รายละเอียด | พระเครื่อง: พระนิรันตราย
ปี: 2515
วัสดุ: ทองเหลือง
กล่อง: ไม่มี
รายละเอียด:
วัตถุมงคล 108ปี วัดราชประดิษฐ์ฯ อีกหนึ่ง ยอดของดี ที่ถูกซ่อนเร้น
วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราช วรวิหาร เป็นอีกหนึ่ง พระอารามหลวงชั้นเอก ที่มีความสำคัญและโดดเด่นถึง 2 ประการ คือ
ประการแรก เป็นวัดที่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างขึ้นเป็นพระอารามหลวงของพระมหากษัตริย์ตามโบราณราชประเพณีว่า บนผืนแผ่นดินไทยเมืองใดเป็นเมืองหลวงจะต้องมีวัดสำคัญประจำ 3 วัดคือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และ วัดราชประดิษฐ์ โดยจะเห็นได้ว่าที่ กรุงเก่า (พระนครศรีอยุธยา) และ สุโขทัย, สวรรคโลก, พิษณุโลก ก็มีวัดทั้ง 3 ชื่อนี้
ประการที่สอง เพื่ออุทิศถวายแด่คณะธรรมยุตนิกายโดยเฉพาะคือเมื่อครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงผนวช พระองค์ทรงเป็นหัวหน้านำพระสงฆ์ชำระข้อปฏิบัติก่อตั้ง คณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตนิกาย วัดราชประดิษฐ์ฯ จึงนับเป็นพระอารามแห่งแรกของคณะธรรมยุต ซึ่งจากความสำคัญของวัดราชประดิษฐ์ฯ ทั้งสองประการนี้ พระมหากษัตริย์ ในรัชกาลต่อ ๆ มาก็ทรงรับวัดราชประดิษฐ์ฯ เข้าอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ทุกพระองค์สืบมากระทั่งทุกวันนี้ วัดราชประดิษฐ์ฯ จึงเป็นวัดที่มีความสำคัญใน พระมหาจักรีบรมราชวงศ์ อีกวัดหนึ่ง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงสถาปนาวัดราชประดิษฐ์ฯ ขึ้นเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2407 และในปี พ.ศ. 2515 นับเป็นศุภวาระมงคลวโรกาสที่วัดราชประดิษฐ์ฯ ได้สถิตสถาพรมีอายุ ครบ 108 ปี หากเป็นคนก็จะเรียกว่ามีอายุครบ 9 รอบนักษัตร พอดี ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ทิม อุฑาฒิมมหาเถร) อ่านว่า อุดาทิมะมะหาเถระ เจ้าอาวาสในขณะนั้นเมื่อครั้งยังดำรง สมณศักดิ์ที่ พระธรรมปาโมกข์ ได้ประชุมปรึกษาหารือพระภิกษุและสามเณรทั้งวัดโดยต่างมีความเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจัดงานสมโภชตามโบราณราชประเพณีประกอบกับวัดราชประดิษฐ์ฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก จึงได้ขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณให้งานสมโภชครบ 108 ปี ครั้งนี้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์พร้อมเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีอีกด้วย โดยทางวัดได้กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 16-26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 และมีวัตถุประสงค์ 3 ประการคือ
(1) สมโภชพระอารามหลวงที่มีอายุครบ 108 ปี
(2) สมโภช พระนิรันตราย องค์ประจำวัดซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานประจำวัดธรรมยุตตามพระราชประสงค์ของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ สมเด็จพระบรมชนกนาถ ซึ่งองค์ของวัดราชประดิษฐ์ฯ นี้มีหมายเลขลำดับที่ 14 และต่อมาได้ถูกโจรใจบาปทำการโจรกรรมไป แต่ไม่นานนักก็ติดตามกลับคืนมาได้โดยฝีมือของตำรวจภายใต้การควบคุมของ พล.ต.ต.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น ผู้บังคับการตำรวจนครบาลเหนือ (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น)
