ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : บททดลองเสนอ : ว่าด้วย ทฤษฏีเกม กับ การประมูลพระเครื่อง

(N)
คำเตือน : สำหรับพี่ ๆ ที่ไม่ชอบการอ่านบทความกึ่งวิชาการ ที่มีการวิเคราะห์เชิงตรรกะปวดหัว ๆ แต่ได้ข้อสรุปออกมาพื้น ๆ แบบ common sense ที่เป็นที่รู้ ๆ กันอยู่แล้ว ... กรุณาข้ามกระทู้นี้ไป ...
... ผมเตือนพี่ แล้วนะครับ @^.^@

ทฤษฏีเกม

พี่ ๆ บางท่าน อาจจะไม่คุ้นหูกับคำว่า “ทฤษฏีเกม” แน่นอนว่า ทฤษฏีเกมนี้ไม่ใช่คู่มือสำหรับการเล่นเกมบน
คอมพิวเตอร์ หรือบนมือถือสำหรับเด็กวัยรุ่นสมัยนี้แน่นอน หากเปิดหาในวิกิพีเดีย จะให้ความหมายไว้ดังนี้

“ทฤษฎีเกม (game theory) เป็นการจำลองสถานการณ์ทางกลยุทธ์ หรือเกมคณิตศาสตร์ ซึ่งความสำเร็จใน
การตัดสินใจของแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับทางเลือกของบุคคลอื่น แต่ละฝ่ายต่างก็พยายามแสวงหาผลตอบแทนให้
ได้มากที่สุด.... การประยุกต์ใช้ทฤษฎีเกมแต่เดิมนั้นจะจำกัดความและศึกษาถึงสมดุลในเกมเหล่านี้ ในสภาพ
สมดุลทางเศรษฐศาสตร์ ผู้เล่นเกมแต่ละคนจะปรับใช้กลยุทธ์ที่ไม่สามารถเพิ่มผลตอบแทนของผู้เล่นนั้นได้ โดย
ให้กลยุทธ์ของผู้เล่นอื่นด้วย แนวคิดสมดุลจำนวนมากถูกพัฒนาขึ้น (ที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ จุดสมดุลของแนช)
เพื่ออธิบายถึงลักษณะของสมดุลทางกลยุทธ์......”

ซึ่งจุดสมดุลของแนช ที่กล่าวข้างต้น ให้ชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ จอห์น แนช (คอหนังอาจคุ้นกับชื่อนี้จาก
ภาพยนตร์ เรื่อง Beautiful Mind ซึ่งนำชีวิตของอัจฉริยะผู้นี้ไปสร้าง) ซึ่งเป็นผู้อธิบายได้ว่าเหตุใดคนสองคนจึง
อาจไม่ร่วมมือกัน แม้ว่าทั้งสองจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดในการร่วมมือ โดยตัวอย่างที่มักใช้อ้างอิงกัน
ในการเรียนการสอนวิชานี้ จะเรียกว่า "ความลำบากใจของนักโทษ (prisoner's dilemma)”

โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 15:08 น.]



โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 15:14 น.] #3054595 (1/45)
ความลำบากใจของนักโทษแบบคลาสสิกเป็นกรณีสมมติว่า
“ผู้ต้องสงสัยสองคนถูกตำรวจจับกุม ตำรวจมีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่ามีความผิด ตำรวจแยกผู้ต้อง
สงสัยทั้งคู่ออกจากกัน และเสนอข้อเสนอแก่ผู้ต้องสงสัยทั้งคู่ ... หากคนหนึ่งให้การเป็นพยานต่ออีกคนหนึ่ง
(สารภาพ) และอีกคนหนึ่งยังคงไม่ให้การ ผู้สารภาพจะถูกปล่อยตัวไปโดยกันไว้เป็นพยานแต่ผู้สมคบคิดที่ไม่ให้การจะได้รับโทษจำคุกเต็มหนึ่งปี หากทั้งคู่ไม่ให้การ นักโทษทั้งสองจะถูกตัดสินจำคุกเพียงหนึ่งเดือนด้วย
ข้อหาเล็กน้อย หากทั้งสองให้การ แต่ละคนจะได้รับโทษสามเดือน ....นักโทษควรจะทำอย่างไร?.....”
ถ้ามองจากมุมภายนอก สถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับนักโทษทั้งคู่ คือ ต่างฝ่ายต่างร่วมมือกันปฏิเสธข้อกล่าวหา
ทำให้ทั้งคู่จะติดคุกเพียงคนละเดือนเดียว แต่สถานการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นจริง คือ ทั้งคู่ต่างจะสารภาพ??

โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 15:14 น.] #3054597 (2/45)


(N)
ลองจินตนาการดูว่าเราเป็นนักโทษ ก ถ้าเราเลือกปฏิเสธ และเพื่อน (นักโทษ ข) ปฏิเสธด้วย เราก็อาจจะได้ประโยชน์ที่สุด คือ ติดคุกเพียงคนละเดือนเดียว แต่.. ถ้าเพื่อนเราปฏิเสธขึ้นมาล่ะ เพื่อนมันจะถูกปล่อยตัว แต่เราโดนขังนาน 1 ปี!!! งั้นถ้าเราเลือกสารภาพล่ะ ถ้าเพื่อนปฏิเสธ เราจะได้ประโยชน์อย่างมาก เพราะเราจะถูกปล่อยตัวกันไว้เป็นพยาน แต่ถ้าเพื่อนสารภาพด้วย เราทั้งคู่ก็จะได้รับโทษเพียง 3 เดือน แทนที่จะเป็น 1 ปี
ดังนั้น ถ้ามองจากมุมนี้ ไม่ว่าเพื่อน (นักโทษ ข) จะเลือกอะไร หากเราต้องการให้ตนเองได้รับผลประโยชน์มากที่สุด โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของอีกคนหนึ่ง เราก็จะเลือกวิธีการสารภาพ

ดังนั้นจุดสมดุลของกลยุทธ์แบบนี้ คือ ต่างฝ่ายต่างจะเลือกสารภาพ!!! ทำให้ทั้งคู่ไม่ได้รับผลประโยชน์ที่ดีที่สุด

โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 15:14 น.] #3054599 (3/45)


