ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ประวัติพระครูวิชกาญจนสาร หลวงพ่อเพชร วัดไทรทองพัมนา



(N)
พระครูวชิรกาญจนสารหลวงพ่อเพชร
วัดไทรทองพัฒนาจ.กาญจนบุรี

เมือง กาญจนบุรีเป็นแหล่งทองเที่ยวอันลือชื่อของเมืองไทยแล้วยังมีพระเกจิอาจารย์ ชื่อดังอีกมากมายตั้งแต่อดีตมา ในปัจจุบันนี้ได้มีพระนักพัฒนาและมีวิชาแก่ กล้าอีกรูปหนึ่งที่เปรียบเสมือนเพชรที่กำลังส่องประกายเจิดจ้าแถบหุบเขา ตะนาวศรี คือ พระครูวชิรกาญจนสาร (หลวงพ่อเพชร ) วัดไทรทองพัฒนา ต. จระเข้เผือก อ. ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี
หลวงพ่อเพชรมีนามเดิมว่า วิเชียร พ่วงโสม เกิดวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ เป็นบุตรของ คุณพ่อชู พ่วงโสม และคุณแม่ดำ พ่วงโสม โดยท่านมีพี่น้องรวมกัน ๘ คนและท่านเป็นน้องสุดท้อง พื้นเพเดิมท่านเป็นคน บ้านทุ่งลูกนก อ. กำแพงแสน จ. นครปฐม
ใน วัยเยาว์ท่านได้เล่าเรียนจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จากโรงเรียนอ้อประทุน ต. ทุ่งลูกนก อ. กำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อออกจากโรงเรียนแล้วท่านได้ไปอยู่วัดสนามแย้ เป็นเวลา ๒ปี จากนั้นได้กลับมาช่วยที่บ้าน ทำไร่ทำนา พออายุได้ ๒๐ ปีท่านได้อุปสมบท ณ วัดศาลาตึกโดยมีหลวงพ่อลำเจียก เป็นพระอุปฌาม์ ได้รับฉายาว่า”สุภัคโท” ซึ่ง หลวงพ่อลำเจียก เป็นพระเกจิอาจารย์ที่พื้นที่บริเวณใกล้เคียงวัดศาลาตึก นั้นรู้จักกันดี สื่อต่าง ๆ เคยเข้ามาจะเขียนข่าวเรื่องราวของท่าน แต่ท่านไม่ชอบ จึงไม่เปิดโอกาสให้กับสื่อแต่อย่างใด ประวัติของท่านจะเป็นลักษณะปากต่อปาก
พระอาจารย์ที่หลวงพ่อลำเจียกได้เคยไปศึกษาร่ำเรียนวิชา ก็ล้วนแล้วแต่เป็นพระเกจิที่ขึ้นชื่อทั้งสิ้น เช่น
หลวงปู่ จันทร์ วัดบ้านยาง ท่านมีวิชามนต์จินดา มีชื่อเสียงอทางด้านพระปิดตา เนื้อเมฆพัด และยันต์นะปัดตลอด ท่านเป็นสหมิกธรรมกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นครปฐม กล่าวกันว่า ท่านสักยันต์ที่หน้าอกแล้วตบเปรี้ยงเดียวยันต์กลับมาอยู่ด้านหลังอย่างมหัศจรรย์
หลวงพ่อสว่าง วัดกำแพงแสน จ. นครปฐม ยอดพระเกจิอาคมขลังอีกรูปหนึ่ง ซึ่งไดถ่ายทอดวิชาให้หลวงพ่อลำเจียก ตลอด ๓ พรรษา
หลวงพ่อเกลี้ยง วัดเขาใหญ่ ซึ่งเก่งด้านวิชาหวายคาดเอว ซึ่งหลวงพ่อลำเจียก ท่านสามารถนำมาสร้างได้อย่างเข้มขลัง มีอนานุภาพมาก หวายทั้งเส้นต้องลงอักขระโดยรอบ สามารถกันภูตผีปีศาจ แก้คุณไสย ทำน้ำมนต์ ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันหายากมาก
หลวงพ่อลำเจียก ยังมีวิชาทำตะกรุดลูกอม ตำรับหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวและศึกษาวิชายันต์จระเข้ จากศิษย์สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า นอกจากนี้ยังไปศึกษาวิชาจาก หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก จ.สุพรรณบุรี
ในระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านได้ออกวัตถุมงคล ให้ลูกศิษย์ลูกหา และประชาชนทั่วไป ได้เก็บไว้บูชาหลายรุ่นพอสมควร
