ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : หนึ่งวัดในดวงใจ



(N)
1 วัดในดวงใจของพี่ๆ เพื่อนๆ ที่อยากไปมากที่สุด ขอแค่ 1 วัดนะครับ

ถ้าเป็นไปได้ช่วยบอกเหตุผลประกอบว่าอยากไปวัดนั้นๆ เพราะอะไรด้วยครับ?

สำหรับผมอันดับ 1 วัดในดวงใจคือวัดช้างให้ครับ

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 09:29 น.]



โดยคุณ Nopparujkul (383)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 09:33 น.] #2908312 (1/42)
อยากไปวัดช้างไห้เหมือนกันครับแต่...คนพื้นที่ยังไม่กล้าพาไปเลยครับ

โดยคุณ BCC-106 (434)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 09:38 น.] #2908320 (2/42)
สวัสดีครับท่านอาจารย์ ... วัดช้างให้ ก็เป็นวัดในดวงใจที่ผมอยากไปมากที่สุดครับ ... เหตุผลก็คือผมเคารพนับถือหลวงปู่ทวดมากที่สุดครับ ... ไม่รู้ว่าผมจะมีวาสนาได้ไปหรือไม่ ... นี่ก็ปาเข้าไป 72 ปีแล้วครับ (วัดพะโคะ เคยไปเมื่อ 5-6 ปีก่อนครับ ขับรถไปเองครับ)

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 09:39 น.] #2908323 (3/42)
โดยคุณ Nopparujkul (223) (171.98.248.*) [18 Jul 2013 09:33] #2908312 (1/1)
อยากไปวัดช้างไห้เหมือนกันครับแต่...คนพื้นที่ยังไม่กล้าพาไปเลยครับ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านNopparujkul
ว่างๆ ไปกราบหลวงปู่ทวด อาจารย์ทิมที่วัดช้างให้ด้วยกันครับ


โดยคุณ minemint (2.9K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 09:41 น.] #2908326 (4/42)
วัดร่องขุนครับพี่ ดูจากรูปแล้วสวยงามมากครับ แต่โอกาสไปมีน้อยครับ เพราะส่วนตัวไปค่อยชอบเดินทางเท่าไรครับ

โดยคุณ minemint (2.9K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 09:42 น.] #2908329 (5/42)
วัดร่องขุ่น ครับ ตกไม้เอกครับ

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 09:44 น.] #2908332 (6/42)
โดยคุณ BCC-106 (370) (61.90.105.*) [18 Jul 2013 09:38] #2908320 (2/3)
สวัสดีครับท่านอาจารย์ ... วัดช้างให้ ก็เป็นวัดในดวงใจที่ผมอยากไปมากที่สุดครับ ... เหตุผลก็คือผมเคารพนับถือหลวงปู่ทวดมากที่สุดครับ ... ไม่รู้ว่าผมจะมีวาสนาได้ไปหรือไม่ ... นี่ก็ปาเข้าไป 72 ปีแล้วครับ (วัดพะโคะ เคยไปเมื่อ 5-6 ปีก่อนครับ ขับรถไปเองครับ)
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านคุณอาวิบูลย์
ถ้าคุณอาได้ล่องใต้อีก ผมยินดีเป็นไกด์นำคุณอาไปกราบนมัสการหลวงปู่ทวดถึงวัดช้างให้เลยครับ


โดยคุณ Hopeman (1.8K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 09:50 น.] #2908336 (7/42)

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 09:52 น.] #2908337 (8/42)
โดยคุณ minemint (1534) (1.20.0.*) [18 Jul 2013 09:41] #2908326 (4/6)
วัดร่องขุนครับพี่ ดูจากรูปแล้วสวยงามมากครับ แต่โอกาสไปมีน้อยครับ เพราะส่วนตัวไปค่อยชอบเดินทางเท่าไรครับ

โดยคุณ minemint (1534) (1.20.0.*) [18 Jul 2013 09:42] #2908329 (5/6)
วัดร่องขุ่น ครับ ตกไม้เอกครับ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านminemint
ผมเคยได้ไปเที่ยววัดร่องขุน เป็นวัดที่สวยงามวิจิตรตระการตามากๆ ครับพี่


โดยคุณ JCainfo (6K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:01 น.] #2908341 (9/42)
วัดโสธรครับ เพราะผมเป็นลูกหลวงพ่อโสธรครับ

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:05 น.] #2908345 (10/42)
โดยคุณ Hopeman
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านHopeman
ขอบคุณที่เยี่ยมชมครับ


โดยคุณ Lerm_kawilo (619)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:08 น.] #2908346 (11/42)
วัดพระธาตุดอยสุเทพ ราชวรวิหาร พระธาตุประจำปีเกิดครับ

โดยคุณ phoenix (2.9K)(2)   [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:09 น.] #2908347 (12/42)
สวัสดีครับพี่ท่านอาจารย์ อยากไปวัดสวนโมกขพลาราม ครับพี่

โดยคุณ WEERA_NUNGHOTMAI (2.8K)(16)   [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:11 น.] #2908351 (13/42)
อยากไปอีก

โดยคุณ JOMPOL10 (4K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:14 น.] #2908354 (14/42)


(N)


วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม

ผมเจริญเติบโตมาจากเด็กหลังวัดพระปฐมเจดีย์ ผมเรียนที่โรงเรียนวัดพระปฐมเจดีย์ ผมกินข้าววัดพระปฐมเจดีย์ ผมนอนทีวัดพระปฐมเจดีย์ พ่อและแม่ผมได้มอบผมให้เป็นลูกพระร่วงโรจนฤทธิ์ ผมจึงกลายเป็น " เด็กยอดแหลม " โดยสมบูรณ์แบบ ครับ

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:15 น.] #2908355 (15/42)


(N)