(N)
ความลำบากใจของผู้ตั้งประมูล

เฉกเช่นเดียวกัน ถ้าเปลี่ยนสถานการณ์จากนักโทษ 2 คน มาเป็น ผู้ตั้งประมูล 2 คนแทน
ถ้าผู้ตั้งประมูลทั้งคู่ตั้งราคาไว้เพื่อทำกำไร ทั้งคู่อาจจะได้กำไรเท่ากัน คนละ 20%
แต่ถ้ากรณีผู้ตั้งประมูลคนหนึ่งตั้งแบบทำกำไร แต่ผู้ตั้งประมูลอีกคนตั้งแบบวัดใจขึ้นมา
ผลคือผู้ตั้งประมูล แบบทำกำไรจะขายไม่ออก เงินจม และมีค่าเสียโอกาสในการไปลงทุนอย่างอื่น
แต่ถ้าผู้ตั้งประมูลทั้งคู่ตั้งราคาแบบวัดใจ ผลก็คือราคาที่ได้อาจไปหยุดแค่ราคาจองบวกค่าส่ง ซึ่งทำให้ทั้งคู่
ได้รับกำไรเพียงคนละ 1%

ถ้าผู้ตั้งประมูลทั้งสองฝ่ายต่างไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ตั้งประมูลอื่น แต่ต้องการให้ได้ตัวเองได้รับผลประโยชน์มากที่สุด เขาจะเลือกแบบไหนครับ?? ใช่ครับ.. เหมือนกรณีนักโทษเป๊ะเลย
คือต่างฝ่ายต่างจะเลือกวิธีการตั้งประมูลแบบวัดใจ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดอาการขายไม่ออก เงินจม
มีต้นทุนเสียโอกาส ดังนั้น ทั้งคู่ไม่ได้รับผลประโยชน์ที่ดีที่สุด

โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 15:15 น.] #3054600 (4/45)


(N)
เกมสำหรับผู้เคาะประมูล

หลังจากที่ดูฝั่งผู้ตั้งประมูลแล้ว เราลองมาดูสถานการณ์ของผู้เคาะประมูลกันบ้าง..
ในการวางกลยุทธ์ของผู้เคาะประมูลจะเป็นการพิจารณาระหว่างราคาที่ลงประมูลเปรียบเทียบกับราคาที่ผู้เคาะ
ประมูลคาดเอาไว้ในใจ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า ถ้าทั้งผู้เคาะประมูล ก และผู้เคาะประมูล ข ต่างเห็นว่าราคาที่ลง
ประมูลต่ำกว่าราคาที่คาดไว้ ทั้งคู่มีแนวโน้มที่จะเคาะเพิ่ม ทำให้ราคาที่ปิดสูงกว่าราคาที่ตั้ง ในขณะที่ถ้ามี
ผู้ประมูลเพียงคนเดียวคาดว่าราคาต่ำกว่าที่คาด ราคาที่ปิดจะได้เพียงเท่ากับที่ตั้งประมูล แต่ถ้าผู้เคาะประมูล
ทั้งคู่ต่างเห็นว่าราคาที่ตั้งประมูลสูงกว่าราคาที่คาด การเคาะประมูลก็จะไม่เกิด

ดังนั้น “ราคาที่คาด” จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเคาะประมูลหรือไม่
ทีนี้อะไรล่ะที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดราคาที่คาด? ปัจจัยที่สำคัญ 2 ประการ คือ 1) ราคาที่คาดหวังในอนาคต
และ 2) ราคาที่ผ่านมาในอดีต

ซึ่งราคาที่คาดหวังในอนาคต คือ กระแสความนิยมที่แต่ละคนคาดการณ์นั่นเอง ซึ่งอาจเกิดจากการมีจำนวน
ลูกศิษย์ลูกหาที่ตามเก็บสะสมมากพอ การมีประสบการณ์ตรง ความหายาก และความแพร่หลายที่เกิดขึ้น ฯลฯ
ในขณะที่ราคาที่ผ่านมาในอดีต ก็คือ ราคาล่าสุด ที่มีการปิดประมูลพระเครื่ององค์นั้น หรือเนื้อนั้นไป

โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 15:15 น.] #3054601 (5/45)
การวัดใจกับการเคาะประมูล

ดังนั้นเมื่อนำสถานการณ์ของผู้ตั้งประมูล มาสัมพันธ์กับสถานการณ์ของผู้เคาะประมูล จะเห็นว่าหาก
พระเครื่องชุดใดที่ไม่มีกระแสของราคาที่คาดหวังในอนาคตมารองรับอย่างชัดเจน “ราคาที่คาด”
ของผู้เคาะประมูล ก็คือ ราคาที่ผ่านมาในอดีต นั่นเอง

ดังนั้นการลงประมูลในครั้งแรก ๆ ที่ยังไม่มีการลงวัดใจเกิดขึ้น ราคาปิดมักจะเป็นราคาที่สูงกว่าราคาจอง
(ราคาที่ทำกำไร) แต่หากมีการลงวัดใจเกิดขึ้นแล้ว ราคามีแนวโน้มที่จะลดลงเรื่อย ๆ เพราะผู้ตั้งประมูล
แต่ละคนมีแนวโน้มที่จะลงวัดใจ หรือลงราคาที่ต่ำลงเรื่อย ๆ ซึ่งส่งผลต่อ “ราคาที่คาด” ของผู้เคาะประมูล
ที่คาดว่าจะลดลงเรื่อย ๆ ดังนั้นผลลัพธ์ คือ ผู้เคาะประมูลต่างฝ่ายต่าง “ไม่เคาะประมูล”

โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 15:16 น.] #3054603 (6/45)
สรุปและข้อเสนอแนะ

จะเห็นว่า การลงประมูลแบบวัดใจ หรือเทขาย เป็นกระบวนการหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดความซบเซาในการ
ประมูลพระเครื่อง เพราะทั้งทำให้เกิดสงครามราคาจนทำให้ราคามีแนวโน้มต่ำลง และทั้งทำให้ผู้เช่าพระ
ลังเลที่จะเคาะประมูลพระเครื่อง โดยเฉพาะถ้าการลงประมูลแบบวัดใจ หรือเทขาย มีอย่างยาวนานเพียงพอ
และไม่มีกระแสราคาในอนาคตใด ๆ มากระตุ้นให้เกิดราคาคาดหวังที่สูงขึ้น

พระเครื่องหลายรุ่น มีคนสนใจมาก มีคนเข้าชมรายการที่ลงประมูลจำนวนมาก แต่ไม่มีการเคาะประมูลเกิดขึ้น
เพราะเรารอให้ผู้ลงประมูลลงวัดใจครั้งใหม่อยู่ใช่หรือไม่ ???