เมื่อหลวงพ่อเพชร อุปสมบทแล้ว ท่านได้มุ่งมั่นศึกษา พระปริยัติธรรมและพระธรรมวินัยอย่างสุดความสามารถ
ตลอด เวลา ๘ พรรษา ที่ท่านได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดศาลาตึกแห่งนี้หลวงพ่อเพชรท่านได้คอยปรนนิบัตร รับใช้และเล่าเรียนศึกษาสรรพวิชาต่างๆจากหลวงพ่อลำเจียก หลวงพ่อเพชรได้หมั่น ฝึกฝนปฏิบัติวิทยาคมต่าง ๆ จนหมดสิ้น จากนั้นท่านได้ออกธุดงค์ ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ตั้งแต่เชียงรายล่องลงมาพะเยาแพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิจิตรจนกลับมาถึงวัด ระหว่างที่ท่านธุดงค์ท่านได้เข้าไปช่วยพัฒนาความเป็น อยู่ชาวกระเหรี่ยงที่ อ. ปาย จ. แม่ฮ่องสอน
ขณะเดียวกันหลวงพ่อเพชรท่านยังได้ไปเรียนวิชาทำสีผึ้ง และเมตตามหานิยม จากหลวงปู่คีย์ วัดศรีลำยอง จ. สุรินทร์ พระเกจิดังภาคอีสานอีกด้วย
เมื่อหลวงพ่อลำเจียก วัดศาลาตึก ได้มรณภาพลงหลวงพ่อเพชรได้กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านเกิดของท่านคือ วัดไร่แตงทอง อ.กำแพงแสน จ. นครปฐม และได้เรียนวิชาพญาเต่าเรือนอันลือชื่อจาก หลวงปู่หลิว ปณฺณโกซึ่ง เปรียบเสมือนเทพเจ้าพญาเต่าเรือน ใครได้บูชาหรือมีพญาเต่าเรือนของหลวงปู่ หลิว ย่อมทราบกันดีว่าเปี่ยมไปด้วยพุทธคุณเพียงใด วิชาต่างๆหลวงปู่หลิวได้ รับการถ่ายทอดมาจาก ชาวกระเหรี่ยงแห่งยอดเขาตะนาวศรี , หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ. เพชรบุรี, พ่อท่านคล้ายวัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช
หลวงปู่หลิว ปณฺณโก นับเป็นผู้ทรงอภิญญา และมีพุทธาคมสูงส่ง ท่านเป็นผู้มีเมตตา พร้อมที่จะช่วยเหลือที่จะช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ท่านพร้อมที่จะสร้าง พร้อมที่จะเสียสละ ให้กับบวรพุทธศาสนาท่านไปอยู่ยังที่แห่งใด ก็เปรียบเสมือนดวงประทีปของที่นั่น จนท่านได้ชื่อว่า พุทธบุตรที่ทุกคนยกย่อง
ความปรารถนาอันแรงกล้าของหลวงปู่หลิว เป็นผลให้อำนาจบารมีของคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่สถิตย์ทั่วจักรวาลดลบันดาลให้ท่าน มีวาจาสิทธิ์กับญาณทิพย์มาขจัดปัดเป่าความทุกข์โศกของเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์ได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่ายากดีมีจน ไม่ว่าไกลใกล้ที่ไหนท่านก็จะถามถึงทุกข์สุข ของทุกคน ท่านได้ช่วยเหลือจนหมดสิ้น
วัตถุมงคลอันขึ้นชื่อของหลวงปู่หลิว ก็คือพญาเต่าเรือน ใครมีไว้บูชาย่อมทราบกันดีว่า ดีทั้งนอกดีทั้งในครบถ้วนกระบวนความทั้งเมตตา มหาอุตม์ แคล้วคลาด คงกระพัน ใช้ดีทั้งขึ้นโรงขึ้นศาล จนได้รับสมญานามว่า “ เทพเจ้าพญาเต่าเรือน”