โดยคุณ JCainfo
วัดโสธรครับ เพราะผมเป็นลูกหลวงพ่อโสธรครับ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านJCainfo
ผมเคยไป ๓ ครั้งครับ
วัดโสธรเป็นวัดที่สวยมาก แค่ละวันมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติไปกราบนมัสการหลวงพ่อโสธรเยอะตลอดทั้งวันครับ


โดยคุณ chengsim (3.8K)(1)   [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:19 น.] #2908356 (16/42)

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:20 น.] #2908358 (17/42)


(N)


โดยคุณ Lerm_kawilo
วัดพระธาตุดอยสุเทพ ราชวรวิหาร พระธาตุประจำปีเกิดครับ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านพี่เฉลิม
วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนยอด ดอยสุเทพ เป็นหนึ่งในวัดของจังหวัดเชียงใหม่ที่มีความสำคัญมากที่สุดครับพี่ (ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตครับ)


โดยคุณ โพธิ์ไทร (1.4K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:21 น.] #2908361 (18/42)

โดยคุณ warravut (2.8K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:24 น.] #2908366 (19/42)


(N)
วัดช้างให้ครับ ส่วนวัดโสธรผมเข้าเกือบทุกวันเพราะบ้านอยู่หลังวัด

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:26 น.] #2908369 (20/42)


(N)


โดยคุณ phoenix
สวัสดีครับพี่ท่านอาจารย์ อยากไปวัดสวนโมกขพลาราม ครับพี่
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านพี่ทนาย มาเมื่อไหร่อย่าลืมโทรหาผมนะครับพี่

สวนโมกขพลาราม อยู่บริเวณเขาพุทธทอง ริมทางหลวงหมายเลข 41 บริเวณกิโลเมตรที่ 134
เดิมชื่อวัดธารน้ำไหล มีท่านพุทธทาสภิกขุเป็นผู้ริเริ่มสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2502
เพื่อเป็นสถานที่แสวงหาความสงบและศึกษาธรรม มีโรงมหรสพทางวิญญาณ
ซึ่งประกอบด้วยภาพศิลป์ บทกวี คติธรรมคำสอนในพุทธศาสนานิกายต่าง ๆ
ภาพพุทธประวัติ ภาพจำลองจากภาพหินสลัก เรื่องพุทธประวัติในอินเดีย
รอบบริเวณร่มรื่น เหมาะสำหรับเป็นที่ฝึกอบรมจิตใจและศึกษาพุทธศาสนา (ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตครับ)


โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:28 น.] #2908377 (21/42)
โดยคุณ WEERA_NUNGHOTMAI
อยากไปอีก
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านWEERA_NUNGHOTMAI
ขอบคุณที่เยี่ยมชมครับ



โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:52 น.] #2908394 (22/42)


(N)


โดยคุณ JOMPOL10

วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม

ผมเจริญเติบโตมาจากเด็กหลังวัดพระปฐมเจดีย์ ผมเรียนที่โรงเรียนวัดพระปฐมเจดีย์ ผมกินข้าววัดพระปฐมเจดีย์ ผมนอนทีวัดพระปฐมเจดีย์ พ่อและแม่ผมได้มอบผมให้เป็นลูกพระร่วงโรจนฤทธิ์ ผมจึงกลายเป็น " เด็กยอดแหลม " โดยสมบูรณ์แบบ ครับ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านJOMPOL10
วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิด ราชวรมหาวิหาร เป็นที่ประดิษฐานองค์พระปฐมเจดีย์ซึ่งถือว่าเป็นพระสถูปเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จังหวัดนครปฐมได้ใช้พระปฐมเจดีย์เป็นตราประจำจังหวัด
พระปฐมเจดีย์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นองค์ที่สร้างขึ้นในสมัย รัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2396 โดยโปรดเกล้าฯให้สร้างครอบพระเจตีย์องค์เดิม ซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่มีฐานแบบโอคว่ำและมียอดปรางค์อยู่ข้างบน สันนิษฐานว่ามีอายุอยู่ในตอนต้นพุทธศตวรรษที่ 4 เนื่องจากรูปร่างของเจดีย์แบบโอคว่ำ มีลักษณะคล้ายกับสาญจีเจดีย์ในอินเดียซึ่งสร้างสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช การก่อสร้างเจดีย์ครอบองค์ใหม่เสร็จเรียบร้อยในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2413 รวมเวลาก่อสร้าง 17 ปี พระเจดีย์องค์ใหม่มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงกลม รูประฆังคว่ำแบบลังกา มีความสูงจากพื้นดินถึงยอดมงกุฎ 3 เส้น 1 คืบ 6 นิ้ว (หรือประมาณ 120.45 เมตร) ฐานวัดโดยรอบได้ 5 เส้น 16 วา 3 ศอก (หรือประมาณ 233.50 เมตร) ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้ทรงบูรณะวัดพระปฐมเจดีย์ให้สง่างามมากขึ้น และถือว่า วัดพระปฐมเจดีย์เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 6 และภายในวัดพระปฐมเจดีย์ยังมีสิ่งที่น่าสนใจต่างๆให้ชม เช่น

พระร่วงโรจนฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย ประดิษฐานในซุ้มวิหารทางทิศเหนือหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยได้พระเศียร พระหัตถ์ และพระบาท มาจากเมืองศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ช่างทำรูปปั้นขี้ผึ้งปฏิสังขรณ์ให้บริบูรณ์เต็มองค์ ทำพิธีหล่อที่วัดพระเชตุพนฯ เมื่อ พ.ศ. 2456 แล้วอัญเชิญ ไปประดิษฐานไว้ในซุ้มวิหารด้านทิศเหนือตรงกับบันไดใหญ่ และพระราชทานนามว่า “พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ ธรรมโมภาส มหาวชิราวุธราชปูชนียบพิตร” และที่ ฐานพระพุทธรูปองค์นี้เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

