| หัวข้อกระทู้ : .......................................... ไตรจีวร ........................................... |
 (N)
...... ไตรจีวร สามคำสั้นๆ แต่พี่ๆ จะรู้ไหมครับ ว่า ที่มา ที่ไป และความสำคัญของ ไตรจีวร เป็นอย่างไรกันครับ .......
ไตรจีวร หรือ ผ้าไตร เป็นชื่อเรียก ผ้านุ่งผ้าห่ม ที่พระสงฆ์ใช้สอย หมายถึงผ้า 3 ผืน
ซึ่งมีทั้งผ้านุ่ง และผ้าห่ม อันได้แก่สังฆาฏิ (ผ้าพาดบ่า) อุตราสงฆ์ (ผ้าจีวรสำหรับห่ม) และอันตรวาสก (สบงสำหรับนุ่ง)
แต่เป็นที่นิยมเรียกรวมกันว่า ไตรจีวร โดยไตรจีวรเป็นปัจจัย หรือบริขารของพระสงฆ์อย่างหนึ่งในจำนวนของ ๘ อย่าง
นอกจากนี้ยังมีอีก คำหนึ่ง ที่ใช้เรียก ไตรจีวร ทั้งนิกายเถรวาท และมหายาน
คือคำว่า กาสาวะ หรือ กาษายะ (บาลี kasāva กาสาว - สันสกฤต काषाय kāṣāya กาษาย - จีนตัวเต็ม 袈裟 - จีนตัวย่อ 袈裟 - พินอิน jiāshā - ญี่ปุ่น 袈裟 kesa - เกาหลี 가사 - ฮันจา 袈裟 - MC gasa - เวียดนาม cà-sa)
ซึ่งหมายเอาตามชื่อ สี ที่ใช้ย้อมทำจีวรเป็นหลัก โดยผ้ากาสาวะ หมายถึง ผ้าย้อมน้ำฝาด ซึ่งก็คือ ผ้าไตรจีวร ทั้งสามผืนนั่นเอง
ความเป็นมาของจีวร
ในสมัยพุทธกาล เมื่อครั้ง เจ้าชายสิทธัตถะ ออกผนวช ก็มีหลักฐานกล่าวว่า เจ้าชายสิทธัตถะ ได้ใช้ผ้านุ่งห่มที่เรียกว่า จีวร
แต่ในช่วงต้นพุทธกาล พระภิกษุยังคงใช้ผ้าที่หาได้ มาเย็บต่อกันไม่เป็น ระเบียบ หรือบางครั้งภิกษุบางรูป ได้รับถวายผ้าอย่างดี จากคหบดีก็มีการถูกลักขโมยบ่อยครั้ง เนื่องด้วยผ้าเป็นสิ่งที่หายากใน สมัยพุทธกาล
จนต่อมา พระพุทธเจ้า ได้ทอดพระเนตร นาของชาวมคธ จึงได้มีพระพุทธดำริ
ให้ตัดผ้าจีวร เป็นสี่เหลี่ยมผืนเล็กๆ มาต่อกัน จึงมีลักษณะเป็นผ้า ตัดต่อที่เศร้าหมอง ทำให้ผู้อื่นมักไม่ต้องการนำไปตัดเย็บอีก
เหมาะสมกับสมณะ ผ้าสี่เหลี่ยมผืนเล็กๆ ที่เย็บต่อกันนั้น ปรากฏลวดลายเป็นลายคันนา ออกแบบโดยพระอานนท์ ดังปรากฏข้อความในพระวินัยปิฎก ว่า
.. อานนท์เธอเห็นนา ของชาวมคธ ซึ่งเขาพูนดิน ขึ้นเป็นคันนา สี่เหลี่ยม พูนคันนายาวทั้งด้านยาวและด้านกว้าง พูนคันนา คั่นในระหว่างๆ ด้วยคันนาสั้นๆ พูนคันนาเชื่อมกันทาง ๔ แพร่ง ตามที่ซึ่ง คันนากับคันนา ผ่านตัดกันไปหรือไม่ .. ?
