(0)
((วัดใจ 1 บาท)) ตะกรุด 3 กษัตริย์ ขนาด 5 นิ้ว หลวงพ่ออ้วน วัดหนองกระโดน นครสวรรค์ ถักเชือก ตอกโค้ด ปี 2551 ออกวัด 500 (หลวงพ่อละสังขารไป 14 วัน...ฟื้นขึ้นมาใหม่ด้วยบุญฤทธิ์)##d1








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง((วัดใจ 1 บาท)) ตะกรุด 3 กษัตริย์ ขนาด 5 นิ้ว หลวงพ่ออ้วน วัดหนองกระโดน นครสวรรค์ ถักเชือก ตอกโค้ด ปี 2551 ออกวัด 500 (หลวงพ่อละสังขารไป 14 วัน...ฟื้นขึ้นมาใหม่ด้วยบุญฤทธิ์)##d1
รายละเอียดตะกรุด 3 กษัตริย์ ขนาด 5 นิ้ว พร้อมเชือกคาดเอว หลวงพ่ออ้วน วัดหนองกระโดน นครสวรรค์ ถักเชือก ตอกโค้ด ปี 2551 ออกวัด 500 บาท (หลวงพ่อละสังขารไป 14 วัน...ฟื้นขึ้นมาใหม่ด้วยบุญฤทธิ์)


ของดีราคาถูก ไม่มีหน้าม้าหน้าแมวทั้งนั้นครับ สบายใจได้
ได้เท่าไรก็ส่ง ไม่พอใจ ยินดีคืนเงินโดยไม่มีเงื่อนไข
รับประกันแท้ตลอดชีพครับผม
ราคาเปิดประมูล1 บาท
ราคาปัจจุบัน419 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ19 บาท
วันเปิดประมูล - 05 ก.ค. 2555 - 00:02:57 น.
วันปิดประมูล - 06 ก.ค. 2555 - 00:45:09 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลศิษย์หลวงพ่อจ้อย (32.7K)(6)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 05 ก.ค. 2555 - 00:03:32 น.



ตอกโค้ดที่ลูกประคำทั้ง 2 ด้านครับ
เนื่องจากที่ตะกรุดไม่สามารถตอกได้เชือกพันไว้เต็ม


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 05 ก.ค. 2555 - 00:03:47 น.



หลวงพ่ออ้วนท่านเคยละสังขารไป 14 แต่ฟื้นขึ้นมาใหม่ด้วยบุญฤทธิ์

ลงหนังสือพิมพ์บ้านเมือง วันเสาร์ที่ 3 มกราคา ปี 2552

วัดหนองกระโดน ต.หนองกระโดน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2426 มีอดีตเจ้าอาวาสผู้เรืองวิทยาคมคือ หลวงพ่อพวง (พระครูนิวิฐธรรมสาร) ซึ่งวัตถุมงคลยอดนิยมของท่านคือ เหรียญสี่เหลี่ยม สร้างปี พ.ศ.2470 นำออกแจกจ่ายให้แก่คนท้องถิ่นก่อนพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยคือ เหรียญหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ รุ่นแรกรูปไข่ ปี พ.ศ.2479

เหรียญสี่เหลี่ยมหลวงพ่อพวง วัดหนองกระโดน สร้างจำนวนน้อยและส่วนใหญ่อยู่ในการครอบครองของคนท้องถิ่น เนื่องจากได้รับประสบการณ์ทางด้านอิทธิปาฏิหาริย์แคล้วคลาดและประการสำคัญคือ “คงกระพัน” จึงทำให้คนท้องถิ่นหวงแหนเก็บบูชาให้แก่ลูกหลานเป็นส่วนใหญ่ วัตถุมงคลของแท้ที่ปลุกเสกโดยหลวงพ่อพวงจึงหายากในยุคนี้

ปัจจุบันวัดหนองกระโดน มีพระครูนิมิตวิสุทธิคุณหรือ “หลวงพ่ออ้วน จรณวฒโฑ” ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสลำดับที่ 17 ซึ่งท่านได้สืบสานตำรับวิชาอาคมของหลวงพ่อพวง และศึกษาฝึกปฏิบัติสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานจากพระอาจารย์อูทั่นชาวพม่า นอกจากนี้ยังได้ ศึกษาพระเวทวิชาคาถาอาคมจากหลวงพ่อรุ่ง วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.นครสวรรค์ จนเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวปากน้ำโพและเป็นพระเกจิอาจารย์ที่สงเคราะห์ชาวบ้านญาติโยม จึงได้รับความเคารพนับถือในระดับแถวหน้าของนครสวรรค์เช่นกัน

โดยเฉพาะท่านสำเร็จวิชากสินสี่ ยิงกระสุนคต ปราบคุณไสยและมีวิชามหาทะมึนจากตำราหลวงพ่อพวง ด้วยการหุงน้ำมันมนต์รักษากระดูกซึ่งทุกวันนี้มีชาวบ้านเข้ามารับการรักษาโรคกระดูกทุกวัน ดังนั้นชาวบ้านมักจะสัมผัสได้ถึงความมีเมตตาบารมีของท่าน