ดังนั้น เราจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้อย่างไร

ถ้าเราไม่สามารถห้ามไม่ให้คนอื่นลงประมูลแบบวัดใจได้ รวมทั้งไม่สามารถไปสร้างกระแสความนิยม
ในอนาคตได้ ... สิ่งเดียวที่พอจะทำได้ คือ ทำใจ ... ทำใจรับว่า พระเครื่องที่ไม่มีการประมูลไม่ใช่พระเครื่อง
ที่ไม่ดี หรือผู้สร้างไม่ดี ... แต่เพราะพวกเรากันเองนี่แหล่ะ ที่ปล่อยให้เกิดสถานการณ์นี้เกิดขึ้น ... วัดใจ

สิ่งต่อไปที่พอทำได้ คือ ร่วมด้วยช่วยกัน สร้างราคาที่คาด ให้สูงขึ้นในอนาคต จะด้วยการร่วมประชาสัมพันธ์
การสร้างกระแส การยกฐานรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ฯลฯ แล้วแต่บทบาทใครช่วยได้แค่ไหน
และอย่าลืมว่าวงการใด ๆ จะอยู่ต่อไปได้ยืนยาวแค่ไหน ... ก็ด้วยคนในวงการนั้น ๆ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
มากน้อยเพียงใด หรือจะเห็นเพียงแค่ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น .. ถ้าอย่างนั้น ก็ตัวใครตัวมันล่ะครับ...

ด้วยความปรารถนาดี...

โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 15:21 น.] #3054608 (7/45)
มาดูอีกที .. ยาวแฮะ .. พี่ ๆ ท่านใด อ่านได้จบ .. ขอนับถือจากใจจริงครับ


โดยคุณ phichet (13.8K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 15:30 น.] #3054620 (8/45)
เป็นบทความที่ดีมากเลยครับ สะท้อนมุมมองได้ชัดเจน

โดยคุณ นายพิษณุ (158)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 16:01 น.] #3054651 (9/45)

โดยคุณ sakda2 (928)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 16:06 น.] #3054659 (10/45)

โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 16:11 น.] #3054662 (11/45)
ขอบพระคุณพี่ phichet นายพิษณุ และพี่ sakda2 ที่แวะเวียนมาเยี่ยมชมครับ


โดยคุณ JCainfo (6K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 16:21 น.] #3054671 (12/45)
ยอดเยี่มมากครับพี่จักร

โดยคุณ lek_devils (642)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 16:23 น.] #3054674 (13/45)
ผู้ตั้งประมูลบางท่านจะตอบว่า
- การที่วัดใจไม่ได้ทำให้เค้าเสียประโยชน์เพราะราคาสามารถไปได้จนถึงจุดกำไรเช่นเดียวกับการตั้งราคาสูงๆ
- การเสียหน้าพระ ไม่เป็นไร เค้าไม่ได้สร้างและไม่ได้อุ้มไว้เยอะ
- ผู้ตั้งประมูลขอตัวช่วย

ขำๆนะครับ อย่าไปคิดว่ามีจริง แค่ขำๆ

โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 16:29 น.] #3054677 (14/45)
สวัสดีครับพี่เจ ^.^

สวัสดีครับท่านเล็ก ...

- การที่วัดใจไม่ได้ทำให้เค้าเสียประโยชน์เพราะราคาสามารถไปได้จนถึงจุดกำไรเช่นเดียวกับการตั้งราคาสูงๆ

>> ผมเห็นด้วยนะครับ ...ถ้า... ลงวัดใจคนเดียว.. ครั้งเดียว...
ราคาก็มักเคาะไปสู่ "ราคาที่คาดเฉลี่ย" ของผู้เข้าร่วมประมูล

แต่อย่างที่สถานการณ์ของเกม ... คน ๆ เดียว ไม่ได้เป็นผู้สรุปดุลยภาพ
แต่กลยุทธ์ของคน ๆ หนึ่ง ย่อมส่งผลต่อคนอื่น ๆ ดังนั้น ถ้ามีคนที่ 1 วัดใจ
ย่อมส่งผลต่อการตั้งราคาของคนที่ 2 3 4 .... ต่อ ๆ ไป
ซึ่ง ณ ดุลยภาพ มีแนวโน้มที่ราคาจะลดลง และส่งผลต่อประโยชน์ที่ทุกคนจะได้แน่ครับ

วิเคราะห์ขำ ๆ เหมียลกันครับ .. อย่าไปคิดว่าผมไปว่าใครนะ ... จริงจิ๊ง...


โดยคุณ ekamulet99 (379)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 16:34 น.] #3054679 (15/45)
ขอบพระคุณครับ


โดยคุณ lek_devils (642)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 16:42 น.] #3054681 (16/45)
โดยคุณ jackrapant (88) [กสิกรไทย : 023-2-47204-9] [สมาชิกที่ผ่านการรับรองบุคคลแล้ว] [ดู

แต่อย่างที่สถานการณ์ของเกม ... คน ๆ เดียว ไม่ได้เป็นผู้สรุปดุลยภาพ
แต่กลยุทธ์ของคน ๆ หนึ่ง ย่อมส่งผลต่อคนอื่น ๆ ดังนั้น ถ้ามีคนที่ 1 วัดใจ
ย่อมส่งผลต่อการตั้งราคาของคนที่ 2 3 4 .... ต่อ ๆ ไป
ซึ่ง ณ ดุลยภาพ มีแนวโน้มที่ราคาจะลดลง และส่งผลต่อประโยชน์ที่ทุกคนจะได้แน่ครับ

วิเคราะห์ขำ ๆ เหมียลกันครับ .. อย่าไปคิดว่าผมไปว่าใครนะ ... จริงจิ๊ง...
--------------------------------------------------------------------------------
ส่งผลต่อประโยชน์ที่ทุกคนจะได้ = ไม่ได้นึกถึงครับเพราะนึกตัวเองก่อน

อย่าไปคิดว่าผมไปว่าใครนะ = แน่นอนครับ จะว่ากันไปทำไม แค่ขำๆ




โดยคุณ โยทิน (1.5K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 17:31 น.] #3054711 (17/45)

โดยคุณ ข้าวไทย (2.2K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 18:04 น.] #3054730 (18/45)
ไม่คิดเลยครับว่าพี่จักก็มีสาระดีๆแบบนี้บ้างมังคะ

โดยคุณ อนุรักษ์ (5.7K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 18:07 น.] #3054731 (19/45)


(N)

โดยคุณ JOMPOL10 (3.9K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 18:43 น.] #3054762 (20/45)
คนสร้างพระใหม่แข่งกันสร้างพระใหม่ออกมาจำนวนมาก จึงใช้กลยุทธ์ด้านราคา เช่น พระแต่ละองค์จะมีราคาถูกลงแต่ต้องจองจำนวนมาก(พระชุด) เมื่อผู้สร้างกำไรน้อยลง จึงสร้างพระในแต่ละรุ่นให้มีจำนวนมากขึ้นเพื่อชดเชยกำไรที่ลดน้อยลง