(3) จัดสร้าง พระนิรันตราย (ขนาดบูชา) พร้อม พระกริ่งนิรันตราย และ พระกริ่งสมเด็จพระสังฆราช (สา) หรือ พระกริ่งโสฬส รุ่น 2 (รุ่น แรกสร้างเมื่อครั้งจัดงานสมโภชครบ 100 ปีวัด พ.ศ. 2507) นอกจากนั้นยังมี เหรียญนิรันตราย อีก 2 แบบคือ พัดยศ หรือ เจริญยศ และแบบ เสมา หรือ เจริญลาภ รวมทั้ง พระกริ่งนิรันตรายขนาดเล็ก และ พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พร้อม ล็อกเกตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ขณะทรงถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแก่ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนนำไปสักการบูชาโดยรายได้นำบูรณ ปฏิสังขรณ์วัดราชประดิษฐ์ฯ ที่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
สำหรับการจัดสร้างวัตถุมงคลนั้นทางคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วย สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ทิม) เมื่อครั้งยังดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมปาโมกข์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์และ พลเอกประภาส จารุเสถียร รองหัวหน้าคณะปฏิวัติในขณะนั้นเป็นประธานฝ่ายฆราวาสโดยกราบบังคมทูลอัญเชิญเชิญเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเสด็จฯ เททองหล่อ พระนิรันตราย (ขนาดบูชา) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2515 จำนวน 908 องค์ ตามจำนวนสั่งจองจากนั้นจึงนำทองชนวนที่เหลือจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเททองไปจัดสร้าง พระกริ่งนิรันตราย ทั้งพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก, พระกริ่งสมเด็จพระสังฆราชสา (กริ่งโสฬส) และ เหรียญพระนิรันตราย ทั้งสองแบบ ดังกล่าวข้างต้นอย่างละ 50,000 องค์ เท่ากันยกเว้น พระบรมรูปรัชกาลที่ 4 ประทับยืนแบบเดียวกับองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ใน ปราสาทพระจอมเกล้า (ปราสาททรงพระปรางค์) สร้างจำนวน 108 องค์ และ ล็อกเกต จำนวนหลักร้อยเช่นกันซึ่งหลังการสร้างวัตถุมงคลเสร็จแล้วได้จัดทำ พิธีพุทธาภิเษกและมังคลาภิเษก ภายใน พระวิหารหลวงวัดราชประดิษฐ์ฯ ระหว่างวันที่ 16-26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 รวม 9 วัน 9 คืน ซึ่งตรงกับช่วงวันสถาปนาวัดพอดีโดยนิมนต์พระคณา จารย์ผู้ทรงวิทยาคุณในขณะนั้น ทั่วพระราชอาณาจักร เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก คืนละ 12 รูป รวมทั้งหมด 108 รูป เท่ากับอายุของวัดราชประดิษฐ์ฯ ทุกประการโดยพระคณาจารย์ที่ทรงวิทยาคุณได้แก่
หลวงปู่แหวนวัดดอยแม่ปั๋ง,
หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี,
หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่, (ปกติแล้วหลวงปู่ทิมจะไม่ออกจากวัดละหารไร่ไปร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่อื่น ๆ โดยเด็ดขาด จึงนับว่าพิธีในครั้งนี้เป็นกรณีที่พิเศษจริง ๆ โดยมีภาพถ่ายยืนยัน)
หลวงปู่คร่ำวัดวังหว้า,
หลวงปู่ดู่วัดสะแก,
หลวงปู่เทียมวัดกษัตราธิราช,
หลวงพ่อโชติ (ระลึกชาติ),
หลวงปู่ขาววัดถ้ำกองเพล,
หลวงปู่เทศก์วัดหินหมากเป้ง,
หลวงปู่จันทร์วัดเลยหลง,
หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม,
หลวงพ่อมุ่ยวัดดอนไร่,
หลวงพ่อถิรวัดป่าเลไลยก์,
หลวงพ่อกี๋วัดหูช้าง,
หลวงพ่อแพวัดพิกุลทอง,
หลวงพ่อหลิววัดไร่แตงทอง,
หลวงตามหาบัววัดป่าบ้านตาด
ฯลฯ เป็นต้น.
