ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : เหรียญ ป.มาลากุล



(N)
เหรียญป.มาลากุล เป็นเหรียญที่มีการพูดคุย กันว่าหลวงปู่มั่น อธิฐานจิต มีคนเอาไปแจก ข่าวมีว่า มีคนเอาไปแจกในพิธี ในงานมีสามพาน ตอนนั้นหลวงปู่มั้นนั่งเป็นประธาน ท่านได้แจกเหรียญนี้ หนึ่งพาน อีกสองพานเป็นพระสงค์องอืนแจก แต่เป็นพระสายหลวงปู่มั้น และมีการคิดว่าทานคงอธิฐานจิตก่อนแจกนะครับ ส่วนพิธีการสร้าง ผู้สร้าง ผู้ปลุกเสกไม่ทราบครับ ไครทราบช่วยที

โดยคุณ popan (342)(1)   [อ. 08 ต.ค. 2556 - 12:51 น.]



โดยคุณ popan (342)(1)   [อ. 08 ต.ค. 2556 - 12:52 น.] #3032259 (1/2)
หลวงปู่มั้นไม่สร้างพระเครืองนะครับ และไม่เคยอธิฐานปลุกเสกพระ

โดยคุณ kamsajja (171)  [พ. 09 ต.ค. 2556 - 07:47 น.] #3033381 (2/2)
ขออนุญาตนำข้อเขียนบางส่วนจากคุณอำพล เจน ครับ

บัดนี้จะได้กล่าวถึงพระเครื่อง หรือเหรียญที่พระอาจารย์มั่นได้ปลุกเสกหรืออธิษฐานจิตไว้ ราวๆเดือนมีนาคม ปี 2532 คุณอดุลย์ ว่องพิทูรมานะชัย เจ้าของและผู้จัดการร้านกรุงเทพกลการ จังหวัดนครพนม ได้ปรารภกับผมว่า

“คุณอำพลเคยเห็นเหรียญรูปเพระพุทธที่ด้านหลังมีคำว่า ที่ระลึกโรงเรียนแบบ ป.มาลากุล และบอกเลข พ.ศ. ไว้ด้วยว่าสร้างปี 2492 บ้างไหม

“ทำไมหรือครับ”

“เขาว่าหลวงปู่มั่นปลุกเสก”

“ล้อเล่นน่ะ”

“คุณพิพัฒน์เป็นคนบอกผมอย่างนี้ คุณพิพัฒน์เคยเอาไปให้หลวงปู่คำพันธ์ดู ท่านบอกว่าใช่ เพราะว่าเป็นพลังของหลวงปู่มั่น”

ตอนนั้นผมไม่เคยรู้ หรือเคยเห็นเหรียญที่ว่านี้มาก่อน จึงขอให้คุณอดุลย์สเก็ตช์ภาพให้ดูเป็นแนวทาง แต่ก็แทบไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เพราะว่าจากนั้นผมยังคงไม่มีโอกาสได้เห็นเหรียญลักษณะนี้ที่ไหนอีก

คุณพิพัฒน์ที่ได้เอ่ยชื่อนี้คือ คุณพิพัฒน์ ไกรกาญจน์ ซึ่งมารดาของเขาเคยอุปัฏฐากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และได้ถวายทิ่ดินสำหรับสร้างวัดอโศการามทุกวันนี้ ส่วนหลวงปู่คำพันธ์ก็คือ หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย จังหวัดนครพนม ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ศิษย์อาจารย์เดียวกันกับพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตมหาเถร

หลายเดือนต่อมา ผมได้มีโอกาสพบคุณพิพัฒน์ ออกจะเลือนๆไปแล้วว่า พบกันที่นครพนมหรือเปล่า เมื่อพบแล้วก็ได้สนทนากันถึงเรื่องเหรียญดังกล่าวนี้ และได้ความถนัดชัดเจนขึ้นว่า เดิมคุณพิพัฒน์ก็ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน แต่ได้ยินจากคุณหมอสุทิน สุขารักษ์ ซึ่งเคยอยู่นครพนม และเคยดูแลรักษาไข้ถวายเจ้าคุณปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม จนถึงกาลมรณภาพ ในปี 2516 คุณหมอสุทินบอกว่าทราบเรื่องนี้จากคนแก่คนหนึ่ง ซึ่งได้ยืนยันว่า ได้รับเหรียญนี้จากมือของพระอาจารย์มั่น ในคราวเปิดโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร

งานเปิดโรงเรียนคราวนั้น ได้มีผู้นิมนต์พระอาจารย์มั่นมาเป็นประธานพิธีสงฆ์ และได้ถวายเหรียญใส่พานให้ท่านแจกแก่ผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานจนทั่วถึงกัน

ลักษณะของเหรียญนี้ เมื่อเห็นภาพแล้วจะเข้าใจชัดเจนกว่าอธิบายด้วยตัวหนังสือ เท่าที่เคยเห็นในภายหลังพบว่ามีเนื้อเงิน และทองแดง เนื้ออื่นยังไม่ปรากฏ และที่ด้านหลังเรียบๆ ไม่มีตัวหนังสือ “ที่ระลึกในงานฉลอง ร.ร. แบบ ป.มาลากุล สกลนคร” ก็มีให้เห็นเหมือนกัน

ผมได้ฟังคำบอกเล่าเรื่องเหรียญนี้จากคุณพิพัฒน์แล้วยังไม่ปลงใจเชื่อได้สนิทนัก คุณพิพัฒน์ก็คงเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผม จึงได้เล่าต่อไปว่า เมื่อทราบรายละเอียดและลักษณะเหรียญแล้วก็ได้ลงมือค้นหาจนกระทั่งพบเข้า เหรียญหนึ่ง พบแล้วก็หาได้มั่นอกมั่นใจอะไร จึงตัดสินใจนำเหรียญที่ได้มาไปขอความเมตตาจากหลวงปู่คำพันธ์ดูให้ ซึ่งหลวงปู่คำพันธ์รับไปถือไว้ในมือแล้วบอกว่า

“นี่เป็นพลังของหลวงปู่มั่น”

ความเชื่อถือก็มีอันแน่นแฟ้นหัวใจยิ่งขึ้น

ต่อมาคุณพิพัฒน์ก็พบเหรียญรุ่นเดียวกันนี้อีกเหรียญหนึ่ง ได้เอาเหรียญที่ได้มาใหม่ไปขอให้หลวงปู่คำพันธ์ดูให้อีก แต่คราวนี้ท่านบอกว่า

“อันนี้ไม่ใช่พลังหลวงปู่มั่น”

คุณพิพัฒน์ก็งง

แต่ก็ไม่ว่าอะไร คงนำเหรียญนั้นกลับบ้านไป และทำการบันทึกไว้ว่า เหรียญนี้มีพลังหลวงปู่มั่น เหรียญนี้ไม่มี

ปีต่อมาได้นำเหรียญทั้งสองกลับขึ้นมาหาหลวงปู่คำพันธ์อีก

ไม่รู้ว่ามาลองของหรือเปล่า

หลวงปู่รับเหรียญไปถือไว้ในมือ แล้วบอกว่า เหรียญนี้มีพลังหลวงปู่มั่น เหรียญนั้นไม่มีท่านบอกตรงกับที่เคยบอกเมื่อปีที่แล้วไม่มีผิด

จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

ทางเดียวที่คิดออกคือ เหรียญรุ่นนี้ได้ถูกสร้างขึ้น และทำพิธีปลุกเสกโดยครูบาอาจารย์อื่นมาแล้ว เมื่อมาแจกในงานเปิดโรงเรียนได้นำขึ้นถวายพระอาจารย์มั่นแจกพานหนึ่ง ซึ่งเป็นไปได้มากว่าพระอาจารย์มั่นคงอธิษฐานจิตให้ในทันทีนั้น

เหรียญที่มีพลังของพระอาจารย์มั่นจึงเป็นเฉพาะเหรียญที่ที่อยู่ในพานที่ท่านรับมาแจกให้ผู้มาร่วมงาน

ดังนั้นจึงบอกได้ว่า ถึงใครมีเหรียญรุ่นนี้อยู่กับตัวแล้ว บางทีจะเป็นเหรียญที่มาจากพานใบนั้นก็ได้