หลวง พ่อเพชรได้ร่ำเรียนวิชากับหลวงปู่หลิวจนสำเร็จและทำการแทนหลวงปู่หลิวได้ ทุกอย่าง หลวงปู่หลิวจึงได้ส่งหลวงพ่อเพชร มาจำพรรษา ณวัดไทรทองพัฒนา ต.จระเข้เผือก อ. ด่านมะขามเตี้ย จ. กาญจนบุรี เมื่อพ.ศ.๒๕๓๙ และได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสและด้วยผลงานการพัฒนา อย่างไม่หยุดยั้งที่มีต่อวัด และชุมชน ทำให้หลวงพ่อเพชรได้เป็นเจ้าคณะตำบลและยังได้รับแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็น พระครูวชิรกาญจนสาร เมื่อ วันที่ ๕ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘
ใน เรื่องของการเรียนวิชาความรู้ต่างๆนั้นเหมือนฟ้ากำหนดขณะที่ท่านจำพรรษาอยู่ ที่วัดไทรทอง แห่งนี้ โดย พันโทละเอียด บัวขม ซึ่งเป็นหลานของหลวงปู่ยิ้มวัดหนองบัวได้นำตำราของ หลวงปู่ยิ้มทั้งหมดมาถวายให้หลวงพ่อเพชรได้ศึกษาเล่าเรียนเพื่อเสริมปัญญา บารมีของท่านต่อไปในอนาคตภายภาคหน้า
หลวงพ่อเพชรถือว่าเป็นพระนักพัฒนาอีกรูปหนึ่งเพราะเพียงไม่กี่ปีท่านได้สร้างโบสถ์มหาอุตม์ ที่มีทรงแปลกตา และดูเด่นสง่า เป็นโบสถ์ที่รวมศิลปวัฒนธรรม5 ประเทศ ชื่อว่า "โบสถ์ มหาอุฒม์มงกุฎพระพุทธเจ้า" ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระประธานซึ่งเป็นพระพุทธชิน ราชจำลอง และพระพุทธชินราชอีก ๑๐๙ องค์บริเวณรอบโบสถ์จะมีรูปปั้นช้าง และรูปนกยูงรูปพญานาคเป็นงานศิลปะ ที่อลังการสร้างตามแบบความเชื่อของวัฒนธรรมต่างสมัยโดยมีนัยว่าบุคคลใดได้ เข้าไปในโบสถ์และได้ร่วมสมทบทุนก่อสร้างผู้นั้นจะเป็นผู้ที่ปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บเบียดเบียนแคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยพิบัตินานัปการและจะอุดมได้ด้วยลาภยศ ผลพูนทวีมั่งมีศรีสุข ซึ่งใช้งบประมาณการก่อสร้างกว่า ๕๐ ล้านบาท จนสำเร็จลุล่วงไปแล้วซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆสำหรับวัดที่อยู่ห่างไกล เกือบติดชายแดนพม่า
ด้วย ความที่เป็นพระนักพัฒนาในขณะนี้หลวงพ่อเพชรท่านได้เริ่มก่อสร้างสำนักสงฆ์ แห่งใหม่บนยอดเขาแปดเหลี่ยม อ. สวนผึ้ง จ.ราชบุรีสำนักสงฆ์แปดเหลี่ยมยังขาดปัจจัยอีกจำนวนมากในการก่อสร้าง ให้แล้วเสร็จ ในระยะเวลาที่ผ่านมา ในส่วนของฐานรากได้สำเร็จไปแล้วและได้กำลังดำเนินการในส่วนต่างๆ ต่อไป
สำนัก สงฆ์แปดเหลี่ยมเหลี่ยมแห่งนี้เดิมที่หลวงปู่หลิว ได้ซื้อไว้เพื่อที่จะทำ เป็นสำนักสงฆ์ แต่ท่านได้มรณภาพเสียก่อนหลวงพ่อเพชรผู้ซึ่งเป็นศิษย์ที่ทราบ วัตถุประสงค์ของหลวงปู่เป็นอย่างดีท่านจึงได้ดำเนินการสานต่อตามความคิดเดิม ของหลวงปู่หลิว สำนักสงฆ์แปดเหลี่ยมอยู่ในเขต อ. สวนผึ้งมีบรรยากาศสงบอากาศดีเหมาะสำหรับบำเพ็ญเพียร วิปัสสนาอย่างยิ่งที่นี่ไม่มีทั้งไฟฟ้าน้ำประปามองไปทางไหนก็มีแต่ทิวเขา สามารถมองเห็นแนวเขาที่กั้นชายแดนระหว่างไทยกับพม่า

โดยคุณ ธนกิต (18.4K)  [จ. 21 ก.พ. 2554 - 15:39 น.]



โดยคุณ ธนกิต (18.4K)  [จ. 21 ก.พ. 2554 - 15:40 น.] #1556322 (1/2)
หรือชมตามนี้ครับ

http://forum.uamulet.com/view_topic.aspx?bid=4&qid=39148


โดยคุณ ศิษย์เสด็จเตี่ย (1.2K)  [จ. 21 ก.พ. 2554 - 19:43 น.] #1556531 (2/2)
~รอชมตอนต่อไปครับ~

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1