หากเมื่อผู้สร้างพระใหม่ทุกคนใช้กลยุทธ์ด้านราคาแบบนี้จะทำให้มีพระใหม่ถูกสร้างออกมาจำนวนมากเกินกว่าความต้องการ จึงทำให้พระใหม่(บางรุ่น)มีราคาลดลงอย่างรวดเร็ว บางรุ่นลดลงต่ำกว่าราคาจองเสียอีก

.....วิธีการแก้ไข คือ ไม่มีวิธีการแก้ไข.....เพราะไม่สามารถไปควบคุมหรือลดปริมาณผู้สร้างพระใหม่ได้ รวมไปถึงไม่สามารถให้ผู้สร้างพระใหม่ลดปริมาณพระใหม่ที่สร้างแต่ละรุ่นได้

......ผมมองปัญหานี้ว่าเกิดจากผู้สร้างที่มีปริมาณมากและสร้างพระออกมาปริมาณมากเกินความต้องการ จึงทำให้เราทุกคนต้องเทพระขายเพื่อหวังผลกำไรนิดหน่อย(ดีกว่าติดมือ) หรือ รีบเทพระขายพระกลัวขาดทุน

......ต้นเหตุของปัญหาด้านราคาเกิดจากมีผู้สร้างพระปริมาณมากแข่งกันสร้างพระออกมามากๆ.....ผู้ขายไม่ใช่ต้นเหตุของราคา ครับ

โดยคุณ เจ๋งจริง (10.2K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 18:47 น.] #3054775 (21/45)
"ทฤษฏีเกม"....ใช้ไม่ได้กับ"ความโลภ"ครับ


โดยคุณ ขวัญแก้ว (566)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 19:41 น.] #3054857 (22/45)


(N)
สุดยอดมากมาก ท่านพี่จักร

โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 19:53 น.] #3054896 (23/45)
สวัสดีครับ พี่ ekamulet99 พี่โยทิน พี่อนุรักษ์ พี่ข้าวไทย พี่จอมพล พี่เจ๋งจริง ขอบพระคุณที่แวะมาทักท่ยครับ

พี่ข้าวฯ - เอ่อ อันนี้ชมใช่ป่ะครับ ^.^"

พี่เจ๋งจริง - ทฤษฎีเกม พัฒนาจากจิตวิทยา บนความมีเหตุมีผลของคนครับ ดังนั้น โดยทั่วไปได้มองถึงความโลภไว้แล้ว แต่ที่เกมใช้ไม่ได้เลยจริงๆ คือ เรื่องของศรัทธา เรื่องของบุญ กุศล ที่ไม่อาจเข้าใจด้วยเหตุผลได้ครับ

พี่จอมพล - เรื่องผู้สร้างอาจจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งครับ แต่โดยตรงแล้วเกมของผู้สร้างจะเกี่ยวกับศูนย์จองและผู้จองมากกว่า จะไม่เกี่ยวกับการตั้งประมูลและราคาตั้งประมูลโดยตรง

สังเกตได้จากหลายรุ่น ราคาที่ออกมาแรกๆ ยังวิ่งไปด้วยดี แต่ถ้ามีคนมาเทหรือมาวัดใจต่อเนื่องกันซักระยะ ราคามักจะหยุด ซึ่งจะเห็นว่ากรณีการตั้งราคาแบบนี้ไม่ได้เกี่ยวกับผู้สร้างเลย ตรงกันข้ามไม่มีผู้สร้างคนไหนหรอกครับ ที่อยากเห็นพระ/วัตถุมงคลที่สร้างมาถูกนำมาเทขาย

ส่วนกรณีเกมของผู้สร้างกับผู้จอง โดยเฉพาะผู้ที่จองแล้วนำไปปล่อยต่อ (ไม่ได้เก็บไว้บูชาเอง) ผมมองว่าคล้ายๆ เกมของผู้เคาะประมูล คือ มองราคาที่จองเทียบกับราคาที่คาดหวังในอนาคต ดังนั้นถ้าผู้สร้าง สร้างมามากจนผู้เช่ามองว่าราคาไม่น่าวิ่ง โดยปกติก็จะเช่าหาลดลงอยู่แล้วครับ

แต่เมื่อเช่ามาแล้ว นำมาวัดใจหรือเทต่อ เป็นการตัดสินใจของผู้ปล่อยต่อ หรือผู้ตั้งประมูลที่กล่าวถึงในกระทู้นี้ครับ


โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 19:58 น.] #3054905 (24/45)
สวัสดีครับพี่โต - ขอบพระคุณที่มาเยี่ยมชมครับ


โดยคุณ JOMPOL10 (3.9K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 20:09 น.] #3054927 (25/45)
โดยคุณ jackrapant (88) (124.120.234.*) [25 Oct 2013 19:53] #3054896 (23/24)
พี่เจ๋งจริง - ทฤษฎีเกม พัฒนาจากจิตวิทยา บนความมีเหตุมีผลของคนครับ ดังนั้น โดยทั่วไปได้มองถึงความโลภไว้แล้ว แต่ที่เกมใช้ไม่ได้เลยจริงๆ คือ เรื่องของศรัทธา เรื่องของบุญ กุศล ที่ไม่อาจเข้าใจด้วยเหตุผลได้ครับ

....................................................................................................................................................................................................................

ศรัทธา บุญกุศล ก็บูชาแค่ไม่กี่องค์ ส่วนจองกันมากๆนั้นหวังกำไรทั้งนั้น

โดยคุณ JOMPOL10 (3.9K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 20:31 น.] #3054948 (26/45)
โดยคุณ jackrapant (88) (124.120.234.*) [25 Oct 2013 19:53] #3054896 (23/24)
พี่จอมพล - เรื่องผู้สร้างอาจจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งครับ แต่โดยตรงแล้วเกมของผู้สร้างจะเกี่ยวกับศูนย์จองและผู้จองมากกว่า จะไม่เกี่ยวกับการตั้งประมูลและราคาตั้งประมูลโดยตรง

....................................................................................................................................................................................................................

เกี่ยวข้องกับการตั้งประมูลและราคาตั้งประมูลแน่นอน พระออกมามากก็เทขายเพื่อหนีตาย เมื่อมีคนหนึ่งเทขาย อีกคนหนึ่งก็ตกใจจึงเทขายตาม เทขายตามกัน เมื่อเทขายตามกัน คนซื้อก็ตกใจ ไม่กล้าซื้อ เมื่อคนซื้อไม่กล้าซื้อ ราคาก็ตกลง ตกลง ต่ำกว่าราคาจอง ครับ

....................................................................................................................................................................................................................