ขณะที่เขียนเรื่องนี้อยู่ ผมยังไม่ทราบประวัติการสร้างเหรียญรุ่นนี้ คงยกให้ผู้รู้หรือผู้สามารถสืบค้นได้ลงมือหาประวัติการสร้างต่อไป แต่เท่าที่ผ่านหูผ่านตามาบ้าง หลายๆคนเชื่อว่า เป็นหลวงปู่ฝั้นปลุกเสกไว้ ครั้นถามว่าทำไมจึงเชื่อว่าหลวงปู่ฟั่นปลุกเสก ก็ได้คำตอบว่า เพราะเหรียญนี้ออกที่สกลนคร เมืองสกลฯมีแต่หลวงปู่ฟั่นเท่านั้น ฟังแล้วก็ทำใจยากเต็มที

ถ้าหากว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามความรู้ที่ได้มานี้ เหรียญรุ่นที่ระลึกในงานฉลอง ร.ร.แบบ ป.มาลากุล ก็ฉิวเฉียด จะเป็นเหรียญของพระอาจารย์มั่นเต็มที

ทีนี้มาวิจารณ์กันในข้อเท็จจริงตามหลักฐานที่ปรากฏเหรียญรุ่นนี้ออกจะล่อ แหลมต่อการไม่ใช่ของพระอาจารย์มั่นไม่น้อย เพราะว่าในเหรียญ ระบุว่าเป็น พ.ศ.2492 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่พระอาจารย์มั่นมรณภาพ คือ วันที่ 11 พ.ย. 2492 ซึ่งในปลายชีวิตพระอาจารย์มั่นนั้นท่านอาพาธตลอด แต่ความเป็นไปได้ก็มีอยู่มาก เพราะถ้าหากว่าได้มีการแจกเหรียญรุ่นนี้ในตอนต้นปี ซึ่งนับว่าเป็นเวลาอีกหลายเดือนกว่า พระอาจารย์มั่นจะมรณภาพไป ท่านก็น่าจะรับนิมนต์มาร่วมงานฉลองโรงเรียนได้ เพราะว่าขณะนั้นท่านพำนักอยู่บ้านหนองผือ อ.พรรณานิคม (2488-2492)

ผมมีเรื่องเกี่ยวกับเหรียญรุ่นนี้ที่ได้เกิดขึ้นกับตนเองอยู่เหมือนกัน ทีแรกไม่คิดจะเล่า แต่เมื่อเลยเถิดมาจนถึงขนาดนี้ก็จะเล่าไว้เพื่อให้อยู่ในที่เดียวกัน ไม่ต้องกระจัดกระจายไปที่อื่น

ฟังเล่นๆไป ไม่ต้องคิดมากราวต้นปี 2534 ผมไปเยี่ยมคุณสันต์ เจ้าของร้านอุบลนิยมศิลป์ ในเมืองอุบลฯ คุณสันต์ได้เอาเหรียญรุ่นนี้มาให้ผมดู โดยถามว่ารู้จักไหม เขาเช่ามาจากสนามพระเครื่องหน้ากองบินอุบลฯ ในราคา 30 บาท เพราะเห็นว่าเป็นเหรียญเก่า สร้างแต่ พ.ศ.2492 ขณะนั้นผมยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องเหรียญนี้ชัดเจน จึงไม่ได้บอกคุณสันต์ว่ารู้จักหรือไม่รู้อย่างไร คุณสันต์ก็ดีใจยกเหรียญนั้นให้ผม

เมื่อได้เหรียญนั้นมาแล้วผมก็หาได้มีความแน่ใจอะไร คงมีแต่ความรู้สึกเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง คลุมเครือว่าใช่ไม่ใช่ทำนองนั้น ตกกลางคืนก่อนเข้านอนจึงได้ลองอธิษฐานกับพระอาจารย์มั่นว่า ถ้าหากเหรียญนี้เป็นของพระอาจารย์มั่นอธิษฐานจิตปลุกเสกไว้ ขอให้ผมมีนิมิตดีๆ จะเป็นขณะทำสมาธิก็ได้ และถ้าฝันก็ขอให้ตื่นเช้าแล้วจำได้ด้วย

เพราะว่าผมมักจำความฝันของตัวเองไม่ได้ ทุกเช้าที่เคยตื่นจะนึกถึงฝันของตนเองไม่ออก เป็นอย่างนี้มาหลายปีปรากฏว่ารุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นอย่างแจ่มใส จำความฝันได้ละเอียดทุกขั้นตอน

ขอเชิญอ่านต่อ......

