 (N)
:::- ที่มา : จากหนังสือพิมพ์ข่าวสด กรอบบ่าย เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ ปีที่ ๑๘ ฉบับที่ ๖๔๖๕ ข่าวสดรายวัน :::-
- เวปพลังจิต
อ่านเรื่องจริง!!!! ล้วงลึกหัวใจเสือเก่า...เสือโจรพันธุ์เสือ..
ชีวิตในชุมเสือ.....พ่อท่านเอื้อม กตปุญโญ วัดสุวรรณจัตตุพลปันนาราม (วัดบางเนียน)
ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช
พระเกจิรัตตัญญู 108 ปี ศรีทักษิณ...อภิญญาสูงส่งแววตาแข็งกร้าวดุจตาเสือ
พ่อท่านเอื้อม เริ่มสนใจในวิชาอาคมมาตั้งแต่วัยเด็ก ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากครูคนแรกคือ คุณย่าพ่อท่านเอื้อม อุปสมบทเมื่ออายุ 65 ปี เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2514 เวลา 13.45 น. ณ พัทธสีมา วัดปากเชียร อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีพระครูถาวรบุญรัต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมานิต มานิโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายา "กตปุญโญ"
ประสบการณ์ชีวิตในวัยหนุ่ม เคยเป็นครูสอนหนังสือเด็กๆ มาก่อน ครั้นลาออกจากครูก็เที่ยวเตร่ไปตามสถานที่ต่างๆ จากบ้านเกิดเมืองสงขลาไปขับรถเมล์บ้างเป็นกระเป๋ารถบ้างสายต่างจังหวัดอยู่นานหลายปี จากนั้นไปสมัครฝึกหัดมวย ขึ้นชกตามเวทีต่างจังหวัด จนเบื่อชีวิตแล้วหันไปเล่นหนังตะลุงบ้าง เล่นมโนราห์บ้าง ในระหว่างที่เที่ยวเตร่ไปตามถิ่นต่างๆ ได้พบกับพระอาจารย์เก่งๆ หลายรูป รู้ว่าที่ไหนมีอาจารย์ดีเก่งจะไปขอเรียนวิชาอาคมจากเหนือ กลาง, อีสาน ใต้ หลายจังหวัด
ในระหว่างที่ท่องเที่ยวท่านจะเปลี่ยนชื่อตัวเองอยู่เสมอ เคยถามลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเล่าให้ฟังว่า พ่อท่านเปลี่ยนชื่อทั้งหมดถึง 6 ชื่อ และชื่ออะไรบ้างผู้เขียนไม่ได้สอบถาม ซึ่งในแต่ละที่ไม่เหมือนกัน (ลืมบอกว่าเดิมท่านชื่อขันต์)
พ่อท่านเอื้อม เล่าว่า เคยไปอยู่เมืองสุพรรณบุรี ได้รู้จักกับเสือดำ เสือใบ เสือมเหศวร สนิทสนมกันมาก พวกเสือ ๆ สุพรรณบุรี มักเรียกท่านว่าพี่ใหญ่ เพราะอายุมากกว่าคนอื่น ๆ ทั้งหมด เมื่ออยู่ในกลุ่มพวกเสือ เหตุนี้ทำให้ทุกคนเข้าใจว่า พ่อท่านเคยเป็นผู้ร้ายเป็นเสือที่ปล้นผู้คน อันที่จริงท่านไม่เคยปล้นใครกิน แต่เชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าเสือสมัยก่อน เป็นผู้ที่มีคุณธรรมมีสัจจะ ถึงจะปล้นก็ปล้นคนรวยช่วยเหลือคนจน.
