ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : พระกรุบึงพระยาสุเรนทร์ ลองหันมาสนใจในกรุนี้ดู

(D)
พระดีมีอนาคต ราคายังหาเช่ากันได้ยังไม่สูง พุทธคุณสูง สมเด็จเขียวเหนียวจริง คงกระพัน แคล้วคลาด พระกรุ100กว่าปี รุ่นน้องสมเด็จโตสร้างคือหลวงปู่ทองวัดราชโยธา พระอาจารย์ของหลวงปุ่เผือกวัดกิ่งแก้ว ของดีที่หลายๆคนยังไม่รู้จัก ลองศึกษาดูนะครับ ราคายังเช่าหาถูกกว่าหลายวัดหลายกรุนะ ของปลอมมีน้อย

โดยคุณ มีสวัสดิ์ (1K)(1)   [จ. 02 มิ.ย. 2551 - 15:21 น.]



โดยคุณ มีสวัสดิ์ (1K)(1)   [จ. 02 มิ.ย. 2551 - 15:32 น.] #295643 (1/3)
เป็นที่ทราบกันดีว่า ต้นตระกูล สิงหเสนี ก็คือ ท่านพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ท่านเป็นนักรบคู่ใจของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ จนมาถึง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๓
ตลอดชีวิตการรับราชการ ของท่านพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ท่านได้ออกทัพ จับศึกมานับครั้งไม่ถ้วน ทำคุณงานความดีให้กับประเทศชาติอย่างมากมาย และเป็นธรรมดา ของนักรบสมัยโบราณ ซึ้งจำเป็นต้องมีของดี ไว้คุ้มครองตนเอง เวลาจะออกรบ ท่านพระยาบดินทรเดชา ก็เช่นกัน ท่านได้สำเร็จ วิชาปลุกเสกน้ำมันมนต์วิเศษ ไว้ใช้ชโลมตัวเวลาออกรบ สรรพคุณของวิชานี้ มีดีทางด้านคงกะพันชาตรี ผิวหนังคงทนต่อศาสตราวุธทั้งปวง วิชานี้ ถือเป็นวิชาลับของตระกูล สิงหเสนี ซึ้งจะสืบทอดเฉพาะลูกหลานในตระกูลนี้เท่านั้น จนมาถึงสมัยของท่านพระยาสุเรนทร์ (พึ่ง สิงหเสนี)ผู้สร้างพระกรุบึงพระยาสุเรนทร์ ซึ้งเป็นหลาน ของท่านพระยาบดินทรเดชา ท่านพระยาสุเรนทร์ได้นำวิชานี้มาสร้างพระกรุบึงพระยาสุเรนทร์ ที่มาแตกกรุในสมัยสงครามอินโดจีน จนโด่งดังในสมัยนั้น เพราะมีผู้ใช้พระกรุนี้ ได้พบประสบการณ์จากพระกรุๆนี้ จนได้รับฉายาในสมัยสงครามอินโดจีนว่า เขียว เหนียว จริง และต่อจากท่านพระยาสุเรนทร์ วิชานี้ได้ตกทอดมาที่ คุณตา ชุ่ม สิงหเสนี ซึ้งเป็นบุตรชายคนโต ของท่านพระยาสุเรนทร์ และก็สืบทอดต่อมาถึง พระอธิการดวง อดีตเจ้าอาวาสวัดพระยาสุเรนทร์ บุตรชายของ คุณตา ชุ่ม และพระอธิการดวง ซึ้งเป็นหลวงลุงของท่านพระครูสังฆรักษ์โสภณท่านได้ถ่ายทอดวิชาปลุกเสกน้ำมันมนต์วิเศษ และมอบตำรา ไสยเวทโบราณต่าง ๆ ของตระกูล ให้แก่ ท่านพระครูสังฆรักษ์โสภณ ไว้ศึกษาและสืบทอดต่อแก่ลูกหลานของตระกูลในรุ่น ต่อๆ ไป ท่านพระครูสังฆรักษ์โสภณ ท่านได้ศึกษาเรียนรู้วิชาปลุกเสกน้ำมันมนต์วิเศษและไสยเวทต่าง ๆ ในตำราของตระกูล จนหมดสิ้น และมาถึงรุ่นของท่านพระครูสังฆรักษ์โสภณ นี้ ทางวัดพระยาสุเรนทร์ มีอายุครบ ๑๒๕ ปี

