสมผสานกับศิลปะเชียงแสนอย่างลงตัว นับได้ว่าเป็นประติมากรรมชั้นสูงสุดแห่ง " พุทธศิลป์ "

ในการสร้างพระพุทธชินราช จากหลักฐานของหนังสือพงศาวดารของทางเหนือได้เขียนกล่าวยืนยันเอาไว้ว่าในปี
พุทธศักราช 1500 หรือ จุลศักราช 319 เมื่อพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฏก หรือ พระธรรมราชาลิไท ได้สร้างวัดพระศรีรัตนมหา
ธาตุวรมหาวิหารเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว พระองค์ทรงพระประสงค์จะทรงสร้างพระพุทธรูปขึ้นเป็นจำนวน 3 องค์และ
พระองค์ก็ได้ช่างฝีมือดีที่เป็นพราหมณ์มา 5 คน มาเป็นแม่งาน พร้อมทั้งได้ทรงหาช่างฝีมือเอกจากเมืองศรีสัชนาลัย สวรรค
โลก เมืองเชียงแสน และเมืองหริภุญชัย มาร่วมช่วยกันหล่อพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ คือ พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์
พระศรีศาสดา

พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว สร้างจากโลหะเนื้อสัมฤทธิ์
ลงน้ำรัก ปิดทอง
103 ปีของมวลสารศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธชินราชจำลองรุ่น " ปิดทอง "



องค์พระพุทธชินราชที่สร้างด้วยเนื้อโลหะทองสัมฤทธิ์ ลงน้ำรัก ปิดทอง เมื่อเนิ่นนานวันก็มีการชำรุดเกิดขึ้น
ซึ่งเป็นหลักของธรรมชาติ เมื่อมีการชำรุด ก็ต้องมีการซ่อมแซมใหม่ถึง 3 ครั้ง

ครั้งที่ 1
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระเอกาทศรถ ประมาณในพุทธศักราช 2149 ถึง 2151

ครั้งที่ 2
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2444

ครั้งที่ 3
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) เมื่อวันที่ 6 กรกฏาคม 2547

เนื้อแผ่นน้ำรักและทองที่ลอกออกจากองค์พระพุทธชินราช ที่ได้ปฏิสังขรณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอม
เกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2444 มีอายุมาถึง ณ วันนี้ 103 ปี

103 ปีก็ได้ซึมซับรับเอาความศักดิ์สิทธิ์จากองค์พระพุทธชินราชไว้อย่างเต็มเปี่ยม และยังได้รับเอาพลังจิตจากพระ
เกจิทั่วประเทศ หลายยุคหลายสมัยที่ได้นั่งอธิษฐานปลุกเสกวัตถุมงคลจนนับครั้งไม่ถ้วน

ล้วนเป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นในตัวเองของแผ่นน้ำรัก และทองที่ลอกออกมา

***********************************************
สรณะคนดัง-"ปาฏิหาริย์ อภินิหาร"


"จริงๆ แล้วในพุทธศาสนาถือว่า ปาฏิหาริย์ อภินิหาร เป็นเรื่องธรรมดา เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ด้วยเหตุที่ว่า ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก ปาฏิหาริย์ จึงหมายถึง ความอัศจรรย์ สิ่งประหลาดเหลือเชื่อ ที่มีความพิเศษเหนือกว่าสิ่งอื่นๆ

หรือปรากฏการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เป็นความอัศจรรย์ที่คนนำให้เกิด ปกติแล้วปาฏิหาริย์จะหมายถึงความอัศจรรย์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งแบ่งได้ ๓ อย่าง คือ ๑.มีฤทธิ์เป็นอัศจรรย์ ๒.ทายใจคนได้เป็นอัศจรรย์ และ ๓.มีคำสอนเป็นอัศจรรย์ แต่ถ้าบุญบารมีนำให้เกิด จัดเป็นอภินิหาร ซึ่งหมายถึง อำนาจแห่งความดี บุญอันยิ่งใหญ่ พลังเหนือธรรมชาติที่เกิดจากบุญกุศล ความดี รวมทั้งบารมีที่สั่งสมไว้ ที่สำคัญ คือ ทั้งปาฏิหาริย์และอภินิหาร จะเกิดขึ้นเฉพาะบุคคล ด้วยเหตุนี้ จึงยากที่จะอธิบายให้เข้าใจกัน"

นี่เป็นคำอธิบาย เรื่องปาฏิหาริย์ อภินิหาร ของ นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