ผมฝันว่าคุณสันต์ได้ให้พระธาตุของพระอาจารย์มั่นแก่ผม เป็นพระธาตุที่สวยงามมาก มีแสงสว่างส่องกระจายอยู่ในตัว เหมือนแสงนีออนแต่สว่างงดงามกว่า ในฝันนั้นผมตื่นเต้นเหลือจะพรรณนา และพอตื่นขึ้นตอนเช้ายิ่งตื่นเต้นใหญ่

ผมเล่าเรื่องฝันนี้ให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็บอกว่าอย่างนี้ให้อธิษฐานอีก โดยอธิษฐานขอพระธาตุหลวงปู่มั่นเลย

“บ้าน่า” ผมว่า

“ไม่บ้าสิ พระธาตุท่านเสด็จได้ ลงฝันอย่างนี้ขอให้ท่านเสด็จ เป็นเสด็จแน่”

เพื่อนยุส่ง

“หนังอินเดียน่า” ผมชักคลอนแคลนเหมือนกัน

คืนนั้นผมเอาเหรียญที่ได้มาใส่พาน และ อธิษฐานบอกพระอาจารย์มั่น

“หลวงปู่ครับ ขอพระธาตุเสด็จมาดูหน่อยครับ เกิดมาผมไม่เคยเห็น เคยแต่ได้ยินว่าพระธาตุเสด็จที่โน่นที่นี่ ไม่เคยเห็นกับตาตัวเองสักที ถ้าไม่เหลือวิสัยแล้วขอพระธาตุหลวงปู่เสด็จมาด้วยให้เห็นเป็นขวัญตาสักที”

ตื่นเช้าผมกระเย้อขึ้นไปดูที่พาน

ไม่มีอะไรเลย ไม่มีพระธาตุหรือสิ่งแปลกปลอมอื่นใดนอกเหนือไปจากเหรียญนั้นวางอยู่ หนังอินเดียจริงๆ

ต่อมาราวสัก 2 สัปดาห์เห็นจะได้ ผมไปคุยกับคุณกมล สินธุเชาวน์ ผู้เป็นหัวแรงในการสร้างเหรียญหลวงพ่อชา รุ่นแรก (ที่ระลึกงานฌาปนกิจศพโยมแม่ชีพิมพ์ ช่วงโชติ) คุณกมลใจดีมอบเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อชาให้ผมคู่หนึ่ง เป็นเหรียญเงินและทองแดงอย่างละเหรียญผมไม่รู้จะตอบแทนคุณกมลอย่างไร จะหาพระเครื่องของครูบาอาจารย์อื่นมาให้ ก็คิดว่าคุณกมลคงไม่สนใจ เพราะว่าเคารพเลื่อมใสหลวงพ่อชาอยู่องค์เดียว ก็เลยคิดได้ถึงสิ่งของที่จะให้สิ่งหนึ่ง “เฮียจะเชื่อผมหรือไม่ก็ตาม แต่ผมอยากจะให้ ผมมีเกศาของสมเด็จพระญาณสังวรและพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถร พร้อมกับเส้นพระเจ้าของพระเจ้าอยู่หัว รวมอยู่ด้วยกันแยกไม่ได้ว่าอะไรเป็นขององค์ หรือพระองค์ใด ถ้าเฮียเชื่อถือผม ผมก็จะแบ่งให้”

“เราเชื่อ” คุณกมลบอก

ผมกลับมาที่หิ้งพระในบ้าน ยกพระพุทธรูป ภปร. ปี 2508 องค์ใหญ่ที่ครอบเกศาครูบาอาจารย์ต่างๆ ไว้โดยไม่เคยเปิดหลายปี เพื่อค้นหาเกศาพระเกศาและเส้นพระเจ้านั้น

เมื่อพบแล้วผมก็ตะลึง มีบุษราคัมเม็ดเล็ก ๆ อยู่ในขวดบรรจุเส้นเกศาพระอาจารย์มั่น, สมเด็จพระญาณสังวร และ เส้นพระเจ้าของพระเจ้าอยู่หัว เหลืองใสงดงามมาก ขนาดของเม็ดบุษราคัมนั้นโตประมาณเมล็ดงาหรือเล็กกว่านิดหน่อย มีเส้นเกศาแทงออกจากเม็ดบุษราคัมสองสามเส้น มีอยู่เส้นหนึ่งกำลังเปื่อยผุ

ผมยกขึ้นท่วมหัว

คิดออกอย่างเดียวในขณะนั้นว่า ผมอธิษฐานขอพระธาตุท่านที่นั่นแต่มาเกิดขึ้นที่นี่เองจริง ๆ แล้วจะบอกว่าเป็นการเปลี่ยนสภาพเป็นพระธาตุของเส้นเกศาพระอาจารย์มั่นก็บอก ได้ไม่ถนัดปาก เพราะว่าในนั้นไม่ได้มีของท่านองค์เดียว พระธาตุที่เกิดอาจเป็นของใครก็ได้ เพราะว่ามีอยู่ 3 องค์ แต่ฉันทาคติก็ลำเอียงไปเองว่าต้องเป็นของพระอาจารย์มั่น เพราะว่าท่านมรณภาพไปแล้ว

หลังจากนั้นผมได้มีโอกาสไปกราบหลวงปู่คำพันธ์ ที่วัดธาตุมหาชัย ได้นำเหรียญดังกล่าวขึ้นไปหาท่านด้วย ผมให้ท่านดูให้ แต่ท่านไม่ยอมดู และบอกว่า

“หลวงปู่ไม่ดู”

ผมลืมไปว่าตอนนั้นมีคนอยู่กันมาก ที่จริงควรรอจังหวะอยู่ตามลำพังจะเหมาะกว่า แต่ผมก็ตื้อท่าน และท่านรับไปถือในมือแล้วตอบยวนๆ ว่า

“ถ้าใช่ก็ใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่”หมายความว่าแล้วแต่ความเห็นของผมเอง ถ้าผมเห็นว่าใช่ก็ใช่ ถ้าผมเห็นว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่

ผมก็ซึมไป

ครู่ต่อมา อาจารย์อนันต์ สวัสดิสวนีย์ ขอนิมนต์ท่านออกมาข้างนอกกุฏิเพื่อถ่ายรูปสำหรับเป็นแบบปั้นรูปเหมือนของท่าน ผมเป็นตากล้องเสียด้วย พอถ่ายเสร็จทุกแง่มุมตามที่อาจารย์อนันต์ต้องการแล้ว ผมได้โอกาสเสียบเข้าไปข้างๆ ตัวท่านกราบเรียนถามอีกครั้ง

“ตกลงเหรียญนั้นใช่ปู่มั่นไหมครับปู่”

ท่านลุกขึ้น เฉียงหน้ามามองผมนิดเดียวและบอกว่า

“ใช่”

แล้วเดินหายลับเข้ากุฏิไป ไม่ร่ำไรผมอีกเลย

เรื่องเหรียญของพระอาจารย์มั่นเห็นจะยุติลงได้ ผมหวังให้เรื่องที่คุยกันมาทั้งหมดนี้พอเป็นแนวทางสำหรับท่านผู้รู้หรือผู้ เชี่ยวชาญทางวัตถุมงคล ได้สืบค้นต่อไป ไม่หวังให้ถูกนำไปใช้เป็นข้ออ้างอิง เนื่องจากว่าหลักฐานประการใดๆ ที่ปรากฏอยู่ในบทความนี้ยังอ่อนเต็มที หวังให้ท่านผู้รู้ทั้งหลายได้ค้นคว้าและเปิดเผยกันต่อต่อไปภายหน้า ซึ่งประโยชน์ย่อมจะเกิดมีแก่ผู้สนใจทั่วไปไม่น้อย

ผู้รู้ควรแสดงตัวออกมา ผู้เป็นนักสืบค้นขอให้ลงมือทันที

ในส่วนของผมทำได้แค่นี้แหละครับ

ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ราวพ.ศ.2535

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1