พิพิธภัณฑ์วัดพระปฐมเจดีย์ ตั้งอยู่บริเวณชั้นลดด้านทิศตะวันออกตรงข้าม พระอุโบสถ ภายในเก็บวัตถุโบราณที่ขุดพบได้จากสถานที่ต่างๆในนครปฐมทั้ง สมัยบ้านเชียง สมัยทวารวดี เช่น พระพุทธรูป หินบดยา ลูกประคำดินเผา กำไลข้อมือ เงินโบราณ ฯลฯ และยังเป็นที่เก็บหีบศพของย่าเหลและโต๊ะหมู่บูชาซึ่งใช้ในพิธีศพของ ย่าเหลซึ่งเป็นสุนัขที่รัชกาลที่6 ทรงโปรดปรานมากและ ถูกคนลอบยิงตาย พระองค์ทรงเสียพระทัยมากได้โปรดฯให้สร้างอนุสาวรีย์ไว้อาลัย พิพิธภัณฑ์เปิดให้บริการทุกวันยกเว้น วันจันทร์ อังคาร ระหว่างเวลา 09.00-16.30 น.

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ตั้งอยู่ในบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ด้านทิศใต้เป็นอาคาร ทรงไทยประยุกต์ 2 ชั้น เป็นที่เก็บศิลปะวัตถุและวัตถุโบราณซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะสมัยทวารวดีที่ขุดพบ ในจังหวัดนครปฐม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0 3424 2500 หรือสำนักงานจัดประโยชน์และ รักษาองค์พระปฐมเจดีย์ โทร. 0 3424 2143 พิพิธภัณฑ์เปิดให้บริการทุกวันยกเว้นวันจันทร์ อังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น.

ข้อมูลโดย http://www.tour.co.th/tour.php?t_id=2112

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:53 น.] #2908398 (23/42)
โดยคุณ chengsim

โดยคุณ WEERA_NUNGHOTMAI
อยากไปอีก
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านพี่ตี๋
ขอบคุณที่เยี่ยมชมครับ


โดยคุณ พระเมตตา (71)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:53 น.] #2908400 (24/42)


(N)
วัดร่ิองขุ่นครับ เพราะเห็นรูปวัดครั้งแรกก็ชอบเลย สวยงามไม่เหมือนใครเกินคำบรรยายและคิดว่าจะต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้ครับ

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 10:54 น.] #2908401 (25/42)
โดยคุณ โพธิ์ไทร
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านโพธิ์ไทร
ขอบคุณที่เยี่ยมชมครับ


โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 11:00 น.] #2908404 (26/42)


(N)


โดยคุณ warravut
วัดช้างให้ครับ ส่วนวัดโสธรผมเข้าเกือบทุกวันเพราะบ้านอยู่หลังวัด
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านwarravut

ประวัติวัดราษฎร์บูรณะ (วัดช้างให้)
วัดราษฎร์บูรณะ หรือวัดช้างให้ ตั้งอยู่ที่ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ชิดกับทางรถไฟสายใต้ (ระหว่างหาดใหญ่-ไปยะลา) วัดช้างให้สร้างขึ้นเมื่อใด ใครเป็นคนสร้างครั้งแรกก็ยังหาหลักฐานแน่นอนไม่ได้ มากนัก ก็พอจะอ้างอิงตามหนังสือตำนานเมืองปัตตานีได้บ้าง ซึ่งหนังสือตำนานเมืองปัตตานีรวบรวมโดย พระศรีบุรีรัฐพิพิธ (สิทธิ์ ณ สงขลา) ดังบทความตอนหนึ่งว่า
สมัยพระยาแก้มดำ เจ้าเมืองไทรบุรี ปรารถนาต้องการจะหาที่ เพื่อที่จะสร้างเมืองให้ “เจ๊ะสิตี”น้องสาวครอบครอง เมื่อโหรหาฤกษ์ยามดีได้เวลา ท่านเจ้าเมืองก็เสี่ยงสัตย์อธิฐานปล่อยช้างตัวสำคัญคู่บ้านคู่เมืองออกเดิน ป่าหรือเรียกว่า “ช้างอุปการ” เพื่อหาที่ชัยภูมิดีสร้างเมือง ท่านเจ้าเมืองก็ยกพลบริวารเดินตามหลังช้างนั้นไปเป็นเวลาหลายวัน วันหนึ่งช้างได้เดินไปหยุดอยู่ ณ ที่ป่าแห่งหนึ่ง(ที่วัดช้างให้เวลานี้) แล้วเดินวนเวียนร้องขึ้น 3 ครั้งพระยาแก้มดำถือเป็นนิมิตที่ดีจะสร้างเมือง ณ ที่ตรงนี้ แต่น้องสาวตรวจดูแล้วไม่ชอบ พี่ชายก็อธิษฐานให้ช้างดำเนินหาที่ใหม่ต่อไป ได้เดินรอนแรมหลายวัน เวลาตกเย็นวันหนึ่งก็หยุดพักพลบริวารน้อง สาวถือโอกาสออกจากที่พักเดินเล่น บังเอิญขณะนั้นมีกระจงสีขาวผ่องตัวหนึ่ง วิ่งผ่านหน้านางไปนางอยากจะได้กระจงขาวตัวนั้น จึงชวนพวกพี่เลี้ยงวิ่งไล่ล้อมจับ กระจงตัวนั้นได้วิ่งวกไปเวียนมาบนหาดทรายอันขาวสะอาดริมทะเล ( คือตำบล กือเซะเวลานี้ ) ทันใดนั้น กระจงก็ได้อันตรธานหายไป นางเจ๊ะสิตี รู้สึกชอบที่ตรงนี้มากจึงขอให้พี่ชายสร้างเมืองให้ เมื่อพระยาแก้มดำปลูกสร้างเมืองให้น้องสาว และมอบพลบริวารให้ไว้พอสมควรเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ชื่อเมืองนี้ว่า “เมืองปะตานี” ( ปัตตานี ) ขณะนั้นพระยาแก้มดำเดินทางกลับมาถึงภูมิประเทศที่ช้างบอกให้ครั้งแรก ก็รู้สึกเสียดายสถานที่ จึงตกลงใจหยุดพักแรมทำการแผ้วถางป่า และปลูกสร้างขึ้นเป็นวัดให้ชื่อว่า “วัดช้างให้” มาจนบัดนี้ ต่อมาพระยาแก้มดำ ก็ได้มอบถวายวัดช้างให้ แก่ “ท่านลังกา”ครอบครอง พระภิกษุชราองค์นี้ท่านอยู่เมืองไทรบุรีเขาเรียกว่าท่านลังกาเมื่อท่านมา อยู่วัดช้างให้ชาวบ้านเรียกว่าท่านช้างให้เป็นเช่นนี้ตลอดมา