ทฤษฎีเกมส์ของคุณนั้นใช้ได้กับสมมุติฐานตัวอย่างบางตัวอย่างเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเปลี่ยนตัวอย่างสมมุติแล้วนำมาใช้ได้กับการตลาดหรือพฤติกรรมของผู้บริโภคได้

กลไกของการตลาดนั้น สามารถนำมาใช้กับสมมุติฐานของสินค้าได้ทุกอย่าง

กลไกของการตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้

โดยคุณ JOMPOL10 (3.9K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 20:45 น.] #3054974 (27/45)
ทำบุญ ทำกุศล....คนส่วนใหญ่ไม่สามารถมีเงินมากพอเพื่อมาทำบุญได้ทุกครั้งที่มีการสร้างพระ (ถามใจคุณดูเอาเองนะ)

ศรัทธา....คนส่วนใหญ่ก็เช่าบูชาพระที่ตนเองศรัทธาได้ไม่กี่องค์ในแต่ละรุ่น

ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับการตลาดทั้งนั้น ดีมานซัพพลาย คือตัวกำหนดราคาสินค้าและกลไกของการตลาดรวมไปถึงพฤติกรรมผู้บริโภคด้วย

โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 21:18 น.] #3055053 (28/45)
ผมเห็นด้วยกับพี่จอมพลทั้ง 3 ความเห็นนะครับ

โดยเฉพาะข้อความ "พระออกมามากก็เทขายเพื่อ หนีตายเมื่อมีคนหนึ่งเทขายอีกคนหนึ่งก็ ตกใจจึงเทขายตามเทขายตามกันเมื่อเท ขายตามกันคนซื้อก็ตกใจไม่กล้าซื้อเมื่อคน ซื้อไม่กล้าซื้อราคาก็ตกลงตกลงตํ่ากว่า ราคาจองครับ "

ซึ่งก็เหมือนข้อสรุปจากเกมผู้ตั้งประมูลและผู้เคาะประมูลที่ผมจำลองสถานการณ์ขึ้น

สรุป คือ ผมกับพี่จอมพลก็ไม่ได้คิดต่างกันหรอกครับ เพียงแต่พี่จอมพลเชื่อมโยงไปด้วยว่าสาเหตุที่ผู้ขายคนแรกเทขายหนีตาย นั้นเพราะผู้สร้างสร้างมาจำนวนมาก

แต่ผมมองว่าการจองพระเป็นความคาดหวังของผู้เช่าว่าจะสามารถทำกำไรได้ แต่การเทขายเป็นการตัดสินใจของผู้ขายเอง โดยเป็นการตัดสินใจที่อาจเป็นผลดีต่อตัวเอง แต่อาจนำผลเสียมาต่อภาพรวมทั้งหมดได้

มิได้โต้แย้ง แต่เสนออีกมุมมองหนึ่งเพิ่มเติมครับ



โดยคุณ JOMPOL10 (3.9K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 21:32 น.] #3055084 (29/45)
ผมยังเล่นพระใหม่อยู่นะครับ เพราะผมไม่ได้ขายใน web อย่างเดียวผมมีช่องทางการตลาดนอก web ที่ทำกำไรได้ทุกรุ่น

ตราบใดที่เราพึ่งพาช่องทางการตลาดช่องทางเดียวคือ web ท่านก็จะเจอปัญหาเรื่องราคาตลอด ลองหาช่องทางอื่นดูนะครับ

โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 21:36 น.] #3055091 (30/45)
ขออนุญาตเสริมเรื่องอุปสงค์-อุปทาน เพิ่มเติมอีกนิดนะครับ

ถ้าเรามองว่าพระเครื่องทุกรุ่นเป็นสินค้าชนิดเดียวกันทั้งหมด
หากผู้สร้างสร้างจำนวนเพิ่มมากขึ้น หรือเพิ่มอุปทานเข้าสู่ตลาด
ผลก็จะเป็นอย่างที่พี่จอมพลบอกไว้ครับ คือ จะทำให้ราคาโดยรวมต่ำลง

แต่ถ้าเรามองว่าเป็นสินค้าที่ต่างกัน อุปทานส่วนเพิ่มที่สร้างขึ้นใหม่นี้
อาจมีความต้องการลดลง ภายใต้ความจำกัดของงบประมาณเช่าซื้อที่มีในตลาด
แต่อาจไม่กระทบต่อราคาสินค้าอื่นที่มีในตลาดแล้วโดยตรงครับ ขึ้นกับ
ความสามารถในการทดแทนกันของสินค้า และอรรถประโยชน์ในแต่ละชนิด

ทฤษฎีเกม ไม่ใช่สิ่งที่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้เพื่ออธิบาย
สิ่งต่างๆ ในพฤติกรรมตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค และพฤติกรรมผู้สร้าง
ที่มีเหตุมีผลได้ครับ ... ซึ่งเครื่องมือธรรมดาๆ อย่างเกมนี่ ทำให้นักเศรษฐศาสตร์
นักคณิตศาสตร์ หลาย ๆ ท่าน ได้รางวัลโนเบล มาแล้วครับ



โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 21:47 น.] #3055108 (31/45)
เยี่ยมเลยครับพี่จอมพล ... การที่เรามีช่องทางการจำหน่ายอื่น ทำให้ไม่ต้องเข้าร่วมในสงครามราคา
ทำให้ไม่ต้องไปสู่สมดุลที่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้กำไร

แต่อย่างไรก็ตาม เราปลอดภัยในตลาดใหม่ แต่ไม่สามารถช่วยอะไรในตลาดเดิมได้เลยครับ

... ผมก็แค่กึ่งบ่น กึ่งวิเคราะห์ .. แต่เข้าใจสภาพที่ต้องยอมรับ .. พร้อมหาทางช่วยตัวเอง
ในวิถีทางต่าง ๆ ต่อไปครับ


โดยคุณ uthai08 (2.5K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 21:58 น.] #3055134 (32/45)
..พี่ jackrapant ผมมองแนวนี้ครับ..
..เอาคำว่าศรัทธา"วางใว้ก่อน"..ขอพูดทาง"เชิงธุรกิจ"นะครับ..
..เรื่องการค้า"ผลประโยชน์"ไม่มีพ่อแ่ม่ ไม่มีพี่น้อง..ทางธุรกิจการค้าทุกคนคือคู่แข่ง คือคู่ต่อสู้..เพราะฉนั้นอย่าได้หมายว่าเขาจะเห็นใจ..ใครใวใครได้..
..ทุกคนทำทุกอย่างเพื่อเงินครับ..
*****************************************
..ศรัทธา 80%..ค้าขาย 20%..จะราคาต่ำ-ราคาสูง..ไม่มายเพราะเรามี 80% ในหัวใจ..