เธอสามารถแต่งจีวรของภิกษุทั้งหลาย ให้มีรูปอย่างนั้นได้หรือไม่ .. ?
พระอานนท์ตอบว่า ... สามารถ พระพุทธเจ้าข้า.ฯ
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ทักขิณาคิรีชนบทตามพระพุทธาภิรมย์ แล้วเสด็จ กลับมาพระนครราชคฤห์อีก
ครั้งนั้นท่าน พระอานนท์ แต่งจีวรสำหรับภิกษุหลายรูป ครั้นแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคได้กราบทูล ว่า
.. ขอพระผู้มีพระภาค จงทอดพระเนตร จีวร ที่ข้าพระพุทธเจ้าแต่งแล้ว พระพุทธเจ้าข้า.ฯ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงทำธรรมิกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ว่า
.. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานนท์เป็นคนฉลาด อานนท์ได้ซาบซึ้ง ถึงเนื้อความแห่ง ถ้อยคำที่เรา กล่าวย่อ ได้โดยกว้างขวาง จีวร จักเป็นผ้าที่ตัดแล้ว เศร้าหมองด้วยศัสตรา สมควรแก่สมณะ และพวกศัตรูไม่ต้องการ ..
..... ไตรจีวร .....
การห่ม จีวร
หลังจากพระอานนท์ ถวาย จีวร ที่ตัดแต่งแล้ว ให้ทอดพระเนตร พระพุทธองค์ ทรงพอพระทัย และอนุญาตให้ใช้ ผ้า 3 ผืน คือ สังฆาฏิชั้นเดียว จีวร และสบง
ต่อมาทรงอนุญาต ไตรจีวร คือ ผ้าสังฆาฏิสองชั้น จีวร และสบง ทั้งนี้เพื่อให้พระสงฆ์ ใช้ป้องกันความหนาวเย็น และรับสั่งว่า ภิกษุไม่พึงมี จีวร มากกว่านี้ (รูปใดมีมากกว่านี้ เป็นอาบัติ)
อติเรกจีวร คือ จีวรที่มีเกินกว่าผ้าที่อธิษฐานเป็น ไตรจีวร ตามพระวินัย ภิกษุสามารถเก็บไว้ได้ ไม่เกิน 10 วัน และสามารถทำเป็น วิกัปอติเรกจีวร คือ ทำให้เป็นสองเจ้าของ เพื่อจะได้ไม่ต้องอาบัติ เพราะเก็บไว้เกินกำหนด
ความเป็นมาของเรื่อง อติเรกจีวร นี้ เนื่องจากมีผู้ถวาย จีวร แก่ พระอานนท์ แล้วท่านประสงค์จะเก็บไว้ ถวายพระสารีบุตร
ซึ่งขณะนั้นอยู่ต่างเมือง ประมาณ 10 วัน จึงจะเดินทางมาถึง พระอานนท์ได้เข้าไป ทูลถาม พระพุทธองค์ ว่า จะปฏิบัติอย่างไร กับ อติเรกจีวรดี จึงทรงมีพุทธบัญญัติ ให้เก็บรักษาอติเรกจีวร ไว้ได้ไม่เกิน 10 วัน
เอาเท่านี้ก่อนนะครับพี่ๆ เดี๋ยวจะเบื่อกันเสียก่อน
พี่ๆ ก็คงจะเห็นแล้วนะครับ ว่า จีวร มีความสำคัญขนาดไหน ยิ่งถ้าเป็น จีวร ที่หลวงปู่ที่เราเคารพนับถือใฃ้อยู่เป็นประจำแล้วละก้อ
เราได้แค่ปลายชิ้นเล็กๆของ จีวร มาพกติดตัวไว้ แทนตัวท่าน ก็นับว่าเป็นสิริมงคลแก่ตัวใหญ่หลวงแล้วละครับผม
 |
|
|