สมัยโบราณนั้น คนมลายูนับถือศาสนาพุทธ พระยาแก้มดำคนมลายูจึงได้สร้างวัดช้างให้ขึ้น อ้างตามหนังสือของพระยารัตนภักดี เรื่องปัญหาดินแดนไทยกับมลายู หน้า 8 บรรทัด 16 ในหนังสืออิงตามประวัติศาสตร์ว่า พ.ศ.1300 กษัตริย์ครองกรุงศรีวิชัยแห่งปาเล็มบัง มีอานุภาพแผ่ไพศาลอาณาเขตเข้ามาถึงแหลมมลายู และได้ก่อสร้างสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาไว้หลายแห่ง มีผู้พบศิลาจารึกแผ่นหนึ่งที่ นครศรีธรรมราช บันทึกว่า เมื่อพ.ศ.1318 เจ้าเมืองศรีวิชัย ได้มาก่อสร้างพระเจดีย์ที่นครศรีธรรมราชและที่สำคัญอีกแห่งคือ พระพุทธไสยาสน์ในถ้ำที่ภูเขา (วัดหน้าถ้ำ) ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา คาดว่าสร้างเมื่อสมัยกรุงศรีวิชัย ระหว่างพ.ศ.1318-1400 ต่อมามีการปฎิสังขรณ์เพิ่มเติมตามที่เห็นในปัจจุบัน

ขณะที่ท่านลังกา"หลวงพ่อทวด"พำนักอยู่ที่วัดในเมืองไทรบุรีวันหนึ่งอุบาสก อุบาสิกา และลูกศิษย์อยู่พร้อมหน้าท่านได้พูดขึ้นในกลางชุมนุมนั้นว่า ถ้าท่านมรณภาพเมื่อใดขอให้ช่วยกันจัดการหามศพไปทำการฌาปนกิจ ณ วัดช้างให้ด้วย และขณะหามศพพักแรมนั้น ณ ที่ใดน้ำเน่าไหลลงสู่พื้นดินที่ตรงนั้นจงเอาเสาไม้แก่นปักหมายไว้ต่อไปข้าง หน้าจะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ อยู่มาไม่นานท่านก็ได้มรณภาพลงด้วยโรคชราคณะศิษย์ผู้เคารพในตัวท่านก็ได้ จัดการตามที่ท่านสั่งโดยพร้อมเพรียงกันเมื่อทำการฌาปณกิจศพท่านเรียบร้อย เมื่อ พ.ศ.2501 พระครูวิสัยโสภณ ได้เดินทางไปบูชามาแล้วทุกสถานที่ แต่ละสถานที่ก็มีสภาพเหมือนสถูปที่บรรจุอัฐิหลวงพ่อทวดที่วัดช้างให้เมื่อครั้งยังไม่ได้ตบแต่งสร้างใหม่สอบถามชาวบ้านแถบๆนั้นดู ต่างก็เล่นถึงเรื่องราวที่สืบทอดต่อกันมาให้อาจารย์ทิมและคณะฟังว่าเป็นสถานที่ตั้งศพหลวงพ่อทวด เมื่อมาพักแรมมีน้ำเหลืองหยดตกลงพื้นก็เอาไม้ปักทำเครื่องหมายไว้ บางแห่งก็ก่อสร้างเป็นสถูปเจดีย์ก็มี แล้วคณะศิษย์ผู้ไปส่งได้ขอแบ่งเอาอัฐิของท่านแต่ส่วนน้อยนำกลับไปทำสถูปที่ วัด ณ เมืองไทรบุรีไว้เป็นที่เคารพบูชาตลอดจนบัดนี้สมเด็จเจ้าพะโคะกับท่านช้างให้ หรือ"หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" นี้สมัยท่านยังมีชีวิตมีชื่อที่ใช้เรียกท่าน หลายชื่อเช่น พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ ท่านลังกา และท่านช้างให้ แต่เมื่อท่านมรณภาพแล้วเรียกเขื่อนหรือสถูปศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอัฐิของท่าน ว่า “เขื่อนท่านช้างให้” เขื่อน หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด (คำว่าเขื่อนเป็นภาษพื้นเมืองทางใต้ หมายถึงสถูปที่บรรจุอัฐิของท่านผู้มีบุญนั่นเอง) เมื่อ พ.ศ. 2480 พระครูมนูญสมณการ วัดลานุภาพ ได้ชวนชาวบ้านช้างให้และใกล้เคียงไปทำการแผ้วถางวัดร้างแห่งนี้ โดยจัดบูรณะให้เป็นวัดมีพระสงฆ์เข้าจำพรรษาและในปีนั้นเอง ได้ให้พระภิกษุช่วงมาอยู่ก็ได้มีการจัดสร้างถาวรวัตถุ ขึ้น เช่นศาลาการเปรียญ และกฏิ2-3หลัง ครั้งต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2484 พระภิกษุช่วงก็ได้ลาสิกขาบท วัดช้างให้จึงขาดเจ้าอาวาสและผู้นำลง พระครูภัทรกรณ์โกวิท เจ้าอาวาสวัดนาประดู่ จึงได้ให้พระภิกษุทิม (พระครูวิสัยโสภณ) ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดช้างให้ตามที่ชาวบ้านขอมา
พระภิกษุทิม ได้ย้ายไปอยู่วัดช้างให้ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2484 ตรงกับวันอังคาร ขึ้น15ค่ำเดือน8 พระภิกษุทิม มาอยู่วัดช้างให้ตอนแรก ก็ไปๆมาๆอยู่กับวัดนาประดู่ กลางวันต้องไปสอนนักธรรมวัดนาประดู่

