 (N)

ยอมรับว่าคุณเชิดศักดิ์เป็นผู้มีพรสวรรค์ในการเข้าหาพระไม่ว่าจะเป็นระดับใด คุณเชิดศักดิ์สามารถเข้าถึงอย่างใกล้ชิดและแนบเนียนที่สุด เมื่อหลวงพ่อต้องการจัดงานพิธียกช่อฟ้าอุโบสถวัดมะระที่สร้างเสร็จแล้ว คุณเชิดศักดิ์ได้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงจัดการงานนี้ โดยได้เข้านมัสการกราบทูลต่อสมเด็จพระญาณสังวร(ตำแหน่งสมณะศักดิ์ในขณะนั้น)ที่ตำหนักเหลืองรังสี วัดบวร จนได้อาราธนาพระเดชพระคุณเจ้าเดินทางไปโคราช โดยมีการจัดขบวนเดินทางอย่างรัดกุม โดยมีผู้เขียนนั่งด้านหน้าคู่คนขับ คุณเชิดศักดิ์นั่งข้างพระเดชพระคุณเจ้า ในขณะเดินทางพระเดชพระคุณเจ้าท่านได้ปรารภขึ้นว่าพระคูณรูปนี้เป็นพระปฏิบัติดีรูปหนึ่ง ต่อไปภายภาคหน้าจะเป็นที่เคารพของคนทั่วไปและการต่อมาคำปรารภของพระเดชพระคุณเจ้าก็เป็นความจริง
เมื่อเดินทางถึงบริเวณวัดมะระพระอริยะเจ้าทั้งสองได้พบกัน หลวงพ่อก้มลงกราบสมเด็จพระญาณสังวรแล้ว ได้รับการอัญเชิญจากพระเดชพระคุณเจ้าให้นั่งคู่กัน และได้ร่วมประกอบพิธียกช่อฟ้าจนเสร็จสิ้น ท่ามกลางญาติโยมและลูกศิษย์ที่ได้เข้าร่วมกุศลกรรมครั้งนี้
Collection วัตถุมงคล
ภาพวัตถุมงคลที่ผู้เขียนได้รับมาในสมัยนั้น
ในห้วงเวลานั้นวัตถุมงคลที่หลวงพ่อสร้างไว้ จะเป็นเครื่องรางของขลังเป็นส่วนใหญ่ ท่านผู้อ่านสังเกตดูจะพบว่าในช่วงชีวิตของคนเราจะเริ่มประสบความสำเร็จชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองจะอยู่ในช่วงเวลาอายุ 50 ปีต้นๆนี่แหละ ข้าราชการทั้งหลายจะเป็นนายพล เป็นอธิบดี นักธุรกิจจะประสบความสำเร็จก็จะอยู่ในวัยอายุขนาดนี้ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าช่วงนี้สภาพสติปัญญา สภาพร่างกายตลอดจนพลังทั้งหลายของมนุษย์จะสูงสุด ผู้เขียนจึงได้คิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่วัตถุมงคลที่หลวงพ่อได้สร้างขึ้นในช่วงเวลาของอายุดังกล่าวจึงมีความเข้มขลังสุดๆ เป็นที่แสวงหาของเหล่าศิษย์และผู้นิยมศรัทธายิ่งนัก
1. ตะกรุดฝังท้องแขนท้องคำ
2. ตะกรุดลูกสะกด สำหรับคาดเอว
3. ตะกรุดคู่ มีทั้งคู่เงินและคู่ทองแดง
4. ตะกรุดโทนทองแดงใหญ่และตะกรุดเงินขนาดเล็ก
5. ก้นยาสูบ
6. เหรียญที่สร้างในงานฉลองพระประธานวัดแจ้งนอก ปี พ.ศ.2512
สำหรับเครื่องรางของขลังดังกล่าวผู้เขียนจะให้รายละเอียดแต่ละชนิดดังนี้นะครับ
