 (N)
วัดพระบรมธาตุไชยา
พุทธสถานเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่ยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของช่างศิลปกรรมสมัยศรีวิชัยไว้ได้อย่างสมบูรณ์
เมื่อกล่าวถึงจังหวัดสุราษฏร์ธานี หลายคนคงรู้จัก และเมื่อได้ยินชื่อจังหวัดสุราษฏร์ธานีผู้คนก็มักจะคิดถึง เกาะสมุย เกาะพงัน เขาสก ฯลฯ แต่สุราษฏร์ธานียังมี โบราณสถาน ที่มีอายุนับพันปี ตั้งแต่สมัยศรีวิชัย ที่น่าแวะเวียนเข้าไปศึกษา ชมความงามทาง สถาปัตยกรรม และกราบ-ไหว้สักการะพระ บรมสารีริกธาตุ เพื่อความเป็นสิริมงคลของตัวเองและครอบครัว
วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ๑ในอารามหลวงชั้นเอก ของ ๑๔จังหวัดภาคใต้
วัดพระบรมธาตุไชยา ตั้งอยู่เลขที่ ๕๐ หมู่ที่ ๓ ตำบลเวียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอไชยา ประมาณ ๒ กิโลเมตร ห่างจากสถานีรถไฟไชยาไปทางตะวันตกประมาณ ๑ กิโลเมตร และอยู่ห่างจากทางหลวงหมายเลข ๔๑ ไปทางตะวันออกประมาณ ๒ กิโลเมตร เดิมเป็นวัดราษฎร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ยกฐานะเป็นอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ โดยมีนามว่า วัดพระธาตุไชยา และต่อมาทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เลื่อนฐานะวัดพระธาตุไชยาขึ้นเป็นอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร และพระราชทานนามใหม่ว่า วัดพระบรมธาตุไชยา เมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐
วัดพระบรมธาตุไชยา เป็นวัดสายมหานิกาย วัดพระบรมธาตุไชยา แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน มีส่วนที่ ๑ เป็นเขตพุทธาวาส โดยส่วนของเขตพุทธาวาสมีกำแพงแก้วล้อม รอบทั้ง ๔ ด้าน ภายในบริเวณกำแพงแก้ว ประกอบไปด้วย องค์เจดีย์พระบรมธาตุไชยาพระวิหารคดหรือระเบียงเวียน พระเจดีย์ พระพระวิหารหลวง พระพุทธรูปศิลาทรายแดง ต้นพระศรีมหาโพธิ์และพลับพลาที่ประทับ(พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ได้เสด็จมาเวียนเทียนวิสาธรรมและปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่นำหนอมาจากในปี ๒๕๑๐) ในส่วนที่ ๒ เป็นเขตสังฆาวาส ประกอบไปด้วย กุฏิพระสงฆ์ กุฏิวิปัสสนากรรมฐาน ศาลาการเปรียญ โรงเรียนปริยัติธรรม ศาลาบูรพาจารย์ ห้องสมุด หอฉัน โรงเรียนวัดพระบรมธาตุไชยาที่เปิดสอนชั้นเด็กเล็ก ถึงชั้นประถมปีที่ ๖ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา สำหรับประวัติความเป็นมาของวัดพระบรมธาตุไชยา สามารถศึกษาได้จากหนังสือ
ประวัติวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ซึ่งรวบรวมโดย พระราชสุธรรมเมธี เจ้าอาวาส องค์ปัจจุบัน
ความสำคัญของวัดพระบรมธาตุไชยาอยู่ที่พระบรมธาตุไชยาซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าอันเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วไปและเป็นพุทธสถานเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่ยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของช่างศิลปกรรมสมัยศรีวิชัยไว้ได้อย่างสมบูรณ์ องค์เจดีย์พระบรมธาตุ เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรมุขย่อมุมมุข มีเจดีย์ราย ๔ องค์ สื่อถึงอริยสัจ ๔ ส่วนมุมมุขแต่ละชั้นจะมีเจดีย์รายชั้นล่ะ ๘ องค์ สื่อถึงมรรคมีองค์ ๘ ส่วนปลียอดเป็นการสื่อถึง นิพพาน ปลียอดเดิมหุ้มด้วยเงิน เหนือปลียอดประดับด้วยฉัตรทอง ๓ ชั้น ฉัตรนี้ของเดิมทำด้วยทองหุ้มด้วยเงิน โดยทองคำมีน้ำหนัก ๘๒ บาท ๓ สลึง ต่อมาโดนคนร้ายขโมยไป ทางวัดจึงได้จัดสร้างขึ้นมาใหม่ ใน พ.ศ. ๒๔๘๑ ด้วยทองวิทยาศาสตร์ และในเวลาต่อมาทางวัดจึงได้ทำฉัตรทองคำขึ้นประดิษฐานใหม่ ปัจจุบันปลียอดถูกส่งมาซ่อมแซมที่กรมช่างสิบหมู่