โดยคุณ มีสวัสดิ์ (1K)(1)   [จ. 02 มิ.ย. 2551 - 15:41 น.] #295646 (2/3)
จะดูง่ายหลักๆคือองค์พระมีความแกร่งแข็งเป็นหิน (ที่เขาเรียกกันว่าหินใบมีดโกนครับ)เพราะสามารถกีดกระจกเข้า ลักษณะองค์สวยจริงๆมีน้อยมากพระมีอายุ 100 ปีขึ้นไปตามกาลเวลาครับ มีคราบกรุชัดเจนส่วนที่ว่ามีปลอม ผมสังเกตดูในเว็ปไม่พบ ผมจะเฝ้าระวังให้รับประกันได้ครับเพราะผมสัมผัสพระมามากพอจะดูออก เก้ก็พบเห็นอยู่เหมือนกันตามแผงตู้พระสภาพพระสวยไม่มีน้ำหนักองค์พระเวลาเคาะกับพื้นกระจกฟังเสียงไม่มีความแกร่งแตกง่าย
ข้อมูลเกี่ยวกับพระที่ทราบมาจากหลายท่านในกลุ่มที่มีพระชุดนี้ และท่านเจ้าอาวาสวัดพระยาสุเรนทร์ คือ พระมีขโมยงัดกุฏิวัด พระหายออกไปประมาณ 3000 องค์จึงกระจายอยู่ทั่วไปและเริ่มจะหาได้ยากแล้ว ราคาก็จะขยับเหมือนเดิมคือ 1500 - 3000 บาท ส่วนพุทธคุณเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป เหนี่ยวคงกระพัน เมตตามหานิยม (คนที่ขโมยออกไปตอนหลังต้องเข้ามาขอขมาต่อท่านเจ้าอาวาส บ้างคนก็ถึงกับเสียสติไปก็มี เด็กแถวๆวัด) ท่านใดยังไม่มีไว้ต้องรีบหานะครับจะหาไม่ได้แล้วในระยะเวลาไม่นานนี้เพราะมีคนเก็บไว้โก่งราคาเมื่อพระหมดตลาด