1. ตะกรุดทองดำฝังท้องแขน ตะกรุดนี้หลวงพ่อจะได้รับการจัดหาทองคำจากญาติโยม โดยให้ร้านทองตีทองเป็นแผ่นขนาดเล็กแล้วตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็กต่ำกว่า 1 เซนติเมตร ถวายให้กับหลวงพ่อ หลวงพ่อจะทำการจารแผ่นทองคำนี้แล้วม้วนเป็นตะกรุดเก็บใส่กล่องโลหะแบบกลมใส่ยาอมสมัยเก่าและนำติดตัวไปตลอดทุกครั้งที่เข้าอุโบสถทำวัตร(การฝังตะกรุดท้องแขนหลวงพ่อจะฝังให้ลูกศิษย์ที่มีศรัทธาร้องขอจากหลวงพ่อ เมื่อฝังแล้วลูกศิษย์จะถวายเงินไว้เพื่อการจัดหาทองคำมาทดแทนที่ใช้ไปตามกำลังศรัทธา พิธีกรรมในการฝังตะกรุดในยุคแรกนั้นจะกำหนดวันไว้คือวันพฤหัสบดีและวันเสาร์และวันอาทิตย์ ซึ่งถือว่าวันทั้งสามนี้เป็นวันที่มีพลัง
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเรื่องการฝังตะกรุดท้องแขนให้ท่านได้อ่านกันทั้งนี้เมื่ออ่านแล้ว ขอให้ใช้วิจารณญาณเอาเองนะครับ เพราะเป็นเรื่องของศรัทธาและความเชื่อและประสบการณ์ที่เป็นปัจจัตตังของแต่ละบุคคล ผู้เขียนได้กราบเรียนหลวงพ่อขอให้หลวงพ่อฝังตะกรุดให้ ในการฝังตะกรุดยุคนั้นจะต้องมีลูกศิษย์ที่แจ้งตามจำนวนไว้กับหลวงพ่อมีจำนวนพอ ต่อการทำพิธีแต่ละครั้ง เพื่อมิให้เสียเวลาในพิธีกรรมแต่ละครั้ง ในการทำพิธีฝังตะกรุดในคราวนี้เท่าที่จำได้มีผู้ได้รับการฝังประมาณ 5-6 ท่านด้วยกัน โดยมีนักธุรกิจระดับที่เรียกได้ว่าเป็นขั้นอาเสี่ย เป็นหัวหน้าในกลุ่มนี้ในพิธีครั้งนี้ได้ทำตามตำราครบถ้วน โดยเสี่ยท่านนี้ขอเป็นผู้ฝังตะกรุดคนแรก ผู้ได้รับฝังคนแรกจะต้องรับเป็นเจ้าภาพจัดทำเครื่องเซ่นบูชาทั้งหมดอันได้แก่ จัดหาเครื่องเซ่นบูชา เช่น หัวหมู กุ้งพล่าปลายำ ใบศรีปากชาม 1 คู่ และผ้าขาวความยาวเท่ากับวาของผู้นั้น พิธีการบวงสรวงได้กระทำเสร็จสิ้นตั้งแต่เช้าโดยเสี่ยท่านนั้นเป็นผู้จุดธูปบูชา เมื่อหลวงพ่อเข้าทำวัตรในอุโบสถแล้วได้ออกมายังพิธี ถือกล่องตะกรุดติดมือมาด้วยลูกศิษย์ของหลวงพ่อได้ยกแท่นตอกและเครื่องมือมาตั้ง คราวนี้พิธีก็เริ่มขึ้นลูกศิษย์จึงขอเชิญเสี่ยท่านนี้เข้ารับการฝังเป็นท่านแรก เมื่อเสี่ยท่านนี้เดินเข้าไปแล้วถามว่าจะต้องทำอย่างไร ลูกศิษย์บอกว่าให้วางแขนลงเอาท้องแขนท่อนบนพาดบนแท่น แล้วลูกศิษย์จะเอาเหล็กแหลมวางลงแล้วใช้ค้อนตอกให้เหล็กแหลมทะลุท้องแขน เสี่ยท่านนี้ได้ยินลูกศิษย์ชี้แจงดังนั้นท่านเกิดถอดใจและขอสละสิทธ์ โดยขอเฉพาะตะกรุดติดตัวไปบูชาไม่ขอฝังที่แขน หลวงพ่อก็มอบให้ตามความประสงค์ เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นเช่นนี้ผู้เขียนจึงถือโอกาสขอเป็นผู้รับการฝังเป็นคนแรกแทนเสี่ยท่านนั้น การเจาะแขนจึงเริ่มขึ้นลูกศิษย์ผู้ดำเนินการจับแขนผู้เขียนขึ้นพาดบนแท่น ท่านหนึ่งดึงหนังท้องแขนให้ยืดออก อีกท่านหนึ่งจรดเหล็กแหลมลงบนพื้นเนื้อแล้วตอกลงด้วยค้อน