โดยคุณ memories (3.3K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 22:06 น.] #3055147 (33/45)
ทฤษฎีนี้ เยี่ยมจิงๆคับ แต่ขอค้านนิ้ดดดนุง ตรงวัดใจ แระขาดทุนเนี่ย

คือที่เห็นๆ เป็นส่วนมาก ถ้าวัดใจ แระราคาไม่วิ่ง ให้เพื่อนมาเคาะปิดให้ตลอดดดดดด 55555

โดยคุณ jackrapant (317)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 22:19 น.] #3055180 (34/45)
สวัสดีครับพี่อุทัย พี่เมมโมรี่

เรื่องศรัทธา ผมไม่ติดใจอะไรหรอกครับ ผมแค่ตอบพี่เจ๋งจริงว่าทฤษฎีนี้มันตอบเรื่องความโลภได้อ่ะ...
(แต่แค่อาจจะตอบเรื่องความเชื่อ เรื่องศรัทธา ที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลไม่ได้อ่ะครับ)

เรื่องผลประโยชน์ ...ยกตัวอย่างกรณีนักโทษฯ จะเห็นว่า การที่เห็นแก่ประโยชน์ตัวเองก่อน อาจนำมาซึ่งสิ่งที่ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองอ่ะครับ

อาจจะเป็นสิ่งที่พอคะเนได้ ... แต่คงเปลี่ยนแปลงไม่ได้.. ก็จะเห็นวงจรแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาต่อไปครับ

โดยคุณ elec_sichol (8.5K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 22:26 น.] #3055200 (35/45)


(N)

โดยคุณ lek_devils (642)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 22:37 น.] #3055226 (36/45)
"พระออกมามากก็เทขายเพื่อ หนีตายเมื่อมีคนหนึ่งเทขายอีกคนหนึ่งก็ ตกใจจึงเทขายตามเทขายตามกันเมื่อเท ขายตามกันคนซื้อก็ตกใจไม่กล้าซื้อเมื่อคน ซื้อไม่กล้าซื้อราคาก็ตกลงตกลงตํ่ากว่า ราคาจองครับ "
========================================================================

ปรากฏการณ์ panic sale (แห่ขาย) ความตื่นตะหนกตกใจพยายามเอาตัวรอดบางครั้งเป็นหนทางสู่การขาดทุนอย่างรุนแรง ในตลาดหุ้นต่างๆมักจะมีเมื่อมีสิ่งกระตุ้นตลาดอย่างรุนแรง พอข่าวนั้นซาลงปรากฏว่ารายใหญ่ถือซื้อเต็มพอร์ต ในขณะที่รายเล็กๆขายออกไปแบบขาดทุน รึกลยุทธืนี้จะมีในวงการพระ ????????????

โดยคุณ AnanBhangananda (2.2K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 23:06 น.] #3055275 (37/45)
น่าสนใจมากครับ
อยากให้ลองใช้ทฤษฎีสมคบคิด มาวิเคราะห์วงการนี้บ้างจังครับ น่าจะมีหลายๆกรณีเป็นตัวอย่าง

โดยคุณ หลวงน้า (4.3K)  [ศ. 25 ต.ค. 2556 - 23:35 น.] #3055311 (38/45)
เบื่อพวกวัดใจสำหรับพระใหม่ เห็นแล้วรำคาญใจ ขายทิ้งขนาดคุณยังไม่เห็นคุณค่าเลยแล้วจะให้คนอื่นเห็นอย่างไร วัดได้สักสองสามกระทู้ก็พอ นี่เล่นวัดใจเป็นอาชีพ วัดแม่มทุกกระทู้ ขายแดกอย่างเดียว100สองร้อยก็เอา แล้วจะเช่าบูชาไปขายทำไม เสียเวลาหมุนเวียนของโลก ขายต่ำกว่าทุนอนาถแท้คร๊าบบบ เครดิตตัวเองแท้แท้ยังไม่รักษา ขายอย่างน้อยก็ให้เกียรติใบหน้าของพระองค์ท่าน บนเหรียญบ้างคร๊าบบบ เรื่องจริ๊งทั้งน้าน

โดยคุณ pui_l (1.2K)(1)   [ส. 26 ต.ค. 2556 - 08:25 น.] #3055449 (39/45)
กว่าจะอ่านจบ เล่นซะปวดเฮดเบย 555555555555555





สวดยวดครับท่าน

โดยคุณ dangnadong (729)  [ส. 26 ต.ค. 2556 - 09:03 น.] #3055494 (40/45)
เหมือนกับกลับไปทบทวนวิชาจิตวิทยาเลยครับ แต่ก็ดีมากๆ แล้วก็เป็นความจริงเสียด้วย

โดยคุณ Jajumvai11 (227)(3)   [ส. 26 ต.ค. 2556 - 13:51 น.] #3055915 (41/45)
โดยคุณ JOMPOL10 (3175) (124.120.42.*) [25 Oct 2013 18:43] #3054762 (20/40)
คนสร้างพระใหม่แข่งกันสร้างพระใหม่ออกมาจำนวนมาก จึงใช้กลยุทธ์ด้านราคา เช่น พระแต่ละองค์จะมีราคาถูกลงแต่ต้องจองจำนวนมาก(พระชุด) เมื่อผู้สร้างกำไรน้อยลง จึงสร้างพระในแต่ละรุ่นให้มีจำนวนมากขึ้นเพื่อชดเชยกำไรที่ลดน้อยลง

หากเมื่อผู้สร้างพระใหม่ทุกคนใช้กลยุทธ์ด้านราคาแบบนี้จะทำให้มีพระใหม่ถูกสร้างออกมาจำนวนมากเกินกว่าความต้องการ จึงทำให้พระใหม่(บางรุ่น)มีราคาลดลงอย่างรวดเร็ว บางรุ่นลดลงต่ำกว่าราคาจองเสียอีก

.....วิธีการแก้ไข คือ ไม่มีวิธีการแก้ไข.....เพราะไม่สามารถไปควบคุมหรือลดปริมาณผู้สร้างพระใหม่ได้ รวมไปถึงไม่สามารถให้ผู้สร้างพระใหม่ลดปริมาณพระใหม่ที่สร้างแต่ละรุ่นได้