หลักในการเข้ากราบไหว้นมัสการพระบรมธาตุไชยาอย่างถูกต้อง จากการที่ได้สอบ ถามจาก พระจงพิพัฒน์ อกิญจโน ได้ความว่าการไหว้ควรเริ่มจากการเข้าไหว้พระประธานในวิหารหลวง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเจดีย์พระบรมธาตุไชยา สร้างยื่นล้ำเข้าไปในวิหารคดในพระวิหารหลวงมีพระพุทธรูปใหญ่น้อยหลายองค์พระพุทธรูปเป็นศิลปะ สมัยอยุธยา การไหว้พระในวิหารหลวงก็จะเป็นการกราบไหว้พระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในเจดีย์พระบรมธาตุ ด้านหลังไปด้วยพร้อมๆ กัน เมื่อไหว้พระในวิหารหลวงเสร็จแล้ว จึงเข้าไปไหว้พระบรมธาตุไชยาเป็นอันดับที่สอง บริเวณรอบๆเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารรีริกธาตุนั้นมีพระวิหารคดหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าระเบียงพระเวียน พระวิหารคดมีแปลนเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างยาวด้านละ ๓๙ เมตร สูง ๔ เมตร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสกุลช่างไชยาขนาดและปางต่างๆ ๑๘๐ รูป ส่วนฐานของพระบรมธาตุไชยาได้ขุดเป็นสระกว้าง ๕๐ ซม. ลึกประมาณ ๖๐-๗๐ซม. จนเห็นฐานเดิม ก่อด้วยอิฐ โบกปูน ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการบูรณะ ฐานพระบรมธาตุฝังจมอยู่ใต้ดิน ปัจจุบันรอบฐานเจดีย์มีน้ำขังอยู่ตลอดทั้งปี บางปีในหน้าแล้งที่แล้งจัด ฐานเจดีย์จะแห้งและมีตาน้ำพุขึ้นมาจนเป็นที่ตื่นตกใจของชาวบ้าน จนชาวบ้านถือว่าน้ำนั้นเป็นน้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ สามารถแก้โรคภัยต่างๆได้ ปัจจุบันบ่อน้ำนี้ได้กลายเป็น ๑ ใน ๙ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของประเทศไทย ในการกราบไหว้พระบรมธาตุ คนส่วนใหญ่มักจะมากราบไหว้แล้วขอพร โดยไหว้แบบผ่านๆ ง่ายๆ แต่การไหว้ที่ถูกต้อง ก่อนขอพร ควรขอขมาเสียก่อน ด้วยบทสวดสัพพัง เพราะในชาติที่แล้วเราไม่สามรถรู้ได้ว่าเคยหลบหลู่หรือเคยกระทำการอันมิควรแก่องค์พระธาตุหรือเปล่า ต่อด้วยบทวันทามิ หลังจากนั้นจึงค่อยขอพร เมื่อขอพรจากพระบรมธาตุไชยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว อันดับต่อไป ไหว้พระพุทธรูป ๓ พี่น้อง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น สร้างจากศิลาทรายแดง ต่อมาได้รับการบูรณะใหม่ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยท่านเจ้าคุณพระชยาภิวัฒน์(หนู)และ พระวินัยธรรมยวดสุริโยคนในท้องถิ่นที่นับถือศาสนาพุทธเชื่อกันว่าพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ เป็น พระพุทธเจ้า ๓ ชาติ เพราะคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธเชื่อกันว่าคนเราจะมีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ เรามีมาแล้ว ๔ พระองค์ ดังนั้นจึงถือกันว่าพระพุทธรูป ๓ พี่น้องเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้า ๓ พระองค์ การไหว้พระพุทธรูป ๓ พี่น้อง ควรหามุมที่นั่งไหว้แล้วจะเห็นเจดีย์พระบรมธาตุไชยาด้วย เพื่อเป็นการกราบไหว้พระบรมสารริกธาตุที่บรรจุในเจดีย์พระบรมธาตุไปด้วย ส่วนชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง นิยมที่จะมาไหว้พระพุทธรูป ๓ พี่น้องในเวลาตอนกลางคืน เพราะความเชื่อว่าหากมาไหว้และขอพร หรือบนบานสารกล่าวในเวลากลางคืนจะทำให้สิ่งที่ขอสัมฤทธิ์ผล โดยการไหว้จะมีดอกไม้ ธูป เทียนขาว เมื่อสักการะพระพุทธรูปสามพี่น้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อันดับถัดมาก็ควรไปไหว้หลวงพ่อโต หลวงพ่อโตเป็นพระที่สร้างในสมัยอยุธยาตอนต้น มีลักษณะคล้ายซัมปอกงที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดพนันเชิง จังหวัดอยุธยาและในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้มี