เสียงดังปึกเหล็กแหลมทะลุเห็นปลายออกมาอีกด้านหนึ่ง หลวงพ่อท่านยืนอยู่ข้างๆที่ริมฝีปากเม้มตะกรุดอยู่ ท่านเดินเข้ามาแล้วหยิบตะกรุดเพื่อจะสอดเข้าไปที่ปลายเหล็กแหลมนั้น ก่อนจะสอดท่านได้กล่าวกับผู้เขียนว่าไอ้นายมึงนึกเอานะว่าจะเอาอะไรนึกเอาอย่างเดียว ผู้เขียนได้ยินหลวงพ่อกล่าวเช่นนั้นจึงตั้งจิตอธิษฐานทันที ขอให้ลูกได้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน อย่าได้ตกอับแต่ประการใด ขอให้มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีตลอดไป ขณะเดียวกันหลวงพ่อได้เสียบตะกรุดลงที่ปลายเหล็กแหลม ลูกศิษย์ก็ค่อยดึงเหล็กแหลมออกตะกรุดติดเข้าไปในท้องแขนจนสุด หลวงพ่อเอานิ้วกดไว้ลูกศิษย์ดึงเหล็กแหลมออก ต่อมาท่านได้หยิบขวดยาทิงเจอร์ออกมา เอาปากขวดกดไปที่รอยตอกทันที แล้วก็บริกรรมคาถาสวดเป่าลงไปที่ท้องแขนแล้วกล่าวว่า มึงได้ตามที่ขอแล้วไปไป๊เป็นอันเสร็จพิธี คนต่อมาก็เริ่มเข้ารับการฝังตะกรุดจนครบถ้วน เมื่อพิธีเสร็จสิ้นท่านก็ให้โอวาทว่า การฝังตะกรุดครั้งนี้ถึงจะดีอย่างไร ถ้าพวกมึงไม่อยู่ในศีลธรรมความศักดิ์สิทธ์ก็จะไม่เกิดขึ้น ขอให้พวกมึงถือปฏิบัติ 3 ข้อดังนี้
1. อย่ากล่าวคำร้ายด่าแม่ใคร
2. อย่าผิดลูกผิดเมียเขา
3. อย่าลักขโมยเขา
เท่านี้ก็จะเกิดเป็นมงคลต่อชีวิตทันที ผู้เขียนจึงคิดได้ทันทีว่าที่หลวงพ่อกล่าวให้พวกเราปฏิบัตินี้ก็คือศีล 3 ข้อ ของศีล 5 นั่นเอง
ศรัทธาและแรงอธิษฐานนั้นมีจริงอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อผู้เขียนได้ของดีจากหลวงพ่อแล้วด้วยศรัทธา จึงได้ถือปฏิบัติตามคำสอนนั้นอย่างเคร่งครัดได้สวดมนต์ภาวนา ท่านทั้งหลายเชื่อหรือไม่ตลอดชีวิตราชการผู้เขียนได้เจริญเติบโตมาในตำแหน่งหน้าที่ที่ดีมาตลอดมา จนเกษียณอายุราชการ เมื่อเกษียณอายุราชการแล้วยังได้มีหน้าที่การงานในภาคเอกชลต่อมาในตำแหน่งผู้บริหาร รวม 10 ปี คิดทบทวนว่าชีวิตที่ดำเนิน 10 ปีมาในลักษณะเช่นนี้ก็คงจะเป็นคำอธิษฐาน ตอนที่หลวงพ่อบอกให้นึกเอา ผู้เขียนเชื่ออย่างสนิทใจว่าศรัทธาและแรงอธิษฐานมีความศักดิ์ศิษย์ยิ่งนัก และเชื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์ของตะกรุดทองคำที่ฝังท้องแขนเป็นของดีอันดับหนึ่งของหลวงพ่อ
