(D)
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 ส.ค.
ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช นาย ช.เชื้อเพ็ชญ เพ็ชญไพศิษฐ์ ทนายความชื่อดังของจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยลูกความ 15 คน นำโดยนายวิษณุ เสาวภา อายุ 45 ปี อาชีพทนายความ อยู่บ้านเลขที่ 726 ถนนราชดำเนิน ต.ในเมืองอ.เมืองนครศรีธรรมราช เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย 6 คน ในความผิดอาญาฐานฉ้อโกง
สำหรับจำเลยที่ถูกฟ้องคือ
นายยงยศ แก้วเขียว กำนัน ต.เขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช และเป็นผู้ไกล่เกลี่ยประจำศาลแขวงนครศรีธรรมราช เป็นจำเลยที่ 1 นายอรุณ ขาวแสง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ปัจจุบันช่วยราชการศาลจังหวัดราชบุรี เป็นจำเลยที่ 2 พล.ท.ชาตรี ทัตติ เจ้ากรมการเงินกลาโหม สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นจำเลยที่ 3 นายวิเชษฐ์ มุสิกรังสี อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นจำเลยที่ 4 น.ส.สุรัตน์ ศรีใหม่ พนักงานธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาตลาดหัวอิฐ อ.เมืองนครศรีธรรมราช เป็นจำเลยที่ 5 และนางนิภา ทองนอก ข้าราชการประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต 1 นครศรีธรรมราช เป็นจำเลยที่ 6
ทั้งนี้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้ง 6 กับพวก ที่ยังไม่ได้ยื่นฟ้อง ได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระโดยร่วมกันออกประกาศโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางสื่อหลายช่องทาง ทั้งสถานีโทรทัศน์และสื่ออื่นๆ ว่ากลุ่มจำเลยได้จัดตั้งกองทุนส่งเสริมความดีขึ้น และจัดสร้างวัตถุมงคลจตุคามรามเทพรุ่น รวยล้นฟ้า เปิดสั่งจองบูชาได้ที่ทำการศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช และที่ทำการศาลแขวงนครศรีธรรมราช
ภายหลังมีประชาชนและโจทก์รวมทั้งผู้เสียหายอีกจำนวนมาก เข้าใจว่าวัตถุมงคลรุ่นนี้ ถูกจัดสร้างขึ้นโดยศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช และศาลแขวงนครศรีธรรมราช เนื่องจากมีการเปิดให้จองในที่ทำการของศาลทั้ง 2 แห่ง ทำให้ประชาชนจำนวนมากจองเช่าบูชาและชำระเงิน เนื่องจากมั่นใจว่าการจองเช่าวัตถุมงคลในที่ทำการศาลในวันเวลาราชการย่อมจะได้รับวัตถุมงคลที่เชื่อถือได้ตามรายการในใบโฆษณาและใบจอง
ต่อมาได้ไปรับวัตถุมงคล
ปรากฏว่าวัตถุมงคลที่โจทก์ทั้ง 15 คนได้รับ ไม่ตรงกับแบบในใบโฆษณาและใบจอง กล่าวคือ ชุดกรรมการอุปถัมภ์พิเศษ ชุดกรรมการชุดใหญ่ ชุดกลาง ชุดเล็ก ที่โฆษณาและระบุในใบจองว่าสร้างพิเศษ มีโค้ด ปัดทอง ปัดนาก ปัดเงิน จำเลยไม่ได้ดำเนินการตามโฆษณา นอกจากนั้นเหรียญสามกษัตริย์ เหรียญทอง เหรียญเงิน เหรียญนวโลหะ สร้างไม่ได้ขนาดตามที่สั่งจอง ประการสำคัญไม่ได้ใช้วัตถุหรือวัสดุที่จัดสร้างตามที่โฆษณา
จากการกระทำของจำเลยเจตนาทุจริต ร่วมกันหลอกลวง แสดงข้อความอันเป็นเท็จ ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง ซึ่งความจริงที่ปรากฏในเวลาต่อมา ปรากฏว่าองค์กรตุลาการหรือศาลไม่ได้เป็นผู้สร้าง จำเลยควรแจ้งให้แก่ประชาชนทราบโดยชัดแจ้งว่า คณะของจำเลยทั้ง 6 กับพวกเป็นผู้สร้างโดยส่วนตัว และจำเลยไม่ควรนำเอาสถานที่ของทางราชการคือที่ทำการศาล ซึ่งมีข้อความระบุห้ามชัดเจน ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวมีเอกสารสำนวนคดีอยู่เป็นจำนวนมากมาเป็นสถานที่รับจอง ฉะนั้นจำเลยทั้ง 6 จึงมีเจตนาทุจริตและกระทำการที่ผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง ทำให้โจทก์ได้รับความ เสียหาย
และเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.50 ได้ร้องเรียนต่อ ผกก.สภ.อ. เมืองนครศรีธรรมราช
และมีการไกล่เกลี่ยกันโดยจำเลยที่ 1 ตกลงจะจ่ายเงินคืนพร้อมรับคืนวัตถุมงคลที่เช่าไป โดยนัดชำระเงินให้โจทก์และประชาชนในวันที่ 30 มิ.ย.50 แต่พอถึงวันนัด กลับไม่ยอมมาพบและคืนเงินตามที่นัดหมายทาง ผกก.สภ.อ.เมืองนครศรีธรรมราช จึงได้นัดใหม่อีกครั้งในวันที่ 16 ก.ค. 50 แต่จำเลยที่ 1 ก็ไม่ยอมมาพบและไม่ยอมคืนเงินตามที่ตกลงไว้ โจทก์จึงต้องยื่นฟ้องศาลดำเนินคดีกับจำเลยทั้งหมด ซึ่งศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 686/2550 ไว้เรียบร้อยแล้ว
ต่อมานายยงยศ แก้วเขียว กำนันตำบลเขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า
เรื่องมาถึงขั้นการฟ้องร้องต่อศาลแล้ว ไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆ ให้ทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอนของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ความจริงแล้วไม่อยากให้เกิดภาพไม่ดีหรือภาพที่มีความขัดแย้งกันขึ้นในวงการการจัดสร้างวัตถุมงคลในจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้ ต้องให้ผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมพิจารณาดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่
@!@#$ คำเตือน อย่าพึ่งแจก อย่าพึ่งเทขาย อาจมีหวัง ได้เงินคืน @!#$% |