อย่างไรก็ตาม แม้ว่านายวุฒิพงศ์ จะจบนิติศาสตร์ แต่โดยส่วนตัวแล้ว สนใจวิทยาศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง โดยมีผลงานที่ยืนยันความสามารถ ๒ อย่าง คือ คิดค้นวิธีเพาะกล้าไม้สักเรียกว่า "การเพาะกล้าสักด้วยตา" โดยสามารถเพาะต้นสักที่มีอายุเก่าแก่กว่า ๑,๕๐๐ ปี ซึ่งเป็นต้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้สำเร็จ ในขณะที่เคยมีนักวิชาการระดับปริญญาเอกถึง ๔ คนช่วยกันเพาะ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้แล้ว ยังคิดวิธีการผ่าไม้สักให้ได้หน้าไม้ที่มีลวดลายสวยงาม ถึงขนาดยื่นขอจดสิทธิบัตรจากต่างประเทศถึง ๒ ใบ

และด้วยเหตุที่มีความสนใจวิทยาศาสตร์เป็นพิเศษ เมื่อใครพูดถึงปาฏิหาริย์ อภินิหาร รวมทั้งเรื่องลี้ลับลึกลับต่างๆ เขามักก็จะพูดแซวไปว่า

"ทุกวันนี้เขาส่งจรวดเอาคนไปเหยียบดวงจันทร์ ส่งยานอวกาศไปสำรวจดาวอังคารกันแล้ว ยังมาพูดถึงปาฏิหาริย์ อภินิหารกันอยู่ได้"

แต่แล้วปาฏิหาริย์กลับมาเกิดขึ้นกับตัวเขาเองหลายครั้ง

สำหรับปาฏิหาริย์ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในชีวิต นายวุฒิพงศ์ เล่าว่า ช่วงเป็นเด็ก พ่อให้แขวน พระเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส คืนหนึ่งฝันว่า มีพระรูปหนึ่งซึ่งผิวดำมายืนถือไม้เท้าอยู่ปลายเตียง พร้อมกับพูดว่า พระที่แขวนอยู่ขลังและศักดิ์สิทธิ์ไม่พอ ให้เอาไปเก็บไว้ที่หิ้ง และก็ให้หาพระรูปร่างแบบที่เห็นมาแขวนแทน

ตื่นเช้ามาก็รู้สึกงงกับความฝัน แต่ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง ด้วยเหตุที่เป็นพระเลี่ยมทอง จึงมีความคิดว่า จะเก็บไว้ในกล่องของแม่ แต่ไม่ได้ไปเก็บ

หลังจากนั้นไม่นานพี่ชาย (จาตุรงค์ ฉายแสง) ซึ่งเพิ่งออกมาจากป่าใหม่ๆ แนะนำให้เอาสร้อยทองไปจำนำ เพื่อเป็นทุนให้พี่ชายไปเรียนอเมริกา จึงถอดสร้อยให้พี่ชาย ส่วนพระก็นิมนต์เก็บไว้ที่หิ้งพระ

ระหว่างที่วางพระลงบนหิ้ง ปรากฏว่า ตำแหน่งที่วางพระลงไปนั้น มีพระเครื่ององค์หนึ่งซึ่งมีลักษณะตรงกับพระที่ฝันทุกประการ และมาทราบภายหลังว่าเป็น พระหลวงพ่อวงศ์ วัดใหม่ทองเสน สี่แยกเกียกกาย เขตดุสิต กรุงเทพฯ โดยท่านมีประวัติที่น่าสนใจ คือ ทุกครั้งที่ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีคนที่ ๑๑ จะปฏิวัติ ต้องถามพระรูปนี้เสมอ เพราะท่านเป็นพระเกจิอาจารย์แห่งยุคนั้น

ส่วนปาฏิหาริย์ที่ ๒ คือ เห็น พระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นคนไม่ใช่พระปูน ปาฏิหาริย์นี้เกิดขึ้นระหว่างให้ช่างช่วยปั้น พระหลวงพ่อโสธร วัดโสธร จ.ฉะเชิงเทรา ให้มีพุทธลักษณะให้เหมือนมากที่สุด โดยเห็นท่านเป็นคนถึง ๓ ครั้ง นอกจากนี้แล้วลูกน้องอีก ๒ คนอย่างเห็นพระสารีบุตรเป็นคนเช่นกัน แต่ไม่กล้าบอกกับช่างที่กำลังปั้นพระ เพราะกลัวว่า ช่างจะตกใจ ส่วน พระโมคลานะ อัครสาวกเบื้องซ้ายนั้น แม้จะอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน แต่กลับมองเห็นองค์ท่านเป็นปกติ