ข้อมูลโดย http://www.tumsrivichai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538708382&Ntype=5

โดยคุณ pippinnu (9.2K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 11:06 น.] #2908409 (27/42)
วัดร่องขุ่นครับ ไปเวียนเทียนเมื่อวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา คนละอารมณ์กับที่ใครๆบอกว่าที่นั่นเป็นแค่สถานที่ท่องเที่ยว เหมาะแค่ไปถ่ายรูป ไม่มีพระ

อยากให้ลองไปดูครับ วัดร่องขุ่นยังสร้างไม่เสร็จ พระสงฆ์ที่วัดนั้นเป็นพระสุปฏิปันโน ตอนเวียนเทียนไปม่มีการรับบริจาคเรี่ยไร ประกาศให้เอะอะ หรืออะไรเลย มีสวดมนต์นั่งสมาธิ แจกดอกไม้ธูปเทียน เวียนเสร็จฟังเทศน์ต่อ ท่านอาจารย์เฉลิมชัย ก็มานำคณะฆราวาสเวียนตามคณะพระสงฆ์

อาฬาหบูชานี้ มีโอกาสลองไปดูนะครับ งดงาม สงบเย็นใจ เป็นสุข

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 11:06 น.] #2908410 (28/42)


(N)


โดยคุณ พระเมตตา

วัดร่องขุ่นครับ เพราะเห็นรูปวัดครั้งแรกก็ชอบเลย สวยงามไม่เหมือนใครเกินคำบรรยายและคิดว่าจะต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้ครับ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านพระเมตตา

ดร่องขุ่น เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540 โดยท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชั้นแนวหน้าของไทย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจาก3 สิ่งต่อไปนี้คือ

1. ชาติ : ด้วยความรักบ้านเมือง รักงานศิลป์ จึงหวังสร้างงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน
2. ศาสนา : ธรรมะได้เปลี่ยนชีวิตของอาจารย์เฉลิมชัยจากจิตที่ร้อนกลายเป็นเย็น จึงขออุทิศตนให้แก่พระพุทธศาสนา
3. พระมหากษัตริย์ : จากการเข้าเฝ้าฯ ถวายงานพระองค์ท่านหลายครั้ง ทำให้อาจารย์เฉลิมชัยรักพระองค์ท่านมาก จากการพบเห็นพระอัจฉริยะภาพทางศิลปะและพระเมตตาของพระองค์ท่าน จนบังเกิดความตื้นตันและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ดังนั้นอาจารย์จึงได้สร้างงานพุทธศิลป์ถวายเป็นงานศิลปะประจำรัชกาลพระองค์ท่าน โดยปรารถนาจะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้ บนพื้นที่เดิมของวัด 3 ไร่ และอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ได้บริจาคทรัพย์สินส่วนตัว และคุณวันชัย วิชญชาคร เป็นผู้บริจาคที่ดินประมาณ 7 ไร่เศษ รวมเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธาอื่นๆ จนถึงปัจจุบันมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 12 ไร่ และมีพระกิตติพงษ์ กัลยาโณ รักษาการเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน

ลักษณะเด่นของวัด
คือพระอุโบสถที่ตกแต่งด้วยสีขาวเป็นพื้น ประดับด้วยกระจกแวววาววิจิตรงดงามแปลกตา บนปูนปั้นเป็นลายไทย โดยเฉพาะภาพพระพุทธองค์หลังพระประธานซึ่งเป็นภาพที่ใหญ่งดงามมาก เหนืออุโบสถที่ประดับด้วยสัตว์ในเทพนิยาย เป็นรูปกึ่งช้างกึ่งวิหคเชิดงวงชูงา ดูงดงามแปลกตาน่าสนใจมาก ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถก็เป็นฝีมือภาพเขียนของอาจารย์เอง

ความหมายของอุโบสถ
สีขาวของโบสถ์แทนพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า กระจกขาวหมายถึง พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายไปทั่วโลกมนุษย์และจักรวาล

สะพาน หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ก่อนขึ้นสะพานครึ่งวงกลมเล็กหมายถึง โลกมนุษย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามาร หรือพระราหู หมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ ผู้ใดจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพระพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองทิ้งลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตเราให้ผ่องใสถึงจะเดินผ่านขึ้นไป บนสันของสะพานจะประกอบไปด้วยอสูรอมกัน 16 ตัว ข้างละ 8 ตัว อุปกิเลส 16 จากนั้นก็จะถึงกึ่งกลางสะพาน หมายถึง เขาพระสุเมระ เป็นที่อยู่ของเทวดา ด้านล่างเป็นสระน้ำ หมายถึง สันดรมหาสมุทร มีสวรรค์ตั้งอยู่ 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6 เดินลงไปสู่แผ่นดินของพรหม 16 ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอก รอบอุโบสถ ดอกที่ใหญ่สุด 4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์ หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เป็นสงฆ์สาวกที่เราควรกราบไหว้บูชา

ก่อนขึ้นบันได ครึ่งวงกลม หมายถึง โลกุตตรปัญญา บันไดทางขึ้น 3 ขั้น แทนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ผ่านแล้วจึงขึ้นไปสู่แผ่นดินของอรูปพรหม 4 แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 4 ดอก และ บานประตู 4 บาน บานสุดท้ายเป็นกระจกสามเหลี่ยมแทนความว่าง (ความหลุดพ้น) แล้วจึงจะก้าวข้ามธรณีประตูเข้าสู่พุทธภูมิภายในประกอบด้วยภาพเขียนโทนสีทองทั้งหมด ผนัง 4 ด้าน เพดาน และพื้นล้วนเป็นภาพเขียนที่แสดงถึงการหลุดพ้นจากกิเลสมาร มุ่งเข้าสู่โลกุตรธรรม