......ผมมองปัญหานี้ว่าเกิดจากผู้สร้างที่มีปริมาณมากและสร้างพระออกมาปริมาณมากเกินความต้องการ จึงทำให้เราทุกคนต้องเทพระขายเพื่อหวังผลกำไรนิดหน่อย(ดีกว่าติดมือ) หรือ รีบเทพระขายพระกลัวขาดทุน

......ต้นเหตุของปัญหาด้านราคาเกิดจากมีผู้สร้างพระปริมาณมากแข่งกันสร้างพระออกมามากๆ.....ผู้ขายไม่ใช่ต้นเหตุของราคา ครับ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ชอบข้อความของพี่JOMPOL10ครับlike like like
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โดยคุณ uthai08 (370) (110.168.89.*) [25 Oct 2013 21:58] #3055134 (32/40)
..พี่ jackrapant ผมมองแนวนี้ครับ..
..เอาคำว่าศรัทธา"วางใว้ก่อน"..ขอพูดทาง"เชิงธุรกิจ"นะครับ..
..เรื่องการค้า"ผลประโยชน์"ไม่มีพ่อแ่ม่ ไม่มีพี่น้อง..ทางธุรกิจการค้าทุกคนคือคู่แข่ง คือคู่ต่อสู้..เพราะฉนั้นอย่าได้หมายว่าเขาจะเห็นใจ..ใครใวใครได้..
..ทุกคนทำทุกอย่างเพื่อเงินครับ..
*****************************************
..ศรัทธา 80%..ค้าขาย 20%..จะราคาต่ำ-ราคาสูง..ไม่มายเพราะเรามี 80% ในหัวใจ..
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เห็นด้วยอย่่างยิ่งครับพี่ uthai08

โดยคุณ JOMPOL10 (3.9K)  [ส. 26 ต.ค. 2556 - 13:58 น.] #3055924 (42/45)
ส่วนตัว.....ใครจะวัดใจก็เรื่องของเขา สิทธิ์ของเขา เพราะพระเป็นของเขา คนสร้างหรือคนอื่นใดอย่าว่าเขาขายแดก ว่าเขาซะน่าเกียจ คนที่ว่าเขาขายแดกก็เหมือนคุณนั่นแหละที่ขายพระแดกเช่นกัน แน่จริงสร้างพระแล้วเก็บไว้ใช้เองซิอย่ามาขายแดก แน่จริงซื้อพระแล้วเก็บไว้เองซิอย่ามาขายแดก ปัดโธ่.....ตัวเองก็ขายแดกแต่มาว่าคนอื่นขายแดก เห็นมาหลายกระทู้แล้วที่มีคำว่าขายแดก ขายแดก

โดยคุณ jackrapant (317)  [ส. 26 ต.ค. 2556 - 20:26 น.] #3056422 (43/45)
สวัสดีครับ อาจารย์ elec_sicho พี่ AnanBhangananda พี่ หลวงน้า พี่ pui_l พี่ dangnadong
พี่ Jajumvai11 และต้อนรับอีกรอบ สำหรับท่านเล็ก และพี่จอมพล ด้วยครับ

- ท่านเล็ก - ปรากฏการณ์ panic sale (แห่ขาย) ความตื่นตะหนกตกใจพยายามเอาตัวรอด
บางครั้งเป็นหนทางสู่การขาดทุนอย่างรุนแรง ในตลาดหุ้นต่างๆมักจะมีเมื่อมีสิ่งกระตุ้นตลาด
อย่างรุนแรง พอข่าวนั้นซาลงปรากฏว่ารายใหญ่ถือซื้อเต็มพอร์ต ในขณะที่รายเล็กๆขาย
ออกไปแบบขาดทุน รึกลยุทธืนี้จะมีในวงการพระ ????????????

>> panic sale ในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนใหญ่จะได้ยินมาว่า มีการจงใจปล่อยข่าวแง่ลบก่อน
เพื่อเข้าช้อนซื้อหุ้นที่สนใจ แต่ในตลาดพระเครื่อง อาจจะมีการสวดกันบ้าง แต่ไม่ชัดเจน
ว่าเข้าไปช้อนซื้อนะครับ ส่วนมากจะสวดรุ่นอื่น แล้วเชียร์รุ่นที่ตัวเองถือ ...
แต่ถ้ามีบ้างก็ไม่แปลก อย่างน้อย ยังมีการซื้อขายอยู่ ไม่ทำให้ตลาดซบเซาอ่ะครับ

- พี่ AnanBhangananda - น่าสนใจมากครับ
อยากให้ลองใช้ทฤษฎีสมคบคิด มาวิเคราะห์วงการนี้บ้างจังครับ น่าจะมีหลายๆกรณีเป็นตัวอย่าง

>> ผมลองหาคำนิยามทฤษฎีสมคบคิดใน wikipedia ดูนะครับ

ทฤษฎีสมคบคิด (อังกฤษ: Conspiracy Theory) คือ เรื่องเล่า บทความที่สร้างขึ้นมาจาก
ความคิดของคน หรือกลุ่มคน โดยนำเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน
ซึ่งอาจมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นอื่นๆเพื่อให้ประโยชน์/ให้โทษต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลหนึ่งใด
หรืออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลักษณะของทฤษฎีสมคบคิดโดยทั่วไปมีข้อเท็จจริงประกอบ
อยู่เพียงเล็กน้อย หรือส่วนหนึ่ง เพียงเพื่อเสริมให้เกิดความน่าเชื่อถือว่ามีหลักฐานสนับสนุน
ที่ดูเหมือนเกี่ยวข้องกันเท่านั้น อาจมีเหตุผลสนับสนุนจากความเชื่อส่วนบุคคล ความเชื่อ
เกี่ยวกับทางศาสนา การเมือง หรือวัฒนธรรมที่แตกต่างไป เรื่องเหล่านี้นักวิชาการจะไม่ใช้
อ้างอิง ผู้อ่านควรใช้วิจารณญานก่อนที่จะเชื่อเรื่องนั้นๆ ประเทศสหรัฐอเมริกามีหน่วยงาน
ที่จะดูแล และกลั่นกรองเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ

ผมฟังดูแล้ว ถ้าเอามาใช้คงไม่เป็นที่ยอมรับเท่าไหร่ครับ เพราะขนาดเราเอาทฤษฎีที่น่าจะเป็น
ที่เชื่อถือมาใช้ ยังสามารถนำมาถกเถียง โต้แย้งกันได้เลยครับ ^^"

- พี่ หลวงน้า

>> สไตล์สำนวนดุเดือดเช่นเคยครับ ..

- พี่ pui_l - กว่าจะอ่านจบ เล่นซะปวดเฮดเบย 555555555555555

>> อิอิ ผมเตือนพี่แล้วคร๊าบ ...

