(N) พ่อท่านเกลื่อน คุณกาโม วัดประดู่หมู่ นาทวี สงขลา ศิษย์พ่อท่านอินทอง วัดปลักชะเมา พ่อท่านเส้ง วัดแหลมทราย อาจารย์เอียด วัดดอนศาลาผู้เรืองวิชาแห่งสำนักเขาอ้อ พ่อท่านวัน วัดปากพยูน เป็นเพื่อนร่วมสำนักเรียนสายเขาอ้อพันธุ์รักษ์ราชเดช สหธรรมิกอาจารย์ทิม วัดช้างให้
ในยุคที่พระเกจิเถราจารย์ผู้ทรงเชี่ยวชาญเวทย์วิทยาคมที่สร้างศรัทธาให้เรา ได้กราบไหว้บูชาสักการะน้อยลงทุกที..แต่ที่วัดเล็กๆ แห่งหนึ่งในอำเภอนาทวี สงขลายังมีพระสงฆ์รัตตัญญู สุปฏิปันโนดำรงตนให้เราได้กราบไหว้อย่างสนิทใจอยู่ องค์หนึ่ง..ท่ามกลางเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ที่ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องท่านได้เป็นที่พึ่ง เป็นหลักชัยให้แก่เหล่าทหารหาญ ศิษยานุศิษย์ที่เดินทางไปกราบขอพร ขอบารมีท่านอยู่ตลอดเวลาท่านเป็นพระผู้อาวุโสที่สุดแห่งเมืองสงขลาพระเดชพระ คุณ
พระครูประสูตโสภณ ชั้นพิเศษ (อั้น)
ประวัติโดยสังเขป
นามเดิม อั้น ชายะพันธุ์ เกิดเมื่อ วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2452 ปีระกา โดย ในยามที่ท่านกำเนิดนั้นมีรกพันคอ เชื่อว่าเป็นผู้มีบุญวาสนาดีเป็นยอดคนถือเป็นมงคลนิมิตที่ดี
บิดาท่าน ชื่อนายแก้ว มารดาชื่อนางละเอียด ชายะพันธุ์ ในยามเยาว์วัยท่านมีรูปร่างผอมบางคล่องแคล่วจึงมีชื่อเรียกกันจนติดปากว่า เกลื่อน ท่านมีพี่น้องร่วมกัน 6 คน พ่อท่าน เกลื่อน เป็นบุตรคนโต เมื่ออายุ ครบ 19 ปีบริบูรณ์ ได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2470 จ. ยะลา ศึกษาบาลี ก่อนที่จะเป็นครูสอนบาลีเมื่ออายุ 20 ปีได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดนาทวีเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2472 โดยมีเจ้าอธิการ อินทอง ธมฺมสุวณฺโณเจ้าคณะแขวงกิ่ง อ.นาทวี เจ้าอาวาสวัดปลักชะเมา ต.ฉาง อ.นาทวี จ.สงขลา เป็นพระอุปัชฌายจารย์พระอาจารย์เทพ ธมฺมโชโตวัดนาหว้า เป็นพระกรรมวาจาจารย์พระอาจารย์นุ่ม จนฺสุวณฺโณวัดประดู่หมู่เป็นพระอนุสาวนาจารย์สัมฤทธิ์ความเป็นภิกษุเวลา 15.00น.ประชุมสงฆ์14รูป หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้อยู่ปรนนิบัติพระครูอินทอง ซึ่งถือเป็นครูบาอาจารย์องค์แรกของท่าน หมั่นศึกษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด พร้อมกับศึกษาสรรพวิชาอาคมจากพ่อท่านอินทอง ซึ่งพ่อท่านอินทองนี้ชาวบ้านแถบถิ่นละแวกนั้นรู้กิติศัพท์ของท่าน เป็นอย่างดีว่าเป็นพระผู้ทรงเวทย์วิทยาคม อิทธิคุณขลังขมังเวทย์เรียกว่า ท่านกล้า ท้าให้เชือดหรือเฉือนท่านได้เลยว่าเหนียวแค่ไหน ชาวบ้านแถบนาทวี เทพา จะนะ ยะลา ตลอดถึงสงขลาเคารพ ศรัทธาท่านเป็นที่สุด...พ่อท่านเกลื่อนได้ศึกษารับการถ่ายทอดทุกสิ่ง จากองค์อุปัชฌาย์ท่านอย่างครบ ถ้วนและประการสำคัญท่านยังเป็นสหธรรมิกกับสุดยอดพระเกจิอาจารย์นามอุโฆษ อาจารย์ทิม วัดช้างให้ เรียกได้ว่ามีความสนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ดังภาพถ่ายเมื่อครั้งที่ท่านอาจารย์ทิมวัดช้างไห้ เดินทางมายังวัดในวัง เพื่อบรรจุรูปเหมือนพ่อท่านอิ่มเมื่อปี พ.ศ.2507 และยังได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครู รับสมณศักดิ์พัดยศ ท่านเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ท่านรับสมณศักดิ์ พระครูประสูตโสภณ โดยได้รับสมณศักดิ์พระครู ก่อนท่านอาจารย์ทิม วัดช้างให้สามปี พ่อท่านเกลื่อนจึงมีอาวุโสกว่าท่านอาจารย์ทิม และท่านยังเป็นพระสงฆ์อีกองค์หนึ่งที่มีส่วนร่วมในพิธีการสร้างสุดยอดพระ นิรันตราย หลวงปู่ทวดเนื้อว่าน ปี 97 อีกด้วย..