ส่วนบนของหลังคาโบสถ์ ได้นำหลักธรรมอันสำคัญยิ่งของการปฏิบัติจิต 3 ข้อ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นำไปสู่ความว่าง (ความหลุดพ้น)

ช่อฟ้าเอก หมายถึง ศีล ประกอบด้วยสัตว์ 4 ชนิดผสมกัน แทน ดิน น้ำ ลม ไฟ ช้าง หมายถึง ดิน, นาค หมายถึง น้ำ, ปีกหงส์ หมายถึง ลม และหน้าอก หมายถึง ไฟ ขึ้นไปปกปักรักษาพระศาสนา บนหลัง ช่อฟ้าเอกแทนด้วยพระธาตุ หมายถึง ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ข้อ และ 84,4000 พระธรรมขันธ์

ช่อฟ้าชั้นที่ 2 (บน) หมายถึง สมาธิ แทนด้วยสัตว์ 2 ชิด คือ พญานาคกับหงส์ เขี้ยวพญานาค หมายถึง ความชั่วในตัวมนุษย์ หงส์ หมายถึง ความดีงาม ศีลเป็นตัวฆ่าความชั่ว (กิเลส) เมื่อใจเราชนะกิเลสได้ก็เกิดสมาธิ มีสติกำหนดรู้เกิดปัญญา

ช่อฟ้าชั้นที่ 3 (สูงสุด) หมายถึง ปัญญา แทนด้วยหงส์ปากครุฑ หมอบราบนิ่งสงบไม่ปรารถนาใดๆ มุ่งสู่การดับสิ้นซึ่งอาสวะกิเลสภายใน

ด้านหลังหางช่อฟ้าชั้นที่ 3 มีลวดลาย 7 ชิ้น หมายถึงโพชฌงค์ 7 ลาย 8 ชิ้นรองรับฉัตร หมายถึง มรรค 8 ฉัตรหมายถึงพระนิพพานลวดลายบนเชิงชายด้านข้างของหลังคาชั้นบนสุดแทนด้วยสังโยชน์ 10 เสา 4 มุม ด้านข้างโบสถ์ คือ ตุง (ธง) กระด้าง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้าตามคติล้านนา

ข้อมูลโดย http://www.xn--22cj2bwa1cwa8b3a2euie.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99.html

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 11:10 น.] #2908415 (29/42)
โดยคุณ pippinnu
วัดร่องขุ่นครับ ไปเวียนเทียนเมื่อวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา คนละอารมณ์กับที่ใครๆบอกว่าที่นั่นเป็นแค่สถานที่ท่องเที่ยว เหมาะแค่ไปถ่ายรูป ไม่มีพระ

อยากให้ลองไปดูครับ วัดร่องขุ่นยังสร้างไม่เสร็จ พระสงฆ์ที่วัดนั้นเป็นพระสุปฏิปันโน ตอนเวียนเทียนไปม่มีการรับบริจาคเรี่ยไร ประกาศให้เอะอะ หรืออะไรเลย มีสวดมนต์นั่งสมาธิ แจกดอกไม้ธูปเทียน เวียนเสร็จฟังเทศน์ต่อ ท่านอาจารย์เฉลิมชัย ก็มานำคณะฆราวาสเวียนตามคณะพระสงฆ์

อาฬาหบูชานี้ มีโอกาสลองไปดูนะครับ งดงาม สงบเย็นใจ เป็นสุข
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านpippinnu
ผมเคยไปครั้งเดียวเองเป็นวัดที่สวยงามมากๆ ครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

โดยคุณ cando (2.6K)(1)   [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 11:31 น.] #2908433 (30/42)
อยากไป สองวัดครับ ...วัดน้ำพุ กับวัดเขายายหอม

อยากไปกราบความดีงามครับผม

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 11:40 น.] #2908442 (31/42)


(N)
โดยคุณ cando
อยากไป สองวัดครับ ...วัดน้ำพุ กับวัดเขายายหอม

อยากไปกราบความดีงามครับผม
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านcando

ประวัติ วัดน้ำพุสามัคคี
วัดน้ำพุสามัคคี ตั้งอยู่ บ้านน้ำพุ หมุ่ ๒ ตำบลพระพุทธบาท อำเภอชนดน จังหวัดเพชรบูรณ์ ห่างจากตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ ประมาณ ๒๕ กิโลเมตร โดยได้รับวิสุงคาม เมื่อวันที่ ๒o กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ตามความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม

จุดเริ่มต้นของวัดน้ำพุสามัคคี เริ่มต้นขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕oo หลวงปู่พวง ฐานวโร ท่านได้เดินธุดงค์มาถึง “ เทือกเขารังที่บ้านน้ำพุ ” เมื่อเดินทางมาถึง เห็นสภาพแล้วเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ก็ได้ทำการปักกลด บ้านน้ำพุสมัยนั้น มีสภาพเป็นป่าทืบ ชุกชุมด้วยใข้ป่า เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าเพราะติดกับเขารังลูกใหญ่ที่ทอดตัวติดกันหลายลูก สมัยก่อนป่าไม้รกหนาแน่นมาก ชาวบ้านไม่กล้าบุกรุกถากถาง เพราะเชื่อกันว่ามีอำนาจลึกลับแฝงเน้นในเทือกเขารังแห่งนี้ เพราะปรากฏว่ามีชาวบ้านเข้าไปตัดไม้ ทำไร่ ออกมาแล้วต้องมีอันต้องเสียชีวิตไปหลายราย กอรปกับมีการสร้างทางขึ้นเขารังเพื่อตัดเขาผ่านอำเภอสามแยกวังชมภูเพื่อไปอำเภอเมืองในสมัยนั้น มีนักโทษตายด้วยใข้ป่าเป็นจำนวนมาก ทำให้มีวิญญาณสัมภเวสีมากมาย ออกมาหลอกหลอนชาวบ้านจนต้องย้ายหนีไปก็มาก พระธุดงค์ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปหลายรูป ชาวบ้านเห็นพระธุดงค์รูปนี้บังเกิดศรัทธาได้มองเห็นรัศมีธรรมออกมาจากกายหลวงปู่พวง ตลอดเวลาที่ท่านเดินกรรมฐาน จึงได้ร้องขอให้ท่านอยู่ที่บ้านน้ำพุเพื่อเป็นศูนย์รวมใจของชาวบ้านแห่งนี้ จะได้ไม่ต้องย้ายหนีกันไปใหน หลวงปู่พวง จึงได้จำวัด ณ บ้านน้ำพุเมื่อ พ.ศ. ๒๕oo เพื่อเริ่มการสร้างวัด