สำหรับเครื่องรางของขลังอันดับต่อมาคือ ตะกรุดลูกสะกด ตะกรุดโทนเนื้อทองแดงมีทั้งขนาดดอกใหญ่และดอกเล็ก ดอกเล็กจะมีทั้งเนื้อทองแดงและเนื้อเงิน รวมทั้งตะกรุดคู่ทองแดงขนาดเล็ก ซึ่งท่านจะแจกให้กับสตรีและเด็กเป็นส่วนใหญ่(ปัจจุบันนับว่าเป็นของหายากมากแล้ว) เป็นตะกรุดเมตตามหานิยม พวกพ่อค้าแม่ค้าสมัยนั้นชอบหากันมากบอกว่าตะกรุดเมตตาคู่นี้ของหลวงพ่อดีนัก ติดตัวทำมาค้าขายดีจริงๆ ส่วนตะกรุดลูกสะกดนั้นท่านจะทำตลอดเวลา แต่ละครั้งไม่มากนักการทำในครั้งแรกลูกสะกดจะมีลักษณะเส้นเหลี่ยมสันตรงกลางลูกสะกดจะไม่ค่อยคมนักตะกรุดที่อยู่ในเส้นคาดเอว ก็มีลักษณะม้วนไม่แน่นนักเพราะท่านม้วนด้วยมือ สอดร้อยด้วยเชือกร่มสีขาว ครั้งระยะหลังต่อมาลูกศิษย์ได้จัดทำลูกสะกดใหม่ ให้ลูกสะกดจะมีเหลี่ยมสับกลางลูกคมชัดเจน ตัวตะกรุดจะม้วนแน่นขึ้นสอดร้อยด้วยเชือกร่มสีเขียว จึงใช้เป็นข้อสังเกตของอายุการสร้างตะกรุดลูกสะกดได้ อย่างไรก็ตามตะกรุดคาดเอวทั้งสองชนิดมิได้มีความยิ่งหย่อนไปจากกันยังเป็นตะกรุดที่หลวงพ่อสร้างกับมือเอง ต่างกันตรงความเรียบร้อยในระยะหลังจะดูเรียบร้อยกว่าตอนแรกเท่านั้น ของขลังอีกอย่างหนึ่งที่เป็นที่ต้องการของลูกศิษย์เป็นอย่างยิ่งก็คือ ก้นยาสูบ โดยเฉพาะทหารจีไอจะชอบและคอยจ้องขอเพื่อติดตัวไปในการบินไปสู่สมรภูมิเวียดนาม ผู้ที่ได้รับไปมักจะปลอดภัยกลับมา จนเป็นที่สนใจของทหารต่างชาติเหล่านั้น รวมทั้งลูกศิษย์ทั้งหลายก็คอยจ้องว่าเมื่อใดหลวงพ่อจะสูบยาตั้ง พอหลวงพ่อดับก้นยาจะมีมือมาคอยรับ ใครยื่นไปถึงก่อนก็จะได้รับไป ดังนั้นก้นยาสูบของหลวงพ่อทุกมวนมิเคยตกลงกระโถนเลย
วัตถุมงคลอีกชิ้นหนึ่งที่หลวงพ่อมีอยู่ในเวลานั้นก็คือ เหรียญที่สร้างในงานฉลองพระประธานที่วัดแจ้งนอกเมื่อปี 2512หรือปัจจุบันเรียกว่าเหรียญรุ่นแรก ที่ทางวัดแจ้งนอกถวายให้หลวงพ่อติดย่ามมา สำหรับเหรียญรุ่นนี้ได้แสดงปาฏิหาริย์จนเป็นที่ฮือฮาในวงการพระเครื่องในยุคนั้นทั้งที่เป็นเหรียญใหม่ จนเกิดการแสวงหากันเป็นอย่างมากตั้งแต่สมัยนั้น ส่วนการเกิดปาฏิหาริย์อย่างไรผู้เขียนจะได้นำเสนอต่อไปถ้ามีโอกาส สำหรับเหรียญรุ่นนี้คุณเชิดศักดิ์จะได้รับจากหลวงพ่อเป็นจำนวนมากพอสมควรทีเดียว เนื่องจากไปครั้งใดคุณเชิดศักดิ์ก็จะขอกับหลวงพ่อทุกครั้ง จึงเป็นอนิสงค์มาถึงผู้เขียนด้วยที่ได้รับแบ่งมาจากคุณเชิดศักดิ์ คุณเชิดศักดิ์มีศรัทธาในหลวงพ่อมากของทุกอย่างของหลวงพ่อถือว่าศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น คุณเชิดศักดิ์ขอแม้รัดประคดที่หลวงพ่อคาดเอวทั้งนี้หลวงพ่อก็ไม่เคยปฏิเสธสักครั้ง เมื่อมึงขอกูก็ให้ไม่ว่าคนรวยคนจน นี่เป็นคำพูดที่หลวงพ่อจะพูดอยู่เสมอ