กระทั่งมีรูปธรรมที่สามารถอ้างถึงได้เป็นอย่างดีคือ สัตว์ใหญ่เฉกเช่นโคยังรับรู้ถึงความเมตตาของหลวงพ่ออ้วน กล่าวคือ มีโคหลายตัวถูกบรรทุกขึ้นรถผ่านโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ กลางเมืองปากน้ำโพ เพื่อจะนำไปส่งเข้าโรงฆ่าสัตว์ แต่มีโคตัวเมียร่างสูงใหญ่พลัดหล่นจากรถตื่นตระหนกหนีตายวิ่งเข้าประตูโรงพยาบาลประจำจังหวัดและยังวิ่งเข้าไปในห้องแพทย์สร้างความตื่นตระหนกให้แก่เจ้าหน้าที่และประชาชนเป็นอย่างมาก

ครั้นมีคณะแพทย์และพยาบาลตั้งสติได้ก็ใช้หลักความเมตตาร่วมลงขันไถ่ชีวิตโคตัวดังกล่าวได้จำนวนเงินกว่า 3 หมื่นบาทเกินกว่าราคาซื้อขายหน้าโรงฆ่าและคณะแพทย์ก็มีความเห็นตรงกันว่า ควรส่งโคที่ไถ่ชีวิตมานั้นนำไปถวายหลวงพ่ออ้วนอย่างเป็นเอกฉันท์

เมื่อทุกคนมีความเห็นเช่นนั้น โคตัวดังกล่าวก็เริ่มมีอาการสงบลงตามลำดับ จนกระทั่งคณะแพทย์ให้เจ้าของโคและผู้ควบคุมนำโคขึ้นรถเดินทางไปถวายหลวงพ่ออ้วนที่วัดหนองกระโดน แถมยังมีปัจจัยเหลืออีกหนึ่งหมื่นกว่าบาทถวายหลวงพ่อเพื่อเป็นทุนดูแลโคคู่บารมีอีกด้วยและปัจจุบันโคตัวนี้มีอาการสงบหลวงพ่อเลี้ยงไว้ใต้ถุนกุฏิของท่านด้วยความเมตตาตลอดมา

เหตุการณ์ดังกล่าวผ่านไปไม่ถึงขวบปี หลวงพ่ออ้วนก็มีอาการอาพาธและคณะศิษย์ได้กราบนมัสการขอให้หลวงพ่อเดินทางไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพฯ เพราะอาการอาพาธค่อนข้างทรุดหนัก กระทั่งระหว่างอาพาธที่โรงพยาบาลอยู่นั้น หลวงพ่ออ้วนไม่รู้สติไปถึง 14 วัน จนเป็นที่ห่วงใยของบรรดาคณะศิษย์เป็นอย่างยิ่ง

พอย่างเข้าสู่วันที่ 14 หลวงพ่ออ้วนก็รู้สึกตัวฟื้นคืนสติภายใต้ความปีติยินดีของศิษย์ผู้ดูแลใกล้ชิดและเป็นการฟื้นคืนสติที่เสมือนเป็นการกลับมา “เกิดใหม่” เนื่องจากหลวงพ่ออ้วนระลึกได้ว่า การไม่รู้สึกตัวตลอด 14 วันของท่านนั้นเสมือนเป็นการละสังขารไปแล้ว เพราะท่านตกอยู่ในนิมิตว่า เข้าไปท่องในภพอื่น ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาละสังขารหรือเป็นเพียงการส่งดวงจิตออกจากร่างไปยังภพอื่น เพื่อนำเอานิมิตที่ท่านสัมผัสมาได้นั้นเป็นเนื้อหาแห่งธรรมะนำมาสอนญาติโยมให้กระทำแต่ความดี

หลวงพ่ออ้วน กล่าวถึงนิมิตข้างต้นโดยถูกคะยั้นคะยอให้เปิดเผยเท่าที่ท่านจะกระทำได้ว่า ความรู้สึกในนิมิตที่ท่านประสบในภพอื่นเป็นพื้นที่ว่างเปล่าโปร่งโล่ง แต่ท่านมีความรู้สึกว่า หิวทั้งน้ำและอาหาร เมื่อเห็นสำรับอาหารและน้ำก็จะหยิบขึ้นมาฉัน แต่ก็มีเสียงแผดก้องเป็นคำสั่ง “ห้ามแตะต้อง” แถมไล่ให้กลับอย่างเดียว

“ในนิมิตนั้นอาตมาหิวน้ำมากๆ ก็พยายามที่จะฉันให้ได้ แต่ก็ถูกห้ามและไล่ให้กลับเป็นอย่างนี้ตลอดเวลา กระทั่งตัดใจ เอ้า...ไม่ฉันก็ไม่ฉันก็หันหลังกลับก็มองเห็นพระเกจินครสวรรค์คือ หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพรและสหธรรมมิกที่สนิทสนมกัน เช่น พระครูนิยุติธรรมคุณหรือหลวงพ่อทองคำ อนงคโน อดีตเจ้าอาวาสวัดวิมลราษฎร์ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ รวมถึงญาติโยมที่เข้ามาทำบุญในวัดหนองกระโดนบางคน แต่ก็ไม่สามารถทักทายกันได้ เพียงแต่อาตมาเป็นฝ่ายมองเห็นท่านเหล่านั้น”