ผู้ใหญ่บุญธรรม สมัยนั้นได้นิมนต์หลวงปู่พวง และเริ่มก่อร่างสร้างวัดถวายหลวงปู่พวง เมื่อ พ.ศ. ๒๕o๙ ให้ชื่อว่า “ วัดโนนสว่างสามัคคีธรรม ” สมัยนั้นยังเป็นสำนักสงฆ์ มีการก่อสร้าง พัฒนาวัดอย่างต่อเนื่องจน ได้รับวิสุงคาม เมื่อวันที่ ๒o กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ให้เป็นวัดโดยได้ชื่อว่า “ วัดน้ำพุสามัคคี ”

จากวัดเล็กๆ ด้วยความศรัทธาจากชาวบ้านอย่างแท้จริง จึงได้มีการก่อสร้างต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ วิหารสวดมนต์ เมรุ ห้องน้ำ ศาลาเอนกประสงค์ หอระฆัง กำแพงวัด ซุ้มประตู ฯลฯ ด้วยบังเกิดศรัทธาต่อพระอริยสงฆ์เนื้อนาบุญที่ได้มาโปรดชาวบ้าน ทำให้มีขวัญและกำลังใจมาช่วยหลวงปู่พวง สร้างวัดเพื่อให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ หลังจากหลวงปู่พวง ได้จำพรรษา ไม่ปรากฏว่ามีชาวบ้านได้เห็นวิญญาณสัมภเวสี และ การเข้าไปในป่า ชาวบ้านก็ไม่มีใครเป็นอะไรอีกเลย หลายครั้งที่หลวงพ่อทบ วัดชนแดน ได้มาพำนักที่วัดน้ำพุสามัคคีก่อนไปวัดช้างเผือก ท่านยังได้บอกชาวบ้านว่า “ เคยเห็นเพชรในหุบเขาหรือเปล่า ” แล้วท่านก็ชี้ไปที่หลวงปู่พวง ขณะกำลังกวาดใบไม้ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์

วัดน้ำพุสามัคคี เป็นสำนักปฏิบัติธรรมที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ เพราะติดกับป่าเขา ต้นไม้ ธรรมชาติอันเงียบสงบ บรรยากาศร่มเย็นเหมาะแก่การปฏิบัติบัเพ็ญสมณธรรม เพื่อค้นคว้าแสวงหาทางพ้นทุกข์อย่างแท้จริง

ข้อมูลโดย http://www.watnampusamakkee.com/data-3299.html

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 11:47 น.] #2908448 (32/42)


(N)


ประวัติวัดพุทธบาทเขายายหอม
ปีพุทธศักราช ๒๔๙๒ ท่านพระครูมนูญชยกิจ ได้พาพระภิกษุสามเณรออกเดินธุดงค์มาทางตำบลนายางกลักและได้พบตาขำ อายุ ๗๐ ปี กับนายหมี อายุ ๓๕ ปี คนบ้านวังตาท้าวมากราบนมัสการเล่าถวายว่า บนยอดเขายายเหม็นมีรอยเท้าคนใหญ่ปรากฏอยู่ ส่วนนายหมีก็เล่ายืนยันว่ามารดาของตนเคยใหญ่ขึ้นไปบนยอดเขายายเหม็นได้เห็นรอยเท้าคนใหญ่อยู่ที่พลาญหินข้างบ่อตาทองรอยหนึ่งใหญ่มากต่อมาชาวบนที่ทำมาหาขึ้นลงบนเขาอยู่เนือง ๆ ได้เห็นช้างเก็บดอกไม้มาวางบริเวณนี้บ่อย ๆ จึงพากันค้าหาดูจนพบรอยเท้าคนใหญ่เข้าก็เกิดความกลัวว่าถ้าทางหน่วยงานราชการมาพบเข้าจะทำให้พวกเขาเข้ามาหากินลำบากจึงพากันทุบต่อยให้แตกหักและสุมไฟเผาแล้วนำต้นสลักไดมาปลูกเพื่อปกปิดไม่ให้ใครพบเห็น ดังนั้น ท่านพระครูมนูญชยกิจ ได้มีหนังสือเรียนไปยังท่านพระครูพินิจสมณวัตร (คง ชาลีวรรณ) เจ้าคณะกิ่งอำเภอบำเหน็ณรงค์ วัดเพ็ชรภูมิสุวรรณ ตำบลบ้านเพชร ให้ทราบเรื่องราวรอยพระบาทบนยอดเขายายเหม็น