- พี่ dangnadong - เหมือนกับกลับไปทบทวนวิชาจิตวิทยาเลยครับ แต่ก็ดีมากๆ แล้วก็เป็นความจริงเสียด้วย

>> ใช่ครับพี่ ทฤษฎีเกม เป็นการประยุกต์หลักจิตวิทยามาสร้างสถานการณ์เพื่อทำความเข้าใจ
ในเรื่องต่าง ๆ ที่สนใจอ่ะครับ ... ขอบพระคุณที่เข้าเยี่ยมชมครับ

- พี่จอมพล

>> ใช่ครับ การวัดใจเป็นสิทธิ์ของเจ้าของพระ/ผู้ตั้งประมูลครับ แต่ประเด็นของกระทู้ก็คือ
การกระทำที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง แต่เมื่อเลือกกลยุทธ์นี้แล้ว ณ สมดุล อาจส่งผลดี
ต่อตนเองลดลง และอาจส่งผลเสียต่อภาพรวมได้ จึงนำมาแสดงไว้ครับ

ส่วนเรื่องขายแดก... มิกล้าวิจารณ์ครับ พี่ ๆ ทั้งคู่ มีสไตล์เป็นของตนเอง ที่น่าเคารพทั้งคู่ครับ


โดยคุณ เจ๋งจริง (10.2K)  [ส. 26 ต.ค. 2556 - 22:10 น.] #3056573 (44/45)
ขายแดก ขายแดก........55555555
ชอบครับพี่จอมพล....ขายแดกกันนะไม่เท่าไร

แต่ส่วนใหญ่ที่เห็น...ชอบอ้างความเคารพ เลื่อมใส นับถือ และศรัทธา
แต่สุดท้ายก็รอเวลาจ้องขายแดกนี่ดิครับพี่....ฮา ฮา


โดยคุณ jackrapant (317)  [จ. 28 ต.ค. 2556 - 09:33 น.] #3058042 (45/45)
เท่าที่ฟังดู คำว่า "ขาย ... (รับประทาน)" ในความหมายของพี่ ๆ อาจไม่ตรงกันซะทีเดียว

ความหมายที่ 1 = ขายทิ้งอย่างไม่เห็นคุณค่า 100สองร้อยก็เอา
ความหมายที่ 2 = ขายพระออกมา ไม่เก็บไว้ใช้

โดยผลต่อความเคารพ นับถือ ศรัทธา เป็นเรื่องภายใน คงวัดกันได้ยาก

แต่ผลของการขาย 2 แบบ นี้ ... ไม่เหมือนกันแน่ครับ เพราะความหมายที่ 1 เป็นแค่
ส่วนเดียวของความหมายที่ 2 โดยถ้าความหมายที่ 2 เป็นการขายอย่างสมเหตุสมผล
ก็ไม่น่ากระทบต่อน่าเชื่อถือ ศรัทธา ของ เกจิอาจารย์ผู้สร้าง

แต่ถ้าขายแบบที่ 1 นี่ ... พี่ ๆ ลองจินตนาการตามดูสิครับ ว่าจะกระทบถึงความน่าเชื่อถือ
ของผู้สร้างหรือไม่ ... พอคนได้ยินชื่อเหรียญ/พระ รุ่นนี้ รุ่นนั้น ที่ท่านสร้าง ก็บอกว่า
พระราคาถูก ไม่มีคนอยากจะซื้อ จะขาย ... แล้วคนทั่วไปจะอยากเคารพศรัทธาท่านหรือครับ

อย่างที่เรารู้กัน พระเครื่องเป็นแค่กระพี้/เปลือก ของพระศาสนา ... ไม่ใช่ทางทำให้หลุดพ้น
แต่เป็นกุศโลบายทำให้คนเข้ามาหาศาสนา ... การที่พระเครื่องมีราคา มีการซื้อขายกัน
แม้ไม่ใช่เจตนาสร้างเอง แจกจ่ายเอง เหมือนอดีต แต่ก็ยังทำให้คนรุ่นใหม่ ๆ ไม่ทิ้งขว้าง
ในการเข้าวัดทำบุญ

แต่ถ้าเราไม่ใส่ใจ กว้านจองทุกรุ่น ได้มาแล้วก็มาเทขายหมด ... จนส่งผลให้ตลาดซบเซา
อย่างนี้ จะไปว่าผู้อื่น (เช่น ผู้สร้าง) ได้อย่างไรครับ ... ใครทำ ก็ควรเพ่งมองและแก้ไข
ที่จุดนั้น ให้ถูกจุดครับ

จริง ๆ ทาง g-pra ก็เคยเตือนเรื่องนี้กลาย ๆ ไว้แล้วตั้งแต่ปี 2550
https://www.g-pra.com/information/show.php?Category=info1&No=218

-เรียนสมาชิกผู้ตั้งประมูลทุกท่านทราบ
-ทางเวบไซต์ขอแนะนำให้สมาชิกผู้ตั้งประมูลทุกท่าน กรุณาตั้งราคาขั้นต่ำให้ตรงกับความต้องการขายขั้นต่ำจริงๆของพระเครื่ององค์นั้นๆในการตั้งประมูลทุกครั้ง เพราะถ้าหากท่านตั้งราคาขั้นต่ำ ต่ำจากความเป็นจริงมากๆท่านจะต้องยอมรับในราคาสุดท้ายที่มีผู้ประมูลได้ ไม่ว่าจะเกิดจากเหตุผลใดๆ เช่น ไม่มีผู้ร่วมประมูล หรือ server ให้บริการไม่ได้หรือปรับปรุง server หรือ ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตให้บริการไม่ได้ ฯลฯ
-การตั้งประมูลวัดใจ โดยกำหนดราคาขั้นต่ำไว้ต่ำๆ โดยไม่ได้มีเจตนาที่บริสุทธิ์ แล้วให้เพื่อนสมาชิกคนอื่นมาช่วยประมูล ( ฮั้วประมูล ) ถึงแม้ว่าจะเป็นคนละ IP กันก็ตาม ถือว่าเป็นการเอาเปรียบสมาชิกผู้ประมูล ขอให้สมาชิกผู้ทราบข้อมูล กรุณาร่วมส่งข้อมูลมาที่ info ที่หน้านี้ https://www.g-pra.com/aboutus/about_sendmail.php
-จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน
-เวบไซต์การันตีพระดอทคอม

โดยคุณ webmaster3 [27 Aug 07 14:55]

ซึ่งถ้าเราสมาชิกใส่ใจ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกโดยรวมด้วยครับ


!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1