เมื่อเล่ามาถึงช่วงนี้หลวงพ่ออ้วนก็บอกต่อไปว่า เมื่อหิวน้ำก็ถูกห้ามไม่ให้ฉัน เจอะเจอคนรู้จักก็ทักทายไม่ได้ จึงตัดสินใจว่า กลับก็กลับ...กระทั่งท่านรู้สึกตัวว่า กำลังฟื้นคืนสติบนเตียงโรงพยาบาลราชวิถี โดยมีแพทย์และพยาบาลกำลังระดมเครื่องมือทางการแพทย์ช่วยชีวิตอยู่

หลวงพ่ออ้วน กล่าวสรุปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแต่เพียงว่า “โยม...เวลาเราคิดจะให้อะไรแก่คนและสัตว์ ขอให้เราตั้งจิตให้ด้วยความเมตตา เมื่อให้เขาไปแล้วก็ขอให้คิดว่า ให้นำสิ่งของหรือเงินทองที่เรามอบให้ไปนั้นนำพาแต่ความสุขเจริญ อย่าสักแต่ให้ไปแบบส่งเดช”

ต่อมาก็มีเรื่องน่าอัศจรรย์เกิดขึ้นว่า พระเกจิอาจารย์และสหธรรมมิกพร้อมญาติโยมที่หลวงพ่ออ้วนบอกว่า พบเห็นในนิมิตนั้นค่อยๆ ละสังขารไปทีละรูปและทีละคน นับตั้งแต่หลวงพ่อทองคำ ถัดมาก็หลวงพ่อจ้อยและก็มาถึงคิวโยมบางคนที่ชอบทำบุญตามวัดวาอารามอยู่เป็นเนื่องนิจ

การละสังขารและกลับมาเกิดใหม่ที่หลวงพ่ออ้วนบอกว่า เป็นเพียงนิมิตนั้น แต่กาลกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะท่านมีมหาเมตตามากกว่าในอดีต แม้ถูกนิมนต์ไปร่วมปรกอธิษฐานจิตในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล หลวงพ่ออ้วนมักจะไม่รับปัจจัยที่วัดเจ้าภาพจัดถวายตามปกติทั่วไป

ด้วยนิมิตแห่งความอัศจรรย์ข้างต้นคือ บุญฤทธิ์หรือความสำเร็จด้วยบุญของหลวงพ่ออ้วนจึงมีดำริจัดสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ทดแทนหลังเก่าที่เริ่มคับแคบและชำรุดทรุดโทรมลงไปมากซึ่งยังขาดปัจจัยอีกประมาณ 10 ล้านบาท แต่ในทางตรงข้ามท่านเองก็ไม่รับปัจจัยจากการถูกนิมนต์ไปงานพิธีพุทธาภิเษกและยังแจกวัตถุมงคลให้แก่ญาติโยมที่เข้าไปกราบนมัสการท่านอยู่เนืองๆ จึงอาจจะเป็นเหตุหนึ่งที่ยังขาดปัจจัยสนับสนุนให้ศาลาการเปรียญหลังใหม่จะสำเร็จลุล่วงในเร็ววัน

แม้กระทั่งผู้เขียนยังกราบนมัสการเรียนถามท่านอย่างตรงๆ ว่า หากหลวงพ่อยังแจกวัตถุมงคลที่ทางวัดมีต้นทุนอยู่ตลอดเวลา เมื่อไหร่ศาลาการเปรียญหลังใหม่จะแล้วเสร็จเสียที ท่านก็ตอบกลับง่ายๆ แต่เพียงว่า “ก็บอกแล้วไง...ทุกอย่างขอให้ด้วยใจและทุกอย่างจะกลายเป็นบุญกุศลไปเอง ไม่ต้องคาดหวังอะไร ญาติโยมเขาศรัทธาเขาก็เข้ามาร่วมบริจาคทำนุบำรุงพระศาสนาให้มั่นคงสืบไป


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 05 ก.ค. 2555 - 00:03:59 น.

มีรายการวัดใจหลายรายการลองเข้าไปชมดูนะครับเผื่อชอบ
มีรายการวัดใจหลายรายการลองเข้าไปชมดูนะครับเผื่อชอบ
มีรายการวัดใจหลายรายการลองเข้าไปชมดูนะครับเผื่อชอบ
มีรายการวัดใจหลายรายการลองเข้าไปชมดูนะครับเผื่อชอบ
มีรายการวัดใจหลายรายการลองเข้าไปชมดูนะครับเผื่อชอบ
มีรายการวัดใจหลายรายการลองเข้าไปชมดูนะครับเผื่อชอบ


 
ราคาปัจจุบัน :     419 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     19 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    kokojang (1.2K)

 

Copyright ©G-PRA.COM