ปีพุทธศักราช ๒๔๙๓ ท่านพระครูพินิจสมรวัตร (คง ชาลีวรรณ) และท่านพระครูมนูญชยกิจ เรียกประชุมญาติโยม บ้านชวน บ้านเพชร บ้านวังเสมาและจัตุรัส ออกสำรวจค้นหาจนพบรอยพระบาทเบื้องซ้ายนิ้วพระบาทและปลายนิ้วเรียบเสมอกันกันปลายนิ้วพระบาทไปทางทิศอาคเนย์ ท่านพระครูพินิจสมณวัตร (คง ชาลีรวรรณ) ลงมือวัดตรวจสอบความยาว ๑๘๐ เซนติเมตร ความกว้าง ๗๕ เซนติเมตร ความลึก ๔๕ เซนติเมตร ลักษณะหินรอยพระบาทแล้วท่านพระครูพินิจสมรวัตร (คง ชาลีวรรณ) เจ้าคณะกิ่งอำเภอบำเหน็จณรงค์ ร่วมกับญาติโยมอำเภอจัตุรัสและกิ่งอำเภอบำเหน็จณรงค์ทำทางพอเป็นถนนให้ขึ้นลงได้ และยกที่นี่ขึ้นเป็นวัด เรียกวัดพระพุทธบาทเขายายเหม็น สงวนอาณาเขตกว้าง ๑๐๐ เส้น ยาว ๑๐๐ เส้น มีเนื้อที่ประมาณ ๑๐,๐๐๐ ไร่ พอทำถนนหนทางอาศัยขึ้นลงได้บ้างแล้ว ท่านพระครูพินิจสมณวัตร (คง ชาลีวรรณ) ร่วมกับญาติโยมจัดงานนมัสการรอยพระบาทขึ้น เป็นงานประจำปีตรงกับวันขึ้น ๑๑ ค่ำ ถึงวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา ของทุกปี

ข้อมูลโดย https://sites.google.com/site/kyaihom/

โดยคุณ คุณอั้ม (745)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 12:03 น.] #2908476 (33/42)
ผมไปวัดช้างให้ทุกเดือนครับพี่ๆใครต้องการอะไรฝากผมซื้อได้ครับราคาวัด+ค่าส่ง


โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 12:14 น.] #2908487 (34/42)
โดยคุณ คุณอั้ม (71) (113.53.62.*) [18 Jul 2013 12:03] #2908476 (33/33)
ผมไปวัดช้างให้ทุกเดือนครับพี่ๆใครต้องการอะไรฝากผมซื้อได้ครับราคาวัด+ค่าส่ง
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านคุณอั้ม
หนุ่มหาดใหญ่นําใจงาม สุดยอดครับ


โดยคุณ sakkapan (1.1K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 12:21 น.] #2908494 (35/42)
ยอดเยี่ยมครับ ได้เที่ยวชมหลายวัดเลย

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 12:32 น.] #2908512 (36/42)
โดยคุณ sakkapan (284) (183.89.9.*) [18 Jul 2013 12:21] #2908494 (35/35)
ยอดเยี่ยมครับ ได้เที่ยวชมหลายวัดเลย
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านคุณsakkapan
ขอบคุณที่เยี่ยมชมครับ


โดยคุณ ออสก้า99 (7.4K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 15:59 น.] #2908680 (37/42)
วัดพระพุทธบาทเขายายหอมครับ

นับถือศรัทธาในตัว หลวงพ่อทอง มีเมตตาเป็นกันเองมาก

ท่านสงบ นิ่ง ยามพูดคุยมีทั้งคติธรรมผสมอารมณ์ขันทำให้ผู้ที่สนทนาไม่เบื่อ

รวมทั้งเด็กๆที่นั่งฟังอยู่ด้วย(ธรรมาชาติของเด็กนั่งฟังไม่ได้นาน)


โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 16:06 น.] #2908686 (38/42)
โดยคุณ ออสก้า99

วัดพระพุทธบาทเขายายหอมครับ

นับถือศรัทธาในตัว หลวงพ่อทอง มีเมตตาเป็นกันเองมาก

ท่านสงบ นิ่ง ยามพูดคุยมีทั้งคติธรรมผสมอารมณ์ขันทำให้ผู้ที่สนทนาไม่เบื่อ

รวมทั้งเด็กๆที่นั่งฟังอยู่ด้วย(ธรรมาชาติของเด็กนั่งฟังไม่ได้นาน)
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านออสก้า99
บรรยายได้เห็นภาพชัดเจนมาก นึกภาพตามได้เลยครับ
ขอบคุณที่ร่วมแสดงความคิดเห็นครับ


โดยคุณ uthai08 (2.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 18:24 น.] #2908817 (39/42)
..วัดพระแ้ก้วฯ ครับผม..
..สวัสดีครับอาจารย์..

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 18:44 น.] #2908843 (40/42)


(N)
โดยคุณ uthai08
..วัดพระแก้วฯ ครับผม..
..สวัสดีครับอาจารย์..
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านพี่อุทัย

ประวัติของวัดพระแก้วครับ

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2325 เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง เช่นเดียวกับ วัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวงในสมัยอยุธยา และมีพระราชประสงค์ให้วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต ที่นำมาจากกรุงเวียงจันทร์ แต่แท้ที่จริงแล้ว พบเจอวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย และเป็นสถานที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ เพราะมีแต่ส่วนพุทธาวาสไม่มีส่วนสังฆาวาส
วัดพระศรีรัตนศาสดารามได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยตลอด การบูรณะครั้งใหญ่ทั้งพระอาราม มีขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มีการเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 100 ปี ใน พ.ศ. 2425 ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งพระอารามในโอกาสที่มีพระราชพิธีฉลองพระนครครบ 150 ปี ในรัชกาลปัจจุบันโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ทั้งพระอารามอีกครั้งใน พ.ศ. 2525 เมื่อมีการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นองค์ประธานในการบูรณะ
วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัดที่สำคัญและเป็นที่เชิดหน้าชูตาของบ้านเมือง ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ

โดยคุณ DEERAYONG (1K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 21:33 น.] #2909152 (41/42)
วัดพระแก้วเช่นกันครับ พระแก้วมรกต

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [พฤ. 18 ก.ค. 2556 - 21:41 น.] #2909171 (42/42)
โดยคุณ DEERAYONG
วัดพระแก้วเช่นกันครับ พระแก้วมรกต
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สวัสดีครับ ท่านDEERAYONG

วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัดที่สำคัญและเป็นที่เชิดหน้าชูตาของบ้านเมือง
ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ


!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1