หลวงพ่อโยนทิ้งเหรียญรุ่นนี้ลงสระเพราะอะไร เรื่องการทิ้งเหรียญลงสระจนหมดของหลวงพ่อ ก็เป็นที่โจทขานและเล่าลือไปต่างๆนานา ตามการสันนิษฐานของลูกศิษย์ เรื่องจริงที่ผู้เขียนจะเรียนให้ทราบนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนได้ประสบพบเห็นด้วยตนเองอย่างแท้จริง มิได้มีใครเล่าให้ฟังตามความจริงก็คือในช่วงเช้าที่คุณเชิดศักดิ์ พร้องทั้งผู้เขียนและครอบครัวได้เดินทางไปนมัสการหลวงพ่อเหมือนทุกครั้งที่มีเวลาว่างวันหยุดพอไปถึงหน้าศาลาที่ติดกับกุฏิของหลวงพ่อก็พบว่าบริเวณบันไดศาลามีบรรดาลูกศิษย์ส่วนมากเท่าที่สังเกตจะเป็นผู้ประกอบการสามล้อในเมือง เมื่อเห็นกลุ่มคณะของผู้เขียนลงรถก็เข้ามาถามว่าจะมาไหว้หลวงพ่อใช่ไหม แล้วบอกกับเราต่อว่าถ้าอยากได้เหรียญของหลวงพ่อเขามีนะ เขาให้เช่าองค์ละ 600 บาทเอาไหม คณะของเรามิได้ตอบ เมื่อเข้าไปถึงกุฏิได้พบหลวงพ่อคุณเชิดศักดิ์ได้ถามหลวงพ่อว่ามีเหรียญของหลวงพ่อขายแล้วหรือที่หน้าศาลา พร้อมกับเล่าเรื่องที่บริเวณหน้าศาลา หลวงพ่อฟังอยู่ด้วยความสงบอยู่พักใหญ่ท่านก็กล่าวว่ามันขอกูก็ให้ แล้วมันเอาไปขายกินเมื่อหมดแล้วมันก็ต้องมาขอกูอีก เมื่อกูมีอยู่กูก็ต้องให้มันอีก แต่ถ้าของมันหมดไปจากกูมันก็จบกันเพราะกูไม่มีจะให้ แล้วเรื่องนี้ก็จบลงโดยหลวงพ่อมิได้พูดอะไรต่อไป
หลังจากนั้นประมาณอาทิตย์ต่อมา คุณเชิดศักดิ์พร้อมทั้งผู้เขียนก็เดินทางไปนมัสการหลวงพ่ออีก ยอมรับว่าตอนนั้นเราติดหลวงพ่อมากได้ไปปฏิบัติรับใช้ท่านได้พบปะญาติโยมในท้องถิ่นที่มานมัสการท่านได้เห็นศรัทธาต่อบุคคลเหล่านั้นที่แสดงต่อหลวงพ่อแล้วสบายใจต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านที่มีความเชื่อต่อศาสนา ประกอบกับในห้วงเวลานั้นหลวงพ่อไม่มีลูกศิษย์ที่ใกล้ชิด ลูกศิษย์จะมีก็เพียงพระนุชที่คอยรับใช้หลวงพ่อและลูกศิษย์ที่อยู่ในวัดอีก 2- 3 คน เพราะหลวงพ่ออยู่ที่วัดสระแก้วในฐานะพระลูกวัด ในช่วงนั้นจึงไม่มีกรรมการวัด เมื่อเราไปถึงในวันนั้นก็ได้ทราบข่าวว่าหลวงพ่อโยนเหรียญในย่ามทิ้งลงสระน้ำข้างกุฏิหลวงพ่อไปหมดแล้ว เมื่อคุณเชิดศักดิ์ทราบดังนั้นจึงถามย้ำหลวงพ่อว่าหลวงพ่อโยนเหรียญทิ้งหมดแล้วจริงหรือ หลวงพ่อตอบสั้นๆ เออกูทิ้งหมดแล้ว คุณเชิดศักดิ์บอกว่าถ้าผมหาของที่หลงเหลืออยู่ผมขอหลวงพ่อนะ หลวงพ่อก็ตอบมาว่า ถ้ามันเหลืออยู่มึงก็เอาไปได้ ว่าแล้วคุณเชิดศักดิ์เริ่มลงมือตรวจหาภายในกุฏิทันที จากการตรวจหากับพบเหรียญที่หลงอยู่ในย่ามบ้าง ที่โต๊ะบูชาใกล้ฐานพระบ้าง ใต้หมอนบ้างที่หลวงพ่อเอามาจารแล้ววางไว้แต่ก็ไม่กี่เหรียญ นับตั้งแต่วันนั้นเหรียญรุ่นหนึ่งที่หลวงพ่อติดย่ามมาก็เป็นอันหมดลง ณ วันนั้น ชัดเจนไหมครับเรื่องราวของการโยนเหรียญลงสระน้ำ นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นโดยผู้เขียนได้มีส่วนรู้เห็นโดยตรง |