เท่าที่อ่านดูจากรายละเอียด กรณีนี้คุณป้อมได้ทำประกันสูญหายในวงเงินพิเศษด้วยแล้ว แต่ก็คงได้ไม่เกิน 20,000 บาท และคุณป้อมรวมทั้งผู้ซื้อก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลย คอยติดตามเช็คทุกระยะ พอรู้ว่าของเข้าไปที่ทำการไปรษณีย์ปลายทางเรียบร้อย แต่ไม่มีการนำจ่ายให้ผู้รับ ผู้ซื้อก็รีบไปติดต่อที่ทำการไปรษณีย์เลย แต่คำตอบที่ได้รับคือ "ไม่รู้ว่าของหายไปได้อย่างไร"
ถ้าเจอแบบนี้ก็ลำบากครับ ประกันพิเศษก็แล้ว ช่วยกันคอยติดตามทุกระยะก็แล้ว แต่ของไปหายเมื่อไปถึงที่ทำการไปรษณีย์ปลายทาง และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบบอกว่าไม่รู้ว่าหายไปได้อย่างไร ใครเจอแบบนี้ก็ปวดหัวครับ ก็คงจะเหมือนกับการส่งพระเข้าประกวด เจ้าของพระก็เฝ้ารอเอาพระคืนอยู่ข้างโต๊ะตลอดเวลา แต่พอถาดพระกลับมา พระหาย แล้วกรรมการที่เกี่ยวข้องก็บอกว่าไม่รู้ว่าหายไปตอนไหน แบบนี้ก็ลักษณะคล้ายๆกันละครับ คือมีคนหยิบเอาไป แต่ไม่รู้ว่าใครหยิบ คนที่โชคร้ายก็คือเจ้าของพระครับ
ความจริงถ้าราคาพระสูงมาก นัดเจอส่งพระด้วยตัวเองจะดีที่สุดครับ เพราะเดี๋ยวนี้การเดินทางสะดวกมาก ดูง่ายๆครับ ถ้าใครเก็บสายของท่านอาจารย์เฉลิมชัย เวลาจองของรับของ ท่านจะนัดให้ไปจองไปรับถึงเชียงราย นี่แค่ของหลักหมื่นหรือไม่เกินหมื่นบาทครับ เดือนก่อนต้องไปจองหนังสือราคา 9,000 บาท ที่เชียงราย ปลายเดือนนี้(30-1 ธ.ค.)ต้องไปรับพระโพธิสัตว์เนื้อเงิน ราคา 10,000 บาท ที่เชียงราย หลังจากนั้นก็ต้องขึ้นเชียงรายไปรับพระโพธิสัตว์เนื้อทองเหลือง ราคา 5,000 บาท แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นปลายเดือน ธ.ค.หรือต้น มกราคม ครับ
เมื่อ 4 เดือนก่อน ผมลงประมูลพระไปหนึ่งองค์ ลูกค้าให้ส่งออกบัตร ผมไปส่งที่จีพระด้วยตัวเอง และแจ้งว่าหลังจากผลออกผมจะขอไปรับพระแล้วเอาไปส่งให้กับผู้ประมูลด้วยตัวเอง แต่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าผู้ลงประมูลไปรับพระเองไม่ได้ ผมก็เลยทำประกันพิเศษไป 20,000 บาท จ่ายเพิ่มค่าทำประกันไป 215 บาท ตอนหลังผู้ประมูลเขาขอไปรับพระที่จีพระเอง ทางเว็บก็คืนค่าทำประกันค่าส่งพระคืนให้กับผู้ประมูลไป 315 บาท อันนี้ก็คิดว่าช่วยค่าเดินทางของผู้ประมูลครับ ส่วนค่าบัตรผมจ่ายให้ด้วย รวมแล้วก็จ่ายไป 715 บาทเต็มๆจากพระราคาหกหมื่นห้า
ดังนั้นการขายพระราคาหลักแสน นำส่งมอบด้วยตัวเองจะปลอดภัยที่สุดครับ |
|