ตามประวัติพ่อท่านเอื้อมอย่างที่บอกไปแล้วว่า.. ก่อนอุปสมบทท่านเคยเป็นเสือเก่ามาก่อน และได้เคยปะทะกับท่านพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ต่างคนต่างมีวิชาสายสำนักเขาอ้อ สิ่งนี้แหละเหมือนตกกระไดพลอยโจน (โจร) ทำให้ตำรวจหมายหัวคอยติดตามปราบปราม ซึ่งนำโดยท่านขุนพันธ์ฯ นายตำรวจมือปราบที่เคยเจอกันหลายครั้งแต่จับท่านไม่ได้ เพราะพ่อท่านมีวิชาอาคม คือ กำบังตัวจนในที่สุดท่านทั้งสองคบหาเป็นสหายกัน ต่อมาท่าน พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ได้แนะนำให้ท่านไปบวชกับพ่อท่านคล้าย วัดจันดี แต่พ่อท่านคล้ายท่านชราภาพมากแล้ว จึงแนะนำให้ไปบวชกับพระรูปอื่น ก่อนบวชท่านได้บอกว่าถ้าบวชกับพระรูปไหนจะไปสึกกับพระรูปนั้น ในที่สุดท่านก็ได้อุปสมบทกับพระครูถาวรบุญรัต ในเวลาต่อมาท่านพระครูถาวรบุญรัตได้มรณภาพลง พ่อท่านเอื้อมจึงลาสิกขาไม่ได้ตั้งแต่นั้นมาจวบจนปัจจุบัน
ย้อนกลับไปตอนอยู่ชุมเสือ..พ่อท่านเอื้อม เล่าว่า ตอนที่ท่านขุนพันธ์ฯ เป็นผู้กำกับตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร มีชื่อเสียงโด่งดังมาก อยู่ได้ประมาณ 2 ปี ย้ายมาอยู่จังหวัดชัยนาท ปราบปรามพวกเสือดัง ๆ จนขยาด เป็นที่รู้จักกิตติศัพท์กันดี พ่อท่านเล่าอีกว่า ตอนที่ไปอยู่ในชุมเสือเมืองสุพรรณบุรี มีชุมเสือใหญ่กว่าชัยนาท แต่น้อยชุมเสือ คือมีชุมเสือ 4 ชุมนุม คือ
1.ชุมนุมเสือฝ้าย เดิมบางนางบวช มีเสือฝ้ายเป็นหัวหน้า เสือพัว เสือใบ เสือมเหศวร กับพรรคพวกรวม 100 คนเศษ
2.ชุมนุมเสือเกลี่ย บ้านสามเอก เสือเกลี่ยเป็นหัวหน้า เป็นเกลอกับก๊กเสือฝ้าย มีพวกรวม 65 คน
3.ชุมนุมเสือดอย บ้านปากน้ำเดิมบางนางบวช มีพวก 35 คน ชุมนุมนี้เป็นลูกน้องของเสือฝ้าย
4.ชุมนุมเสือดำ บ้านป่าสะแกไร่อ้อย เสือดำเป็นหัวหน้า มีเสือมุ่ย เสือเมฆ เสือเย็น เสือโสนี ฯลฯ ชุมนุมนี้ไม่กินเกลียวกับก๊กเสือฝ้าย
สมัยนั้นบ้านเมืองเดือดร้อนถึงขีดสุด มีอยู่หลายจังหวัดที่ชาวบ้านไม่เป็นอันทำมาหากิน เช่น สุพรรณบุรี ชัยนาท อุทัยธานี อ่างทอง สิงห์บุรี นครสวรรค์ โดยเสือทั้งสองจังหวัด (สุพรรณฯ กับชัยนาท) เที่ยวอาละวาดปล้นสะดม ฆ่าคน ฉุดคร่าผู้หญิง เรียกค่าไถ่ ปล้นหมู่บ้าน ปล้นตลาด ปล้นเรือโยงในลำน้ำ ล้อมโรงพัก เพราะบ้านเมืองอยู่ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย พ่อท่านเอื้อม เล่าว่า เสือฝ้ายเป็นเสือที่มีอิทธิพลมากที่สุดในหมู่เสือด้วยกัน ตลอดทั้งวิธีการปล้นและการปกครองลูกน้อง แต่ท่านไม่ได้เล่ารายละเอียดมากไปกว่านี้ เพียงแต่เล่าว่า ท่านเคยยืนให้นายอำเภอแสงอาทิตย์ยิงจนหมดลูกกระสุน ไม่ระคายเคืองผิวหนังเลย
ชีวิตเร่ร่อนของพ่อท่านเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด ไปที่ไหนก็เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามไปเรื่อย ๆ บางครั้งต้องทำตัวเหมือนคนบ้าเสียจริต ไว้หนวดเครารุงรัง นุ่งกางเกงขาด เสื้อขาด เพราะคอยหลบหลีกตำรวจที่ติดตามอยู่ตลอด เที่ยวไปทุกที่มีประสบการณ์ชีวิตโชกโชน จนกระทั้งได้เมียมีลูก มาเปลี่ยนชื่อเอาตอนนี้แหละ ชื่อ เอื้อมตั้งแต่นั้นมาพ่อท่านเอื้อม มาคิดขึ้นได้ว่า การใช้ชีวิตอย่างนี้ไม่ดีแล้ว ถูกตำรวจคอยตามล่าทุกที่ จึงตัดสินใจไปกราบพ่อท่านคล้าย วัดสวนขันธ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช
เมื่อไปกราบพ่อท่าน ท่านพูดว่า...บวชเถอะลูกบวช บวชแล้วจะดี.....จึงได้ไปกราบขออุปสมบทกับพระครูถาวรบุญรัต พ่อท่านได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างมุ่งมั่นและจริงจัง โดยการออกจาริกธุดงค์เพื่อแสวงหาโมกขธรรม เดินธุดงค์ไปตามป่า เขา ขึ้นไปทางเหนือถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และลงใต้จดชายแดนมาเลเซีย ระหว่างธุดงค์ปักกรดตามป่า ถ้ำ และเดินข้ามภูเขาน้อยใหญ่รวม ๖๙ ลูก การปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดของพ่อท่านเอื้อมจึงเชื่อกันว่า พ่อท่านได้บรรลุธรรมขั้นสูง ในระหว่างธุดงค์ พ่อท่านเอื้อมได้สร้างวัดตามสถานที่ต่าง ๆ รวม ๗ วัด ได้แก่ ๑.วัดท้ายทะเล อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ๒.วัดไสไท อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ๓.สำนักสงฆ์เขาวงแหวน อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ๔.วัดบางเนียน อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ๕.สำนักสงฆ์คลองสะเดา อำเภอเมือง
จังหวัดชุมพร ๖.สำนักสงฆ์เนินธัมมัง อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ๗.สำนักสงฆ์ควนเขาดิน อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
พ่อท่านเอื้อม กตปุญโญ นอกจากศึกษาค้นคว้าและปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดแล้ว พ่อท่านยังได้ศึกษาค้นคว้าทางไสยเวท และวิทยาคมทั้งศาสตร์อิสลาม พราหมณ์ ขอมและพุทธ มาตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี จนถึง จึงทำให้พ่อท่านมีความรู้แตกฉาน ลึกซึ้งและแกร่งกล้าทางด้านไสยศาสตร์ เวทมนต์ คาถา อาคม ในทุกด้าน พ่อท่านเอื้อม กตปุญโญ จึงเป็นพระเกจิอาจารย์เพชรน้ำหนึ่งของภาคใต้ ที่มีตบะบารมีอันสูงยิ่ง วัตถุมงคลที่พ่อท่านอธิษฐานจิตหรือปลุกเสก จะมีอิทธิปาฏิหาริย์และประสบการณ์ทางด้านคงกระพัน แคล้วคลาด คุ้มครอง โชคลาภ และเมตตามหานิยม ซึ่งเกิดขึ้นกับผู้ที่นำไปบูชาจนนับครั้งไม่ถ้วน ศิษยานุศิษย์ ผู้ศรัทธาและบุคคลทั่วไปจึงเคารพนับถือ ศรัทธา แสวงหาวัตถุมงคลของพ่อท่านไว้บูชา และไปคารวะกราบไหว้พ่อท่านกันมากมายตลอดเวลา
ท่านเคยเล่าว่ากว่าจะสร้างวัดบางเนียนได้แสนลำบาก คนที่ไม่พอใจทั้งมาฟัน-ยิง มีครั้งหนึ่งมายิงตรงหน้า ท่านว่าห่างแค่นั้นแต่มันยิงไม่โดนเพราะมันไม่แม่น ปัจจุบันอยากตายแต่มันไม่ตายต้องอยู่อย่างหลังหักเพราะต้องใช้กรรมที่เคยทำกับแมว
ศิษย์ของพ่อท่านได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า....เท่าที่ผมอยู่กับท่านมานาน เรื่องห้ามฟ้า ห้ามฝน...ท่านบอกว่าคนที่วิชาแก่กล้าสั่งได้....ผมเคยไปเสกจตุคามที่ศาลหลักเมืองนครกับท่าน ขณะแดดจัดมาก คนจัดเป็นคนกรุงเทพ เขาไม่รู้จักพ่อท่าน ผมจะให้ท่านนั่งพัก แต่เขาไม่ได้เตรียม และนิมนต์ เลยชวนท่านมาทีรถ เขาก็เข้ามาถามว่าท่านนั่งปรกได้ไหม ท่านโมโหแต่ไม่พูด ผมคุยกับท่านว่าเราไม่ได้มาเดินหาเพื่อให้เขานิมนต์เสก เขานิมนต์มา จนพิธีกรประกาศว่า ตอนนี้ฟ้าดินรับรู้แล้ว เพราะฝนตั้งเค้าดำมืด...เขาจัดให้พระนั่งรอบศาล....แต่พ่อท่านเดินมาช้ามาถึงเขานั่งรอบๆจนเต็ม ..ผมเลยพาท่านไปนั่งในศาลหลักเมือง กับท่านนุ้ยศิษย์หลวงพ่อท้วม โดยไม่มีแม้แต่อาสนะจะนั่ง ผมเลยไปขอมาสองผืน...ผมมานอนคอยที่รถ พอเริ่มพิธี ทั้งฝนทั้งลม พัดจนเต็นล้มระเนระนาด เกจิที่นั่งข้างนอกเปียกหมด ทุกเกจิ (พ่อท่านจ่างถอดจีวรทิ้งไปขอจากวัดชายนามาเปลี่ยน...พ่อท่านนั่งสบายกับท่านนุ้ย....เป็นเรื่องจริงที่เห็นกับตา ..เทวดารับรู้จนน้ำไหลลงท่อไม่ทัน
|