หลังจากนั้นท่านยังได้ศึกษากับสุดยอดพระเกจิอาจารย์ชื่อดังผู้แก่กล้าในพลัง จิต "พ่อท่านเส้ง วัดแหลมทราย"จ.สงขลา พระอริยสงฆ์ที่คนสองทะเลให้ความเคารพนับถืออย่างที่สุดท่านได้ไปฝากตัวเป็น ศิษย์ศึกษาวิชชาอาคมจากพ่อท่านเส้งวัดแหลมทรายอยู่เป็นเวลานานจากนั้นได้ไป ศึกษากับสุดยอดพระเกจิอาจารย์แห่งสำนักเขาอ้อพ่อท่านเอียด วัดดอนศาลา พัทลุง ซึ่งในเรื่องความขลัง ขมังเวทย์สำนักเขาอ้อไม่เป็นสองรองใครในยุคนั้น และท่านยังได้ไปศึกษาสรรพวิชาอาคมจาก"พ่อท่านวัน วัดปากพยูน" ซึ่งมีอาคมขลังเป็นที่เลื่องลือว่าวิชาอาคมท่านเข้มขลังเด็ดขาดยิ่งนัก แม้ในภาคกลางท่านได้เคยแสดงให้เป็นที่ประจักษ์มาแล้ว...ด้วยการที่ท่านมี จริตชอบเรื่องเวทย์มนต์คาถาเป็นทุนเดิม อยู่แล้ว ไม่ว่าจะได้รับการอบรมสั่งสอนในเคล็ดวิชาใดๆ ท่านก็สามารถจดจำและนำมาปฏิบัติได้อย่างถ่องแท้ขึ้นใจเรียกได้ว่า ขลังในทุกด้าน ครบถ้วนกระบวนยุทธ์ ทั้งแคล้วคลาด คงกระพัน ชาตรี เมตตา มหานิยม มหาเสน่ห์ ฤกษ์ผานาที ท่านมีความรอบรู้เชี่ยวชาญ เคยได้เลียบเคียงถามท่านว่า นอกจากที่กล่าวมาแล้วคนรุ่นเดียวกับท่านที่ท่านได้ไปศึกษาวิชาอาคมมามีใคร บ้าง...ท่านยิ้มก่อนตอบว่า เอ็งรู้จัก"ขุนพันธุ์"ไหม... แล้วท่านก็ยิ้มอย่างสุขใจพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า เอาแค่นี้พอนะ ในเบื้องต้นที่สนทนากับท่าน แม้ไม่ได้บอกว่าท่านไปศึกษากับใคร องค์ไหนมาบ้าง แต่เวลาท่านจะปลุกเสกมงคลวัตถุหรือจะทำการสิ่งใด ท่านต้องบอกกล่าวอาราธนาครูบาอาจารย์ท่านทุกองค์ให้ช่วยมาประสิทธิ์ประสาทพร ในกิจนั้นๆอย่างชัดถ้อยชัดคำเสียงดังเป็นเหตุให้เกิดการซักถามว่า ท่านไปศึกษาสรรพวิชาต่างๆกับครูบาอาจารย์ตามที่ท่านกล่าวนามมาเมื่อใดเวลาใด ท่านชอบศึกษาสรรพวิชาอาคม เดินทางโดยการเดิน บ้าง อาศัยเรือบ้างดั้นด้นไปศึกษามาหมดไม่ว่าครูบาอาจารย์ดีที่ไหนทั่วทุกหัว เมืองในแดนใต้ ท่านมุมานะมุ่งมั่นจนถึงขนาดที่ว่าโยมพ่อของท่านขอให้สึกเลยทีเดียว เพราะโยมพ่อท่านเป็นห่วงกลัวว่าท่านจะหลงใหลในไสยเวทย์ จนลืมปฏิบัติตนตาม แนวทางขององค์พระศาสดา ถึงขั้นขอร้องท่านว่าอย่าเลยพอแล้วหากยังดึงดันที่จะไปเล่าเรียนวิชาอาคม ขอให้ท่านสึกมาทำนาที่มีอยู่ดีกว่า ท่านเล่าความหลังเมื่อครั้งนั้นด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม แต่ใน ความจริงแล้วท่านได้ปฏิบัติศาสนกิจยึดแนวทางขององค์พระศาสดาอย่างมั่นคงมา ตลอดเวลาอันยาวนาน นอกจากท่านได้ชื่อว่าเป็นผู้คงแก่เรียนในวิชาอาคมแขนงต่างๆแล้ว ท่านยังได้ชื่อว่าเป็นนักเทศน์ฝีปากเอกอีกด้วย เรียกได้ว่าทั่วเมืองสงขลา ท่านท่องตะลุยบุกป่า ฝ่าดง ลงเรือ ฝากน้ำเสียง ลีลาในการเอื้อนเอ่ย ขยับลูกคอมาหมดทั่วหัวเมืองปักษ์ใต้
นอกจากท่านจะเป็นพระเกจิเถราจารย์ผู้ทรงเวทย์วิทยาคมแล้ว ท่านยังเป็นยอดนักปกครองและนักพัฒนาอีกด้วย ท่านเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดในวัง ต.นาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา ซึ่งเป็นพระอารามหลวงและดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะอำเภอนาทวีปฏิบัติ หน้าที่ดูแลคณะสงฆ์ในเขตพระศาสนาที่ท่านดูแลอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อครั้งสมัยที่ท่านปกครองวัดในวังนั้นท่านได้ทุ่มเทแรงกายและกำลังทรัพย์ สร้างเสนาสนะต่างๆจนเพียบพร้อมท่านพูดเสมอว่าท่านชอบสร้าง นอกจากสร้างโบสถ์ สร้างศาลา สร้างวิหาร แล้วท่านยังสร้างคนอีกด้วย ท่านส่งเสียเด็กหลายคนให้มีการศึกษาเล่าเรียน ซึ่งมีเป็นจำนวนมากหลายๆคนเรียนสำเร็จและรับราชการ มีหน้าที่การงานที่มั่นคงด้วยความเมตตาของท่าน ด้วยความที่ดำรงตนอย่างสมถะ เจริญวิปัสสนา กรรมฐานอยู่เป็นนิจ และประกอบด้วยอายุท่านมากขึ้นท่านได้วางกิจในการปกครองด้วยเรื่องต่างๆที่ ท่านมีภาระ จึงลาออกจากสมณศักดิ์เจ้าอาวาสวัดในวังและเจ้าคณะตำบลฉาง มาอยู่จำพรรษาที่วัดประดู่หมู่ ด้วยความเรียบง่าย ตลอดเวลามีญาติโยม ตลอดถึงผู้เคารพศรัทธาเดินทางมา กราบนมัสการขอพร ขอบารมี อยู่ตลอดเวลา ซึ่งท่านในทุกวันนี้ด้วยวัย 105 ปี ท่านก็ยังคงเมตตาสงเคราะห์ทุกคนที่มาหาท่านอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ยังความ ปลื้มปิติแก่ผู้ได้รับเมตตายิ่งนัก...บ้างก็มาขอเมตตาดูฤกษ์งาม ยามมงคล บ้างก็มาขอเมตตาลงอิฐ ไม้มงคล เพื่อปลูกบ้าน ร้านค้า เชื่อกันว่าใครมาให้ท่านทำให้บ้านเรือนนั้นจะอยู่ร่มเย็นเป็นสุข ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็แวะเวียนมากราบขอพร ขอบารมีท่าน ซึ่งท่านก็ไม่มีวัตถุมงคลอะไรให้ คงมีแต่น้ำมนต์เท่านั้น และเพียงแค่น้ำมนต์นี้ ก็เป็นที่เลื่องลือ ขจรขจายไปทั่วภาคใต้ ว่าเข้มขลัง เด็ดขาดยิ่งนัก โด่งดังข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน มาเลย์เซีย สิงค์โปร์ทุกวันนี้ท่านดำรงตนอยู่ในกุฏิอย่างเรียบง่าย ใครไปหาท่านรับรองว่าพบและได้รับความเมตตาจากท่านแน่นอน ทุกวันนี้ท่านยังเมตตาสงเคราะห์สนับสนุนส่งเสริม วัดต่างๆอยู่เฉกเช่นเดิมไม่ว่าจะเป็นปัจจัย สิ่งไหนอะไรที่ญาติโยมนำมาถวายท่าน ก็จะรวบรวมนำไปมอบให้กับวัดที่ขาดแคลนต่อไป ท่านกล่าวว่า มีเงิน มีปัจจัยที่คนเขามาถวาย เราต้องสร้างวัด อย่านำมาเก็บสะสมหรือให้ลูกให้หลาน สร้างสิ่งต่างๆฝากไว้ สืบไว้ในพระพุทธศาสนาให้คนรุ่นหลังสืบต่อไป ท่านสอนทุกคนเสมอว่าทำแต่ความดีนะลูกหลาน จะได้มีอายุที่ยืนยาว เหมือนท่าน ด้วยคำพรอันศักดิ์สิทธิ์จากปากของท่าน และด้วยคำสอนที่ไม่นอกเหนือไปจากพระรัตนตรัยย่อมนำความสุขความเจริญมาสู่เรา ท่านทั้งหลายเหมือนดังคำพรในเวลาที่เรารับศีลจากท่านว่า
สีเลนะสุขติงยันติ สีเลนะโภคสัมปทา สีเลนะนิพพุติงยันติ ตัสสมาสีลังวิโส ทะเย โดยความหมายคือ
สีเลนะสุขติงยันติ
ศีลเป็นเหตุให้เกิดความสุข เพราะเราให้ความไม่มีภัย
ไม่มีเวร แก่ผู้อื่นและตนเอง
สีเลนะโภคสัมปทา
ผู้มีศีลอันงดงามแล้ว กิตติศัพท์ย่อมขจรขจายไปไกล
ย่อมเป็นที่น่าเชื่อถือ และน่าคบหาแก่คนทั้งหลาย อันเป็นเหตุ
ให้เกิดโภคทรัพย์
สีเลนะนิพพุติงยันติ
ศีลอันเป็นทรัพย์ภายในตกน้ำ ไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ใครเอาไปไม่ได้
คือ อริยทรัพย์อันเป็นไปเพื่อพระนิพพาน
ตัสสมาสีลังวิโส ทะเย นี่คือความวิเศษของศีล ที่รักษาไว้ดีแล้ว...
กล่าวโดยรวม คือ ศีลยังให้เกิดความสุข เมื่อมีศีลจักบริบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์นานัปการ และศีลนำทางสู่พระนิพพาน ศีลคือสิ่งวิเศษหากรักษาไว้ครบถ้วนดีแล้ว
พระครูประสูติโสภณ(ชั้นพิเศษ) พ่อท่าน เกลื่อน คุณกาโม ปัจจุบัน สิริอายุ 105 ปี 84 พรรษา จำพรรษา ณ. วัดประดู่หมู่ ต.ฉาง อ.นาทวี จ.สงขลา
แม้ท่านจะมีอายุถึง105 ปี 84 พรรษา ซึ่งน่าจะมีอาวุโสที่สุดในหมู่พระสงฆ์3จังหวัดและยังมีพรรษามากที่สุดในภาค ใต้เท่าที่สืบทราบได้ ปัจจุบันท่านยังนั่งให้ศีลเพื่อให้เรารับ รักษาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและทำแต่ความดีหากเราท่าน ได้มากราบนมัสการท่านสักครั้ง นับว่าเป็นบุญอย่างยิ่ง |
|