"ปาฏิหาริย์ ที่ ๓ เกิดจากการปฏิบัติธรรม กัมมัฏฐานวิปัสสนา ซึ่งหลักพุทธศาสนาสอนว่า ใครปฏิบัติธรรมคนนั้นก็ได้ โดยได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่าตลอด ๒๔ ชั่วโมง ในระยะเวลา ๙๐ วัน ทุกครั้งที่หายใจเข้าออก จะบริกรรมว่า พุท-โธ ช่วงแรกๆ ทำไม่ได้ แต่หลังจากฝึกได้อยู่ระยะหนึ่ง ก็ทำได้ สิ่งที่ได้ตามมา คือ ฤทธิ์ทางใจ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก ระหว่างที่คุยกับใครๆ ก็ตาม จะรู้ก่อนเลยว่า ประโยคต่อไปจะพูดอะไร นอกจากนี้ ยังรู้ด้วยว่า คิดอะไร แม้ว่าจะเจอกันเป็นครั้งแรกก็ตาม" นายวุฒิพงศ์ กล่าว

เมื่อถามถึงเหตุการณ์เฉียดตาย นายวุฒิพงศ์ เล่าให้ฟังว่า เมื่อปี ๒๕๔๐ ระหว่างขับรถออกไปเพื่อทำประชาพิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ ระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุรถชนถึงกับหน้ายุบไป ๓ เซนติเมตร อาการสาหัส เป็นตายเท่ากัน ทั้งพ่อแม่พี่น้องทำใจไว้ล่วงหน้า โดยลงความเห็นว่า ตายแน่นอน ในที่สุดก็รอดเงื้อมมือมัจจุราชมาได้ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่า คนเราถ้ายังไม่ถึงที่ตาย ทำอย่างไรก็ไม่ตาย หากถึงที่ตาย แขวนพระกี่องค์ก็ตายอยู่ดี ในวันนั้น แขวนพระหลวงพ่อวงศ์เพียงองค์เดียวเท่านั้น จากนั้นก็แขวนมาถึงทุกวันนี้

นอกจากแขวนพระหลวงพ่อวงศ์แล้ว ยังมีพระอีก ๔ องค์ ที่นายวุฒิพงศ์ แขวนติดคอเป็นประจำ คือ พระหลวงพ่อโสธร ซึ่งเป็นพระที่แม่ได้รับพระราชทานจากพระหัตถ์ในหลวง พระหลวงพ่อปานขี่ครุฑ วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา พระหลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช และพระหลวงพ่อเสือ วัดสามกอ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพระเกจิท้องถิ่น โดยทุกครั้งที่จะนิมนต์ท่านขึ้นคอ จะบริกรรมนะโมตะสะ ๓ จบ

ในฐานะที่เป็น รมว.วิทย์ฯ นายวุฒิพงศ์ พูดถึง ไสยศาสตร์ ไว้อย่างน่าคิดว่า ไสยศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยคติความเชื่อ เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ เวทมนตร์ คาถา สิ่งเร้นลับ หรืออำนาจเหนือธรรมชาติ ไสยศาสตร์ยังเป็นเรื่องที่ไม่อาจพิสูจน์ได้แน่นอนว่า มีผลจริงหรือไม่ การหวังพึ่งไสยศาสตร์นั้น ก็มีข้อจำกัดอยู่มาก และที่สำคัญคือ ไม่อาจนำไปสู่การพ้นทุกข์ได้ เพราะที่สุดของไสยศาสตร์อาจแสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้ก็เป็นเพียงขั้นโลกียอภิญญา ยังเกี่ยวข้องอยู่กับโลก อยู่ในวิสัยของปุถุชน แม้ที่สุดการแสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ได้ก็เป็นเพียงโลกียอภิญญา ยังอยู่ในวิสัยแห่งปุถุชน ไม่อาจนำไปสู่การพ้นทุกข์ได้ บางครั้งก็เป็นเรื่องจริง บางครั้งก็เป็นเรื่องเท็จ แต่คนไปเชื่อ และยึดติดกับเรื่องเท็จมากกว่าเรื่องจริง จึงตกเป็นเหยื่อของไสยศาสตร์ โดยทุกวันนี้ มีคนจำนวนมาก แสวงหาผลประโยชน์โดยใช้ไสยศาสตร์ จึงเป็นสิ่งที่คนไทยควรระวังให้มากๆ

0 เรื่อง / ไตรเทพ ไกรงู 0

*****************************************
ราคาเปิดประมูล200 บาท
ราคาปัจจุบัน250 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูล - 09 พ.ย. 2553 - 21:52:35 น.
วันปิดประมูล - 18 พ.ย. 2553 - 02:58:00 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลลูกน้ำยม (2.3K)(2)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 09 พ.ย. 2553 - 21:53:32 น.



รอยจารย์


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 09 พ.ย. 2553 - 21:54:26 น.



หลวงพ่อชินราช....


 
ราคาปัจจุบัน :     250 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     10 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    wichart (481)(2)

 

Copyright ©G-PRA.COM