วัตถุมงคลชุดฉลอง ๑๐๘ ปีวัดราชประดิษฐ์ฯนี้ส่วนใหญ่จะมีตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ โดยมีพระปรมาภิไธยย่อ ม.ป.ร ประกอบอยู่ด้วย
และล่าสุด เหรียญพระนิรันตรายพิมพ์ เสมา ก็คุ้มครองทหารที่ไปทำหน้าที่รักษาความสงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ก่อนที่ผู้เขียนจะไปขอรายละเอียดการสร้างวัตถุมงคลชุดนี้จากทางวัด ได้มีทหารผู้หนึ่งเดินทางมาจากจังหวัดยะลาเพื่อขอบูชา เหรียญพระนิรันตรายพิมพ์เสมา มากถึง 200 เหรียญ พร้อมบอกเล่าถึงเหตุที่มาบูชาคือเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อนทหารในกองร้อย 6 คน ได้ออกลาดตระเวนเพื่อรักษาความสงบที่จังหวัดยะลา ปรากฏว่าถูกผู้ก่อความไม่สงบลอบโจมตีจึงเกิดการปะทะกันขึ้นประมาณ 20 นาที ผู้ก่อความไม่สงบจึงล่าถอยไปโดยทิ้งผลการปะทะก็คือ ทหาร 5 นายบาดเจ็บตาม ๆ กัน ยกเว้นพลขับที่ไม่ได้รับบาดเจ็บทั้งที่นั่งอยู่ตอนหน้าคู่กับทหารอีกผู้หนึ่งที่ อาการปางตาย สร้างความสงสัยต่อผู้บังคับบัญชามากจึงสอบถามก็ได้ความว่าเป็นเพราะมี เหรียญนิรันตรายพิมพ์เสมา เหน็บไว้ในหมวกที่สวมอยู่ เมื่อทราบเช่นนั้น ผู้บังคับบัญชา จึงสั่งให้ทหารผู้นี้มาบูชาเพื่อไปแจกทหารคนอื่น ๆ นั่นเอง ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่มีผู้นำ เหรียญเสมาไปบูชาแล้วมีโชคมีลาภก็ยังเป็นที่กล่าวขานกันมาตลอด จึงขออภัยที่กล่าวถึงเรื่องราวของประสบการณ์ก็เพียงเพื่อให้ผู้อ่านมั่นใจว่าวัตถุมงคล ชุดนี้ เลิศล้ำจริง ๆ เพราะหากจะพิจารณาถึงพิธีการจัดสร้างแล้วจะเห็นได้ว่า พระคณาจารย์ ที่มา ร่วมพิธีพุทธาภิเษก-มังคลาภิเษกล้วนแต่เป็นพระคณาจารย์ที่ได้รับยกย่องเป็น สุดยอดพระคณาจารย์แห่งยุค จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าวัตถุมงคลนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้เขียนคงไม่ต้องสาธยายอันใดอีกแล้ว ด้วยเกรงจะถูกตำหนิว่าเยินยอกันเกินไปเพราะเรื่องเช่นนี้ต้องประสบด้วยตัวเองจึงจะเข้าใจได้ดีที่สุด
อีกทั้งเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของ พระนิรันตราย ก็มีเรื่องเล่ามาตั้งแต่ องค์ดั้งเดิม หรือ องค์ปฐม ที่มีผู้ขุดพบในจังหวัดปราจีนบุรีซึ่งเป็น เนื้อทองคำ ทั้งองค์แล้วจึงนำมาทูลเกล้าฯ ถวาย ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 ที่ทรงนำประดิษฐานบูชาเป็นการส่วนพระองค์ใน พระบรมมหาราชวัง ซึ่งต่อมาได้มีขโมยเข้าไปโจรกรรมแต่ก็ได้เพียงพระกริ่งองค์เล็ก ๆ ที่สร้างด้วยเนื้อทองผสมไปโดยไม่ได้แตะต้อง พระนิรันตราย เนื้อทองคำมีน้ำหนักถึง 8 ตำลึง หรือ 32 บาท องค์นี้ไปด้วย (ซึ่งครั้งนั้นพระองค์ยังมิได้ตั้งพระนาม) จะเรียกว่าโจรผู้นั้นตาถั่วก็ย่อมได้เพราะ พระพุทธรูปทองคำ ตั้งอยู่แท้ ๆ แต่กลับไม่ขโมยด้วยเหตุนี้ ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 จึงพิจารณาถึงเหตุที่เกิดขึ้นกับพระพุทธรูปสมัยทวารวดีองค์นี้นับตั้งแต่ผู้ขุดพบก็มิได้ทำอันใดให้องค์พระ เสียหาย และมิได้นำไปหลอมละลายขายเพื่อความร่ำรวยของตัวเองรวมทั้งโจร เข้าไปขโมยก็มิได้แตะต้องจึงทรงถวายพระนามพระพุทธรูปที่รอดพ้นจาก คมจอบคมเสียม และรอดพ้นจากการถูก หลอมละลาย พร้อมรอดพ้นจาก ถูกขโมย องค์นี้ว่า พระนิรันตราย อันมีความหมายว่า ปราศจากอันตราย
จากความศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ ปั้นหล่อพระพุทธรูปด้วยทองคำนั่งขัดสมาธิเพชรโดยอาศัยเค้าแบบ พระนิรันตรายองค์ปฐม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสมัยทวารวดีและครองผ้าจีวรแบบ พระสงฆ์คณะธรรมยุติ ขนาดหน้าตักกว้าง 5.5 นิ้วสวมครอบ พระนิรันตรายองค์ปฐม ไว้เสมือนหนึ่งเป็นการคุ้มครองพระนิรันตรายองค์ปฐมไว้อีกชั้นหนึ่งแล้วอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ หอพระสุราลัยพิมาน พระบรมมหาราชวัง และหากมีพระราชพิธีที่สำคัญจึงจะอัญเชิญไปประดิษฐานในพระแท่นมณฑลมาถึงรัชกาลปัจจุบันเพื่อความเป็นสิริมงคล เช่น พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา เป็นต้น
ต่อมาในปี พ.ศ. 2411 ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ช่างหล่อ พระนิรันตราย (จำลอง) จากองค์รอบนอกด้วยเนื้อทองผสมกะไหล่ทองและมีเรือนแก้วเป็นพุ่ม โพธิ์พฤกษ์ มีอักษรขอมจารึกเป็นบทพระพุทธคุณเบื้องหน้า 9 บทเบื้องหลัง 9 บท จำนวน 18 องค์ เท่ากับปีที่เสด็จดำรงสิริราชสมบัติและมีแนวพระราชดำริจะหล่อขึ้นอีกปีละองค์ในวโรกาส เฉลิมพระชนมพรรษา ของทุกปี แต่การหล่อก็ยังคั่งค้างโดยมิได้กะไหล่ทองก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าให้กะไหล่ทองทั้ง 18 องค์ แล้วพระราชทานไปยัง วัดธรรมยุติ 18 วัด ตามแนวพระราชดำริและพระราชประสงค์ของ ล้นเกล้าฯ รัชกาล ที่ 4 สมเด็จพระบรมชนกนาถ ทุกประการ
ข้อมูลจาก ศุทธิวิทย์ กิจชัยพร นสพ.เดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/dailynews/pages/front_th/popup_news/Default.aspx?ColumnId=28357&NewsType=2&Template=2
.............
ใหม่ 081-498-9235 |