การบูรณะแล้วสร้างเจดีย์ครอบไว้ จะเป็นที่สังเกตได้ง่ายเพราะตรงจุดนี้เป็นเจดีย์สีขาวที่สร้างแยกออกห่างจากจุดอื่นๆ สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ที่กล่าวมาข้างต้นคือจุดสำคัญ ๔ จุด ของวัดพระบรมธาตุไชยา เมื่อท่านมีโอกาสมาก็ควรที่จะกราบไหว้ให้ครบทุกจุดดังที่กล่าวไว้ ในส่วนต่อไปคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา มีอาคารจัดการแสดงโบราณวัตถุ ๓ หลัง ภายใน พิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร(พระโพธิสัตว์ปัทมาปาณี) เป็นแบบจำลอง ส่วนองค์จริงได้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร พระโพธิสัตว์องค์นี้ เป็นศิลปะประติมากรรมสมัยศรีวิชัยที่มีชื่อเสียง อีกทั้งยังเป็นหลักฐานที่สำคัญชิ้นหนึ่งที่สนับสนุนความสำคัญในด้านศิลปวัฒนธรรมของเมืองไชยาโบราณแห่งอาณาจักรศรีวิชัย รวมถึงมีการจัดแสดงโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบในบริเวณใกล้เคียงกับวัดพระบรมธาตุไชยาและโบราณวัตถุที่มีคนนำมาบริจาค โบราณวัตถุจำนวนนี้ประกอบไปด้วย พระพุทธรูปขนาดต่างๆ ถ้วยชามเบญจรงค์ ตู้เครื่องถ้วยและแก้วจากฮอนรันดา ลูกปัดศรีวิชัย พระเม็ดกระดุม ปัจจุบันลูกปัดศรีวิชัยและพระเม็ดกระดุมได้กลายเป็นที่ต้องการในกลุ่มนักนิยมสะสมพระเครื่อง เครื่องรางของขลังและผู้ที่นิยมสะสมของเก่า โดยมีราคาเล่นหาเช่าบูชากันสูงพอสมควร ส่วนวัตถุมงคลของวัดพระบรมธาตุไชยาเป็นเหรียญพระบรมธาตุไชยา ลักษณะของเหรียญรุ่นแรก เป็นเหรียญรูปใบเสมา ด้านหน้าเหรียญตรงกลางเป็นรูปพระบรมธาตุไชยาด้านซ้าย เป็นรูปพระเจดีย์ ส่วนด้านขวาเป็นรูปพระอุโบสถ รองรับด้วยฐานเป็นรูปลายเส้นผ้า ด้านบนของเหรียญมีตัวอักษรที่เขียนไว้ว่า พระบรมธาตุ ด้านล่างเขียนว่า เมืองไชยา ขอบเหรียญเป็นรูปลาย ไทยคล้ายลายใบโพธิ์ซ้อนกัน ส่วนปลายของลายไทยชักเป็นลายกนกทั้งสองข้าง ด้านหลังเป็นยันต์นะเฑาะว์-อุนาโลม เป็นเหรียญหูในตัว เหรียญมีเป็นเนื้อโลหะแบบเงินหัวนโมของนครศรีธรรมราช ส่วนราคาให้การเช่าบูชาควรสอบถามจากผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องเหรียญพระธาตุไชยาโดยตรง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา ได้รับการดูแลจากกรมศิลปากร ตั้งแต่ วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๒๕ โบราณสถานยังไม่หมดเพียงแค่นี้ เพราะในบริเวณใกล้เคียงกับวัดพระบรมธาตุไชยายังมีโบราณสถานอีกสองแห่งคือ วัดแก้วหรือวัดรัตนารามและวัดหลง โบราณสถานที่สำคัญของวัดแก้วได้แก่ เจดีย์หรือปราสาทก่ออิฐไม่สอปูน เป็นสถาปัตยกรรมสมัยศรีวิชัย สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นโบราณสถานที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไชยา ส่วนวัดหลงเป็นวัดร้าง มีซากอาคารขนาดใหญ่ เหลืออยู่เพียงส่วนฐาน อาคารมีรูปแบบแผนผังคล้ายคลึงกับโบราณสถานวัดแก้ว ส่วนสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติในเขตอำเภอไชยา มีชายหาดที่สวยงามและเต็มไปด้วยวิถีชาวบ้านแบบดังเดิมที่มีสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน วิถีชาวบ้านมีทั้งการทอผ้าไหมหรือที่เรียกกันว่า ผ้าไหมพุมเรียง การเลี้ยงหอยขาว และไข่เค็มไชยาที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศหากท่านมีโอกาสได้แวะเวียนมาที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี ท่านไม่ควรพลาดที่จะเข้าไปสักการะ ขอพรจากพระบรมธาตุไชยาเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่านและครอบครัว ที่สำคัญการเข้ามาสักการะพระบรมธาตุจะทำให้ท่านได้ศึกษาและได้เห็นศิลปะศรีวิชัยที่มีอายุนับพัน ปีอีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: หนังสือพิมพ์มรดกแผ่นดิน |