โดยคุณ มีสวัสดิ์ (1K)(1)   [จ. 02 มิ.ย. 2551 - 15:50 น.] #295648 (3/3)
(หลังจากสมเด็จพระพุฒาจารย์โต วัดระฆังฯ มรณภาพเพียง 2 ปี) บางท่านก็ว่าสร้างในสมัยต้นรัชกาลที่ 6 สัปดาห์นี้จึงขอนำเอาเรื่องพระสมเด็จบึงพระยาสุเรนทร์มาเล่าสู่กัน
พระยาสุเรนทร์ (พึ่ง สิงหเสนี) เป็นบุตรพระยามุขมนตรี เป็นหลานปู่ของเจ้าพระยาบดินทรเดชา รับราชการสมัยแผ่นดินในหลวงรัชกาลที่ 5 มีศักดินา 4000 ไร่ (แถบบริเวณที่สร้างวัด) เมื่อออกจากราชการแล้วจึงได้สร้างวัดบึงพระยาสุเรนทร์ขึ้นที่คลองสามวา กรุงเทพฯ ได้รับพระราชทานเขตวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ.2431
พระยาสุเรนทร์ได้ศึกษาอาคมต่างๆ จากเจ้าพระยาบดินทรเดชา และเกจิคณาจารย์อีกหลายท่าน อาทิ หลวงพ่อทอง วัดราชโยธา ได้พบเอกสารสำคัญจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ฝ่ายเอกสารสำคัญ จึงทำให้เกิดความกระจ่างแจ้งเกี่ยวกับพระวัดบึงพระยาสุเรนทร์ได้อย่างสมบูรณ์ เอกสารจดหมายฉบับนี้พระยาสิงหเสนีได้บรรยายเรื่องการสร้างพระครบครัน เพราะเป็นจดหมายที่นำความกราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 เพื่อนำเอาพระเครื่องวัดบึงพระยาสุเรนทร์ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสำหรับพระราชทานแก่ทหารที่จะไปร่วมรบสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยจดหมายนี้ลงวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2460 ซึ่งพอรวบรวมความได้ดังนี้
พระยาสิงหเสนีไปเยี่ยมพระยาสุเรนทร์ซึ่งบรรพชาอยู่ที่วัดบึงพระยาสุเรนทร์ ได้คิดทำการสร้างพระเครื่องขึ้นมาชุดหนึ่ง ความในจดหมายจารึกปี พ.ศ.2450 ที่พระยาสิงหเสนีไปเยี่ยมพระยาสุเรนทร์ ปรารภว่า คิดจะสร้างพระมานานแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ พระยาสิงหเสนีจึงรับเป็นอุปัฏฐากด้วยการถวายเครื่องมือสำคัญในการสร้างพระครั้งนี้ กล่าวคือ แม่พิมพ์ที่ทำจากไม้ชิงชัน โดยเค้าแบบพิมพ์มาจากพระวัดระฆังฯ
ส่วนมวลสารนั้น พระยาสุเรนทร์ตระเตรียมไว้อยู่แล้วครบ ประกอบด้วยผงพุทธคุณ ผงนะแผ่นดิน ผงนะพินทุ ผงนะปฐมกัป น้ำมันมนต์แต่งคนเพื่อหนังเหนียวเป็นวิชาประจำตระกูลสิงหเสนี นอกจากนี้ยังมีน้ำตำลึงคั้นบดละเอียด แล้วกดเป็นพระ โดยตั้งใจไว้ว่าพระส่วนหนึ่งแจกแก่บรรดาญาติ อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่วัด ส่วนที่เก็บเอาไว้กับญาติๆ นั้นคราใดที่เกิดศึกสงครามก็ให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย
ครั้นเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงได้นำพระจำนวน 1,500 องค์ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย สำหรับพระราชทานทหาร (ข้อมูลจากหลักฐานเอกสารที่กลาโหมบันทึกบอกแก่แม่ทัพนายกองว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 รับสั่งเรื่องพระราชทานพระเครื่องแก่ทหาร)
พระเครื่องพิมพ์นี้ปัจจุบันเรียกว่า พระสมเด็จบึงพระยาสุเรนทร์ เป็นพระเนื้อผง มวลสารหลักคือผงปูนซีเมนซ์ผสมกับผงพุทธคุณวิเศษต่างๆ และน้ำตำลึงคั้น องค์พระจึงเป็นสีเขียวทำเอาบางคนเรียกว่าพระสมเด็จเขียว แบบพิมพ์ได้เค้าโครงจากพระสมเด็จของหลวงปู่โตวัดระฆังฯ มีแบบพิมพ์ทั้งหมดดังนี้ 1 พิมพ์ฐานแซม 2.พิมพ์ปรกโพธิ์ 3.พิมพ์พระเจ้า 5 พระองค์ (พิมพ์นิยม) 4.พิมพ์เล็บมือ ด้านหลังมียันต์ ติ ติ อุ นิ
พระสมเด็จวัดบึงพระยาสุเรนทร์ของแท้ ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ไหนก็ตามเนื้อของพระจะปริแยก เนื่องจากเนื้อพระไม่เกาะติดชิดแน่นเพราะปูนซีเมนซ์ทำปฏิกิริยากับผงต่างๆ ไม่รวมตัวเป็นหนึ่งเดียว อีกทั้งธรรมชาติของพระที่ผ่านกาลเวลามานาน ประเภทแบบพิมพ์พระสมเด็จด้านหน้าไม่ลึกมากและตื้นๆ ขอบพระตัดด้วยตอกไม้ไผ่ มีร่องรอยเป็นทิวๆ ขอบหนามีร่องรอยปริแยกค่อนข้างมาก หลังมีรอยจารยันต์ ติ ติ อุ นิ ด้วยมือของพระยาสุเรนทร์เองทุกองค์ ลักษณะของรอยจารึกจะเป็นเส้นเล็กเรียวบางแต่คมและไม่ลึกมากนัก เป็นรอยลายมือหวัดๆ วรรณะสีของพระมีทั้งเขียวเข้ม เขียวอ่อน สีเทาสีออกนวลขาวก็มี ในพระหนึ่งองค์นั้นสีจะไม่เสมอกัน เช่น หากพระสีเขียวอมเทา ด้านบนของพระอาจจะเขียวเข้ม ส่วนด้านล่างอาจจะเขียวอ่อน
หากเป็นของเทียมรอยจากด้านหลังจะหนาเขียนบรรจง ร่องรอยการปริแยกตามขอบพระทำไม่เหมือน รอยการตัดขอบด้วยตอกไม่มี ที่สำคัญเนื้อของพระโดยรวมดูแล้วจะออกไปทางน้ำมันเล็กน้อย แต่มีความแห้งของพระอยู่ในตัว
พระสมเด็จบึงพระยาสุเรนทร์นี้เลิศทางแคล้วคลาด และคงกระพันชาตรีมีเมตตาด้วย ราคาในการเช่าบูชาอยู่ที่หลักร้อยปลายๆ ถึงหลักพันกลางๆ ประมาณ 800 บาท-3000 บาท นิยมมากสุดคือพิมพ์พระเจ้าห้าพระองค์และพิมพ์สมเด็จฐานแซม ที่สำคัญพระวัดบึงพระยาสุเรนทร์นี้หลวงปู่ทอง วัดราชโยธาปลุกเสกด้วยแน่นอน จึงนับว่าเป็นพระดีที่ราคาน้อยแต่ไม่ด้อยพุทธคุณ ควรค่าแก่การบูชา.
ราช รามัญ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1